หัวข้อ: "พระคติธรรม" สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 05 พฤศจิกายน 2558 16:07:58 (http://www.sookjaipic.com/images_upload/72947427713208__3626_3617_3648_3604_3655_3592.gif) สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก บทพระนิพนธ์ พระคติธรรม สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๑๙ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ---------- * ----------
(http://www.sookjaipic.com/images_upload/31573522049519__3610_1.gif)
(http://www.sookjaipic.com/images_upload/51636450241009_db.gif)
(http://www.sookjaipic.com/images_upload/93340822392039_fv.gif)
(http://www.sookjaipic.com/images_upload/76250617288880_a1.gif)
(http://www.sookjaipic.com/images_upload/48764018673035__3604_3629_3585_3652_3617_3657.gif)
(http://www.sookjaipic.com/images_upload/48764018673035__3604_3629_3585_3652_3617_3657.gif) อันความรัก หรือที่รัก เมื่อผู้ใดมีร้อยหนึ่ง ผู้นั้นก็มีทุกข์ร้อยหนึ่ง รักเก้าสิบ แปดสิบ เจ็ดสิบ หกสิบ ห้าสิบ เป็นต้น จำนวนทุกข์ก็มีเท่านั้น ถึงแม้มีรักเพียงอย่างหนึ่งก็มีทุกข์อย่างหนึ่ง ต่อเมื่อไม่มีรักจึงจะไม่มีทุกข์ ผู้หมดรักหมดทุกข์นั้น พระพุทธเจ้าตรัสเรียกว่า "เป็นผู้ไม่มีโศก ไม่มีธุลีใจ ไม่มีคับแค้น". ---------- * ---------- การพลาดพลั้งทำกรรมไม่ดีนำไปสู่ทุคติ เมื่อมาเกิดเป็นมนุษย์ในภพชาตินี้ และสามารถมีญาณหยั่งรู้ภพชาติในอดีต ของตนที่เป็นสัตว์ เช่น ท่านพระอาจารย์องค์สำคัญที่ท่านเล่าไว้ว่าเคยเกิดเป็นไก่ ย่อมรู้ชัดถึงความแตกต่างระหว่างความเป็นคนกับเป็นสัตว์ ย่อมได้ความสลดสังเวช และความหวาดกลัวความต้องเวียนว่ายตายเกิดเป็นที่สุด เพราะได้รู้ชัดด้วยตนเองแล้วว่า การพลาดพลั้งทำกรรมไม่ดี ไม่ว่าจะทางกายหรือทางใจคือการนำไปสู่ทุคติต่างๆ อันไม่เป็นที่พึงปรารถอย่างยิ่ง อันจักก่อให้เกิดความทุกข์ร้อนนานาประการ. ---------- * ---------- "คนที่ถือกำเนิดเป็นคนนั้น ยังไม่จัดเป็นคนโดยสมบูรณ์ เพราะเหตุเพียงเกิดมามีรูปร่างเป็นคน ต่อเมื่อมีการปฏิบัติประกอบด้วยความรู้สึกผิดชอบชั่วดีสมกับความเป็นคน จึงเรียกว่าเป็นคนโดยธรรม เมื่อมีธรรมของคนสมบูรณ์ แม้คำในหิโตประเทศ ก็กล่าวว่า การกิน การนอน ความกลัว และการสืบพันธุ์ของคนและดิรัจฉานเสมอกัน แต่ธรรมของคน และดิรัจฉานเหล่านั้นแปลกกว่ากัน เว้นจากธรรมเสีย คนก็เสมอกับดิรัจฉาน...". ---------- * ---------- ศรัทธาความเชื่อของคนนั้น ถ้าเชื่อผิดก็เท่ากับก้าวไปในทางผิดครึ่งทางแล้ว ถ้าเชื่อถูกก็เท่ากับก้าวไปในทางถูกครึ่งทางแล้ว เช่นเดียวกัน ฉะนั้น พระพุทธศาสนาจึงได้สอนย้ำให้เชื่อกรรม หมายถึงความดีความชั่ว ว่ามีผลที่ผู้ทำจะต้องเป็นผู้รับ เมื่อเชื่อดังนี้แล้ว ก็จะไม่ก้าวไปในทางชั่วหรือในทางอันตรายแน่ (http://www.sookjaipic.com/images_upload/48764018673035__3604_3629_3585_3652_3617_3657.gif) หัวข้อ: Re: "พระคติธรรม" สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 06 ธันวาคม 2559 16:52:15 (http://www.sookjaipic.com/images_upload/76870330505900__3619_6.gif) ผลของกรรมดีและกรรมชั่ว มีคุณและโทษในตัว ผลของกรรมดีและผลของกรรมชั่ว มีทั้งคุณและมีทั้งโทษอยู่ในตัว คุณหรือโทษจะปรากฏตามการวางใจรับผลนั้น ผลของกรรมดีที่เกิด แก่ผู้ใดก็ตาม แม้ผู้นั้นวางใจรับไม่ถูก ไม่ประกอบด้วยปัญญา ผลดีก็จะไม่สมบูรณ์ ทั้งผลร้ายก็จะต้องตามมา. พระคติธรรม สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๑๙ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ---------- * ---------- หัวข้อ: Re: "พระคติธรรม" สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 09 มกราคม 2560 18:38:14 (http://www.sookjaipic.com/images_upload/36861260318093_13725046_1049268895121265_2241.jpg) (http://www.sookjaipic.com/images_upload/44245981838967_13697150_1049268911787930_6922.jpg) ภาพจาก : งานประเพณีตักบาตรดอกเข้าพรรษา วัดพระพุทธบาท อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี (ปี พ.ศ.๒๕๕๙)
(http://www.sookjaipic.com/images_upload/92020710599091__MG_6360.JPG) ท่านพระอาจารย์สำคัญองค์หนึ่ง ท่านปรารถนาพุทธภูมิ คือ ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า ครั้นมาระลึกชาติได้ว่าเคยเกิดเป็นไก่หลายร้อยหลายพันชาติ ก่อนที่จะได้มาเป็นมนุษย์ในชาตินี้ ท่านก็เปลี่ยนความปรารถนาที่จะเป็นพระพุทธะ มาเป็นพระผู้ไกลจากกิเลส ไม่ต้องเวียนว่าย ตายเกิดต่อไป เพราะท่านสลดสังเวชชีวิตที่ผ่านมาแล้วมากมาย และหวาดเกรงชีวิตที่จะต้องพบ อีกต่อไปนับภพนับชาติไม่ถ้วน กว่าจะถึงจุดปรารถนาคือพุทธภูมิ.... ด้วยความพากเพียรพยายามสุดสติปัญญาความสามารถที่จะตัดภพชาติอนาคตให้หมดสิ้นโดยเร็ว ในที่สุดก็เชื่อกันว่าท่านพระอาจารย์สำคัญองค์นั้นท่านก็สำเร็จประสงค์ถึงความพ้นทุกข์อย่างสิ้นเชิงในภพภูมิปัจจุบัน พระคติธรรม สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๑๙ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ (http://www.sookjaipic.com/images_upload/39709856609503_10.jpg) ภาพจากวัดแม่นางปลื้ม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พระพุทธเจ้าได้ตรัสเตือนให้เกิดสติขึ้นว่า...