หัวข้อ: เวลาเหลือน้อย : อ.บูรพา ผดุงไทย เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 11 เมษายน 2553 21:55:30 (http://www.bloggang.com/data/0518/picture/1178099291.jpg) เวลาเหลือน้อย : อ.บูรพา ผดุงไทย ” เราอาศัยโลกอยู่แต่ไม่อาจเป็นเจ้าของโลกได้ มนุษย์มีอำนาจครอบครองสิ่งต่างๆ บนโลกได้เพียงชั่วคราว เมื่อต้องจากโลกนี้ไป.. อำนาจแห่งการครอบครองบนโลกก็หมดลงตามไปด้วย หากเราไม่เข้าใจและไม่ยอมรับในความจริงนี้ ดวงจิตวิญญาณที่ยังคงมีความยึดมั่นถือมั่น คิดเป็นจริงเป็นจัง คิดว่าโลกนี้เป็นของของตนจริง จึงต้องได้รับความทุกข์อย่างแสนสาหัส ด้วยอวิชชาที่ไม่ยอมปล่อยวางสมมติบนโลก “ ” ภาพลวงตา.. เราทุกคนต่างอยู่บนโลกแห่งจินตนาการ โลกที่เต็มไปด้วยภาพมายาการปรุงแต่ง สิ่งที่เราเห็น จึงมิใช่สิ่งที่เป็นอยู่อย่างแท้จริง มันจึงเป็นเพียงแค่ภาพมายาที่ถูกกำหนดด้วยอำนาจกิเลสโลก เราจึงไม่เคยเห็นตัวตนที่แท้่จริงของโลกและตัวของเราเองเลย สิ่งที่เราเห็นจึงเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา..เท่านั้นเอง “ ” มิติเวลาแห่งอดีต.. เมื่อเรามองขึ้นไปบนท้องฟ้า เรากำลังมองดูภาพจากในอดีตเมื่อหลายล้านปีมาแ่ล้่ว สิ่งที่เราเห็นอาจมิใช่สิ่งที่เป็นอยู่จริง โลกและจักรวาลจึงเป็นแค่เพียงภาพมายาที่จิตของเราปรุงแต่งขึ้นมา มันมีตัวตนจริงที่ไหน?..” (http://www.palungdham.com/landscape/landscape188.jpg) หัวข้อ: Re: เวลาเหลือน้อย : อ.บูรพา ผดุงไทย เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 11 เมษายน 2553 22:16:46 (http://i412.photobucket.com/albums/pp209/JSeventh/lake.jpg) ” ความสุขที่แท้จริง (บรมสุข) ความสุขอย่างไหนเป็นความสุขที่แท้จริงกันแน่?.. ระหว่างความสุขทางโลกที่เกิดจากการได้สนองอำนาจมายากิเลสโลก (เป็นทาส) กับความสุขทางธรรมที่เกิดจากการหลุดพ้นจากอำนาจมายากิเลสโลก (เป็นอิสระ) ความยึดมั่นถือมั่นในสมมติบัญญัติโลกว่าเป็นของตน กับการปล่อยวางความยึดมั่นถือมั่นนั้นลงได้ “ ” วิทยาศาสตร์ ศาสนา และธรรมชาติ ..แท้จริงแล้วล้วนเป็นเรื่องเดียวกัน แต่ด้วยความเจ้าปัญญาช่างคิดช่างฝันของมนุษย์แท้ๆ จึงทำให้สิ่งที่เหมือนกัน กลายเป็นสิ่งที่แตกต่างกันได้ “ ” มิติแห่งความคิดและความฝัน การเวียนว่ายตายเกิดนับร้อยนับพันชาติ อาจเป็นปรากฏการณ์ ที่เกิดขึ้นในความฝันเพียงครั้งเดียวของเราเท่านั้น “ ” ผู้ที่หมดอวิชชาแล้วย่อมไม่มาเกิด มนุษย์ทุกคนที่เกิดขึ้นมาบนโลกสมมติใบนี้ ล้วนเป็นผู้ที่ยังคงมีอวิชชา (ความโง่) อยู่ด้วยกันทั้งสิ้น จะโง่มาก หรือโง่น้อยเท่านั้น ที่หมดสิ้นอวิชชา (ความโง่) แล้วไม่มี ผู้ที่หมดสิ้นอวิชชา..