[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน => ข้อความที่เริ่มโดย: 時々๛कभी कभी๛ ที่ 06 พฤศจิกายน 2553 09:09:46



หัวข้อ: วันนี้ - พรุ่งนี้ - วันต่อ ๆ ไปชีวิตควรดำเนินต่อไปเช่นไร
เริ่มหัวข้อโดย: 時々๛कभी कभी๛ ที่ 06 พฤศจิกายน 2553 09:09:46
(http://www.taklong.com/landscape/s/126661PC240079.jpg)

http://www.fungdham.com/download/song/allhits/27.mp3


ท่านอาจารย์---->เพราะฉะนั้นพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคฯ ทรงแสดงแม้แต่โลภะ เป็นข้าศึกไกล้

ก็เพื่อประโยชน์ คือ ให้ปฏิบัติ ให้สังเกต ให้พิจารณา เพื่อที่จะละคลายเหตุแห่งทุกข์

ให้ลดน้อยลง เพราะว่าถ้าไม่รู้ ทุกคนก็เข้าใจว่า เมตตา แต่ความจริงเป็น   โลภะ

เพราะฉะนั้นวันหนึ่งก็ต้องเป็นทุกข์เพราะ โลภะ แต่ถ้ารู้ว่า  

โลภะ กับ เมตตา มีลักษณะที่ต่างกัน กุศลจิตก็ย่อมจะจริญขึ้น โดยคลาย

ความติด ความสเน่หา หรือ โลภะ

จนกระทั่งแม้สี่งนั้น จะมีอันเป็นเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ก็ไม่เป็นเหตุให้เกิดทุกข์ขึ้นได้

นั่นคือลักษณะของเมตตาจริง ๆ

ข้อความใน อรรถคถา มีว่า.........................

การเจริญขึ้นของเมตตานั้นเรี่มด้วย    

{กัตตุกัมมะยะตา ฉันทะ}

คือความพอใจที่จะอบรมเจริญ{เมตตา}

นี่เป็นขั้นต้นค่ะเพราะว่าทุกคนทราบว่า อโทส ก็เป็น{โสภณธรรม}เมตตา

ต่อ สัตว์ บุคคล ทั้งหลายก็เป็นธรรมฝ่ายดีแต่ว่าทำอย่างไรจึงจะมีเมตตาเพี่ม

ขึ้นมาก ๆ เพราะว่าถ้ายังโกรธใครอยู่ ก็แสดงว่า ขณะนั้นขาดเมตตาเพราะว่าถ้า

ยังโกรธ ชื่อว่า เมตตา เกิดไม่ได้เป็นสภาพธรรมที่ตรงกันข้ามเพราะฉะนั้นการ

ที่เมตตจะเจริญขึ้นได้ก็ต้องเรี่มด้วย    

{กัตตุกัมมะยะตาฉันทะ}  

ความพอใจที่จะอบรมเจริญเมตตา

เมื่อได้ฟังพระธรรมมามากแล้ว ก็เป็นผู้ที่น้อมประพฤติ ปฏิบัติตามโดยเฉพาะใน

เรื่องของ เมตตา ถ้าอบรมเจริญแล้วก็ไม่ยากเลยที่จะมีความเป็นมิตรกับทุกคน

แล้วก็อภัยให้ในสี่งซึ่งอาจจะขาดตกบกพร่องของบุคคลอื่นแต่ว่าถ้าเป็นผู้ที่

ไม่มี{ฉันทะ}มีความพอใจที่จะอบรมเจริญเมตตาก็อาจจะ ขัดหู ขัดตาหรือว่า...........................  

ขุ่นเคือง ไม่พอใจใน สัตว์ บุคคล ทั้งหลายได้

ชีวิตเป็นกระแสจิต

เกิดดับสืบต่อกันทีละขณะ{จิต}เรื่อยไป

ตั้งแต่เกิดจนตาย

จากชาติหนึ่งไปสู่อีกชาติหนึ่ง

กิเลสทุกชนิดเกิดขึ้นเพราะ

ได้สะสมมาแล้วในอดีต

เมื่อปัญญายังไม่เจริญถึงขั้นดับกิเลส

กิเลสก็เกิดอีก ๆ ต่อไปในอนาคต

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสกับพระภิกษุทั้งหลายว่า.........................