ความทุกข์นี้มีเพราะความรัก มีมากก็เป็นทุกข์มาก มีรักน้อยก็เป็นทุกข์น้อย จนถึงไม่มีรักเลย จึงไม่ต้องเป็นทุกข์เลย แต่ตามวิสัยโลกจะต้องมีความรัก มีบุคคลและสิ่งที่รัก ในเรื่องนี้พระพุทธเจ้าได้ตรัสสอนให้มีสติ ควบคุมใจมิให้ความรักมีอำนาจเหนือสติ แต่ให้สติมีอำนาจควบคุมความรักให้ดำเนินในทางที่ถูก และให้มีความรู้เท่าทันว่าจะต้องพลัดพรากสักวันหนึ่งอย่างแน่นอน เมื่อถึงคราวเช่นนั้น จักได้ระงับใจลงได้ พระคติธรรม สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๑๙ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/93848507023519_DSC01661.jpg) สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงกระทำยุทธหัตถีต่อพระมหาอุปราชา จิตรกรรมพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดพิษณุโลก ปัญญาเป็นรัตนะของนรชน นี้เป็นพระพุทธภาษิต เพราะนรชนคือคนเรา รัตนะคือปัญญาติดตัวมาตั้งแต่เกิด เป็นพิเศษกว่าสัตว์ร่วมโลกทั้งหลาย จึงได้ชื่อว่าเป็นมนุษย์ และสามารถอบรมปัญญาให้มากขึ้นได้ด้วย ฉะนั้น คนเราจึงมีความฉลาด สามารถเปลี่ยนภาวะจากความเป็นคนป่ามาเป็นคนเมือง มีความเจริญ ด้วยอารยธรรม วัฒนธรรม มีบ้านเมือง มีระเบียบ การปกครอง มีศาสนา มีเครื่องบำรุงความสุข ทางกายทางใจต่างๆ สิ่งทั้งปวงเหล่านี้สัตว์เดรัจฉานทั้งหลายหามีไม่ ทั้งนี้ด้วยอำนาจของปัญญานี้เอง พระคติธรรม สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๑๙ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/70502416210042_18664551_216207022228319_10622.jpg) ภาพจาก : วัดมเหยงคณ์ ต.หันตรา อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา (การอุปสมบทหมู่) ผู้มีบุญ คือ ผู้ที่ทำบุญทำกุศลทำคุณงามความดีไว้มากในอดีตชาติ อันความเกิดขึ้นของผู้มีบุญนั้น ย่อมเกิดขึ้นพร้อมบุญห้อมล้อมรักษา แม้ชนกกรรมนำให้เกิด จะนำให้เกิดลำบาก เมื่อบุญที่ทำไว้มากกว่ากรรมไม่ดีที่นำให้ลำบาก ก็จะต้องถูกตัดรอน ด้วยอำนาจของกุศลกรรม คือบุญอันยิ่งใหญ่กว่า คือเกิดมามารดาบิดายากจน มือแห่งบุญ ก็จะต้องเอื้อมมาโอบอุ้มให้พ้นจากความลำบากยากจน ให้มั่งมีศรีสุขควรแก่บุญที่ได้ทำไว้ พระคติธรรม สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๑๙ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ หัวข้อ: Re: "พระคติธรรม" สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 10 มิถุนายน 2560 17:20:35 (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/14020128548145__MG_6092.jpg) ภาพจาก : สมเด็จนางพญาเรือนแก้ว วัดนางพญา อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก
พระพุทธศาสนสุภาษิตบทนี้แปลความว่า "ขันติเป็นประธาน เป็นเหตุ แห่งคุณคือศีลและสมาธิ กุศทั้งปวงย่อมเจริญ เพราะขันติเท่านั้น" ขันติเป็นธรรมเครื่องทำให้งาม คู่กับโสรัจจะ ซึ่งเป็นธรรมเครื่องทำให้งามเช่นกัน ขันติเป็นความอดทน โสรัจจะเป็นความเสงี่ยม ผู้มีขันติความอดทนและมีโสรัจจะความเสงี่ยม นั้นเป็นผู้งาม พระมงคลวิเสสกถา ในสมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๑๙ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ในพระบรมมหาราชวัง วันเสาร์ที่ ๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๐ (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/67905740191539_DSC_0066.jpg) "อย่าแสดงตนว่ารู้ดี หรืออวดรู้ คนอื่นเขาจะหมั่นไส้เอา" กล่าวคือ แม้บางเรื่องจะเป็นเรื่องจริงที่รู้อยู่ แต่ก็หาควรที่จะพูดกับทุกคนไม่ บางเรื่องหากไม่ถูกด้วย 'กาละ' คือ เวลา และ 'เทศะ' คือสถานที่แล้ว ก็ไม่ควรพูด คติธรรม สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๑๙ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/92578123013178__MG_9988.JPG) จิตรกรรมฝาผนังพระวิหารพระพุทธชินราช วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดพิษณุโลก "การได้เกิดเป็นมนุษย์พบพระพุทธศาสนานั้น เป็นมงคลสูงสุดของชีวิต ผู้มีสัมมาทิฐิจึงตั้งจิตปรารถนาอย่างจริงจัง" คติธรรม สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๑๙ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ 450-22 หัวข้อ: Re: "พระคติธรรม" สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 25 เมษายน 2561 15:38:56 (http://www.sookjaipic.com/images_upload/88460531665219__3610_2.gif) สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก บทพระนิพนธ์ พระคติธรรม สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๑๙ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ---------- * ----------
(http://www.sookjaipic.com/images_upload/51636450241009_db.gif) อย่าเป็นผู้ปฏิเสธในเรื่องของกรรม
คติธรรม สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๑๙ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ (http://www.sookjaipic.com/images_upload/51636450241009_db.gif) อำนาจแห่งกรรมของตนเอง
คติธรรม สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๑๙ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ (http://www.sookjaipic.com/images_upload/51636450241009_db.gif) ผลแห่งกรรม ย่อมตรงต่อเหตุที่กระทำไว้
(http://www.sookjaipic.com/images_upload/51636450241009_db.gif) ใจจักร้อนรุ่ม ถ้าไม่เข้าใจเรื่องกรรมและผลกรรม
(http://www.sookjaipic.com/images_upload/51636450241009_db.gif) ความคิดเป็นเหตุแห่งสุขและทุกข์
คติธรรม สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๑๙ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ หัวข้อ: Re: "พระคติธรรม" สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 01 พฤษภาคม 2562 18:08:49 (http://www.sookjaipic.com/images_upload/33304050192236_IMG_3377.jpg) พระพุทธชินราช วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดพิษณุโลก การระวังใจ สำคัญยิ่งนัก
คติธรรม สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๑๙ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ หัวข้อ: Re: "พระคติธรรม" สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2563 19:41:22 (http://www.sookjaipic.com/images_upload/72947427713208__3626_3617_3648_3604_3655_3592.gif) ทุกชีวิตล้วนผ่านภพชาติในอดีตมาแล้ว