หมดความหลงผิด หมดความโง่แล้ว ย่ิอมไม่ต้องมาเวียนว่ายตายเกิดบนโลกสมมติใบนี้ พวกเราทั้งหลายจึงเป็นเพื่อนร่วมทางด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น ไม่มีใครดีำว่าใคร ไม่มีใครเก่งกว่าใคร เราต่างตกที่นั่งเดียวกันทุกคน คือ ผู้แสวงหาหนทางกลับบ้านด้วยกันทั้งนั้น “ หัวข้อ: Re: เวลาเหลือน้อย : อ.บูรพา ผดุงไทย เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 11 เมษายน 2553 22:33:26 (http://www.palungdham.com/news/tlob02.jpg) ” เข้าใจมิใช่เข้าถึง อยากไปเมืองเชียงใหม่.. อย่ามัวแต่นั่งรอให้เมืองเชียงใหม่ มันเดินทางมาหาเรา อยากถึงเมืองเชียงใหม่ เราต้องเดินทางไปหามัน ออกเดินทางเสียแต่เดี๋ยวนี้ บางทีชาตินี้อาจถึงเมืองเชียงใหม่ได้ อย่ามัวเอาแต่ศึกษาเรียนรู้แล้วจินตนาการถึงเมืองเชียงใหม่อยู่เลย เพราะมันไม่มีวันที่จะถึงเมืองเชียงใหม่ได้..ด้วยการจินตนาการคาดเดา มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องราวของเมืองเชียงใหม่ด้วยการจินตนาการ จึงมิได้หมายความว่าตนนั้นได้เดินทางมาถึงเมืองเชียงใหม่จริง ศึกษาธรรมนั้น อาจเข้าใจธรรม แต่ปฏิบัติธรรมเท่านั้น จึงจะเข้าถึงธรรม” ” อนัตตา อวิชชาเปรียบดังเส้นเชือกที่ถูกผูกเป็นปมซ้อนกันไว้เป็นชั้นๆ ด้วยปัญญา (รู้แจ้ง) จึงสามารถแก้ปมเชือกเหล่านั้นออกได้ เมื่อแก้ปมหนึ่งออกได้ ก็พบว่ายังมีปมอื่นซ่อนอยู่อีก จนกระทั่งมาถึงปมสุดท้ายของเชือกเส้นนี้ หากแก้ปมสุดท้ายนี้ออกได้ เชือกเส้นนี้ก็จะเป็นอิสระและปราศจากปมอีกต่อไป แต่เมื่อปมสุดท้ายของเชือกเส้นนี้ถูกแก้ออกได้แล้ว..เส้นเชือกนั้นกลับหายไป ผู้ปฏิบัติทุกคนที่เดินทางมาถึงปมสุดท้ายของอวิชชา ต่างก็พบกับความจริงของคำว่า อนัตตา นี้เหมือนกันทุกคน เส้นเชือกที่ว่านั้น มันไม่เคยมีตัวตนอยู่จริงเลยตั้งแต่ต้น นี่แหละที่สุดของ อนัตตา มีปม จึงมีเชือก หมดปม เส้นเชือกก็ (ไม่มีตัวตน) หายไป “ (http://i412.photobucket.com/albums/pp209/JSeventh/sunset_perfsky.jpg) (:88:) http://forum.serithai.net/viewtopic.php?f=8&t=2614 (http://forum.serithai.net/viewtopic.php?f=8&t=2614) |