ดูก่อนภิกษุทั้งหลายรอยนิ้วมือหรือรอยหัวแม่มือของช่างไม้หรือลูกมือของ

ช่างไม้ย่อมปรากฏที่ด้ามมีดให้เห็นแต่ว่าช่างไม้หรือลูกมือของช่างไม้นั้นหารู้ไม่ว่า

วันนี้ด้ามมีดของเราสึกไปเท่านี้ - วานนี้สึกไปเท่านี้ วานซืนนี้สึกไปเท่านี้ มีความรู้

แต่เพียงว่าด้ามมีดนั้นสึก ๆ แม้ฉันใด ดูก่อนภิกษุทั้งหลายภิกษุประกอบเนือง ๆ

ซึ่งภาวนานุโยค{การประกอบเนือง ๆ ซึ่งการอบรมเจริญปัญญา}อยู่ก็ฉันนั้นเหมือน

กันถึงแม้จะไม่มีความรู้อย่างนี้ว่าวันนี้ อาสวะ กิเลสที่หมักดองไหลไป ทั้งหลาย

ของเราสิ้นไปเท่านี้ วานนี้สิ้นไปเท่านี้ วานซืนนี้สิ้นไปเท่านี้ก็จริง แต่เธอก็รู้ว่าสิ้น

ไปแล้ว ๆ

ข้อความบางตอนจาก พระสุตตันตปิฏก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค นาวาสูตร

พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงตรัสรู้และทรงแสดงนั้นมีความละเอียดลึกซึ้ง

ยากที่จะตรัสรู้ตามได้เป็นธรรมอันบัณฑิตเท่านั้นที่จะรู้ได้{ธรรม}จึงไม่ใช่เรื่องง่าย

เพราะกว่าที่พระผู้มีพระภาคเจ้าจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้านั้นพระองค์ต้องใช้เวลา

อันยาวนานในการบำเพ็ญพระบารมีตลอดระยะเวลาสี่อสงไขยแสนกัปป์และเมื่อ

พระองค์ทรงตรัสรู้แล้วตลอดระยะเวลา ๔๕ พรรษาในการประกาศพระศาสนาของ

พระองค์นั้นก็เพื่ออนุเคราะห์สัตว์โลกได้เข้าใจความจริง หลุดพ้นจากทุกข์   หมดจด

จากกิเลสโดยประการทั้งปวงตามพระองค์ซึ่งจะเห็นได้ว่าจากการแสดงพระธรรม

ของพระองค์ในแต่ละครั้ง ๆ นั้นมีผู้ที่ได้ประโยชน์จากพระธรรม รู้แจ้งอริยสัจจธรรม

บรรลุถึงความเป็นพระอริยบุคคลขั้นต่าง ๆ เป็นจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนและพระ

อริยบุคคลทั้งหลายเหล่านั้นกว่าที่ท่านจะถึงวันดังกล่าวนั้นได้ ท่านก็ต้องเป็นผู้ได้

สะสมการสดับตรับฟังพระธรรม - สะสมปัญญามาเป็นเวลาอันยาวนานด้วยกันทั้งนั้น

จึงเป็นเครื่องเตือนใจที่ดี สำหรับผู้ที่มีโอกาสได้ฟังได้ศึกษาพระธรรมโดยเป็นผู้

เห็นประโยชน์ของพระธรรมว่า ไม่ควรที่จะท้อถอยยิ่งยากก็ยิ่งจะต้องศึกษาเพราะ

ปัญญาไม่สามารถจะเจริญขึ้นได้ภายในระยะเวลาอันสั้นต้องค่อย ๆ ฟังค่อย ๆ ศึกษา

ไปตามลำดับเพียงแค่วันนี้ พรุ่งนี้ หรือชาตินี้  ยังไม่พอต้องสะสมความเข้าใจต่อ

ไปอีกเป็นเวลาอันยาวนาน จิรกาลภาวนา ซึ่งมีข้ออุปมาเหมือนการจับด้ามมีดเมื่อจับ

บ่อย ๆ นาน ๆ รอยสึกย่อมปรากฏได้ปัญญาก็เช่นกันต้องอาศัยกาลเวลาอันยาวนาน

ในการสะสมในการอบรม จึงจะเจริญขึ้นได้ เพราะฉะนั้นในแต่ละภพในแต่ละชาติ

มีชีวิตอยู่ก็เพื่อได้ฟังพระธรรมได้สะสมอบรมเจริญปัญญาเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูก

ยิ่งขึ้นเพราะเหตุว่าการรู้แจ้งอริยสัจจธรรม เป็นเรื่องที่ไกลมากซึ่งกว่าจะถึงวันนั้นได้

ก็ต้องมีวันนี้ คือ ไม่ขาดการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม สะสมปัญญาต่อไป


ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น


พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค เล่ม ๒๗ - หน้าที่ ๓๔๙ -๓๕๐


.....................ข้อธรรมบรรยายโดยท่านอาจารย์ สุจินต์ บริหารวนเขตต์..................


มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา

สำนักงานเลขที่ 174/1 ซอย เจริญนคร 78

ดาวคะนอง ธนบุรี

กรุงเทพมหานคร 10600 โทร 02 - 4680239




หัวข้อ: Re: วันนี้ - พรุ่งนี้ - วันต่อ ๆ ไปชีวิตควรดำเนินต่อไปเช่นไร
เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 06 พฤศจิกายน 2553 18:17:58
ขอบคุณครับ