คติธรรม สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๑๙ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ หัวข้อ: Re: "พระคติธรรม" สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2563 19:21:22 (http://www.sookjaipic.com/images_upload/72947427713208__3626_3617_3648_3604_3655_3592.gif) ชีวิตในอดีตชาติ อาจทำให้ละกิเลสได้เป็นอันมาก
หัวข้อ: Re: "พระคติธรรม" สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 19 เมษายน 2563 19:06:20 (http://www.sookjaipic.com/images_upload/72947427713208__3626_3617_3648_3604_3655_3592.gif)
เกิดเป็นคน เร่งรักษาจิตให้จงดี
(สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก) (https://encrypted-tbn0.gstatic.com/images?q=tbn%3AANd9GcTfdvulQ4-joxrWZC_wXTAJiD1XQWtXsW_i3w6rcstaAsKeIg4b&usqp=CAU) หัวข้อ: Re: "พระคติธรรม" สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 18 กันยายน 2563 17:16:31 (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/63439677531520_117341040_2998279826949787_237.jpg)
พระคติธรรม สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก หัวข้อ: Re: "พระคติธรรม" สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 10 ตุลาคม 2563 18:52:30 (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/11284161979953_120948120_3986291311395402_201.jpg)
พระคติธรรม สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร (สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก) หัวข้อ: Re: "พระคติธรรม" สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 22 ตุลาคม 2563 16:14:53 (https://encrypted-tbn0.gstatic.com/images?q=tbn%3AANd9GcTfdvulQ4-joxrWZC_wXTAJiD1XQWtXsW_i3w6rcstaAsKeIg4b&usqp=CAU) โทษของการยึดมั่นกับอดีต ความคิดผูกพันกับอดีตเป็นทุกข์ได้อย่างยิ่ง เป็นทุกข์ได้ยืดเยื้อ ตัวอย่างง่ายๆ ก็เช่นเมื่อได้รับฟังเสียงหรือได้เห็นภาพที่ไม่ถูกหูถูกตา เสียงนั้นภาพนั้นจะผ่านหูผ่านตาไปในทันที เป็นอดีตไปในทันที แต่ความไม่พอใจหรือความโกรธจะไม่ผ่านไปในทันที ด้วยเสียงขาดหายไปแล้ว แต่ใจก็ยังปรุงคิดถึงเสียงนั้นอยู่ ภาพลับตาไปแล้วแต่ใจก็ยังปรุงคิดถึงภาพนั้นอยู่ ความไม่ชอบใจหรือความโกรธที่เกิดพร้อมกับเสียงกับภาพจึงไม่ดับไปพร้อมกับเสียงกับภาพ แต่จะยืดเยื้ออยู่พร้อมกับความคิดยึดมั่นในอดีต พิจารณาเหตุผลตามความถูกต้องเป็นจริง ก็ย่อมจะประจักษ์ว่าความไม่ชอบใจหรือความโกรธที่มีอยู่นั้นไม่ใช่เพราะเสียงของใครภาพอะไร แต่เป็นเสียงที่ตนเองคิดผูกพันไว้ และเป็นภาพที่ตนเองคิดผูกพันไว้ ความคิดของตนเองจึงเป็นผู้นำทุกข์มาใส่ตนเอง ไม่ใช่ทุกข์เกิดจากอะไรอื่น อย่างน้อยที่สุดควรจะให้ความความทุกข์เกิดดับไปพร้อมกับรูปเสียงจึงจะถูก ได้ยินเสียงไม่ชอบใจถ้าจะเกิดความไม่ชอบใจ ในขณะได้ยินเสียงนั้น ห้ามไม่ได้จริง ก็ช่างเถิด แต่เมื่อเสียงนั้นดับแล้ว ผ่านพ้นไปแล้ว ต้องให้ความไม่ชอบใจดับไปด้วย ผ่านพ้นไปด้วย จึงจะถูก จึงสามารถช่วยตนเองให้มีความสบายใจได้ ถ้าไม่ชอบใจอยู่นานๆ โกรธอยู่นานๆ แล้วก็โทษคนนั้น คนนี้ โทษสิ่งนั้นสิ่งนี้ ว่าเป็นต้นเหตุให้ต้องโกรธเช่นนี้ผิด ต้องโทษตัวเอง โทษความคิดของตัวเอง และต้องพยายามคิดให้เห็นว่า นั่นเป็นโทษของการยึดมั่นผูกพันกับอดีต ยึดมั่นอยู่นานเพียงไร ก็จะได้รับทุกข์อยู่นานเพียงนั้น ปล่อยความยึดมั่นได้เร็วเพียงไรก็จะพ้นจากความทุกข์เร็วเพียงนั้น อย่าโทษผู้อื่นสิ่งอื่นไม่ว่าจะเกี่ยวกับความทุกข์ใดทั้งสิ้น ให้พยายามโทษตนเอง และแก้ไขที่ตนเองไม่เช่นนั้นความทุกข์จะไม่สิ้นสุดหยุดลงได้เลย มีแต่จะเพิ่มขึ้น ลองคิดง่ายๆ เมื่อโทษ ว่าคนนั้นคนนี้เป็นเหตุให้เราเป็นทุกข์ความโกรธก็จะเพิ่มขึ้น จะคุกรุ่นอยู่ นั่นคือความทุกข์ เพราะจะทำให้ไม่สบายใจ ก็เมื่อมีความร้อนด้วยความโกรธ จะสบายได้อย่างไร ที่จริงใครๆ ไม่อยากจะได้ชื่อว่าเป็นผู้ผิด จึงไม่มีใครที่จะยอมง่ายๆ ว่าตนเป็นผู้ผิด มักจะโทษผู้อื่นเสียทั้งนั้น นี้แหละเป็นการให้โทษแก่ตนเองอย่างยิ่ง เป็นการให้โทษแก่ตนเองโดยตรง เรียกว่าเป็นศัตรูของตนเอง ทั้งยั้งเป็นศัตรูที่ร้ายแรงที่สุด ที่มีโอกาสจะดำรงความเป็นศัตรูอยู่ได้อย่างไม่ได้รับการปราบปราม หรือต่อต้าน เชื่อพระพุทธเจ้า และโทษตนเอง แก้ที่ตนเอง อย่าโทษผู้อื่น อย่าแก้ผู้อื่น และการแก้ที่ตนเองก็คือการแก้ที่ใจ แก้ที่ความคิดในใจนี้แหละ ไม่ต้องไปแก้ที่ไหนให้มากที่มากแห่งไป ที่ซึ่งจะต้องแก้มีอยู่แห่งเดียว หาพบได้ง่าย ไม่ต้องเที่ยวค้นหาที่ไหนๆ ให้ยุ่งยาก ดูใจตนเองนี้แหละ ดูความคิดของตนเองนี้แหละ จะเห็นผิดเห็นถูกที่ใจตนเองหรือที่ความคิดของตนเองนี้อย่างแน่นอน และถ้าต้องการความสุขจริงๆ แล้ว ก็พยายามแก้ไขขัดเกลาใจตนเอง ที่ความคิดของตนเองนี้แหละอย่าได้ว่างเว้น จะนั่งนอนหรือเดินก็ทำได้ แก้ได้ ไม่ใช่ว่าจะต้องหาเวลาหาโอกาสหาสถานที่ ว่าเมื่อนั้นเมื่อนี้ ที่นั่นที่นี่ จึงจะทำได้ ทุกโอกาสทุกสถานที่ เหมาะสมกับการแก้ทุกข์ด้วยการแก้ใจ แก้ความคิดของตนเองทั้งสิ้น • พระคติธรรม สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก • (สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก) (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/81937064768539__640x480_.jpg) หัวข้อ: Re: "พระคติธรรม" สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 17 พฤศจิกายน 2563 16:06:15 (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/64295527173413_125260951_4092871104070755_233.jpg)
พระคติธรรม สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร ที่มา "๑๐๐ พระชันษา สมเด็จพระสังฆราช" (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/57368611544370_124352184_4084671018224097_556.jpg) หัวข้อ: Re: "พระคติธรรม" สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 01 ธันวาคม 2563 19:29:00 (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/91318669625454__0004_Copy_.jpg) เมตตากับศีลเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเสมอ ยากจะแยกจากกันได้ ผู้มีศีลก็คือผู้มีเมตตา ผู้มีเมตตาย่อมเป็นผู้มีศีล พระคติธรรม สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ภาพจาก วัดผาซ่อนแก้ว จังหวัดเพชรบูรณ์ หัวข้อ: Re: "พระคติธรรม" สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 18 มกราคม 2564 20:28:29 (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/68284417150749_121395393_902321873628316_6312.jpg)
พระคติธรรม สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก หัวข้อ: Re: "พระคติธรรม" สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 26 มกราคม 2564 20:42:50 (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/14623246093590_139461517_4261005193924011_599.jpg) สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ได้เสด็จมาทรงปฏิบัติพระกรรมฐานกับ “หลวงปู่ขาว อนาลโย” ณ วัดถ้ำกลองเพล ต.โนนทัน อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู เมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๒๑
(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/84092455895410_139558385_4261001473924383_664.jpg) สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก ได้เสด็จมาทรงกราบนมัสการ พระราชนิโรธรังสีคัมภีรปัญญาวิศิษฏ์ (หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี) เมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๓๓ ณ วัดหินหมากเป้ง ต.พระพุทธบาท อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย
(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/64385610322157_139403731_4261029097254954_611.jpg) สมเด็จฯ ทรงถวายน้ำสรง หลวงปู่ดูลย์ อตุโล วัดบูรพาราม จังหวัดสุรินทร์ “...โอกาสให้ทำความดี มีเปิดเสมอสำหรับทุกคน และก็มีปิดได้เช่นเดียวกัน จึงไม่พึงปล่อยให้โอกาสที่เปิดแล้วสำหรับทำความดีผ่านพ้นไป... ” พระคติธรรม สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร (สมเด็จพระญาญสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก) ๑๐๐ พระชันษาสมเด็จฯ หัวข้อ: Re: "พระคติธรรม" สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 31 มกราคม 2564 19:02:36 (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/47612331517868_139709279_4261030053921525_354.jpg)
พระคติธรรม สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร (สมเด็จพระญาญสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก) หัวข้อ: Re: "พระคติธรรม" สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2564 19:54:29 (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/68881394300195_152505694_4366088120082384_211.jpg)
(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/62787216115328__640x480_.jpg)
และ ตรัสถึงผลว่า “ผู้ที่มีสติครองตน จักอยู่เป็นสุข” (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/62787216115328__640x480_.jpg) การให้ทานนั้นก็แสดงว่าเป็นการชนะใจ คือชนะความโลภ ความตระหนี่ ให้ทานออกไปคราวหนึ่ง ก็ชำระล้างความโลภความตระหนี่ในสิ่งที่ให้นั้นได้คราวหนึ่ง (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/62787216115328__640x480_.jpg)
(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/62787216115328__640x480_.jpg) พระคติธรรม สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร (สมเด็จพระญาญสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก) พระคติธรรม สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร หัวข้อ: Re: "พระคติธรรม" สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 04 เมษายน 2564 09:18:08 (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/47612331517868_139709279_4261030053921525_354.jpg)
พระคติธรรม สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร (สมเด็จพระญาญสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก) พระคติธรรม สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร หัวข้อ: Re: "พระคติธรรม" สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 03 พฤษภาคม 2564 19:46:16 (https://encrypted-tbn0.gstatic.com/images?q=tbn%3AANd9GcTfdvulQ4-joxrWZC_wXTAJiD1XQWtXsW_i3w6rcstaAsKeIg4b&usqp=CAU)
"มีผู้เล่าให้ฟังด้วยความมั่นใจในอำนาจสิ่งลี้ลับที่ทำหน้าที่พิทักษ์รักษาสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงศักดิ์ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกว่า ๑๐ ปีมาแล้ว รู้เห็นกันกว้างขวางพอสมควร เรื่องมีว่าสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่ง เป็นที่ประดิษฐานรูปหล่อพรหมเทพ ที่มุ่งหมายให้เป็นรูปเทพสำคัญองค์หนึ่ง คือ ท่านท้าววิรุฬหกมหาราช จตุโลกบาลทิศใต้ ซึ่งมีประเทศไทยรวมอยู่ในทิศใต้ของโลกด้วย จึงเชื่อกันว่าท่านท้าววิรุฬหกมหาราชมีหน้าที่ดูแลรักษาประเทศไทย หมายรวมถึงคนไทยด้วย วันหนึ่งมีผู้ถวายผ้าสีแดงสวยงามมากห่มอยู่ และต่อมาเพียงวันเดียวผ้าสีแดงนั้นก็หายไป โดยไม่มีผู้รู้ว่าหายไปไหนได้อย่างไร มีสุภาพสตรีสองคนอยู่ในข่ายเพ่งเล็งว่าเป็นผู้ถอดผ้าสีแดงผืนนั้นออกจากองค์ท่านท้าวจตุโลกบาลวิรุฬหกมาหาราช แต่ทั้งสองปฏิเสธ ไม่รับรู้เรื่องนี้ ผู้หนึ่งไม่ตอบโต้แก้ตัว เพียงแต่ฟังเฉยๆ ซึ่งก็เท่ากับไม่รับรู้ ส่วนอีกผู้หนึ่งเมื่อถูกถามก็ยืนกรานแต่เพียงว่า ฉันไม่รู้ ฉันไม่รู้ เวลาผ่านไปไม่ถึงเดือน ผู้ที่ปฏิเสธด้วยการเงียบ ให้เข้าใจกันเองว่าตนไม่ได้เป็นผู้นำผ้าห่มไปจากรูปท่านท้าวจตุโลกบาล เธอผู้นั้นเกิดอาการน่าแปลกขึ้น คือ มือข้างหนึ่งมีอาการเหยียดนิ้วทั้งห้าไม่ได้เช่นปกติ หมอนวดหมอจับเส้นจับกระดูกที่ว่าเก่งมาก และรู้จักกันดีกับเธอได้ช่วยตามความสามารถ แต่หมอก็สารภาพตรงๆ ว่าไม่เคยพบเช่นนี้มาก่อนทำอย่างไรก็ไม่ดีขึ้น ทั้งยังข้ามจากมือข้างหนึ่งที่กำลังรักษาอยู่ ไปเกิดขึ้นที่อีกข้างหนึ่งแล้ว กลายเป็นทั้งสองมือ นิ้วทั้งหมดหงิกงอหยิบจับอะไรไม่ได้ ต้องป้อนข้าวป้อนน้ำกัน โดยที่ไม่มีอาการเจ็บไข้ได้ป่วยขนาดล้มหมอนนอนเสื่อ แต่มือก็ทำงานไม่ได้ เลยไปถึงปากก็อ้ายาก ยืนก็ค่อนข้างลำบาก รวมไปถึงเดินก็ไม่สะดวก เพราะการทรงตัวไม่เป็นปกติเหมือนเคย เมื่ออาการของคนหนึ่งเป็นเช่นนี้ อีกหนึ่งที่เป็นผู้ร่วมต้องสงสัยก็เอ่ยปากสารภาพ ว่าผู้ที่มือหงิกมืองอ กินยาก เดินยาก ยืนยาก เป็นผู้ที่ใช้ไม้สอยผ้าแดงห่มรูปหล่อท่านท้าววิรุฬหกมหาราช และโยนทิ้งลงไปในอ่างเก็บน้ำบริเวณใกล้เคียง ตนเองไม่ได้ร่วมมือด้วย เพียงแต่ดูอยู่เท่านั้น และเป็นที่ควรอัศจรรย์อย่างยิ่ง เมื่อได้สารภาพทั้งที่ก่อนหน้านั้นปฏิเสธยืนกรานแต่ว่าฉันไม่รู้ ฉันไม่รู้ จนไม่มีผู้ใดรู้ความจริงว่าผ้าห่มรูปหล่อเทวดานั้นหายไปไหน ครั้นเห็นเพื่อนมือหงิกมืองอ ปากเบี้ยวรับอาหารได้ค่อนข้างยาก คงจะตกใจมาก คงจะแน่ใจว่าผู้ที่ดึงผ้าห่มท่านท้าววิรุฬหกมหาราชกำลังรับกรรมที่ได้ทำไว้แล้ว มือเป็นส่วนที่ใช้สอยผ้าห่มเทวรูป ผลกรรมจึงปรากฏที่มือให้เห็นชัดเจน เพื่อนหญิงที่เห็นเหตุการณ์ตลอดเวลา แต่ช่วยปกป้องให้พ้นผิด โดยกล่าวว่าฉันไม่รู้ ฉันไม่รู้ จนกระทั่งเมื่อตกใจเห็นชัดในผลแห่งการกระทำของเพื่อน จึงรับสารภาพว่าเพื่อนหญิงคนนั้นเป็นผู้ล่วงล้ำก้ำเกินเทวรูปท่านท้าวจตุโลกบาล แต่ก็สายเกินไป เพราะพร่ำพูดได้ประโยคนี้เท่านี้ เหมือนจะพูดอะไรอื่นไม่ได้ หลังจากค่อนข้างทุกข์ทรมานหนักหนาขึ้นเป็นลำดับทั้งสองคน กว่า ๑๐ ปีจึงละโลกนี้ไป ในลักษณะที่ทำให้ผู้รู้เรื่องโดยตลอดหวั่นกลัวกรรมที่ทำไปโดยไม่รู้เรื่องไม่รู้ราวที่สุด เพียงรูปหล่อเทวะที่ดูเหมือนเป็นเพียงอิฐเพียงหินธรรมดาไม่ใหญ่โตมโหฬาร ผลร้ายของการก้ำเกินปราศจากสัมมาคารวะยังร้ายแรงเพียงนี้ และแน่นอนบรรดาผู้ห้อมล้อมรักษาเป็นฝ่ายปฏิบัติตามหน้าที่เท่านั้น เหมือนทหารรักษาเจ้านายของเขาย่อมทำหน้าที่เต็มความสามารถเพื่อรักษาเจ้านาย สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงยิ่งใหญ่เหนือพรหมเทพทั้งหลายมากมาย การล่วงล้ำก้ำเกินพระองค์ท่าน แม้เพียงด้วยวาจา ก็ยากจะรอดพ้นการรู้เห็นของบรรดาเหล่าผู้แวดล้อมรักษาอยู่ จึงยากจะรอดพ้นจากการถูกลงโทษทัณฑ์ เพียงแต่ว่าจะถึงตัวแล้วถึงชีวิตผู้บังอาจล่วงเกินพระผู้ไม่ควรแก่การถูกล่วงเกินเมื่อไรเท่านั้น ไม่พึงประมาทอย่างยิ่ง" . --- แสงส่องใจ ที่ระลึกวิสาขบูชา ๒๕๒๗ พระคติธรรม สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร หัวข้อ: Re: "พระคติธรรม" สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 12 พฤษภาคม 2564 19:03:01 (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/27772077504131_183953204_4588534767837717_531.jpg)
(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/62787216115328__640x480_.jpg) คติธรรมดาที่ไม่มีใครเกิดมาในโลกนี้ จะหนีไปให้พ้นได้ ก็คือ ความแก่ ความตาย แต่คนโดยมาก พากันประมาทเหมือนอย่างว่าไม่แก่ ไม่ตาย น่าที่จะรีบทำความดี แต่ก็ไม่ทำ กลับไปทำความชั่ว ก่อความเดือดร้อนให้แก่กันและกัน ต่างต้องเผชิญทุกข์เพราะกรรมที่ต่างก่อให้แก่กันอีกด้วย ฉะนั้น ก็น่าจะนึกถึงความแก่ ความตายกันบ้าง เพื่อจะได้ลดความมัวเมา และทำความดี (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/62787216115328__640x480_.jpg)
พระคติธรรม สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร (สมเด็จพระญาญสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก) (เจริญ สุวฑฺฒโน) สมเด็จพระสังฆราชฯ องค์ที่ ๑๙ หัวข้อ: Re: "พระคติธรรม" สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 19 พฤษภาคม 2564 19:41:52 (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/92880663937992_185373916_2822613134657840_565.jpg) ศีล คือเครื่องคุ้มครองป้องกัน "... กรรมไม่ดีมีโทษเป็นผลน่ากลัวจริง "ครูอาจารย์องค์สำคัญท่านพยายามสอนศิษย์ให้กลัวการทำกรรมไม่ดี" ด้วยการนำเรื่องที่ท่านเคยประสบมาเล่า ซึ่งเมื่อท่านรับรองว่า "ท่านได้รู้ใด้เห็นมาด้วยองค์ท่านเอง" ก็ไม่น่าจะมีผู้เคลีอบแคลงสงสัย เป็นด้น ท่านเล่าว่า "ครั้งหนึ่งท่านธุดงค์อยู่ในป่า มีผ้าขาวน้อยติดตามไป ตกดึกผ้าขาวตกอกตกใจวิ่งจากที่พักของตนเข้าไปหาท่าน" ปรากฏว่าได้เห็นสิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเห็นเข้ามาคุกคามจะเอาชีวิต ท่านอาจารย์องค์นั้นเล่าว่า "เมื่อผ้าขาวน้อยเข้าไปหาท่านแล้วย้งแสดงความกลัว" และท่านก็ได้ยินเสียงร้องที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน "เสียงนั้นร้องก็องก็อง ก็อยก็อย ก็องก็องก็อยก็อย" เป็นเสียงเล็กๆ เบาๆ ท่านมองหาตัวก็ไม่เห็น "ท่านจึงทำสมาธิและก็ได้เห็นหน้าเล็กๆ หน้าหนึ่งลอยอยู่ ลักษณะเหมือนหน้าชะนี เป็นเจ้าของเสียงร้อง ก็องก็องก็อยก้อย ก้องก็องก็อยก็อย" "เมื่อมันสบตาท่านอาจารย์ ก็หลบวูบหายไป" เสียงร้องนั้นก็หายไปด้วย "ท่านอาจารย์บอกกับสานุศิษย์ว่านั้นเป็นผีก็องก็อย" ที่มุ่งมาหาผ้าขาวน้อยนั้นเพื่อจะดูดเลือดกิน "ท่านสงสัยว่าทำไมผีตัวนั้น จึงมุ่งมาที่ผ้าขาว ซึ่งเป็นผู้ถือศีล" ท่านจึงซักถามผ้าขาวว่า "ได้รักษาศีลบริสุทธิ์ดีหรือ" จึงได้รับทราบว่า "ในตอนกลางว้น วันนั้นผ้าขาวเผามด" เพราะมาขี้นที่นอนจำนวนมาก ท่านอาจารย์ท่านชี้ว่า "เมื่อไม่มีศีลก็ไม่มีเครื่องคุ้มครอง ผ้าขาวได้รับความคุ้มครองจากศีลอันบริสุทธึ๋ของท่าน" จึงรอดชีวิต .." สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร องค์ที่ ๑๙ หัวข้อ: Re: "พระคติธรรม" สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 03 มิถุนายน 2564 19:08:11 (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/97355075925588_186482480_4650134488344411_566.jpg) ทุกขสัจจะ การปฏิบัติอบรมทางปัญญานั้น โดยปริยายคือทางอันหนึ่ง ก็คือการพิจารณาในสัจจะทั้ง ๔ อันเป็นหลักใหญ่ ที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้ และได้ทรงแสดงสั่งสอนไว้ คือ ทุกขสัจจะ สภาพที่แท้จริงคือทุกข์ เป็นต้น และในทุกขสัจจะนั้น ก็ให้พิจารณาไปตามพระพุทธาธิบายโดยลำดับก่อนว่า
พระพุทธาธิบายนี้ ชี้ให้เห็นสัจจะ คือ ความจริงของชีวิต ว่าจะต้องมีเกิด แก่ ตาย จะต้องประกอบด้วยความเกิดเป็นต้น จะต้องมีความประจวบกับสิ่งที่ไม่เป็นที่รัก จะต้องมีความพลัดพรากจากสิ่งที่เป็นที่รัก จะต้องมีความปรารถนาไม่สมหวัง และทั้งหมดนี้ก็รวมเข้าที่ขันธ์เป็นที่ยึดถือทั้ง ๕ ประการ อันรวมเข้าเป็นกายและใจ อันรวมเข้าเป็นตัวชีวิตนี้เอง ให้รู้สัจจะ คือ ความจริงของชีวิต ว่าเป็นไปอยู่อย่างนี้ นี้เป็นทุกขสัจจะ สภาพที่แท้จริงคือทุกข์ ที่ควรพิจารณาให้รู้ไว้เป็นประการแรก
หัวข้อ: Re: "พระคติธรรม" สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 10 มิถุนายน 2564 19:52:15 (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/71595295560028_11391324_272932689543703_35995.jpg)
(http://www.sookjai.com/Themes/default/images/post/xx.gif)
(http://www.sookjai.com/Themes/default/images/post/xx.gif)
(http://www.sookjai.com/Themes/default/images/post/xx.gif)
พระคติธรรม สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร (สมเด็จพระญาญสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก) ขอขอบคุณที่มา : ๑๐๐ พระชันษาสมเด็จพระสังฆราช หัวข้อ: Re: "พระคติธรรม" สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 02 กรกฎาคม 2564 20:01:52 (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/99987278588944_201079496_4712830698741456_272.jpg)
หัวข้อ: Re: "พระคติธรรม" สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 06 กรกฎาคม 2564 18:11:28 (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/13364271612630_201837450_4224216834334630_328.jpg)
พระนิพนธ์ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก Cr. ๑๐๐ พระชันษาสมเด็จพระญาณสังวร หัวข้อ: Re: "พระคติธรรม" สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 22 กรกฎาคม 2564 19:56:03 (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/51211173294318_217557839_4788684957822696_249.jpg)
พระคติธรรม สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร (สมเด็จพระญาญสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก) พระคติธรรม สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร หัวข้อ: Re: "พระคติธรรม" สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 17 สิงหาคม 2564 15:45:11 (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/50799109993709_238275073_4881276068563584_565.jpg)
พระคติธรรม สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร (สมเด็จพระญาญสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก) พระคติธรรม สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร ๑๐๐ พระชันษา สมเด็จพระสังฆราช หัวข้อ: Re: "พระคติธรรม" สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 27 กันยายน 2564 19:20:05 (http://f.ptcdn.info/034/039/000/o0lz1v4cuOvFxhpJwqG-o.jpg) บิณฑบาต
พระคติธรรม สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร (สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก) หัวข้อ: Re: "พระคติธรรม" สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 14 ตุลาคม 2564 20:14:11 (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/34883866541915_242796537_5028432793847910_400.jpg)
หัวข้อ: Re: "พระคติธรรม" สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 02 พฤศจิกายน 2564 19:21:19 (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/81168259390526_247701428_5112951145396074_373.jpg) ในเส้นทางแห่งสังสารวัฏ อันแสนยาวนาน “จะตายก็ไปคนเดียว จะเกิดก็มาคนเดียว ความสัมพันธ์ของสัตว์ทั้งหลาย ก็เพียงแค่ ได้มาพบปะเกี่ยวข้องกันเท่านั้น” ( ขุ. ชา. ๒๗/๑๕๗๓-๕/๓๑๘ )
พระคติธรรม สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร (สมเด็จพระญาญสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก) พระคติธรรม สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร หัวข้อ: Re: "พระคติธรรม" สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 03 ธันวาคม 2564 20:14:40 (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/82599156681034_263953532_2964801763772309_162.jpg)
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก. ขอขอบคุณที่มา เพจพระพุทธศาสนา หัวข้อ: Re: "พระคติธรรม" สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 28 ธันวาคม 2564 15:50:14 .
(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/40799566068582_269839303_2980659518853200_496.jpg) อำนาจของกรรมชั่วร้ายนั้น สามารถทำให้ธรณีแยกออกสูบผู้ทำกรรมนั้นได้ พระเทวทัตเป็นตัวอย่างที่แสดงความน่ากลัวที่สุดของกรรม ท่านคิดทำลายพระพุทธเจ้า แม้เพียงทำได้เล็กน้อยนัก คือเพียงทำให้พระพุทธบาทห้อพระโลหิต และสำนึกผิดได้ในที่สุด พร้อมจะขอประทานโทษ แต่ก็หนีมือแห่งกรรมร้ายแรงที่ทำไว้ไม่พ้นหนีไม่ทัน พระเทวทัตถูกธรณีสูบทันทีที่เท้าสัมผัสพื้นธรณี ขณะกำลังจะได้เข้าไปเห็นพระพักตร์สมเด็จพระบรมศาสดา จังไม่ทันได้กราบพระพุทธบาทขอประทานโทษทั้งปวง น่าจะคิดถึงความทรมานทั้งกายและใจของพระเทวทัตเมื่อเสวยผลกรรมนั้น น่าจะคิดให้จริงจังเพื่อให้เกิดความกลัวกรรมที่มีอำนาจยิ่งใหญ่นัก การทำลายพระพุทธเจ้ากับการทำลายพระพุทธศาสนา ย่อมเป็นกรรมหนักเสมอกัน พึงสังวรระวังให้รอบคอบในเรื่องนี้ อย่าคิดอย่างประมาทว่า พระพุทธศาสนาไม่มีชีวิต ตายไม่มี บาดเจ็บไม่มี จะทำอะไรกับพระพุทธศาสนาจึงไม่น่าจะเป็นบาปเป็นอกุศลกรรม อย่าประมาทในเรื่องนี้ มิฉะนั้น เมื่อต้องได้เสวยผลแห่งการทำลายพระพุทธศาสนาจะทุกข์ทรมานนัก ใครก็จักช่วยไม่ได้ • สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก • ขอขอบคุณที่มา เพจพระพุทธศาสนา หัวข้อ: Re: "พระคติธรรม" สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565 16:00:36 (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/77950840526156_h106_web_1382626492_Copy_.jpg) จิตที่ใกล้จะดับนั้นปกติเป็นจิตที่อ่อนมาก ไม่มีกำลังที่จะต้านทานใดๆ ทั้งนั้น คุ้นเคยกับความรู้สึกใดเกี่ยวกับเรื่องใด ความรู้สึกนั้นเกี่ยวกับเรื่องนั้นก็จะเข้าครอบงำจิต มีอำนาจเหนือจิต ทำให้จิตเมื่อใกล้ดับผูกพันอยู่กับความรู้สึกนั้นเกี่ยวกับเรื่องนั้น เมื่อจิตดับคือจากร่าง ก็จากไปพร้อมกับความรู้สึกนั้นเกี่ยวกับเรื่องนั้น นำไปก่อเกิดกายที่ควรแก่สภาพจิตทุกประการ ผู้ที่หวงสมบัติ กลัวจะมีผู้มานำไป ก่อนจะดับจิต มีใจผูกเฝ้าสมบัติอย่างหวงแหน เมื่อดับจิตไปก็เคยมีไปเกิดเป็นงู เฝ้าอยู่ที่สมบัตินั้น ผู้ใดเข้าไปใกล้ก็จะแสดงตัวให้เป็นเป็นงูใหญ่ เช่นที่เล่ากันถึงเรื่องที่เกิดขึ้นไม่นานมานี้ ว่าข้าราชการผู้หนึ่งมีพระพุทธรูปที่หวงมากอยู่องค์หนึ่ง เมื่อละโลกนี้ไป สหายไปเยี่ยมศพได้ขอดูพระองค์นั้น ขณะกำลังดูอยู่ ก็มีงูตัวหนึ่งมาจากไหนไม่ปรากฏ มาแผ่แม่เบี้ยอยู่ใกล้ๆ ผู้มาขอดูไหวทันเข้าใจทันทีว่าเจ้าของได้เฝ้าพระอยู่ด้วยความหวงแหน จึงพูดกับงูดังๆ ว่าไม่ได้คิดจะนำพระไปไหน เพียงมาขอดูเท่านั้น อย่าเป็นห่วง เพียงเท่านั้นงูก็เลื้อยห่างหายไป นี้เป็นตัวอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นจริงเมื่อไม่นานมานี้ ที่เชื่อกันว่าผู้ที่หวงสมบัติมากๆ ตายไปขณะที่จิตผูกพันเช่นนั้น ต้องไปเกิดเป็นงู ต้องเฝ้าสมบัติ ไม่ได้ไปเสวยผลของกรรมดีใดๆ ที่ได้กระทำไว้ จนกว่าใจจะปล่อยวาง ละความยึดถือความหวงแหนสมบัตินั้นๆ ด้วยผู้ใหญ่ผู้มีสัมมาทิฐิสัมมาปัญญาแต่ไหนแต่ไรมา ท่านเชื่อในเรื่องอำนาจความยึดมั่นของจิต ท่านจึงสอนลูกหลานไว้ว่าก่อนจะหลับไปให้ภาวนาพุทโธ นึกถึงพระพุทธเจ้า และให้ตั้งใจปรารถนาว่า เมื่อจากโลกนี้ไปเมื่อใดก็ตาม ขอให้กลับมาเกิดเป็นมนุษย์ทันที ให้ได้พบพระพุทธศาสนา ท่านสอนกันให้ตั้งใจเช่นนี้ก่อนจะหลับไป และท่านสอนว่า ถ้าการหลับครั้งนั้นจะไม่ได้กลับมาตื่นอีก ก็จะได้ไปดี เป็นไปดังแรงปรารถนา การได้เกิดเป็นมนุษย์พบพระพุทธศาสนานั้นเป็นมงคลสูงสุดของชีวิต ผู้มีสัมมาทิฐิจึงตั้งจิตปรารถนาอย่างจริงจัง ผู้อธิษฐานจิตปรารถนากลับมาเกิดเป็นมนุษย์พบพระพุทธศาสนานั้น คือผู้รับรองความสำคัญของชีวิตนี้ แม้จะน้อยนัก ว่าชีวิตนี้เท่านั้นที่จะนำไปสู่ความสวัสดีมีสุขได้อย่างแท้จริง เพราะชีวิตนี้เท่านั้นที่พร้อมสำหรับบำเพ็ญบุญกุศลทุกประการ จะทำดีเพียงไรก็ทำได้ในชีวิตนี้ ทำดีสูงสุดจนเกิดผลสูงสูง คือการปฏิบัติได้สำเร็จมรรคผลนิพพาน พ้นทุกข์สิ้นเชิง ไม่ต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไป ก็ทำได้ในชีวิตนี้ หรือทำดีเพียงเพื่อได้ถึงสวรรค์พ้นนรก ก็ทำได้ในชีวิตนี้ การตั้งจิตอธิษฐานไม่ให้หลงไปภพภูมิอื่นหลังละโลกนี้ไปแล้ว แต่ให้กลับมาสู่ภพภูมิของมนุษย์โดยเร็ว ได้พบพระพุทธศาสนา จึงเป็นความถูกต้อง พึงทำอย่างยิ่ง สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ หัวข้อ: Re: "พระคติธรรม" สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 02 เมษายน 2565 13:49:00 (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/13747627660632_277755105_5634770699880780_758.jpg) พระคติธรรม สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร อาศัยกิเลส บำเพ็ญบารมี และแม้ว่าเวลาบังเกิดกิเลสขึ้น เช่นเกิดราคะความติดใจยินดี โทสะความโกรธแค้นขัดเคือง โมหะความหลงหรือเกิดความโลภอยากได้ เกิดตัณหาความดิ้นรนทะยานอยากต่างๆ ก็ปฏิบัติระงับใจตัวเอง มั่นคงอยู่ในศีลที่จะไม่ประพฤติละเมิดไปตามอำนาจของกิเลส เว้นจากการฆ่าการทำร้ายเขาได้ เว้นจากการลักขโมยเขาได้ เว้นจากประพฤติผิดประเพณีในทางกามได้ เว้นจากพูดเท็จได้ เว้นจากน้ำเมาคือสุราเมรัย อันเป็นฐานของความประมาทได้เป็นต้น คือแปลว่าเว้นใจตัวเองได้ เว้นกิเลสในใจของตัวเองได้ มีความอดทนเอาไว้ไม่ปล่อยกิเลสออกไปให้เป็นกรรมที่เป็นบาปเป็นอกุศลเบียดเบียนตนเองและผู้อื่นให้เดือดร้อน ประกอบด้วยใช้สติ ใช้ปัญญา ใช้ความอดทน วางใจลงไปให้เป็นอุเบกขาให้ได้ คือทำตนมัธยัสถ์เป็นกลาง ไม่ยอมให้ฝ่ายยินดีหรือยินร้ายดึงเอาไป ดั่งนี้ก็เป็นการบำเพ็ญบารมี เวลาโกรธขึ้นมาก็ปฏิบัติดับโกรธให้ได้ ก็เป็นการบำเพ็ญบารมีกันอย่างหนึ่งๆ โลภอะไรขึ้นมาเมื่อเป็นสิ่งที่ไม่สมควรก็ปฏิบัติดับโลภได้ ดับได้ทีหนึ่งก็เป็นการเพิ่มบารมีขึ้นทีหนึ่ง เพราะฉะนั้น จึงสามารถที่จะบำเพ็ญบารมีหรือความดีได้ในทุกโอกาส ได้ในทุกขณะ ได้ในทุกสถานที่ ที่มา : ๑๐๐ พระชันษา สมเด็จพระสังฆราช หัวข้อ: Re: "พระคติธรรม" สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 13 มีนาคม 2566 18:51:30 (http://www.sookjaipic.com/images_upload/14548777706093_330984130_2581024835371289_585.jpg)
พระคติธรรม สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร ที่มา : ๑๐๐ พระชันษา สมเด็จพระสังฆราช หัวข้อ: Re: "พระคติธรรม" สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 26 มีนาคม 2566 19:01:10 (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/63439677531520_117341040_2998279826949787_237.jpg)
พระคติธรรม สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร หัวข้อ: Re: "พระคติธรรม" สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 08 ตุลาคม 2566 18:40:09 (http://www.sookjaipic.com/images_upload/28585905250575_22_Copy_.jpg)
พระธรรมวรคติ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร หัวข้อ: Re: "พระคติธรรม" สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 11 ตุลาคม 2566 20:05:55 (http://www.sookjaipic.com/images_upload/24003550658623_11_Copy_.jpg) สติ
พระธรรมเทศนาเรื่อง สติกถา ๔ กันยายน พ.ศ.๒๕๓๓ หัวข้อ: Re: "พระคติธรรม" สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 29 มีนาคม 2567 10:19:36 (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/27944564902120_55906338_2098438556905248_3543.jpg) เมื่อพระพุทธเจ้าจะปรินิพพานได้ทรงตั้งธรรมที่ทรงแสดงแล้ว และวินัยที่ทรงบัญญัติแล้วให้เป็นศาสดาแทนพระองค์ เมื่อทรงล่วงไปแล้ว มิได้ทรงตั้งบุคคลใดบุคคลหนึ่งขึ้นแทนพระองค์ "พระคติธรรม" สมเด็จพระญาณสังวร กรมหลวงวชิรญาณสังวร (สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก -เจริญ สุวฑฺฒโน) สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๑๙ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ |