[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => ไขปัญหาโลก ธรรม และความรัก => ข้อความที่เริ่มโดย: ขม..ค่ะึึ ที่ 29 เมษายน 2553 10:11:57



หัวข้อ: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: ขม..ค่ะึึ ที่ 29 เมษายน 2553 10:11:57
(http://www.dhammajak.net/forums/download/file.php?id=22163)

มีเพียงใจดวงใสใส กระจ่างสว่างวาบ
กับบทเรียนแห่งสัจจธรรมมรณานุสติ

สู่..
ทางสายธรรม
อันแสนสว่างสงบ..
สยบทุกข์สุข

หยุด
ว่ายวนพ้นเพียร
พาร่างให้ห่างไกลกิเลส
จิตแว่วสำเนียง
"ชีวิตนี้ช่างแสนสั้นนัก..."

ให้..
พ้นผ่านทุกข์
ด้วยรู้หยุดรู้วาง
เลือกทางสายกลาง
รักษาศีล..ภาวนาสมาธิ

ให้..
ตั้งจิตมั่น ตั้งสัตยาธิษฐาน
จิตพ้นม่านกรรม
ขัดเกลากิเลสอันมัดหนา

รอ..
เพียงแสงธรรมส่องนำทาง
ให้พบความกระจ่างแจ้ง
ดั่งบัวพ้นน้ำ...


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: ขม..ค่ะึึ ที่ 29 เมษายน 2553 10:22:54
(http://www.resimle.net/data/media/261/donald_zolan%20resimleri.jpg)

ตามธรรมมาสิเพื่อนเอ๋ย
มาพิงพักในเรือนไพรดอกไม้หอม
มวลมาลีหลากพันธุ์รอให้ดอม
มากพะยอมเทพีมีค่าควร

ตามธรรมมานะดวงใจ
เลิกหวั่นไหวรินน้ำตารอลมหวน
อย่าโศกเศร้าหนาวใจร้องคร่ำครวญ
สิ่งทั้งมวลล้วนโลกโศกมายา

ตามธรรมคือตามเพื่อนใจ
สู่เส้นทางสายสวยใสลืมเสน่หา
ปรารถนาทุกข์ทำไมพันธนา
วันเวลาแสนสั้นเลิกฝันวน

ตามธรรมมาเถอะมิ่งมิตร
ทอดสถิตฤดีลืมสับสน
ยิ้มกับฟ้าเมตตาแห่งดินดล
สร้างกุศลพบสวรรค์ก่อนวันลา....!


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 29 เมษายน 2553 14:44:29

(http://i167.photobucket.com/albums/u122/themanhimself88/god.jpg)  (http://t2.gstatic.com/images?q=tbn:YEYWAoJqaxOePM:http://www.my-thank-you-site.com/images/thank-you-baby-photo.jpg)

 (:LOVE:) (:88:) (:LOVE:)


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: ขม..ค่ะึึ ที่ 29 เมษายน 2553 20:28:30
(http://www.itfensi.com/d/file/sj/des/cartoon/2009-10-14/c735f6a4dba111b80e2797fac7ae5fd8.jpg)

โค้งสุดท้ายของชีวิตใกล้ปิดแล้ว
เร็วหรือแผ่วก็ต้องถึงตรึงติดดิน
เลือกเอาเถิดจะทำดีหรือทำชั่ว
พกติดตัวข้ามภพนี้หลังความตาย

อจฺจยนฺติ อโหรตฺตา......ชีวิตํ อุปรุชฺฌติ
อายุ ขียติ มจฺจานํ..........กุนฺนทีนํว โอทกํ ฯ

"..วันคืนย่อมล่วงไป ชีวิตย่อมหมดไป อายุของสัตว์ก็ยิ่งสั้นไป ดุจน้ำในลำธาร ย่อมหมดไปฉันนั้น.."
                  
โค้งที่เดินทางไปสู่นั้น เราท่านกำลังทำอะไรกันอยู่ ดีหรือชั่ว
สิ่งนั้นๆ มีผลอย่างไรก็ตาม เราท่านนั้น จะเป็นผู้รับรู้..แต่เพียงผู้เดียวทั้งสิ้นเสมอ.


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 30 เมษายน 2553 06:28:09




อนุโมทนาสาธุธรรมค่ะ   (http://www.dhammajak.net/images/stories/pic/lotus1_80.jpg)


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: ขม..ค่ะึึ ที่ 30 เมษายน 2553 10:08:02
(http://www.dhammajak.net/forums/download/file.php?id=30135)

เรื่องของทางโลกและทางธรรม

ทางโลก
คือ การแสวงหาสุขแล้วไปเจอทุกข์
เหมือนกับปลาที่ฮุบใส้เดือนได้แล้วไปเจอเงี่ยงเบ็ด

ทางธรรม
คือ การกำหนดหยั่งรู้ทุกข์ แล้วปล่อยวางความสุข
เหมือนกับการสละไส้เดือนเพระเห็นโทษแห่งการติดเบ็ด

ทางโลก คือ
เส้นทางที่จะไปตกเหวตาย ที่สรรพสัตว์ทั้งหลายชักนำกันไป
สิ่งที่จะไปเจอ คือความผิดหวัง เพราะสิ่งที่อยู่ข้างหน้า
คือ ความแก่ ความเจ็บ ความตายและความพลัดพราก
น้ำตา คือรางวัลแก่ผู้เข้าเส้นชัยที่ดำเนินไปในทิศทางของโลก

ทางธรรม คือ
เส้นทางหวนกลับของสุนัขจนตอรก เพราะเมื่อมนุษย์ทั้งหลาย หากถูกกิเลสไล่แล้ว
ก็ทำไปตามกิเลส ความอยากของตน จะต้องไปเจอทางตันอย่างแน่นอน
เพราะเราไม่สามารถจะหาสิ่งมาตอบสนองความอยากของเราได้ตลอด
ฉะนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องหันกลับมาฟัดกับกิเลสของเรา
เพื่อเอาชนะกิเลสของตน ไม่ตกเป็นทางของอารมณ์

ทางโลก คือ การทำตามใจกิเลส อันเป็นเหตุแห่งความเดือนร้อน
ทางธรรม คือ การดับกิเลส อันเป็นเหตุแห่งความสงบเย็น

ทางโลก คือ การกินของหวานที่ทำให้เกิดร้อนใน
ทางธรรม คือ การกินของขม เพื่อรักษาอาการร้อนใน

ทางโลก คือการยึดถือสิ่งต่างๆ ว่าเป็นของเรา
ทางธรรม คือ การรู้จักปล่อยวาง จากสิ่งทั้งปวง อย่างผู้มีปัญญา


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 30 เมษายน 2553 11:30:34

(http://www.thaipoem.com/forever/img/poemmember/128420.jpg)

ข้าพเจ้าสุขใจในเส้นทาง
รจนาโดย :พี่ดอกแก้ว


ข้าพเจ้าสุขใจไร้หมองหมาง
ได้เดินไปบนทางตามที่ฝัน
มีโอกาสช่วยเหลือและแบ่งปัน
ทั้งสร้างสรรค์ใจตนให้พ้นภัย

ข้าพเจ้าพบคนต่างกิเลส
ก่อภัยเภทล้นหลามตามนิสัย
จึ่งมองดูด้วยความที่เข้าใจ
ว่าเป็นภัยเฉพาะตนคนสร้างกรรม

ข้าพเจ้าถูกเหมาเป็นผู้ร้าย
เขามาป้ายสีใส่ไม่อิ่มหนำ
ข้าพเจ้าดูสีที่ป้ายทำ
รู้เป็นวิบากกรรมสร้างผลงาน


ข้าพเจ้าเข้าใจไม่เอาเรื่อง
รู้ว่าเปลืองเวลาในสังสาร
เขาคือเขา เราคือเรา ต่างสันดาน
พบแล้วผ่านไม่รั้งผูกฝังใจ

ข้าพเจ้าสงสารผู้พาลนั้น
หากผลกรรมตามทันอนาคตสมัย
ต้องเจ็บร้อนเพราะกรรมที่ทำไป
คงยิ้มได้แค่ตอนนี้ที่ปัจจุบัน

ข้าพเจ้าพบสิ่งไม่ดีงาม
จึงตั้งใจหลีกทรามไม่สังสรรค์
แยกเส้นทางด้วยความรู้เท่าทัน
เพื่อไม่พบสิ่งนั้นในชีวี

ข้าพเจ้าสุขใจในเส้นทาง
แม้นมีหลุมบ่อบ้างในวิถี
ก็มุ่งมั่นเดินไปด้วยความดี
เพราะปลายทางสายนี้แสนงดงาม  


(http://www.thaipoem.com/forever/img/poemmember/118439.jpg)

http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem118439.html (http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem118439.html)

(:88:) (:88:) (:88:)


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: ขม..ค่ะึึ ที่ 30 เมษายน 2553 22:10:12
(http://dreamworlds.ru/uploads/posts/2009-09/1253803681_0916fdc162cc79b63790e3e01ebbbcec.jpg)

..มนุษย์มิใช่ศัตรู...ของเรา..

สัญญาวันนี้
สัญญาเดี๋ยวนี้
ขณะที่ตะวันอยู่เหนือศรีษะ
ณ. จุดจอมฟ้า

แม้ว่าหมู่มารจะกระหน่ำจิตเราล้มลง
ด้วยขุนเขาแห่งความรุนแรงและเกลียดชัง
แม้เขาย่ำเหยียบ และบดขยี้เราราวตัวหนอน
แม้จะสับเราจนแหลกคว้านไส้พุงเรา
จงจำไว้ นะ.. มนุษย์มิใช่ศัตรูของเรา

สิ่งเดียวที่เราพึงยึดถือคือเมตตา
เมตตาไร้เงื่อนไข ไร้ขอบเขต และยืนยงคงกระพัน
ความเกลียดชังจะไม่ยอมให้เราเผชิญหน้า
สัตว์ร้ายในมนุษย์

สักวันหนึ่ง เมื่อเราเผชิญหน้าสัตว์ร้ายนี้ตามลำพัง
ด้วยดวามกล้าหาญบริบูรณ์ นัยน์ตาที่อารี
และใจอันสงบ ( แม้ไม่มีใครเห็น )
ยิ้มของเราจะเป็นดอกไม้แย้มบาน
และผองผู้ที่รักเรา...ก็จะเห็นเรา

ตะวันและจันทรา..จะยังคงฉายแสง
เส้นทางกันดาร..ที่แสนยาวไกล
ที่เลือกก้าวเดินต่อไป..
ตามลำพังอีกครั้ง...ก็เถอะ
ด้วยรู้ว่า...วิถีแห่งธรรมนั้น...เป็นสุขนิจนิรันดร์



หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 01 พฤษภาคม 2553 04:43:09

(http://www.212cafe.com/boardvip/user_board/cm99/picture/01012_33.jpg)


๗๐. @ สัมผัสดินสัมผัสน้ำคล้ำขุ่นใส
สัมผัสลม สัมผัสไฟ ใสสว่าง
แตะขอบเดือน ขอบดาว พราวนภางค์
เหลียบเบื้องล่าง ขว้างใจ ไปเบื้องบน .........

๗๑. @ เจ้าจงเป็นเช่นนี้นะชีวิต
อย่าเดินผิดจากพรบทท่อนต้น
เจ้าจักรู้รูปนาม ความเป็นคน
ปั้นให้ป่น ปนให้เป็น เล่นให้จริง .........

๗๒. @ เป็นเนื้อโลก ในโลก และเหนือโลก
เผากะโหลกหลอมละลายได้ทุกสิ่ง
ถอดกลอนกรงเนื้อหนังออกขว้างทิ้ง
พร้อมจะกลิ้งเกลือกได้ในทันที .........

 คัดมาจาก หนังสือ "วารีดุริยางค์"  
ประพันธ์ โดย อ.เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ... .


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: ขม..ค่ะึึ ที่ 01 พฤษภาคม 2553 11:08:41
(http://imagecache2.allposters.com/images/NYG/AB687.jpg)

อนิจจัง ความไม่เที่ยง
ทุกขัง ความเป็นทุกข์ทนอยู่ไม่ได้ ต้องแปรปรวนเปลี่ยนแปลงไป
อนัตตา ความไม่ใช่ตัวตนของเรา
คือไม่อยู่ใต้อำนาจความปรารถนาต้องการของเรา

แม้จะยังไม่ทันต้องประสบกับความพลัดพรากดังกล่าว ก็ให้ไม่ประมาท
ทุกคนต้องประสบความพลัดพรากจากเป็นและจากตายเป็นธรรมดา
เมื่อเกิดขึ้นก็ทำให้เกิดความเศร้าสะเทือนใจอย่างยิ่งอยู่เนืองๆ

แม้ใหม่ๆ จะต้องเป็นทุกข์อยู่
แต่นานไปก็จะคลายทุกข์และจะคลายทุกข์ในที่สุด
เมื่อเป็นทุกข์ทุกคนก็คิดว่ามีกรรม
เมื่อเหตุแห่งทุกข์พ้นไปก็ควรคิดว่าหมดกรรม

ให้รู้สึกด้วยตัวเองเสมอว่า...
"ความทุกข์แม้หนักเพียงใดอันเกิดจากการพลัดพรากจากเป็น
จะกลายเป็นความเบาสบายขึ้นในช่วงระยะที่สามารถรักษาสติ
ไม่ปล่อยความคิดให้ไปเกี่ยวกับจิตของผู้อื่น"



หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 01 พฤษภาคม 2553 11:28:45

(http://widget.sanook.com/static_content/widget/full/graphic_1/1348/85348/d25e7618002198334420ba936a355f14_1215350768.gif)

 (:88:)   (:88:)   (:88:)


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 02 พฤษภาคม 2553 05:38:25

(http://gotoknow.org/file/ruschadawon/untitled.GIF)
 (:LOVE:)  : http://gotoknow.org/blog/lanplang/320185 (http://gotoknow.org/blog/lanplang/320185)


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: ขม..ค่ะึึ ที่ 02 พฤษภาคม 2553 10:20:15
(http://www.picture-baby.com/d/file/baby/2008-12/c798ab6d6a6689994310849c677a43da.jpg)

ทุกข์เพราะคิด
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก

ใจ ของปุถุชน คือผู้ยังไม่บรรลุมรรคผลนิพพาน
ทุกคนย่อมมีกิเลสความเศร้าหมองมากบ้างน้อยบ้าง
กิเลส คือ ความโลภ โกรธ หลง เป็นเหตุทำความเศร้าหมองให้เกิดแก่ใจ
ที่ว่าให้ดูที่ใจตนเองและแก้ความทุกข์ที่ใจตนเอง ก็คือ
ให้แก้กิเลสที่ใจตนเองนั่นแหละ
ถ้ากิเลสคือ โลภ โกรธ หลง
มีอยู่ในความคิดมาก ก็จะเป็นเหตุให้ทุกข์มาก
ถ้ากิเลสคือ โลภ โกรธ หลง
มีอยู่ในความคิดน้อย ก็จะเป็นเหตุให้เป็นทุกข์น้อย
ท่านผู้ปราศจากกิเลสแล้ว
ท่านจึงมีความคิดที่ไม่เป็นเหตุให้เป็นทุกข์เลย

เมื่อใดความคิดไม่ชอบหมดสิ้นไปจากใจ
ความทุกข์ความเศร้าหมองหมดสิ้นไปมากน้อยเพียงใด
ความคิดชอบก็จะเกิดขึ้นแทนที่ความสุขความผ่องใสก็จะเกิดขึ้น
เป็นใจที่มีความสุขความสุขความแจ่มใสมากน้อยเพียงนั้น

ถ้ายังทำความคิดผิดความคิดที่ไม่ชอบให้ลดน้อยถึงหมดสิ้นไปไม่ได้
ความคิดถูกความคิดชอบก็จะมีอยู่ไม่ได้ ต้องไล่ความคิดไม่ชอบออกจากใจเสียก่อน
เพื่อทำความคิดชอบให้เกิดขึ้นได้ เหมือนต้องการจะต้มน้ำให้เดือด
ก็จำเป็นต้องใช้ความร้อนขับไล่ความเย็นไปให้หมดจากน้ำก่อน
ต่อจากนั้นจึงจะสามารถทำความร้อนให้เกิดขึ้นในน้ำนั้นได้น้ำจึงจะเดือดได้

อย่าได้ลังเลสงสัยว่าความทุกข์ร้อนที่เกิดขึ้นในใจตนนั้น
มีทางจะเกิดเพราะ ผู้อื่นเพราะเหตุอื่น
ทางเช่นนั้นไม่มีเลย ไม่มีอย่างเด็ดขาด
จะมีก็เพราะหลงคิดกันไปเองอย่างไม่ใช้ปัญญา

เราเป็นทุกข์เพราะความคิด จริงหรือไม่
ก็คือให้นึกดูว่าเมื่อนอนหลับ แม้จะหลับไป
หลังจากได้รับฟังเสียงที่ไม่ถูกหูไม่ถูกใจมาแล้วอย่างมากก็ตาม
ความทุกข์คือความโกรธความไม่ชอบใจ
มีอยู่หรือไม่ก็จะต้องยอมรับว่าไม่มี
ที่ไม่มีก็เพราะขณะหลับเราไม่ได้คิด
เมื่อไม่คิดด้วยกิเลสก็ไม่ทุกข์
ความจริงก็เป็นเช่นนั้น..


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 03 พฤษภาคม 2553 13:57:02



(http://t2.gstatic.com/images?q=tbn:_HE6yC5BS52iZM:http://gotoknow.org/file/warangporn_11/1_display.jpg)


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 08 พฤษภาคม 2553 07:19:15

(http://i232.photobucket.com/albums/ee274/akapong99/Pangporn/album3/w7.jpg)


นักรบที่มีความบกพร่อง ไม่ว่าอย่างไรก็ยังคงเป็นนักรบ
แมลงวันที่สมบูรณ์...
ไม่ว่าอย่างไรก็ยังคงเป็นแมลงวันอยู่นั่นเอง
หากคนที่ตายแล้ว มิได้ฝังอยู่ในใจของคนที่ยังมีชีวิตอยู่
ก็หมายความว่า เขาผู้นั้น....ตายเปล่าจริงๆ


: หลู่ซิ่น (นักเขียนชาวจีน)

ไม่ปรากฏชื่อผู้แปล
จาก : Internet and Forward mail

(http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/302/10302/blog_entry1/blog/2010-03-26/comment/575622_images/27_1269859218.jpg)


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: ขม..ค่ะึึ ที่ 10 พฤษภาคม 2553 15:04:22
(http://www.danheller.com/images/California/Marin/Scenics/bird-view-big.jpg)

ความลี้ลับกับ..กรรม..คำเดียวนี้
บทบาทมีปรากฏสองสถาน
คือความสุขและทุกข์ที่พบพาน
เป็นผลงานจากกรรมผู้นำพา

เพียงประตูของกาลคือม่านมืด
บ่มเพาะพืช..วิบาก..รากพฤกษา
รอปัจจัยให้เหมาะแก่เวลา
จึงผลิผลออกมาให้เชยชม

ใครปลูกไม้อย่างใดในเรือกสวน
ผลทั้งมวลออกตามพันธุ์อันเหมาะสม
ปลูกต้นชั่วมีผลชั่วให้ช้ำตรม
ปลูกต้นดีที่ชมคือผลดี

เจตนา..คือกล้าไม้กลางใจตน
ผู้รับผลก็คือตนไม่อาจหนี
ทั้งสุขทุกข์ตนนั่นแหละสร้างให้มี
หาใช่พรหมท่านชี้ลิขิตใคร

ก่อนก่อกรรมทำการงานสิ่งหนึ่ง
มองให้ซึ้งบึ้งประสงค์ตรงวิสัย
การกระทำครั้งนี้เพื่ออะไร
เบียดเบียนใครหรือเปล่าจงเฝ้าตรอง

เพราะสุดท้ายไปรษณีย์ที่ได้รับ
กรรมจ่าหน้าคืนกลับสู่เจ้าของ
เลือกเอาเถิดจดหมายที่ในซอง
ว่าแจกทองหรือทวงหนี้ที่โกงมา

ขอบคุณ..พี่ดอกแก้ว/ไทยโพสต์

(http://www.212cafe.com/freeguestbook/user_gbook/ddlovebird/picture/00122.jpg)


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 10 พฤษภาคม 2553 15:07:14



(:LOVE:)  (:88:)   (:LOVE:)


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: ขม..ค่ะึึ ที่ 12 พฤษภาคม 2553 11:01:02
เราต้องมีชีวิตอยู่ท่ามกลางอารมณ์ที่ไม่น่าเอา น่าเป็นนี้
ด้วยนโยบายหรืออุบายอันแยบคาย
หรือด้วยศิลปะอันสูงสุด
คือการคิดไว้ว่าจะไม่เอาอะไรและไม่เป็นอะไรเลย

แม้โดยสังคมหรือกฎหมายจะถือว่า
คนนั้นได้สิ่งนั้น มีสิ่งนี้ หรือเป็นอย่างนั้น
เราก็ให้เป็นไปแต่สักว่าโดยโลกสมมติหรือตามกฎหมาย

ส่วนภายในจิตใจส่วนลึกจริงๆ
ที่คนอื่นรู้ไม่ได้นั้นมันยังสงบเฉยอยู่
คือเท่ากับไม่ได้เอา ไม่ได้เป็น ไม่ได้ยึดครองสิ่งใด
เลยได้ผลดีทั้งสองด้าน
คือทางภายนอกหรือทางโลกก็มีกินมีใช้ มีการเป็นอยู่ที่สบาย
ทำอะไรกับใครก็ได้ มีภาระหน้าที่อย่างสูงอย่างไรก็ได้

ส่วนภายในจิตใจก็ยังว่างจากตัวตน หรือเป็นปกติอยู่ตามเดิม
ไม่มีความร้อนใจ ไม่มีความหนัก ไม่มีขึ้น ไม่มีลง
ไม่หวั่นไหวเปลี่ยนแปลงไปตามสิ่งต่างๆ ภายนอก
เพราะผิดคาด ผิดหวัง หรือได้สมหวัง
การเป็นอยู่ชนิดนี้ถ้าจะกล่าวโดยอุปมา ก็ต้องกล่าวว่า
ข้างนอกเป็นวัฏฏสงสาร แต่ข้างในเป็นนิพพาน
แท้ที่จริงนั้นก็เป็นนิพพานไปหมด
คือว่างจากทุกข์และเหตุให้เกิดทุกข์ โดยประการทั้งปวง

นี่แหละคือศิลปะแห่งการมีชีวิต
ที่เป็นไปตามหลักแห่งพุทธศาสนา

จากหนังสือ ตัวกู-ของกู
ของพุทธทาสภิกขุ

(http://www.2how.com/board/picture/0606/30jog868.jpg)


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 12 พฤษภาคม 2553 11:50:37




สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทนาสาธุธรรมค่ะ


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: ขม..ค่ะึึ ที่ 14 พฤษภาคม 2553 10:08:28
"ปัญญาวิมุตติ "

แม้จะเป็นผู้รู้คงไว้ซึ่งพระไตรปิฎก
แต่เป็นผู้รกรุงรังอยู่ภายในจิตใจก็ใช้ไม่ได้
ต้องบริสุทธิ์ทั้งภายนอกและภายใน
ปัญญาเป็นเรื่องสำคัญ มีวาจาที่เป็นประดุจดาบสองคม
คือพูดสอนตรงประเด็นเลย คนรับได้ก็ดีไป
คนที่ไม่เข้าใจหรือรับไม่ได้ก็อาจเป็นปรปักษ์ไปเลยทีเดียว

มีคำกล่าวไว้ว่า...
"ไม่ต้องอาศัยหนังสือ แต่ชี้ไปตรงจิตของมนุษย์
ให้เห็นแจ้งในภาวะที่แท้จริง แล้วจะเห็นธรรม"

สรรพสัตว์ล้วนมีพุทธภาวะอยู่ภายในตัวทุก ๆ คน
คำพูดหรือตัวหนังสือไม่เพียงพอที่จะอธิบายสัจภาวะใดใดได้

เพราะฉะนั้น
บางคราวจำต้องอาศัยปริศนาธรรม และคำพูดที่เสียดแทงเข้าไปถึงหัวใจ
การบรรลุมรรรคผลนั้น ไม่ใช่อยู่ที่ตัวบทอักษร หรือความรู้ในด้านปริยัติ
แต่ต้องอยู่ที่การขัดเกลาจิตใจของตนเองเป็นสำคัญ


(http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/603/8603/images/sad/0.jpg)


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 15 พฤษภาคม 2553 03:39:10

(http://lh6.ggpht.com/_WIT3ag0nuxU/SnzxvpD_VvI/AAAAAAAAASQ/jaWGcrrE4Vs/s800/08.jpg)

 นาถกรณธรรม
ธรรมอันเป็นที่พึ่งของตน ๑๐ ประการ คือ


๑. ศีล (รักษากาย วาจา ให้เรียบร้อย)
๒. พาหุสัจจะ (เป็นผู้ได้ยิน ได้ฟัง รู้เห็นมาก)

๓. กัลยาณมิตตตา (เป็นผู้มีเพื่อนดีงาม)
๔. โสวจัส-สตา (เป็นผู้ว่าง่ายสอนง่าย)

๕. กิงกรณีเยสุ ทัก-ขตา (ขยันเอาใจใส่ช่วยกิจผู้อื่น)
๖. ธัมมกามตา (ใคร่ในธรรมที่ชอบ)

๗. วิริยะ (เพียรละชั่ว ประพฤติดี)
๘. สันโดษ (พอใจในเครื่องบริโภค อุปโภคเท่าที่ตนสามารถหามาได้)

๙. สติ (ระลึกจำได้ถึงการที่ทำ คำที่พูดมาแล้ว)
๑๐. ปัญญา (รอบรู้ในความคิดนึก ปรุงแต่งในจิตตามความเป็นจริง).

"สันโดษ..............คือความอิ่มใจทุกขณะจิต ตามสภาวะ
ถ้าธรรมะเมตตาให้................พึงยถาสันโดษ ตามที่มีผู้เมตตา ไม่เรียกร้อง

ถ้าทำงาน...............................พึง พละ สันโดษ ทำเต็มกำลัง ความสามารถ
ถ้าความสามรถ ไม่จำกัด.........พึ่งสารุปสันโดษ รู้จักพอเหมาะ พอดี พอสมควร

ไม่พึงใช้ตนเอง ดัง ใช้วัว ใช้ควาย

puling

(http://board.palungjit.com/images/smilies/kapook_36966.gif)


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: ขม..ค่ะึึ ที่ 15 พฤษภาคม 2553 09:50:56
เมื่อจิตอ่อนน้อมเป็นกุศล

เห็นทุกชีวิตเสมอภาคเป็นคุณธรรม

เอาใจใส่ต่อสิ่งเหล่านี้ด้วยรอยยิ้ม

ทะเลทุกข์ไร้ขอบเขต หากกลับใจก็คือฝั่ง.

ใจสงบ..เป็นความบริบูรณ์แห่งพุทธธรรม


(http://krasota-gif.narod.ru/s/horses/21.gif)


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: ขม..ค่ะึึ ที่ 17 พฤษภาคม 2553 12:04:14
(http://files.myopera.com/vyphuong2385/blog/painting_children_childhood_kjb_DonaldZolan_40DozensofDaisies_sm.jpg)

ธรรมะเกิดได้ง่ายๆ
แค่เรามีสติ ครองสติเราให้มั่น
หลังจากนั้นเราก็ไม่ต้องกลัวอะไรอีกแล้ว
เพราะ
ศีล (พระพุทธคุณ)
สมาธิ (สติ)
กระทำดี (บารมี)
จะคุ้มครองเราอยู่เสมอตราบเท่าที่เรามีสติ...
ทุกข์ (เจ้ากรรมนายเวร) ที่เราไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไร
กรรม (คือการเกิดมาเพื่อสร้างความดี เพื่อให้ทุกข์ที่จะเกิดขึ้นเบาบางลงในที่สุด)

ธรรมะง่ายๆ นี้ หากไม่ต้องใจอยากโกรธนะค่ะ...
ที่ข้าพเจ้าคิดแบบนี้..เพราะยังเป็นปถุชนคนเดินดิน....
ยังมีครอบครัวให้อาวรณ์...(กตัญญู..และรัก..)
ยังมีเพื่อนร่วมโลกให้อาทร...(ช่วยเหลือ..และแบ่งปั่น)


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 17 พฤษภาคม 2553 13:27:55

(http://farm4.static.flickr.com/3486/4082964851_316f2b6ac3.jpg)

สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทนาสาธุธรรมค่ะ
 (:NOY:)  ไหว เคลื่อน ขอบคุณนะคะ..
รู้ กับ ทำ นั้นช่างห่างไกลกันเสียเหลือเกิน...

 (:1:)


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 17 พฤษภาคม 2553 23:50:23
อนุโมทนาสาธุครับ

เนื้อหาดีมาก

ถ้าแยกเป็นหลายหัวข้อได้หละแจ๋วเลย


 (:Y:) (:Y:) (:Y:)




หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: ขม..ค่ะึึ ที่ 18 พฤษภาคม 2553 11:12:23
ด้วยความยินดี..และขอให้ทางทีมงานแยกหัวข้อเรื่องเล่า(นิทาน)นะค่ะ


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 18 พฤษภาคม 2553 11:24:13
อ๋อไม่ได้อะไรครับ เคารพรูปแบบการทำของผู้โพสท์ แต่การแยกหัวข้อจะทำให้คนเข้าถึงเนื้อหาสาระได้ตรงเป้ามากขึ้นครับ

เพราะบางคนอาจไม่รู้ว่าหัวข้อนั้น ๆ เนื้อหาข้างในเป็นอย่างไร ทำให้พลาดของดีซะเยอะ

กว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ของคนเข้าเว็บ นิยมตามอ่านมากกว่าโพสท์น่ะครับ



 ;D ;D ;D




หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: ขม..ค่ะึึ ที่ 18 พฤษภาคม 2553 18:37:18
(http://files.myopera.com/arshamr/albums/612242/thumbs/Donald%20Zolan%27s%20Oil%20Paintings%20(1).jpg_thumb.jpg)

เรื่องง่ายๆ..ที่แสนยาก ..

รู้เพียงว่า ..ไม่มีสิ่งใดยากเท่าการตามรู้จิตตัวเองให้ได้ทุกขณะ
เพราะไม่มีใครหลีกหนีความทุกข์ได้ เพียงเราจะอยู่กับมันอย่างไรโดยไม่ทุกข์นัก
อยู่โดย "ไม่มีตัวเรา" ให้มากที่สุด

..เพียงกำหนดรู้ ..เรื่องง่ายๆ ที่ทำได้ยาก ..
แต่เรื่องยากๆ นี้ทำให้มีชีวิตง่ายขึ้น..ที่จะดำรงอยู่


..จิตที่ไม่ค่อยได้เฝ้าตามดู ตามรู้ และยากที่จะมีสติรู้ทุกขณะจิต
ไปครั้งใดก็เหมือนตัวเองยังเป็นเด็กอนุบาลที่ต้องฝึกเรียนรู้อีกมาก
เพราะเพียงการไปปฏิบัติเพียงชั่วไม่กี่วัน บางคนอาจจะเปลี่ยนแปลงได้

เพียงเรามีสติรู้ .. และหมั่นที่จะฝึกฝนจิตตัวเอง



(http://www.vcharkarn.com/uploads/143/143851.jpg)


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: ขม..ค่ะึึ ที่ 18 พฤษภาคม 2553 18:44:51
(https://lormvg.blu.livefilestore.com/y1moM0FucnOsXj7MwGaWjNFmlgjEEY40EIoiGhR003MV_ExD01KaclNwlLwNpHhUf7ByZP2uLA2QDec3c8hRm0d7GI99IutfWVEWl2EB1LyS_Sn-NoipQ5QZkMIJ-Qg_yJWdo3FI18zvAaGAR470DNOPw/painting_children_childhood_kjb_DonaldZolan_39SharingSecrets_sm.jpg)

การยอมรับความจริง

ความจริงเป็นสิ่งที่น่ายอมรับที่สุด
เพราะอย่างไรมันก็ต้องเป็นของมันอยู่อย่างนั้น
แต่สิ่งที่น่ายอมรับที่สุดนั่นแหละ
ที่มนุษย์มักปฏิเสธยิ่งกว่าอะไรอื่น
ราวกับจิตใจห่อหุ้มไปด้วยเมฆหมอกแห่งการหลอกตัวเองหนาทึบ

การยอมรับ ความจริงย่อมทำให้ใจคุณสบายกว่าตอนไม่ยอมรับ
ความจริงไม่เคยน่าหวาดกลัวสำหรับนักยอมรับ
ความจริงเป็นแค่สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นธรรมดาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
ไม่ว่าก่อนคุณเกิดหรือหลังคุณตาย
ระหว่างมีชีวิตคุณเคยทำให้ความจริงบิดเบี้ยวไปเพียงใด
ก็ขอให้ใช้เวลาช่วงสุดท้ายดัดมันให้กลับตรงมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เถิด
ผลจะเกิดเป็นจิตที่สบายของคุณเอง


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 19 พฤษภาคม 2553 10:36:33

(http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/616/6616/images/PS-Asia-Eu/tOhMyGod.jpg)

..เพียงกำหนดรู้ ..เรื่องง่ายที่ทำได้ยาก ..
แต่เรื่องยาก
ก็ทำให้ชีวิตง่ายที่จะดำรงอยู่


 (:LOVE:)   (:-_-:)   (:LOVE:)


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: ขม..ค่ะึึ ที่ 20 พฤษภาคม 2553 10:39:21
(http://files.myopera.com/Olgita/blog/painting_children_kjb_DonaldZolan_87SeptemberGirl_sm.jpg)

ปลงเพื่อสู้..

พระพุทธเจ้าไม่ได้ทรงสอนให้เราปลงยอม
แต่ให้ปลงสู้ปลงสู้ก็คือการต่อสู้กับความทุกข์
ความเศร้าหมองอันได้แก่กิเลสที่เกิดขึ้นในจิตใจของเรา
ด้วยการเพียรให้เรานั้น เรียนความจริงรู้ถึงเหตุที่ทำให้เราเศร้าหมอง
ว่าเหตุอะไรเกิดขึ้นแล้วเราก็เพียรบังคับจิตใจของเรา บังคับกาย วาจา ใจของเรา
อย่าปล่อยไปตามอำนาจของสภาวธรรมนั้น ๆ
ด้วยการมีสติสัมปชัญญะ ระลึกรู้เท่าทันอารมณ์

เมื่อสติเกิดขึ้น อำนาจของสติก็จะปกคลุมความเป็นใหญ่
สิ่งที่เป็นอกุศล คือโทสะก็ไม่สามารถยืนอยู่ในที่นั้นได้ก็ต้องดับลงไป
เพราะ มีอย่างอื่นขึ้นมาแทนที่

เราจะเปรียบจิตได้เสมือนกับปลายเข็ม
เราจะตั้งอะไรก็ตั้งได้อย่างเดียว เพราะมันเล็กมาก
จิตก็รับอารมณ์ได้ทีละอย่างเช่นกัน จะเกิดขึ้นพร้อม ๆ กันไม่ได้
ดังนั้นเราจะสามารถเชิญความเหงาออกไป เชิญความเบื่อออกไป
เชิญความกลุ้มออกไปได้ด้วยการมีสติสัมปชัญญะ

(http://apichoke.com/index.php?action=dlattach;topic=7113.0;attach=31285;image)


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 21 พฤษภาคม 2553 00:21:07
สาธุ ๆ อนุโมทนาครับ

อ่อ รูปของจารย์ขมไม่ค่อยขึ้นเลยครับ

น่าจะเป็นเพราะเวบที่จารย์ขมอ้างอิงรูปมาเค้าตั้งให้รูปแสดงเฉพาะสมาชิกนะครับ


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 21 พฤษภาคม 2553 14:06:38

(http://www.japan-mook.com/web/plugins/content/mavikthumbnails/thumbnails/460x324-..-core-upload-image-visit_japan_102_image1.jpg)

แดนสงบ           อยู่ที่ใจ             ใช่ที่อื่น
ใจชุ่มชื่น           ด้วยความดี        กายมีศีล
จะสงบ             พบสุข               ทั่วแดนดิน
ถิ่นสงบ            พบได้                ที่ใจเอย

อรรถกวี : ชัยยุทธ ไกรสุวรรณสาร

(http://www.dhammathai.org/bg/p12.gif)


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: ขม..ค่ะึึ ที่ 21 พฤษภาคม 2553 18:35:26
(http://i.zlicker.com/sanook/2009/11/26/oN/l/lo/oNlo.jpg)

โอ้!มนุษย์เจ้าเอย..

เจ้าเคยรู้สึกบ้างไหม....

ว่าเจ้ากำเนิดมาย่างโดดเดี่ยว..เดียวดาย

ต่างดำเนินเดินทางไปตามหามิตรสหายใน..โลกา

เมื่อ..เจ้าพบเพื่อนร่วมทาง..ร่วมฝัน

ดวงจิตและวิญญาณก็หายเปล่าเปลี่ยว..เหว่ว้า

ร่วมชีวิต..ร่วมฝัน..ร่วมกันสร้างสังคม..ขึ้นมา

ดิ้นรน..ไขว่คว้า..แก่งแย่ง..แข่งขันกันวุ่นวาย

แต่..ในที่สุด

มนุษย์..ก็อยู่เพียงลำพัง..เดียวดาย

ถึงแม้..จะรักกันมากแค่ไหน

สุดท้ายก็..ตาย..ไปเพียงลำพัง..ผู้เดียว

(http://file.siam2web.com/sawannirandr/ch01/2009314_37873.jpg)


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 23 พฤษภาคม 2553 06:31:30

(http://i541.photobucket.com/albums/gg361/yamiejung25/ra19.gif)

ยศและลาภ หาบไป ไม่ได้แน่
คงเพียงแต่ ต้นทุน บุญกุศล
ทรัพย์สมบัติ ทิ้งไว้ ให้ปวงชน
แม้ร่างตน เขาก็เอา ไปเผาไฟ


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 23 พฤษภาคม 2553 06:47:01

(http://static.flickr.com/35/107639711_c6ab5b60ce.jpg?v=0)


"เจ้ามา มีอะไร มาด้วยเจ้า
เจ้าจะเอา แต่สุข สนุกไฉน
เจ้ามามือเปล่า เจ้าจะเอาอะไร
เจ้าก็ไปมือเปล่า เหมือนเจ้ามา"

 **ผู้นิพนธ์ คือ สมเด็จพุฒาจารย์ (โต พรหมรังษี)


(http://www.bloggang.com/data/esanlanna/picture/1175120420.jpg)


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: ขม..ค่ะึึ ที่ 31 พฤษภาคม 2553 15:24:52
ณ ปากประตูแห่งความตาย

ความตายสำหรับคนที่ยังรักชีวิต คือ จุดจบที่น่ากลัว

ความตายสำหรับคนที่ยังห่วงใยญาติมิตร คือ การจากไปที่น่ากังวล

ความตายสำหรับคนที่ยังติดใจในกาม คือ การออกจากฝันดีที่น่าเสียดาย

ความตายสำหรับคนที่เบื่อโลก คือ จุดจบที่น่าปรารถนา

ความตายสำหรับคนที่น้อยใจคนรอบข้าง คือ การจากไปที่น่าสะใจ

ความตายสำหรับคนที่ผิดหวังในกาม คือ การออกจากฝันร้ายที่ขมขื่นเสียที

คนเราตายเหมือนกัน แต่รูปแบบการตายต่างกัน

ความเชื่อเกี่ยวกับความตายก็ต่างกัน

การมีชีวิตอยู่อีกนาน ทำให้ความตายกลายเป็นเรื่องไกลตัว

แต่ความตายที่กำลังรออยู่ตรงหน้า ทำให้การมีชีวิตอยู่ที่ผ่านมา

กลายเป็นเพียงความฝันเหลวไหล ที่กำลังจะเลือนหายไปจนหมดสิ้น

ศาสนาต่างๆ พูดถึงความตายต่างกัน

แต่พูดเป็นเสียงเดียวกัน ว่าควรตายอย่างสงบสุข

แม้คนไม่เชื่อเรื่องชาติหน้า ก็ต้องการตายอย่างสงบสุขเช่นกัน

พุทธเราเพิ่มเติมอีกนิดหนึ่ง คือบอกว่าอย่าตายเปล่า

อย่าเอาแค่ตายด้วยความเป็นสุข

ถึงแม้ตายขณะจิตเป็นสมาธิขั้นฌาน ก็นับว่าน้อยไป

ไม่คุ้มกับการมีโอกาสเป็นมนุษย์

พุทธเราขอให้ตายอย่างเข้าใจ เข้าใจว่าที่ตายไม่ใช่เรา

แม้ที่เกิดมาก็ไม่ใช่เรา ตัวเราเป็นแค่ความเข้าใจผิด

คิดว่ากายใจอันเกิดจากกรรม เป็นอัตตาตัวตนที่แท้จริง

ถ้าเข้าใจให้ถูก ต้องกล่าวว่ากายใจ

เป็นแค่ที่ตั้งของความเข้าใจผิด

เห็นอยู่ชัดๆ ว่ามันปรวนแปรไป ก็ยังอุตส่าห์อยากให้มันเหมือนเดิม

เห็นอยู่ชัดๆ ว่ามันก้าวสู่ความแตกดับ ก็ยังอุตส่าห์หวังให้มันคงอยู่

อาการที่จิตยึดเหนี่ยวกายใจอย่างเหนียวแน่น

สะท้อนถึงความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับกายใจมาตลอด

ภาวะใกล้ตายนับเป็นโอกาสสุดท้าย

ที่เราจะทำความเข้าใจเสียใหม่ให้ถูกต้อง

หากทำได้...

ช่วงสุดท้ายนับว่ามีค่ากว่าทุกช่วงที่ผ่านมาทั้งหมด!

ที่มา : เอกสาร ณ มรณา  รวมบทความคัดสรร ของดังตฤณ

(http://portal.in.th/files/2/9/5/2009/10/28/78c.jpg)


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: ขม..ค่ะึึ ที่ 03 มิถุนายน 2553 09:51:09
(http://1.bp.blogspot.com/_RVYgrT-YOpU/Sdh5jnvwuGI/AAAAAAAAAII/uy07BB_O5j0/s400/m143816.jpg)

สิ่งที่​จะ​ทำ​ให้ี​ชีวิตรักของคุณน่ารัก​...Lovely Love

ครอบครัว​ผู้​ใด​ มอบรัก​จาก​ใจ​ให้​กัน​และ​กัน
พ่อแม่ลูกมีรักผูกพัน
ครอบครัว​ผู้​นั้น​เหมือนดั่งสวรรค์
ครอบครัว​ผู้​ใด​ ​แม้​จะ​ต่างวัยแต่หัวใจตรง​กัน
สื่อสาร​กัน​ได้​ต่าง​เข้า​ใจ​กัน
ครอบครัว​ผู้​นั้น​อบอุ่นจังเลย
แม้​จะ​ห่มฟ้าก็​ไม่​หายหนาว
หากครอบครัวแตกร้าวต่างคนเมินเฉย
ต่างคนต่าง​อยู่​ ​ไม่​เจอ​กัน​เลย
ไม่​เคยเอื้อนเอ่ย​ ​สิ่งที่ดี​ให้​แก่​กัน
ความ​สุขสดใส​ต้อง​เริ่ม​จาก​ใจ
จาก​ใจใสใสของคนบ้าน​นั้น
ใจใสทุกคน​เป็น​หนึ่งเดียว​กัน​
เพียง​ไม่​กี่วันโลกที่​ใฝ่ฝัน​จะ​พลัน​เป็น​จริง

พระราชภาวนาวิสุทธิ์​ (หลวงพ่อธัมมชโย)

(http://statics.atcloud.com/files/entries/5/50579/images/1_display.jpg)

ความ​รัก​เป็น​สิ่งที่​อยู่​คู่​กับ​มนุษย์มาช้านาน​ ​
และ​มนุษย์ทุกคนล้วนมี​ ​ความ​รัก​อยู่​ภาย​ใน​ใจ​ ​มาก​หรือ​น้อยแตกต่าง​กัน​ไป​
​ความ​รักผ่าน​เข้า​ออก​ ​ดวงใจของเรานับตั้งแต่​แรกเกิด​
​เมื่อลืมตาดู​โลก​ ​พบ​กับ​พ่อแม่​ ​ผู้​ให้​ความ​อบอุ่นเลี้ยงดูอย่างทะนุถนอม​ ​และ​ญาติพี่น้อง​ผู้​มีสายเลือด​ใกล้​ชิด​ ​
ต่อเมื่อ​ ​เติบ​ใหญ่​ขึ้น​ ​จึง​ได้​รู้จัก​กับ​ทั้ง​เพื่อนหญิง​และ​ชายวัยเดียว​กัน​ ​หรือ​ต่างวัย​
​ความ​รักก็​เริ่มแตกกิ่งก้านสาขาออกไป​ ​

จนกระทั่ง​ได้​พบคนที่ถูกอกถูกใจ​ ​หวัง​ให้​มา​เป็น​คู่ชีวิต​
​ความ​รัก​ได้​ผลิบานออกไป​ใน​อีกรูปแบบหนึ่ง​
​เมื่อตกลงปลงใจ​ใช้​ชีวิตร่วม​กัน​ ​จนกระทั่งมีลูก​
​ช่วงที่​เลี้ยงดูลูก​ด้วย​ความ​รัก​ ​ก็​เป็น​อีกฤดูกาลหนึ่งของชีวิต​
​จนกระทั่งย่าง​เข้า​สู่วัยชรา​ ​ความ​รักประสา​ ​วัยรุ่นที่คึกคะนองพลันอันตรธานไป​
​แปรเปลี่ยน​เป็น​ความ​รัก​ความ​ห่วงใย​ ​ใน​ลูกหลาน​และ​บริวาร​ ​ตามอย่าง​ผู้​สูงอายุ
  
คนจำ​นวนมาก​ใช้​ชีวิตล่วงเลยผ่านไป​
​มอบ​และ​รับ​ความ​รัก​จาก​ผู้​อื่น​ ​มากมายหลายครั้ง​
​พบ​กับ​ทั้ง​ความ​สมหวัง​ ​และ​ความ​ผิดหวัง​ ​
จนแม้กระทั่ง​ ​ใน​ยามหลับตาลา​โลก​ ​
ก็​ยัง​คงไขว่คว้าหา​ความ​รัก​อยู่​นั่นเอง​ ​
ไม่​เคยอิ่ม​ ​และ​พอ​ใน​ความ​รักเลย​ ​
รวม​ถึง​ไม่​เคย​เข้า​ใจ​ใน​ความ​รักอย่างแท้จริง

​และ​ที่สำ​คัญที่สุดคือ​ ​ความ​รักที่มีต่อตนเอง​
​ซึ่ง​เป็น​ที่สุดแห่ง​ ​ความ​รัก​ ​ที่ทุกคนจำ​เป็น​ต้อง​รู้จัก​และ​มี​อยู่​ใน​ใจ​
​เป็น​ความ​รักแท้อันสูงส่ง​ ​สะอาด​ ​บริสุทธิ์​ ​สมบูรณ์​ ​เปี่ยม​ด้วย​อานุภาพ​
ซึ่ง​ทุกคน​สามารถ​เข้า​ถึง​ ​ความ​รักเช่นนี้​ได้​
​ด้วย​การประพฤติปฏิบัติธรรม​

​เมื่อ​ได้​ศึกษา​และ​ปฏิบัติตามหลักวิธี​ ​ควบคู่​ไป​กับ​การปฏิบัติธรรม​แล้ว​
​ชีวิตรักของเรา​เองก็​จะ​สมบูรณ์ยิ่งขึ้น​ ​เช่นเดียว​กัน​ ​เรา​จะ​ได้​พบ​กับ​รักแท้​
​จนกระทั่งบังเกิด​เป็น​ความ​รักแห่งสากล​โลก ​ความ​รักที่น่ารัก​ ​​ความ​รักที่งดงาม​
​ที่ทุกคนควรมี​อยู่​ใน​ใจ​ซึ่ง​ส่งผล​ ​ให้​เกิด​ความ​เปลี่ยนแปลงครั้งยิ่ง​ใหญ่​ต่อตนเอง​ ​และ​มวลมนุษยชาติ

( Lovely love.pdf)

(http://3.bp.blogspot.com/_RVYgrT-YOpU/Sdh5j2J1dZI/AAAAAAAAAIQ/hwCLGbB_PyA/s400/m143817.jpg)


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 03 มิถุนายน 2553 15:10:41
ชอบมากครับ

โดยเฉพาะของเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังษี

สั้น แต่ลึกซึ้งมาก


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: ขม..ค่ะึึ ที่ 03 มิถุนายน 2553 21:44:49
เพียงลำพังอันเงียบงาม
ในท่ามโลกว่ายเวียนวน
จิตสงบพบกุศล
ดั่งอุบลชูช่อบาน

มืดแล้วสว่างสอนสัจจะ
ทุกข์ผัสสะให้พ้นผ่าน
สร้างความดีทุกวันวาร
มิรอนรานกับเพรงกรรม

เพียงเม็ดทรายธุลีหล้า
เกษมค่าได้พบธรรม
เส้นทางบุญได้หนุนนำ
ระรินร่ำเพาะบ่มใจ

ฝึกจิตสว่างว่าง
รู้ปล่อยวางทุกข์เป็นไป
หนึ่งแท้แน่เหนือใด
อัญมณีภายในโชติตระการ...!

(http://4.bp.blogspot.com/_xf1Ev1dj4Ms/R-ZexnY9MNI/AAAAAAAAAD8/bs04XdRi3P0/s400/Lotus558.jpg)


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 04 มิถุนายน 2553 05:16:56

(http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/717/39717/images/dhamma/lotusfloating.jpg)

อุทิศนา

ลอยธรรมะมาลัย   ลงสู่โลกอันเบียฬบีฑ์
แผ่ธรรมะรังษี   ตามพระพุทธทรงประสงค์ ฯ

มั่นหมายจะเสริมศาสน์   สถาปน์โลกให้อยู่ยง
ปลอดภัยพินาศ, คง   เป็นโลกศุขสถาพร ฯ

หากแล้งพระธรรมญาณ   อันธพาลกลีบร
จะครองโลกเป็นอากร   ให้เลวลู่สู่เดรัจฉาน ฯ

จะทุกข์ทนทั้งคืนวัน   พิฆาตกันบมีประมาณ
ด้วยเหตุอหังการ   เข้าครองโลกวิโยคธรรม ฯ

บรรษัทพระพุทธองค์   จึ่งประสงค์ประกอบกรรม
ตามแนวพระธรรมนำ  ให้โลกผองผ่องพ้นภัย ฯ

เผยแผ่พระธรรมทาน   ให้ไพศาลพิชิตชัย
แปดหมื่นสี่พันนัย   อุทิศทั่วทั้งธาษตรี ฯ


พุทธทาสภิกขุ  ๒๕๒๓

 (:88:)   http://www.oknation.net/blog/all-about-rice/2009/07/04/entry-3 


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: ขม..ค่ะึึ ที่ 04 มิถุนายน 2553 12:34:37
(http://jitpan.files.wordpress.com/2007/06/reclining-buddha-8.jpg)

การอบรมใจให้คุ้นเคยกับความดี ความสงบ
เป็นสิ่งควรทำอย่างยิ่งด้วยกันทุกคน
ผลที่เกิดตามมานั้นมีค่าหาที่เปรียบมิได้
และความคิดก็เหมือนเด็กที่กำลังหัดว่ายน้ำ

สติ คือ ผู้สอนต้องหาหลักให้โผไปจับไปยึด
ไม่ปล่อยให้เด็กโผออกไปกลางน้ำตามลำพังไม่มีที่ยึดเหนี่ยว ก็จะจมน้ำตาย
เรื่องราวร้อยแปดคือกระแสน้ำเชี่ยวแรง
ใจที่ไม่ได้รับการอบรมให้สงบ คือ
ผู้ที่กำลังแหวกว่ายอยู่ในกระแสน้ำเชี่ยวแรงนั้น

สติ คือ ผู้กำลังสอนเด็กคือใจหรือความคิดให้ว่ายน้ำ
สติ ต้องหาหลักให้ใจเกาะ ถ้าปล่อยให้ผลุบโผล่อยู่กลางน้ำเชี่ยวแรงหมุนติ้วอยู่เช่นนั้น
ไม่น่าก็จะจมหายไปในกระแสน้ำ สิ้นชีวิต

ทุกคนที่ไม่คุ้นเคยกับการอบรมจิต
คือเด็กที่กำลังกระเสือกระสนผลุบโผล่อยู่กลางน้ำเชียว
ถ้าไม่มีหลักเกาะไว้ให้มั่นจักจมน้ำตาย
การตายเช่นนี้น่ากลัวน่าสลดสังเวชยิ่งกว่าการตายจริงๆ
คือน่าสลดสังเวชยิ่งกว่าการหมดลมหายใจ

อันเป็นกฎธรรมดาของทุกสิ่ง มีเกิดต้องมีดับ
จึงไม่ใช่เรื่องควรสลดสังเวช
แต่การตายแบบที่กล่าวว่าเหมือนผู้ที่กำลังแหวกว่ายอยู่ในสายน้ำเชี่ยว
ไม่หลักยึดเหนี่ยว
เมื่อหมดแรงสู้กับกระแสน้ำที่ไม่มีเวลาจะลดความแรงลง
ก็ย่อมจะจมลง หายไปในกระแสน้ำ

การตายเช่นนั้นเป็นการตายที่น่าสลดสังเวชที่สุด
ความจริงยังมีชีวิตจิตใจอยู่
แต่อยู่อย่างผู้พ่ายแพ้แก่กระแสกิเลสที่สกปรกและท่วมท้น

ผลคือสิ่งที่จมอยู่ในความสกปรกโสโครกนั้น
คือใจ ย่อมถูกความสกปรกปิดมิดสนิท
ไม่ปรากฏให้เห็นตามความเป็นจริงได้เลย
จะเห็นกันก็แต่ความสกปรกพ้นจะบรรยายได้ที่หุ้มใจอยู่เท่านั้น
นั่นคือความน่าสลดสังเวชของการตายแบบนี้

: แสงส่องใจ พระพรประทานปีใหม่ ๒๕๓๙
: สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

(http://img404.imageshack.us/img404/3441/pageua.jpg)


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 04 มิถุนายน 2553 15:13:48


(http://statics.atcloud.com/files/comments/71/718549/images/1_display.jpg)

(http://1.bp.blogspot.com/_vLsVkSrMg08/S61KBtVTlXI/AAAAAAAAAkU/0zTlmSE3i5Q/s400/%5Bwallcoo%5D_cg_artwork_dehong_he_02.jpg)

(http://www.bloggang.com/data/praewkwun/picture/1220167377.gif)

 (:88:)  (:88:)  (:88:)



หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: ขม..ค่ะึึ ที่ 07 มิถุนายน 2553 14:16:39
(http://meditationincolorado.org/photos/buddhaforhomepage2.jpg)

ในยามใคร่ครวญ ถึงความจริงแท้
ที่สัมผัสและเรียนรู้ ....
จาก...
ธรรมชาติของสรรพสิ่ง
สรรพสิ่งที่ เป็น ดั่ง ครูผู้สอนชีวิต

มิใช่เพียง สิ่งที่ได้พบได้เห็น ด้วยดวงตา
แต่ด้วยใจ ที่ไป สัมผัส จิตที่กระทบ
สติที่ไหวเอน หรือคงมั่น ....
เรียนรู้ จวบจน
ถึงวันที่ ไม่มี ภพชาติ เป็นแดนเกิด

หยาดหยดแห่งรสพระธรรม
ก่อเกิดความคิดอันตกผลึกของจิตดำริธรรม

แม้ถ้อยคำนี้ ช่างลึกซึ้งนัก
เมื่อหัวใจแห่งห้วงเรียนรู้ ตกผลึก
เพื่อ แบ่งปัน หยาดพระธรรมหยดเล็กๆ
ที่เป็นความจริงแท้ค่ะ

หยาดพระธรรม
จาก
พระเมตตาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
หาใช่น้ำค้าง ยามอรุณ ที่หยดหยาดมาแล้วเหือดแห้ง
แต่หยาดธรรมนั้น หยาดหยดลง กลาง ใจ
แห่งความเข้าใจ กลางจิต ที่เข้าใจคุณค่าแห่งการเกิด
และ การเรียนรู้โลก แจ้ง

ขอบคุณไทยโพสต์....

(http://www.212cafe.com/boardvip/user_board/cm99/picture/01064_10.jpg)


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: ขม..ค่ะึึ ที่ 15 มิถุนายน 2553 10:33:56
(http://www.bloggang.com/data/namon/picture/1193989498.jpg)

ข้าวก้นบาตรหว่านไหวลงในดิน
ต่างจิกกินเศษบุญอุ่นอิ่มหนำ
อิ่มพระพุทธอิ่มสุขทุกกลืนคำ
อิ่มลึกล้ำลำนำแผ่เมตตา

ทุกชีวิตสามัญของวันนี้
คือเสรีเส้นทางต่างค้นหา
เพื่อไปสู่อิสระแห่งวิญญาญ์
สู่ปรมัตถ์สัจจาพระนิพพาน

ชีวิตน้อยหมุนเวียนรอยเกวียนกง
ต่างจบลงกรงกลัดวัฏสงสาร
แม้นไม่พ่ายสิ่งใดในดงมาร
หากต้องแพ้สังขารอนิจจัง

เมื่อแดดใหม่ทอแสงสู่แหล่งหล้า
เถิดนกกาหากินอย่าสิ้นหวัง
หากทุกอย่างสิ้นไปไม่จีรัง
เพียงรับฟังธรรมะจากพระพุทธ

เห็นไหมนั่นเส้นทางกลางท้องนา
เมื่อบุปผาบานแต้มแย้มสายหยุด
คือวิถีอันงดงามความวิมุตติ
กลางประทุษสังคมนิยมเมือง

ความหมายใดจะยิ่งใหญ่ไปกว่านี้
ยามสะแบงบานคลี่ในฟ้าเหลือง
ประสานเสียงสกุณาฟ้ารองเรือง
สุขนองเนืองสถิตอยู่มิรู้ร้าง

(http://www.phoenix-im.com/main/images/blog/kai-1.jpg)


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: ขม..ค่ะึึ ที่ 17 มิถุนายน 2553 20:28:43
(http://www.pattanakit.net/images/column_1250522522/CCC2.jpg)

ลานหมด....

แม่ก็แค่...คนแก่ เดินทางเก่า
รอเพียงเจ้าเช้าเย็นเฝ้าคอยรอ
ทุกค่ำคืนนั่งท้าวคางตั้งตามอง
รอบอกลูก..ว่าแม่...รักห่วงหา

นาฬิกา...เดินช้าเวลาดับ
เข็มขยับสับทิศผิดองศา
เช้าเป็นเย็นค่ำเป็นสายหน่ายเวลา
กลับมีค่าเมื่อถูกจับปรับไขลาน

แม่ลับแล้ว...ยิ้มหลง..พะวงหา
รอเวลา คืนกลับ เจ้าขับขาน
เช้าจรดเย็น ร่างแข็ง รอลูกยา
ลูกกราบแม่ อาบศพ เศร้าร่ำพรรณ .... "ใยไม่รอลูกก่อน เล่าแม่จ๋า ?"

หลวงพ่อท่านกล่าวเสริม......

"หมดเวลาแม่เจ้าแล้วลูกเอ๋ย..ไม่สามารถ ปรับแก้ ไขลานดั่งนาฬิกา"

"นาฬิกาตาย เปลี่ยนถ่านใหม่ ปรับไขลาน กลับเดินได้ดั่งเดิม...

แต่แม่เจ้าตายแล้ว ใส่ถ่านใหม่ ให้เผาไหม้มอดไป"

(http://www.praphansarn.com/new/forum/uploads//2008-06-05_213431_angel.jpg)


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 18 มิถุนายน 2553 07:49:00

(http://widget.sanook.com/static_content/widget/full/graphic_1/0473/303473/ce855c88fae08970ed2a2b171e9d50e3_1233805851.gif)

สาธุค่ะ


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: ขม..ค่ะึึ ที่ 18 มิถุนายน 2553 21:07:45
(http://www.pantip.com/cafe/gallery/topic/G3664558/G3664558-1.jpg)

ลำพังอันเงียบงาม
ในท่ามโลกว่ายเวียนวน
จิตสงบพบกุศล
ดั่งอุบลชูช่อบาน

มืดแล้วสว่างสอนสัจจะ
ทุกข์ผัสสะให้พ้นผ่าน
สร้างความดีทุกวันวาร
มิรอนรานกับเพรงกรรม

เพียงเม็ดทรายธุลีหล้า
เกษมค่าได้พบธรรม
เส้นทางบุญได้หนุนนำ
ระรินร่ำเพาะบ่มใจ

ฝึกจิตสว่างว่าง
รู้ปล่อยวางทุกข์เป็นไป
หนึ่งแท้แน่เหนือใด
อัญมณีภายในโชติตระการ...!

(http://www.pantip.com/cafe/gallery/topic/G3664558/G3664558-3.jpg)


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: ขม..ค่ะึึ ที่ 20 มิถุนายน 2553 11:36:55
(http://i794.photobucket.com/albums/yy230/akitia7share/Magnolia-Sinuan/003.jpg)

อันเมตตาภิขเวเจโต
ย่อมสุขโขแก่ผู้ที่สู่หา
วิมุตติมายะย่อมจะพา
นิพานาอมฤทธิพิชิตมาร

ทุคคะติโสนะคัจฉะติ
มิบานผลิเกิดผู้สู่สงสาร
ก่อกำเนิดแก่จิตมิคิดพาล
ยากรอนรานแก่ใจมิให้มี

ผู้มีศีลจะปลดกำหนดจิต
สมาธิคิดปัญญาพาเกษมศรี
ปราศมลทินนอกในไร้ราคี
สร้างชีวีพบสุขทุกวันคืน

พูดนั้นง่ายทำยากมากเหลือล้น
แต่ละคนอยากได้ไม่คิดฝืน
ทั้งรูปรสกลิ่นเสียงมิยั่งยืน
รินไหลรื่นเก็บไว้สู่ในทรวง

จนกำเนิดเจ็บตายเวียนว่ายเกิด
สิ่งเลอเลิศเพริศแพร้วแนวแมนสรวง
ล่อหลอกในห้วงหทัยคล้ายใยยวง
สร้างเป็นบ่วงผูกมัดจัดเวรกรรม

ล้วนอวิชชาปรุงแต่งเข้าแฝงไว้
แตกก้านใบรากลึกตรึกจนถลำ
จิตคนเราเกิดดับนับครอบงำ
เกิดระส่ำยากเข็นลำเค็ญกาย

ตามองรูปเกิดรักประจักษ์สร้าง
ตามรูปร่างผลผลิตมิปลิดสลาย
หลงจนเพ้อละเมอพร่ำย้ำใจ
ยากสลายไว้มิตัดให้ขาดตอน

เป็นสิ่งแรกแฝงไว้ให้กายสร้าง
มิลบล้างแปรเปลี่ยนเวียนสลอน
ก่อนกำเนิดเป็นมนุษย์สุดร้าวรอน
ผ่านขั้นตอนเวรกรรมล้วนนำพา

ความเมตตาปรานีนี้ควรสรรค์
กรุณานั้นปฏิบัติมิกังขา
เป็นสิ่งแรกค้นหาแล้วนำมา
จิตย่อมล้าต่อเวรเคยเช่นทำ

ไขว่ค้นสิ่งอิงแท้แม้ยากเข็น
ย่อมหากเช่นปลดรักมักจะขำ
ลึกซ่อนเร้นในห้วงดวงใจจำ
เข้างอกงำดุจรากฝากแผ่นดิน

ด้วยสิ่งนี้ฝากไว้ในแดนโลก
แล้วเข้าโขกกระทำย้ำหมดสิ้น
สร้างเมตตากรุณาเป็นอาจินต์
ย่อมหลีกดิ้นต่อมารผ่านตัวเรา

ตัดความอยากพรากโลภและโกรธหลง
ทิฏฐิปลงเยื้อใยที่ใคร่เฉลา
ฝึกคำสอนพุทธะมาลดเอา
จิตจะเบาละวางสร้างในตัว

เกิดเป็นสุขทุกข์หายมลายสิ้น
ย่อมโผผินบินไปไร้สิ่งสลัว
อิสสระจะนำไว้ไร้เกรงกลัว
สิ่งยวนยั่วหนีหายไร้มลทิน

ค่อยค่อยฝึกแล้วทำน้อมนำจิต
หมายพิชิตต่อมารผลาญเสียสิ้น
ประภัสสรประเสริฐเลิศอาจินต์
หมดสิ่งถวิลเมตตาพานิพพาน.

*** แก้วประเสริฐ. ***

(http://i794.photobucket.com/albums/yy230/akitia7share/Magnolia-Sinuan/004.jpg)


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: ขม..ค่ะึึ ที่ 21 มิถุนายน 2553 20:13:41
(http://fc01.deviantart.com/fs21/i/2007/246/d/b/My_secret_place_by_Cado.jpg)

สำคัญที่ใจใช่ไหมเล่า
จะพบเศร้าโศกสุขทุกข์สับสน
มากเรื่องราวรานร้าวโลกเวียนวน
พบผู้คนบนหนทางอ้างว้างชีวี

แท้ที่จริงเราทุกผู้ธุลีหล้า
อนันต์ค่าสร้างบุญกุศลศรี
ลบลาหมองต้องเพียรสร้างความดี
ผลิเพาะพลีเมล็ดฝันสิ้นพันธนา

สายธารามหานทีทองรอล่องสู่
แดนผู้รู้ปล่อยวางห่างเสน่หา
สิ้นไร้ร่างเคยเกาะเกี่ยวบ่วงมายา
เพียรภาวนาพบทางสว่างวัน

แดนดารารายพรายพร่างทางช้างเผือก
พร้อมจะเลือกกี่ภพจบจิตขวัญ
เมื่อถึงวันพรากลามิจาบัลย์
เป็นนิรันดร์มั่นหมายในสายใจ....!

ขอบคุณไทยโพสต์....


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: ขม..ค่ะึึ ที่ 22 มิถุนายน 2553 10:52:08
(http://sl.glitter-graphics.net/pub/1507/1507347t99te1b9ln.gif)

รจนาภาษาเรียบง่ายจึ้ตรงจุด
สู่วิมุตติหลุดพ้นกว่าคำไหน
ตายก่อนตายหยุดคิดได้สว่างใจ
ไม่วาบไหวหวั่นหวามตามโลกย์รัก..

พระท่านนำทางธรรมสั่งสอนสั้นกระชับ
รู้รำงับจับอิริยาบถให้รู้จัก
ความเคลื่อนไหวช้าช้าพาจิตพัก
หยุดทุกข์หนักทุกข์หนาพาพบธรรม..

คือ.กุศโลบายให้จิตจ่อ
เพียรอย่าท้อรู้ฝึกทุกคืนค่ำ
ยามใดเหงาเหว่ว้าวิบากกรรม
จงเพียรทำไร้น้ำตาหาใครมาปลอบใจ..

เพราะผู้ใดไหนเล่าจะช่วยเจ้า
หลุดพ้นเศร้าดายเดียวยามวูบไหว
เจ้าต้องอยู่กับเงาร้าวเปล่าเปลี่ยวใจ
ตราบสิ้นลมหายใจใครไปด้วยช่วยบอกที..

มาลำพังไปลำพังอย่าเขลาโง่
จงรีบโผล่บัวพ้นน้ำงามศักดิ์ศรี
ฝึกหยุดคิดนิมิตหมายนะคนดี
นิพพานที่นี่เดี่ยวนี้สิพบว่างกระจ่างใจ..

ณ..โลกนี้นาทีนี้ใช่โลกหน้า
เลิกเหว่ว้าลืมทางพรางหวั่นไหว
ไม่มีเขาเราอยู่ได้นะดวงใจ
เพราะจิตใสสิ้นทุกข์ได้ไร้ตัวตน...

ตามรอยธรรมรอยทองของพระพุทธ
เพียรรู้หยุดเลิกคิดได้ไร้สับสน
มองเข้าไปในจิตวิญญาณบ้านแห่งตน
สร้างกมลใสว่างพร่างแสงเพชรอัญมณี..!

ขอบคุณ..คุณพุด..จากไทยโพสต์

(http://solno07.exteen.com/images/187841zzukfm12dl.gif)


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 23 มิถุนายน 2553 13:25:41


(http://www.thaipoem.com/forever/img/storymember/5294-21992.jpg)


เหนือทุกข์


อันความทุกข์  สอนธรรม   มีน้ำหนัก
เห็นทายทัก  ความทุกข์  สนุกหรือ
เธอก็ทุกข์  ฉันก็ทุกข์  สนุกฤา
เราต่างคือ  คนทุกข์  สนุกอะไร

 
ทุกข์ให้เป็น  จะมองเห็น  ความก้าวหน้า
เอาทุกข์มา  ฝึกฝน  อดทนได้
โลกถูกทุกข์  กระแทกกระทำ  อยู่ร่ำไป
แต่ดวงใจ  เราเหนือทุกข์  ไม่ถูกกระทำ

 
ด้วยปล่อยวาง  ว่างเบา  มิเศร้าหมอง
ทุกข์ก่ายกอง  กระซ่านกระเซ็น  ไม่เป็นส่ำ
ขอพวกเรา  จงยอมรับ  และกลับลำ
ทิ้งความทุกข์  อันมืดดำ  แล้วทำดี


(http://www.rabiangphuresort.com/news_db/ulfiles/tsb_t91e4BY3.jpg)


จากหนังสือ " เจ็บ...แต่ก็...โอเค "   
จากเวบ... 
www.prajan.com (http://www.prajan.com)
http://www.trytodream.com/index.php?topic=14460.msg37193;topicseen#msg37193 (http://www.trytodream.com/index.php?topic=14460.msg37193;topicseen#msg37193)


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: ขม..ค่ะึึ ที่ 24 มิถุนายน 2553 11:39:20
(http://debtclub1.212cafe.com/user_blog/debtclub1/Panyanundha.jpg)

... รักษาใจ ...

ทำบุญทำทานแล้วทำใจ

อะไรอะไรที่ยิ่งใหญ่ อยู่ ในใจนี้

สุขทุกข์ท่วมท้นมากล้นทวี

เพราะใจมีความรู้สึกนึกไปเอง

ทั้งโลกา ทั่วน่านฟ้า มหาสมุทร

อวิชา วิทยายุทธ์ ที่ ใช้ข่มเหง

ทุกสิ่งสรร อัศจรรย์ ศิลปบรรเลง

ในใจเอง ที่เก็บไว้..ฉะนั้น..รักษาใจให้ดี

ดาเรน....

(http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/89/2089/images/lotus/lotusgoldfish.jpg)


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: ขม..ค่ะึึ ที่ 25 มิถุนายน 2553 15:30:39
(http://std.sskru.ac.th/counseling/webboard_upload/1256550032.jpg)

การรู้ได้จักใครสักคน....
แม้ไม่ต้องพบหน้าแค่พูดคุย ก็เข้าใจความหมายที่มี
มิตรภาพที่ดีเป็นสิ่งที่ควรถนอม ควรรักษาไว้
ความเป็นเพื่อน เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่มีค่า ควรแก่การดูแลด้วยหัวใจ

หลงพ่อจรัญ ท่านเคยสอนว่า
"แฟน แปลว่า เย็นใจ อยู่ด้วยแล้วสบายใจ
แฟน ในความหมายของท่าน ไม่ใช่แค่ชายหญิงที่เป็นคู่รักเท่านั้น
ท่านบอกเพื่อนกันก็เป็นแฟนกันได้ในความหมายของท่าน
ความเย็นใจที่ได้พูดคุย ได้รู้จัก ได้อยู่ร่วมกันเป็นหมู่กัลยาณมิตร
รู้สึกได้ เมื่อใช้หัวใจสัมผัส...แม้แค่ผ่านทางตัวหนังสือ เรื่องเล่าที่ส่งถึงกัน
ความรู้สึกดี รู้้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก
แม้ว่าในโลกแห่งความเป็นจริง อาจไม่ใช่อย่างที่สัมผัสในที่นี้ก็ได้
ในชีวิตจริงดูเหมือนว่า ไม่ค่อยมีคนได้เข้ามาสัมผัสเพื่อนแท้มากนัก"

การไม่อยากเปิดใจให้ทุกคนได้รู้จักเท่าไหร่
แม้ดูfriendlydก็จริง แต่คนทั่วไปก็รู้จักผิวเผิน
เราต้องเลือกเพื่อนที่เราอยากรู้จักเอง
เลือกคบเอง เลือกคุยเอง เลือกเป็นเพื่อนเอง
เพราะหากว่าเป็นคนคุยเก่งในหมู่เพื่อนแล้วเปิดเผยเสมอ
ไม่มีความลับต่อกัน ง่ายๆ สบายๆ เล่าเรื่องราวต่างๆได้
จนดูว่าเปิดเผยมากสำหรับความเป็นเพื่อน
ให้ความซื่อสัตย์ต่อความเป็นเพื่อนเสมอ

ดังนั้นจึงขอเลือกเพื่อนที่เข้ามาในชีวิตเอง
เพราะเราเป็นคนไม่เอาเปรียบใคร ไม่รังแกใคร ไม่มีลับลมคมนัย
ใจกว้าง ใจดี มองโลกในแง่ดี จนบางครั้งถูกเอาเปรียบบ่อยๆ
ขอเลือกเองนะ...เพราะเพื่อนนั้นสำคัญเสมอ
เป็นสิ่งที่ควรด้วยความรัก ด้วยความจริงใจ ด้วยความเข้าใจ...ด้วยหัวใจทีมี
ไม่อยากเสียใจกับคำว่า...เพื่อน...ขอเลือกเองนะ...ขอเลือกเอง

ขอบคุณ..เวปธรรมจักร/ลูกโป่ง

(http://widget.sanook.com/static_content/widget/full/graphic_1/0493/309493/6e7b114d8627b952028d8c81379da8ca_1233658416.gif)


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 27 มิถุนายน 2553 07:21:25

(http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/778/9778/images/buddha_flower.jpg)


บทสวดนพคุณ


◊ ปวงข้าฯ ขอประณต                    พระสุคต ศาสดา
ผู้ทรง พระเมตตา                               แก่บรรดา ประชากร

     ◊ ปวงข้าฯ ไหว้พระธรรม                 คุณเลิศล้ำ คำสั่งสอน
ดับทุกข์ ดับนิวรณ์                              ชนนิกร ได้สุขใจ

     ◊ ปวงข้าฯ นบพระสงฆ์                  ผู้ดำรง ธรรมวินัย
เป็นกำลัง พระจอมไตร                        ช่วยแก้ไข ทุกข์ประชา

     ◊ ปวงข้าฯ กราบพ่อแม่                  ผู้ดูแล แต่เกิดมา
ควรระวัง ไม่ห่างตา                            ให้ปวงข้าฯ พ้นทุกข์ภัย

     ◊ ปวงข้าฯ อภิวาท                       ผู้ประสาท วิชาให้
คุณครู ทั้งหญิงชาย                           ศิษย์จำหมาย ชั่วชีวี

     ◊ ปวงข้าฯ ขอนอบน้อม                 ผู้เป็นจอม ประชาชี
องค์กษัตริย์ ผู้ทรงมี                           ความปรานี ประชาชน

     ◊ ปวงข้าฯ จะสำนึก                      คอยฝนฝึก ดวงกมล
ทำดี ทวีผล                                     แนะนำตน สมเป็นไทย

     ◊ บ้านเมือง เป็นของข้า                 จะรักษา ตลอดไป
สามัคคี มอบกายใจ                           เพื่อเป็นไทย นิรันดร์เอย...


บทสวดเจริญพระพุทธมนต์
จากงาน "หยุดใจ ไว้ที่ธรรม" อธิษฐานจิตเพื่อแผ่นดินไทย
นำอธิษฐานธรรมโดย พระอาจารย์อารยะ อารยะวังโส
เจ้าอาวาสวัดป่าพุทธพจน์หริภุญไชย อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน
วันเสาร์ที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๓
งานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา
เนื่องในเทศกาลวันวิสาขบูชา ๒๒ - ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๓
ณ พลับพลาพิธี มณฑลพิธีท้องสนามหลวง กรุงเทพมหานคร


Posted by forgive


(http://www.oknation.net/blog/user_icon/57/11057)


อนุโมทนาสาธุค่ะ...
http://www.oknation.net/blog/tocare/2010/05/23/entry-1 (http://www.oknation.net/blog/tocare/2010/05/23/entry-1)


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: ขม..ค่ะึึ ที่ 30 มิถุนายน 2553 15:52:08
(http://t3.gstatic.com/images?q=tbn:zh3vD_TizmUalM::&t=1&usg=__Ly11ARvNGsWmuP4UFQlaTiru86Q=)

ความเข้มแข็งของคน..กับศีลธรรมที่อ่อนแอของคน

ในชีวิตประจำวัน คนเราต้องพานพบประสบเรื่องราวนานัปการ
บ้างก็เป็นปัญหา บ้างก็เป็นผลสำเร็จ บ้างก็เป็นเรื่องยุ่งยาก บ้างก็เป็นเรื่องง่ายดาย

บางครั้งก็มีทั้งเรื่องราวที่ไร้สาระกับเรื่อง ที่ควรจริงจัง
ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่เราทุกคนพบเห็นได้เป็นประจำในชีวิต

แปลกตรงที่เราแต่ละคนประสบกับสิ่งต่างๆแตกต่างกันไป
บางคนโชคดี บางคนโชคร้าย บางคนมีโอกาส บางคนกลับไร้วาสนา
นี่ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีและน่าเศร้าควบคู่กันไป

มนุษย์มีกำเนิดแตกต่างกันโดยสภาวะ
บางคนก็เกิดมามีพร้อม บางคนก็อัตคัตขัดสนนี้ก็เช่นเดียวกัน

แม้กระนั้นคนเราก็เหมือนกันโดยธรรมชาติ คือมีทั้งด้านมืดและด้านสว่าง
มีด้านที่เข้มแข็งพร้อมกันนี้ ก็มีด้านอ่อนแอ สภาวะที่เข้มแข็งหรืออ่อนแอนี้เอง
เป็นปัจจัยกำหนดบุคลิกภาพและความกล้าของคนเรา
ผู้ที่เข้มแข็งก็หนักแน่นดั่งขุนเขา ผู้ที่อ่อนแอก็บางเบาดั่งขนนก

ในสถานการณ์ที่มนุษย์ประสบกับเหตุการณ์มากหลายในชีวิต
มีเพียงความเข้มแข็งและความอ่อนแอนี้ เป็นเครื่องชักนำในการแก้ไข
หรือก้าวเดิน เวลาที่เราเจอปัญหาหนักๆ ธาตุแห่งความอ่อนแอมักปรากฎขึ้นเสมอ

แม้โดยปกติภาวะคนๆ นั้น อาจเข้มแข็งแต่ก็มักพ่ายแพ้แก่ความอ่อนแอ
ที่เป็นเช่นนี้ ก็เพราะมนุษย์ขาดความเป็นตัวของตัวเอง ยามที่เจอปัญหาก็มักท้อแท้
ยามที่เจอความสำเร็จก็มักหลงระเริงนี้เป็นข้อตรงกันข้าม

คนที่เข้มแข็งจึงมักเป็นคนที่อ่อนแออยู่ลึกๆ คนที่อ่อนแอก็มันเข้มแข็งอยู่ภายใน
นี้เป็นปฏิกิริยาสะท้อนกลับ แต่ทั้งความเข้มแข็งและความอ่อนแอ
ก็ไม่อาจช่วยให้คนเราบรรลุสู่ความสุขสงบของชีวิตได้

มีก็แต่ภาวะระหว่างกลางของความเข้มแข็ง
และความอ่อนแอเท่านั้นที่จะช่วยให้มนุษย์ดำรงตนอยู่ได้อย่างงดงาม
ไม่แข็งและไม่อ่อน ไม่หนักและไม่เบา

(http://i.mynicespace.com/1103/110395.gif)

"หนักแน่นแม้นเหมือนดั่งขุนเขา บางเบาประดุจขนนกไร้จุดหมาย
หนักที่เกินก็ยากจะเคลื่อนย้าย เบาก็ง่ายมากจนเกินไม่พอดี
บ้างเข้มแข็งกลับกลายเป็นก้าวร้าว บ้างอ่อนแอก็ฉาวไร้ศักดิ์ศรี
ขอ..มนุษย์จงเลือกเอาแต่พอดี นี้แหละ..ชีวิตที่ไม่ผิดทาง"


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: ขม..ค่ะึึ ที่ 01 กรกฎาคม 2553 14:17:44
ดอกไม้ธรรม

ดอกถวิลหาบานสะพรั่งกลางกิ่งใจ
ดอกโศกไยบานรอพ้อดอกขวัญ
ดอกเสน่หาลาเลือนน้ำผึ้งจันทร์
ดอกคิดถึงทุกวันมาบานรอ

(http://lh3.ggpht.com/_WcyZVf5piBw/SQOSNr6Fj8I/AAAAAAAAD20/QiNRDIC4NFE/s800/76R4.png)

ดอกนับวันนับคืนเคยชื่นฉ่ำ
ดอกระกำบานไสวเพราะใครหนอ
ดอกพิสวาทพลาดถลำให้ใจท้อ
ดอกรักรอราโรยโปรยลาลาน

(http://i258.photobucket.com/albums/hh278/meusrecados/fadas/fadas01.gif)

ดอกน้ำใจราวหยาดฝนเคยปรนพร่าง
ดอกอ้างว้างดายเดียวแทนรักหวาน
ดอกลานิรันดร์ขวัญหายบานตระการ
ดอกเศร้าบานแทนดอกรักเคยภักดี

(http://img529.imageshack.us/img529/6229/hadaencantariamdca7.gif)

ดอกเสียใจบานเต็มช่อรอปลิดขวัญ
ดอกสวรรค์ไกลเกินเอื้อมตราบชีพนี้
ดอกหักใจลาพรากไปไม่ไยดี
ดอกฤดีพลีพร้อมยอมว่างไร้...

(http://1.bp.blogspot.com/_gNCAVd5ZFjE/SkNlACFTUbI/AAAAAAAABJc/gWZz1wJpx_4/s400/premio_a_las_hadas.jpg)

ดอกไม้ธรรมหอมแทนที่มาพลีผุด
พราวพิสุทธิ์ดั่งน้ำค้างพร่างรินใส่
แทนดอกโศกดอกรักเศร้าในบึงใจ
ดอกรัตนตรัยผลิแย้มมาแต่งแต้ม....ให้เติมเต็ม

(http://t1.gstatic.com/images?q=tbn:uu95nqO8nuH_LM::&t=1&usg=__vEGbTf1sMUqFX65IGazH28QvkI0=)



หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: ขม..ค่ะึึ ที่ 05 กรกฎาคม 2553 09:05:04
(http://i201.photobucket.com/albums/aa95/jojoeStudiO/IMG_6766.jpg)

บทสวดมนต์แปล ฉบับสวนโมกข์ ที่ผมติดใจอยู่จนวันนี้บทหนึ่ง ขึ้นต้นว่า

          อะเนกะชาติสังสารัง สันธาวิสสัง อะนิพพิสัง…
แปลว่า เมื่อเรายังไม่พบญาณ ได้ท่องเที่ยวไปในสงสารเป็นอเนกชาติ…

           ทุกขา ชาติ ปุนัปปุนัง…
แปลว่า การเกิดทุกคราว เป็นทุกข์ร่ำไป

          ในบทสวดนี้ท่านพูดถึงการ แสวงหาอยู่ซึ่งนายช่างปลูกเรือน
คือตัณหาผู้สร้างภพ
          และในที่สุดก็ว่า
          นี่แน่ะนายช่างปลูกเรือน เรารู้จักเจ้าเสียแล้ว เจ้าจะทำเรือนให้เราไม่ได้อีกต่อไป
          โครงเรือนทั้งหมดของเจ้าเราหักเสียแล้ว ยอดเรือนเราก็รื้อเสียแล้ว
จิตของเราถึงแล้วซึ่งสภาพที่อะไรจะปรุงแต่งไม่ได้อีกต่อไป
          
ความนี้ไพเราะนัก          
เพราะจิตที่ไม่ปรุงแต่งไปตามอำนาจของตัณหา ก็จะไม่ตกเป็นเหยื่อของกิเลส          
เมื่อไม่มีตัณหา ก็ไม่มีภพ คือไม่มีการเกิดขึ้นซึ่งความทุกข์
          
จิตเช่นนี้แหละ คือ ปัญญา          
ปัญญาที่รู้เท่าทันต่อทุกสรรพสิ่งในทุกสภาพ    
เมื่อควบคู่กับสติ ปัญญาจะไม่ทำให้เราตกเป็นทาสของมายาทั้งปวง อันแวดล้อมเราอยู่นี้ได้อีกต่อไป

เมื่ออยู่สวนโมกข์นั้น หลังจากบิณฑบาต ผมจะไปนั่งสวดมนต์ทำวัตรเช้า
บนศาลาโรงธรรมพร้อมกับพระรูปอื่น ๆ บทที่สวด มีทั้งบาลี และบทแปล
และการที่ต้องสวดบทแปลควบคู่ไปทีละวรรคนี้เอง จึงเป็นโอกาสดีให้ได้ขบคิด
และทำความเข้าใจในข้อธรรมนั้น ๆ ไปด้วย
          การได้อยู่คนเดียวเงียบ ๆ ก็ยิ่งช่วยให้เราได้เรียนรู้เรื่องของจิตตัวเองมากขึ้น
      เพราะการเรียนรู้และการปฏิบัติธรรมนั้นไม่มีเรื่องอื่น
นอกจากเรื่องของจิตตัวเดียว จิตของตัวเองนี่แหละ
          ไม่ใช่เรื่องของกระบวนการ จิตศาสตร์ หรือ จิต ในความหมายทั่วไป
          หากมุ่งลงมาที่จิตของตัวเองเท่านั้น
          ไม่มีอะไรนอกไปจากนี้

          ที่สวนโมกข์นั้น มีคำพูดกันว่า ต้นไม้พูดได้ ก้อนหินพูดได้
คือ ไม้ทุกต้น หินทุกก้อน จะคุยกับเราได้ทันทีที่จิตเราสงบได้เท่ามัน
          ผมเคยขึ้นไปนั่งบนเนินเขา และเคยขึ้นไปค้างคืนอยู่คนเดียวบนยอดเขานางเอน
ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กับสวนโมกข์นั้น
          เมื่อเริ่มแรกสังเกตดู จิตผมระส่ำระสายและหวั่นไหวมาก มันเปล่าเปลี่ยวและวังเวง
มองออกไปไกลๆ เห็นแต่ทิวไม้ลิบ ๆ ต่ำลงไปมีแต่ความเวิ้งว้าง สงัดและวังเวง
จนได้ยินเสียงของความเงียบ แล้วจิตก็เริ่มนิ่ง เริ่มสงบ
นี่กระมังที่ว่า สิ่งแวดล้อมกำหนดจิต
ขณะเดียวกัน เมื่อจิตสงบ มันก็สามารถกำหนดสิ่งแวดล้อมได้ด้วย
          การที่จิตผมระส่ำระสายหวั่นไหวเมื่อแรกนั้น แสดงว่าสิ่งแวดล้อมกำลังกำหนดจิตผมอยู่ฝ่ายเดียว

จิตผมตกอยู่ใต้อำนาจความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติแวดล้อมที่ข่มให้ผมกลัว
กระทั่งระส่ำระสายหวั่นไหว
ผมกลัวอะไรหรือ
ตอบว่าผมกลัวการอยู่คนเดียว กลัวอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้จากสิ่งแวดล้อมที่ผมไม่รู้ไม่คุ้นชินกับมัน
กลัวสัตว์ร้าย กลัวคนร้าย กลัวงู กลัวเสืออะไรไปตามเรื่อง
          สรุป ก็คือ กลัวตาย
        
ครั้นจิตเริ่มสงบลง นี่ก็อีก มันสงบได้อย่างไรเล่า
ผมเฝ้าใคร่ครวญดู จึงเริ่มรู้ว่า ด้วยผมกำลังคุ้นชินกับมันนั่นเอง
ธรรมชาติอันยิ่งใหญ่คงสงบอยู่อย่างนั้นตลอดเวลา ตั้งแต่ต้นจนถึงบัดนี้
          ไม้ใหญ่ก็ยังโอนเอนไหวลม ขอบฟ้าเวิ้งว้างก็ยังคงเวิ้งว้างอยู่อย่างนั้น
เปลี่ยนไปแต่แสงแดดที่ค่อยคล้ำมัวสลัวลง และกับจิตผมนั่นเองที่มันเปลี่ยนไป
เปลี่ยนจากความระส่ำระสายหวั่นไหวมาเป็นความสงบ จิตเริ่มสงบไปกับความสงัดนั้น
          ความเงียบ และความคิดอันกึกก้องอยู่ในจิตผมนี่เอง ที่มันกำลังคุยอยู่
        
เมื่อถึงตรงนี้ผมจึงเริ่มเข้าใจว่า ต้นไม้พูดได้ ก้อนหินพูดได้อย่างไร
          ก็จิตเรานี่เอง ที่คิดอะไรอยู่ ธรรมชาติแวดล้อมนั่นแหละ ที่มันกำลังกำหนดและกระทำต่อจิตอยู่
          เราไม่สามารถคิดอะไรได้เองลอย ๆ โดยปราศจากฐานที่ตั้งของความคิด
          มันต้องมีสิ่งใดสิ่งหนึ่งประกอบความคิดเราอยู่เสมอ
          การได้มีโอกาสลิ้มรสกระบวนทางจิตเหล่านี้มีคุณมหาศาลต่อผม และยังส่งผลมาจนวันนี้
        
วันที่อะไร ๆ มันดูสับสนวุ่นวาย เต็มอยู่ด้วยการโฆษณาแข่งขัน แต่งถ้อยแต่งจริต
มากพิษมากภัยที่ทำให้จิตเราเตลิดเพริดไปได้ง่าย ๆ ทุกวัน
          ทำอย่างไรเราจึงจะสงบนิ่งอยู่ได้ ในท่ามกลางความผันแปรเหล่านี้
          นี่แหละเป็น เคล็ด
          ถ้าเราสงบนิ่งไม่ได้ จิตเราจะถูกกำหนดโดยสภาพแวดล้อมที่พัลวันวุ่นวายอยู่นี้
นั้นก็คือ เราจะตกเป็นเหยื่อของการโฆษณา เป็นเหยื่อของค่านิยม
เราจะฟุ่มเฟือย เราจะลอยไปลอยมากับกิเลสมายาสารพัน

แต่ถ้าเราสามารถสงบนิ่งได้ จิตเราก็จะเป็นฝ่ายกำหนดบ้างละ
เราจะรู้จักเลือกสรรต่อการที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับสรรพสิ่งสารพันเหล่านี้
เราจะรู้วิธีที่จะจัดการกับมันตามความเหมาะสมกับประโยชน์ในทุกเรื่อง
ตรงนี้กระมัง ที่เป็นความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งแวดล้อมกับจิต ในลักษณะที่เขาเรียกว่าเป็น วิภาษวิธี คือ
การต่างกำหนดซึ่งกันและกัน ระหว่างสิ่งแวดล้อมกับจิต ในอัตราที่เหมาะสม
          
ก่อนอื่นใดทั้งหมด มันต้องเริ่มต้นที่เราต้องหัดเป็นอยู่เรียบ ๆ เงียบ ๆ ง่าย ๆ ด้วยตัวคนเดียว
โดยไม่รู้สึกเงียบเหงา ว้าเหว่ เปล่าเปลี่ยว ให้ได้เสียก่อน
        
ผมว่า บุคคลเป็นฉันใด ประเทศชาติบ้านเมืองก็เป็นฉันนั้น
คือ ถ้ามันเป็นตัวของตัวเองไม่ได้ มันก็ต้องเป็นทาสเขาร่ำไป

- เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 05 กรกฎาคม 2553 09:14:27




(http://sl.glitter-graphics.net/pub/193/193369obsoiwpuf0.gif)

ขอบคุณนะคะ...   (http://i.mynicespace.com/1019/101935.gif)


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: ขม..ค่ะึึ ที่ 06 กรกฎาคม 2553 09:10:20
(http://www.luangphorsodh.com/imgnitan/N77471.jpg)

ธรรมเป็นหนึ่งไม่แปรผัน    เลิศภพสงบยิ่ง
เป็นอารมณ์ของใจ        ไม่ไหวติง
ระงับนิ่งเงียบสงัด         ชัดกับใจ
ใจก็สร่างจากเมา           หายเร่าร้อน
ความอยากถอนได้หมด    ปลดสงสัย
เรื่องพัวพันขันธ์ห้า         ชาสิ้นไป
เครื่องหมุนในไตรจักร    ก็หักลง
ความอยากใหญ่มากยิ่ง    ก็ทิ้งหลุด
ความรักหยุดหายสนิท      สิ้นพิษหวง
ร้อนทั้งปวงก็หายหมด     ดังใจจง


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: ขม..ค่ะึึ ที่ 14 กรกฎาคม 2553 16:21:40
(http://img142.imageshack.us/img142/8041/nature1411aq4.jpg)

ไม่เคยมีใบไม้สักใบลอยสู่ฟากฟ้า
มีแต่ร่วงโรยเค้งคว้งกลางอากาศ
หมดแรงลมแนบซบสู่ดินสิ้นสงสัย
กลายดำด่างเปื่อยเน่าแทรกลงดิน

ไม่มีใครสักคนอยู่คู่ฟ้า
อมตะแห่งชีวาไม่ดับสิ้น
มีแต่เอนร่างแนบแอบกับดิน
เป็นธุลีหมดสิ้นไม่เหลือกาย

(http://i355.photobucket.com/albums/r466/narongtang/View/autumn1.jpg)

ไม่มีเลยสักใบกลายเป็นทอง
ไม่หม่นหมองปลิดปลิวพลิ้วลับหาย
ไม่มีเลยสักคนที่รอดตาย
ไม่แพ้พ่ายมัจจุมารราญราวี

โค้งสุดท้ายของชีวิตใกล้ปิดแล้ว
เร็วหรือแผ่วก็ต้องถึงตรึงติดดิน
เลือกเอาเถิดจะทำดีหรือทำชั่ว
พกติดตัวข้ามภพนี้หลังความตาย

(http://news.banphan.com/wp-content/uploads/2009/05/greenman.jpg)


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: ขม..ค่ะึึ ที่ 15 กรกฎาคม 2553 10:39:01
(http://medinfo.psu.ac.th/pr/WebBoard/Img/20070213232146.jpg)

เสน่ห์ผ้าขี้ริ้ว.

ผ้าขี้ริ้วยอมสกปรกเพื่อให้สิ่งอื่นสะอาด
เสน่ห์ของคนอยู่ที่ยอมลำบากเพื่อให้ผู้อื่นเป็นสุข
พ่อแม่ยอมเหนื่อยเพื่อให้ลูกหลานอยู่สุขสบาย
ความสุขแท้ของคนคือการได้ยืนแอบยิ้ม อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของผู้อื่น

ผ้าขี้ริ้วดูดซับความสกปรกได้
แต่ก็สลัดความสกปรกออกจากตัวได้ตลอดเวลา
เสน่ห์ของคนอยู่ที่รู้ตัวเองว่าสกปรก ถึงเวลาต้องชำระล้างแล้ว
มิใช่อมความสกปรกไว้แล้ว แกล้งบอกว่าตนเองสะอาด

ผ้าขี้ริ้วเป็นผ้าที่สะอาดที่สุด ในขณะที่คนมองว่าสกปรกที่สุด
เหมือนคนที่ฝึกหัดขัดเกลาตนเอง รู้จักถ่อมตนและอ่อนโยน
ไม่โอหังอวดดีให้เป็นที่รังเกียจหมั่นไส้ของคนอื่น
เขาจะเป็นคนที่มีคุณค่า ไม่ว่าจะมาจากสกุลใด
การศึกษามากหรือน้อยก็ตาม เป็นผู้ใฝ่รู้แต่ไม่อวดดี เหมือนผ้าขี้ริ้วห่อทอง

ผ้าขี้ริ้วถึงจะเป็นผ้าไม่มีราคา แต่มีคุณค่ายิ่งใหญ่ได้
เหมือนคนที่พยายามทำตนให้มีคุณค่า ด้วยการทำงานมิใช่ด้วยการประจบ
ทำตนให้มีประโยชน์ ให้มีค่า ไม่ใช่งอมืองอเท้า น้อยเนื้อต่ำใจในวาสนาชะตาชีวิต
ต้องสร้างกำลังใจให้ตนเองอย่ารอคอยจากคนอื่น

ผ้าขี้ริ้วไม่เกี่ยงงอนว่าจะถูกใช้เช็ดถูอะไร
เหมือนคนที่ยอมตัวอาสาทำงานที่ได้รับมอบหมาย โดยไม่ปริปากบ่น
รู้จักอาสาคน อาสาทำงาน ต้องตั้งใจทำงานโดยไม่เกี่ยงงอน
ไม่ว่าจะเป็นงานใด ๆ ก็ตาม คนที่ตกงานเพราะไม่ยอมทำงาน

ผ้าขี้ริ้วยอมให้ถูกใช้งานในที่สกปรกที่สุด
เหมือนคนที่ยอมทำในสิ่งที่คนทั้งหลายรังเกียจ ที่เขาเห็นว่าเป็นงานชั้นต่ำ
แต่ก็ตั้งใจทำให้เป็นของมีค่าขึ้นมาได้ หรือยินดีในการบริการ
เหมือนคนที่อิ่มเอิบเมื่อได้บริการรับใช้คนอื่น รับใช้สังคม
ดีใจเมื่อคนยินดีมาใช้บริการความรู้ ความสามารถของตน
และยินดีที่ได้เสนอตัวเข้าไปบริการมากกว่าเข้าไปบริหาร

ผ้าขี้ริ้วพอใจที่ได้อยู่เบื้องหลังความสะอาด
เหมือนคนควรพอใจที่ได้อยู่เบื้องหลัง ความสำเร็จของคนอื่น
ต้องมีความพอใจที่จะทำงานปิดทองหลังพระ เป็นนายอินหรือนางอิน
ผู้ปิดทองหลังพระ มีความสุขและภูมิใจที่ได้มอบความสำเร็จให้คนอื่น
มีมากที่ผู้น้อยบางคน ทำงานแล้วทำให้ผู้ใหญ่เล็กลง ขณะที่ตัวเองโตขึ้น

ผ้าขี้ริ้วทนทานต่อการขัดถูซักล้างไม่เปราะบาง เหมือนคนที่มีความอดทน
ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคปัญหา แม้จะเหน็ดเหนื่อยเพียงใดก็อดทนได้
เพื่อให้สำเร็จ ประโยชน์สุขแก่ผู้อื่น มีจิตใจหนักแน่นไม่เปราะบางหักง่าย
คือไม่เป็นคนทุกข์ง่ายใจเบา แต่นิ่งและหนักแน่นคงดุจแผ่นดิน

ผ้าขี้ริ้วแม้จะถูกมองว่าเป็นผ้าขี้ริ้ว แต่ไม่ทำตัวให้ขี้เหร่
เหมือนคนที่รู้ตัวเองว่า กำลังถูกึนปรามาสสบประมาท
จะต้องตั้งใจเอาชนะอุปสรรค ครั้งนั้นให้ได้
ไม่พ่ายแพ้ต่อคำปรามาสของผู้อื่น
รู้ตัวตลอดเวลาว่ากำลังทำอะไรและมีกำลังใจในสิ่งนั้น
มองเห็นคุณค่าจากสิ่งที่คนทั้งหลายมองว่าไร้ค่า
เมื่อมีปัญหาให้หัดมองสองด้านเสมอ
ผ้าขี้ริ้วมีเสน่ห์เพราะยอมสัมผัสกับสิ่งสกปรก

ชีวิตของคนเราก็เช่นกัน หากทนความทุกข์ยากลำบาก
ยอมสัมผัสกับงานที่ต่ำต้อยได้ก็จะมีเสน่ห์ และมีความหมาย
ทุกคนจึงควรพากเพียรพยายามสร้างเสน่ห์ให้กับชีวิต
อย่างที่ผ้าขี้ริ้วสร้างเสน่ห์ให้กับตนเอง

(http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/405/5405/images/5april1.jpg)


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: ขม..ค่ะึึ ที่ 16 กรกฎาคม 2553 08:01:09
(http://www.dhammajak.net/forums/download/file.php?id=24086&sid=7ef0b4140111b88a3311f18fa1211116)

รหัสลับของ​ความสุข​ที่แท้จริง..
คือ..สุข..ไม่มี..ทุกข์..ไม่มี..มี​แต่​ความว่างเปล่า..
ไม่หลงยึดติดต่อสิ่งใด..หรืออารมณ์ใดอารมณ์หนึ่ง​..
ไม่มีตัวตน..ไม่มี​ความรู้สึก..​ที่ไม่​สามารถจับ​ต้อง​ได้..
นั่นแหละ​​คือ..ว่าง..​และวางอย่างถูก​ต้อง..
จึงเกิด​ความว่างเปล่า​ที่แท้จริง..


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: ขม..ค่ะึึ ที่ 19 กรกฎาคม 2553 06:45:41
(http://lh5.ggpht.com/_wqZVI6nmUAo/Sz4BMdQtZWI/AAAAAAAAAtM/HgOSc6nRBKw/111_1246023657.jpg)

สงบงามอบอุ่นเลิกครุ่นคิด
กราบพนมก้มจิตอธิษฐาน
ขอพบเจอแสงสว่างทางนิพพาน
สิ้นทุกกาลบาปบุญเคยจุนเจือ

รับรสธรรมแห่งมนต์ท่องบ่นบอก
จากภายนอกสู่ภายในได้ช่วยเหลือ
พบวิบากมากน้อยคอยเอื้อเฟื้อ
เพื่อบรรเทาปล่อยวางจนรางเลือน

น้อมดำรงคงไว้มิไหวหวั่น
ขอตั้งมั่นเช่นนี้ไม่มีเคลื่อน
พุทธธรรมตามรอยจะคอยเตือน
โอบล้อมเรือนเยือนอยู่ด้วยบูชา

(http://c3.quickcachr.fotos.sapo.pt/i/nc7018c82/2713895_wuUIq.gif)


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 19 กรกฎาคม 2553 07:17:01




(http://th.xihalife.com/wallpapers/images/517_384.jpg)

อนุโมทนาสาธุธรรมค่ะ...


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: ขม..ค่ะึึ ที่ 21 กรกฎาคม 2553 00:03:46
หลายครั้งที่คนเรามักจะกลัดกลุ้ม
และจมดิ่งลงสู่ห้วงลึกของความเจ็บปวด
เพราะการกระทำที่ผิดพลาดของตัวเราเอง
และก็อีกหลายครั้งเช่นกัน ที่เราได้รับความสุขเข้ามาสู่ชีวิต
จากผลของการกระทำนั้นๆ ที่เราได้เลือกแล้ว

แต่จะมีสักกี่คน ที่จะสามารถยืนหยัด
และยอมรับผลจากการตัดสินใจของตัวเองได้อย่างหมดใจ
มีความสุขเมื่อสมหวังได้อย่างเต็มที่
และยอมรับความผิดพลาดอย่างเต็มใจ แล้วแก้ไขมัน
ไม่เที่ยวโยนไปเป็นความผิดของสิ่งหนึ่งสิ่งใด..อีก

(http://i258.photobucket.com/albums/hh278/meusrecados/fadas/32.jpg)


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: ขม..ค่ะึึ ที่ 28 กรกฎาคม 2553 22:29:45
โลกของเราเต็มไปด้วยความทุกข์ เศร้า กังวล
อะไรคือความทุกข์ที่สุด?
ปากท้อง...หรือความรัก...
แท้จริงแล้ว
สิ่งที่ทำให้เราทุกข์ที่สุดในชีวิตของมนุษย์
คือ " กิเลส "

ทรัพย์สินเงินทอง..รูปร่างหน้าตา..
อาหารการกิน..ลาภยศ..วาสนา
สิ่งเหล่านี้ ล้วนแต่ทำให้เราอยากมี อยากเป็น
เมื่ออยากได้ไม่รู้จักพอ..ย่อมเกิดความกังวล
จึงเป็นเหตุให้เกิดทุกข์ต่อเรา..อย่างไม่มีที่สิ้นสุด

(http://beinart.org/artists/jean-pierre-alaux/gallery/jean-pierre-alaux-6.jpg)


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: ขม..ค่ะึึ ที่ 31 กรกฎาคม 2553 23:36:18
(http://travel.siamxpress.com/picpost2/photo/P0000201.jpg)

เข้าพรรษาแล้ว..ต้นข้าวกล้าที่เริงร่าไสว
ผ่านห้วงเวลาการตั้งท้องโอบอุ้มรวงชีวิต
จวบถึงวันแตกรวงหล่อเลี้ยงมนุษย์ทั่วจักรวาล
งดงามพลิ้วไหวอยู่ในตำบลท้องทุ่ง..อ่อนเยาว์
ต้นข้าวตั้งท้องแล้วออกรวงรอเวลาสุกระยับ
เพื่อให้มนุษย์เก็บเกี่ยวไปตามวัฏจักรชีวิต
บางเมล็ดร่วงพราวลงสู่พื้นบ่งสัจธรรมอันยิ่งใหญ่
เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป...

ในความตั้งอยู่นั้น
เพียรพยายามสร้างสรรค์คุณความดี
เฉกรวงข้าวที่เป็นศิลปินธรรมชาติ
แต่งแต้มท้องทุ่งนามานานนับ จากตำบลสู่ตำบล
ปีแล้วปีเล่า ยุคแล้วยุคเล่า ที่รวงข้าวนั้นคือผู้ให้
คุณความดีขจรกระจายสู่ผู้คนทุกแห่งหนตำบล...
เป็นมาอย่างนี้และต่อไป ตราบนิรันดร์...

ในความเป็นสามัญ ทุกมิติแห่งธรรมชาติ
ทุ่งข้าว ราวไพร ล้วนมีความหมายซ่อนเร้น
พระบรมศาสดากำหนดให้ภิกษุจำพรรษาหน้าฝน
ด้วยเหตุประการหนึ่งที่ไม่อยากให้จาริกแสวงบุญ
แล้วเหยียบต้นข้าวของชาวนา…ช่างน่าศรัทธานัก
แท้แสดงถึงการเคารพต้นข้าวของพระศาสดา

หากมีเวลาว่าลองท่องไปตามหนทางสายรวงข้าว
เราอาจจะพบคติชีวิตที่น่าอัศจรรย์บ้างก็เป็นได้
เพียงเราเปิดตาเปิดใจที่จะรับฟังว่า..แท้จริงนั้น
รวงข้าวกำลังกระซิบค่าของธรรมะ..และสัจธรรม

ขอบคุณ..ลำน้ำน่าน บุรุษแห่งสายน้ำนิรันดร์
จากไทยโพสต์

(http://img137.imageshack.us/img137/2424/l3280bzk8.jpg)


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: ขม..ค่ะึึ ที่ 04 สิงหาคม 2553 20:57:30
(http://2.bp.blogspot.com/_Y9W6X_ASVAg/SnOpGnGaaGI/AAAAAAAAAdo/vxCqyhH-Gqw/s320/32084132_DonaldZolan_72EasterMorning.jpg)

 วิบาก บุญ

ใครบางคนหมุนวนในทางชั่ว
ทั้งชีวิตเกลือกกลั้วสิ่งเหลวไหล
หากมีใครสักคนช่วยชี้ใจ
กลับพาโลพาลอะไรใจจืดจาง

ใครบางคนพาตนบนทางบุญ
คอยเจือจุนดุจผลบุญมาถือหาง
หากชีวิตช่วยลิขิตผู้ชี้ทาง
จูงไปสู่แสงสว่างเป็นทางธรรม

วันใดเล่าทางเธอ_เขา จะบรรจบ
ยิ่งนับวันห่างลบ..โลกระส่ำ
ประดุจวงเวียนวนให้พ้นกรรม
สัมผัสเส้นวงสีดำแล้วผละลา

คือเส้นทางของชีวิตจิตธรรมนั้น
จะผลักดันสู่เส้นบุญทุกทีท่า
ล้วนใกล้ชิดมิตรสหายสายบุญมา
วงบุญพาพบทางอันสร้างบุญ

วิถีใจ...วิถีใคร...วิถีเขา
จะยกกรรมช่วยบรรเทา..กลับยิ่งขุ่น
จึงนับเนื่อง อุเบกขา...เป็นตัวทุน
ช่วยเจือจุน....ปัจจุบัน...พลันสบาย

โดย ทิกิ_tiki - [16 เม.ย. 2548 , 20:11:19 น.]
(http://files.myopera.com/Olgita/blog/painting_children_childhood_kjb_DonaldZolan_12TenderMoment_sm.jpg)


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: ขม..ค่ะึึ ที่ 06 สิงหาคม 2553 13:38:54
(http://blogsimages.skynet.be/images_v2/002/508/115/20081026/dyn008_original_550_545_jpeg_2508115_2d90fb9f42dd7df98aa0c99fed8e4ca9.jpg)

เรียงรสระรื่นรายเรียง

..๏แสงมหิทธิเปล่งฟ้า ทินกร
อิทธิฤทธิ์ภฤศดากร เจิดจ้า
รัศมีแห่งศศิธร แจ่มใส งามเฮย
ทิวาราตรียลหล้า แช่มชื่นสราญรมย์ ฯ

ปวงชนหลายแซ่ซ้อง มวลธรรม
กรรมก่อแสดงบทงาม ทุกข์ไว้
ดุจสุริยะเปล่งแสงนำ กอบก่อ ชนแล
เวรที่ติดตามไซร้ หลบลี้หนีจร ฯ

อริยะสัจจะมุ่งสร้าง ทางจร
บาทสี่สานเรืองขจร เปล่งฟ้า
สุขบ่ส่องถูกรอน ทุกข์ก่อ เกิดแฮ
ตอแห่งความยากกล้า เร่งเร้าสมุทัย ฯ

นิโรธกรายผ่านเข้า ดับมวล
สรรพสิ่งแปรผันรวน เร่าร้อน
ดับแสงส่งดุจตรวน แตกซ่าน แปรนา
เพียงแต่ยากห่อนก้อน บ่รู้ทางเดิน ฯ

รอบเรียนเพียรห่อนรู้ หลักธรรม
นิโรธส่งมรรคนำ แปดไซร้
ขจรขจายเยี่ยงสุรีย์ทำ แผดเผา วอดเฮย
สุขก่อเกิดเย็นไว้ ดั่งฟ้าจันทร์ฉาย ฯ

บุญเอยบาปก่อเกื้อ ทุกชน เจียวนา
สานส่งทุกข์สุขมา เหล่าพ้อง
กรรมเวรก่อตามตา ติดต่อ บานแฮ
อายตนะมันจับจ้อง ร่ำร้องเรียกชวน. ๚ะ๛

๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙

(http://peregrinacultural.files.wordpress.com/2009/09/jardineira-donald-zolan.jpg)


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 06 สิงหาคม 2553 16:41:57
ขอบคุณครับที่รวบรวมมาให้อ่าน ดี ๆ ทั้งนั้นเลย


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: ขม..ค่ะึึ ที่ 07 สิงหาคม 2553 08:37:54
(http://peintre.blog50.com/media/00/01/843973205.jpg)

ความโกรธเหมือนแขกจรที่มาเยือนเราเพียงเฝ้าดู

เรามักไม่ชอบความโกรธ อยากขับไล่ผลักไส อย่าผลักไสความโกรธไปสู่มุมมืด

เราควรต้อนรับอย่างมิตรและมีจิตเมตตา ใช้สติเพ่งมองความโกรธอย่างอ่อนโยน

หากเราเติม ความคิด ความเกลียดชัง ทุกวันทุกเวลา

ความโกรธ..ก็เหมือนไฟ เผาไหม้ใจด้วยความโกรธตลอดเวลา

จะดับความโกรธก็เหมือนดับไฟ..สิ้นเชื้อก็มอดดับไปเอง

อย่าให้พลังกับความโกรธ เพราะเมื่อมีพลัง มันจะครอบงำเรา

สิ่งที่ทำและพูดยามที่โกรธ ก็จะไม่เป็นตัวของเราเองอีกต่อไป

พลังของความรักความเมตตา เหมือนน้ำดับเพลิงโกรธ

เจริญเมตตาภาวนาหายใจเข้าออกช้าๆ ทุกวัน ทำให้จิตใจเราชุ่มเย็น

แผ่เมตตาให้กับตัวเอง "ขอให้ฉันมีความสุข"

บางที่เราจะค้นพบว่าในส่วนลึกของจิตใจ เราไม่ได้รัก และเมตตาต่อตนเอง สักเท่าใด

การแผ่เมตตาให้กับเพื่อนผู้ร่วม เกิด แก่ เจ็บ ตาย

เราทุกข์เช่นใดชีวีตอื่นก็ทุกข์สุขเช่นกัน

ทำให้ใจเราคลายความตรึงเครียด ความเกลียดชัง

พลังความรักความเมตตา จะแผ่ปกคลุมโลกให้ชุ่มเย็น

ความโกรธเหมือนขยะอยู่ที่เราจะจัดการมันอย่างไร

ถ้าเอาไปหมักเป็นปุ๋ยจะกลายเป็นดอกไม้เบ่งบาน

หากเก็บสะสมไว้ จะส่งกลิ่นเหม็นรบกวนเราไปตลอดเวลา

(http://crazy.werd.ru/uploads/posts/thumbs/2007-10-22/1193052665130681468_d865f3d6c6da8714619cf0a1036fb3ee.jpg)


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: ขม..ค่ะึึ ที่ 11 สิงหาคม 2553 08:27:58
(http://rlv.zcache.com/autumn_leaves_poster-p228737084576461261qzz0_400.jpg)

ไม่ใช่..แค่ใบไม้ไหว...ร่วงหล่น

แค่ใบไม้ไหว...หัวใจก็สั่น ดอกหญ้า รำพัน ว่าหวั่นไหว
สายลม โบกพัด ระบัดใบ เงาไม้ หม่นไหม้ ดั่งใจตน

แค่ใบไม้ไหว...หัวใจก็สั่น ฝ่าข้าม คืนวัน อันสับสน
ใจเอ๋ย ใจหนอ นอนร้อนรน เปียกฟ้า เปียกฝน จนร้าวรอน

แค่ใบไม้ไหว...หัวใจก็สั่น แม้ยาม หลับฝัน ยังหลอกหลอน
ลมหวน ห่วงหา ว่าอาวรณ์ เอนกาย ทอดถอน อยู่ลำพัง

แค่ใบไม้ไหว...หัวใจก็สั่น ดอกหญ้า รำพัน อย่างสิ้นหวัง
สายน้ำ หยาดฝน ยังพรูพรั่ง หลั่งรด หยดซ้ำ ให้ช้ำใจ

แค่ใบไม้ไหว...หัวใจก็สั่น ดอกหญ้า รำพัน แอบฝันไว้
ฝนพราก จากฟ้า ณ คราใดจะซับห้วง ดวงใจไว้ ไม่เปียกปอน

ชีวิตเราก็หวั่นไหวเช่นใบไม้แห้ง  เริ่มหมดแรงกรรมเหมือนลมเป่ามาหา
ใบไม้ไหว...ต้องหลุดร่วงหล่นไปตามลม ชีวิตเราก็ต้องไปเช่นกรรม..เมื่อถึงกาลเวลา


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: ขม..ค่ะึึ ที่ 23 สิงหาคม 2553 12:47:07
(http://static.weloveshopping.com/shop/client/000032/roongkul/PS-58080.jpg)

ต่อให้อ่านหนังสือมากมาย
หากอ่านใจตัวเองไม่ออก ก็บ่เกิดประโยชน์ .....
ต่อให้มีความรู้ท่วมหัวสักเพียงใด.....
แม้ไม่รู้ใจตัวเอง ก็ไร้ซึ่งความหมาย ......

จิตนั้นอยู่นิ่ง..แต่ไม่เคยหยุดพัก..
ไม่มีจุดเริ่มต้น..และไม่มีจุดสิ้นสุด
เร่งค้นให้พบพุทธจิตเดิมแท้ของตน

ตราบใดที่ไม่บำเพ็ญจิตตนให้กระจ่าง
คงเสียเวลาไปเปล่าๆ ทั้งชีวิต


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 24 สิงหาคม 2553 07:34:46


 (:88:) (:88:) (:88:)


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: ขม..ค่ะึึ ที่ 29 สิงหาคม 2553 22:10:33
(http://learners.in.th/file/lo-by-kengz/1134621322.jpg)

เสียงระฆังวังเวงวิเวกแว่ว
แก๊ง.แก๊ง.แผ่วจากหนใดที่ไหนหนอ
วิหกร้องขันคูกู่เสียงคลอ
หอมละออกลิ่นมาลีคลี่ดอกบาน

แสงแห่งธรรมสาดส่องทั่วท้องหล้า
ต่างจรมาน้อมรับฟังคำสั่งสอน
กิเลสที่กลางฤทัยเริ่มคลายคลอน
พนมกรน้อมรับภควันต์

เสียงธรรมะสะวะนะประสานก้อง
ดั่งเสียงร้องบรรเลงเพลงสวรรค์
ขับกล่อมมวลเวไนยสารพัน
ให้ยึดมั่นในศรัทธาค่าความดี


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: ขม..ค่ะึึ ที่ 03 กันยายน 2553 11:03:40
(http://board.goosiam.com/imgupload/q117256.gif)

เวลาที่เราไม่ค่อยสบาย มักจะเกิดความหงุดหงิดใจ
จึงใช้กุศโลบายช่วยจิตมีงานทำในกุศล
สวดมนต์ เจริญอยู่ในกรรมฐาน เสวนาธรรม ก็ตาม
ล้วนใช้ธรรมเป็นโอสถรักษาใจให้คลายฟุ้งซ่าน ให้ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน

(http://img171.imageshack.us/img171/1848/16a78e0ba586fc34f2de224at5.jpg)

การปล่อยให้ใจป่วยตามร่างกายนั้น
เพราะใจเกิดความท้อแท้ ท้อถอย เบื่อหน่าย
จึงพยายามนึกหาสิ่งที่ดีมาบำรุงใจให้คลายเหงา
อารมณ์ปรุงแต่งไปอย่างฟุ้งซ่านในอคติ ๔

จึงต้องย้ำเตือนตนอยูาเสมอว่า
"ถอยเมื่อไรเราก็แพ้ คือ แพ้อารมณ์ตัวเอง เป้าหมายของชีวิตก็จะหายไป"


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: ขม..ค่ะึึ ที่ 10 กันยายน 2553 01:08:41
(http://statics.atcloud.com/files/comments/90/902605/images/1_original.jpg)

เมื่อดวงจิตดื่มด่ำในกุศล
จิตพึงแสวงหาสัจจะธรรม แลคุณธรรมใส่ตน
ด้วยสติ สามัญสำนึก ของกระแสธรรม


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: ขม..ค่ะึึ ที่ 12 กันยายน 2553 19:46:30
(http://kong.in.th/pictures/WatJeen/watjeen049.jpg)

"...กว่าจะเกิดได้ก็นานอยู่.....แต่ก็ใช่จะอยู่นาน
...สังขารนี้ต้องทนอยู่....แต่ก็ใช่จะอยู่ทน"


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: ขม..ค่ะึึ ที่ 25 กันยายน 2553 10:09:49
กรรมกลบเกียรติก่อนก้อง....เกริกกิจ
กรรมก่อนเกาะเกี่ยวกิจ......ก่อเกื้อ
กุมเกียรติกร่อนกองกิจ.......กอบเกาะ
กรรมเกี่ยวกงเกวียนเกื้อ.....ก่นใกล้กอดกรรม

(http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/910/14910/images/Beauty/268.jpg)


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: ขม..ค่ะึึ ที่ 25 กันยายน 2553 10:10:59
แกะกรรมกลบก่อนก้าน.....กลบกอง
กรรมกร่อนกกเกียรติกอง....กลิ่นกว้าง
เกียรติเกยกู่เกียรติกรอง......เกรียงเกริก
เกียรติกรุ่นกลิ่นกายกว้าง.....เกี่ยวก้อยกรีดกราย

(http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/910/14910/images/Beauty/267.jpg)


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: ขม..ค่ะึึ ที่ 25 กันยายน 2553 10:12:08
ก่อนกลบกรรมแกะกล้า....เก็บกวาด
กรรณกลั่นกลิ่นกวนกวาด.......แกร่งกล้า
กวัดกรรมกล่ำกายกลาด......ไกลเกลื่อน
เกลาก่อเกริกไกรกล้า......กลั่นกว้านกรรมกวน

(http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/910/14910/images/Beauty/264.jpg)


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: ขม..ค่ะึึ ที่ 25 กันยายน 2553 10:13:07
เกียกกายเกิดแก่นเกี้ยว.....เกลียวกลม
เก็จกิ่งเก๋กุลกลม.......เกี่ยวเกื้อ
กงเวียนกู่กอดกลม......ก้องกิจ
เกียรติแกร่งกรองกุลเกื้อ.....กิ่งก้านเกียรติไกล

(http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/910/14910/images/Beauty/263.jpg)


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: ขม..ค่ะึึ ที่ 09 ตุลาคม 2553 09:30:30
เมื่อใดก็ตาม..
ที่มนุษย์เข้าใกล้..หรือ..ละทิ้ง..ซึ่งอำนาจแล้ว
ลองใช้ใจสัมผัสดู..ถึงความต่าง..ภายใต้สันติวิถี

สันติภาพ
มิได้เกิดจากภาวะนิ่งเฉย
หากแต่เกิดจากความเข้าใจ..ถึงแก่นแท้นั้น
หากพบว่า..
การมองจากภายนอกและชื่นชม..กับการเข้าถึงภายในเพื่อเข้าใจ
เป็นคุณ...จะเลือกแบบใด?


(http://morning-light.exteen.com/images/popo200801152.jpg)


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 12 ตุลาคม 2553 15:02:33


(http://4.bp.blogspot.com/_sLZ0y1eK4Ws/S7QD54BCUbI/AAAAAAAABV4/EXaT2wcMERg/s320/311.jpg)

ทุกอย่าง สำเร็จได้ ด้วยจิต
http://luangpunenkham.blogspot.com/2010/03/blog-post_16.html (http://luangpunenkham.blogspot.com/2010/03/blog-post_16.html)

(http://3.bp.blogspot.com/_sLZ0y1eK4Ws/S9ZN1ZeddCI/AAAAAAAAB0M/cgc52gzatK0/s400/%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%95.bmp)


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 12 ตุลาคม 2553 20:10:12

(http://www.marumari.com/images/art_violin.jpg)


 (:6:) (:6:) (:6:) (:6:) (:6:)



หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: ขม..ค่ะึึ ที่ 15 ตุลาคม 2553 18:53:17
ในขณะที่มนุษย์กำลังใช้นามธรรม ประดิษฐ์คิดค้นสิ่งที่เป็นรูปธรรมขึ้นมา
รูปธรรมที่ค้นคิดขึ้นมานั้น มีทั้งสิ่งที่เป็นประโยชน์และสิ่งที่จะทำลายโลกให้พินาศ
ระหว่าง ๒ สิ่งนี้ สิ่งที่เป็นประโยชน์ย่อมมีพลังอำนาจน้อยกว่าสิ่งทำลายมากมายนัก

ซึ่งเรามองเห็นได้ชัดว่า ประโยชน์จะมีสักเท่าใดเมื่อถูกทำลายเสียแล้ว
ประโยชน์ก็จะหมดไปด้วย มนุษย์ก็จะไม่ได้อะไรเลย
แม้แต่ชีวิตของตนเองก็จะต้องหมดไป โลกจะเหลือแต่น้ำกับฟ้าอย่างเดิม

ในปัจจุบันนี้ มนุษย์กำลังใช้นามธรรมอย่างผิดทางเราสร้างสิ่งที่สมมติขึ้น
จนเกินความต้องการของชีวิต และบัดนี้เราไม่รู้ว่าชีวิตมนุษย์เราต้องการอะไรกันแน่…
มันไม่มีสิ้นสุด… มันไม่มีจุดหมายปลายทาง…

สิ่งที่เป็นนามธรรม แม้จะไม่มีรูปร่างตัวตนให้มองเห็นได้
แต่มันก็มีความสำคัญยิ่งใหญ่เหนือกว่ารูปธรรมเป็นอันมาก
รูปธรรมไม่ว่าจะเป็นวัตถุสิ่งของ เครื่องประดิษฐ์คิดค้นทางวิทยาศาสตร์
หรือแม้แต่สังขารร่างกายของคนและสัตว์ ล้วนเกิดขึ้น มีขึ้น โดยนามธรรมเป็นผู้บันดาลอยู่เบื้องหลังทั้งสิ้น

ถ้านามธรรมไม่บันดาลสมบัติปรุงแต่งขึ้นมา
มันก็จะไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นเป็นรูปร่างที่เรียกว่า รูปธรรม เลย

พระพุทธเจ้าบรมศาสดาเอกในโลก จึงทรงตรัสว่า
ทุกอย่างสำเร็จด้วยจิต จิตก็คือนามธรรมอันซ่อนเร้นแอบแฝงอย่างลับๆอยู่กับร่างกายของคนและสัตว์ทั้งหลาย
ผู้มีปัญญารู้ความจริงว่า จิตหรือนามธรรมมีความสำคัญยิ่งใหญ่ย่อมจะปรับปรุงจิตของตน บำรุงรักษาจิตของตน
ทำความสะอาดบริสุทธิ์ให้แก่จิตของตน ยิ่งกว่าสังขารทั้งหลาย และถือว่าการงานของจิตเป็นสิ่งควรทำอย่างยิ่ง

(http://webboard.yenta4.com/uploads/2010/01/21/54358-attachment.jpg)


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: 【ツ】ต้นไม้ความสุข ♪ ที่ 15 ตุลาคม 2553 20:04:44
อ้างถึง

ในขณะที่มนุษย์กำลังใช้นามธรรม ประดิษฐ์คิดค้นสิ่งที่เป็นรูปธรรมขึ้นมา


โดนตั้งแต่ท่อนแรกของเนื้อหา

สุดท้ายแล้ว สิ่งที่พระพุทธองค์ตรัสสอนนั้น ถูกต้องที่สุดครับ




หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: ขม..ค่ะึึ ที่ 17 ตุลาคม 2553 18:53:52
เส้นทางของชีวิต
ไม่ว่ามนุษย์หรือสรรพสัตว์ เป็นระยะทางอันไกล เลยขอบฟ้าที่เห็นอยู่ลิบๆโน้น
มันข้ามภพข้ามชาติ หมุนเวียนเกิดดับอย่างไม่มีวันสิ้นสุด

หากเราไม่รู้ความสำคัญของจิต
พากันปรนเปรอบำรุงรักษาสังขารร่างกายตามใจกิเลส อันมีความโลภ โกรธ หลง อย่างไม่ว่างเว้น
ดูเหมือนว่า..มันเป็นธรรมชาติที่จะต้องดำเนินไปเช่นนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า หมุนเวียนอยู่ไม่มีวันจบสิ้น
จนกลายเป็นความยึดมั่นถือมั่นตัวเราเป็นของเรา ยากที่จะแก้ไขปรับปรุงได้
สุดแต่ความโลภ โกรธ หลง จะนำไป
ชีวิตเราคงช่างน่าสงสารเสียเหลือเกิน


(http://webboard.yenta4.com/uploads/2010/01/21/54355-attachment.jpg)


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 17 ตุลาคม 2553 20:30:56


ขอบคุณครับ อ.ขม

มีแต่สิ่งดี ๆ มาให้อ่านทั้งนั้นเลย


 (:3:) (:3:)




หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: ขม..ค่ะึึ ที่ 19 ตุลาคม 2553 10:18:52
อะไรเล่าคือความหมายของคำว่า "ยุติ"
อะไรเล่าคือความหมายของคำว่า "หลุดพ้น" ไปจากการเกิดการดับ
ถ้าเราสามารถจะหยั่งรู้ไปถึงเหตุภายภาคหน้าได้ เราๆ ก็คงจะไม่เหน็ดเหนื่อย
เบื่อหน่าย อ่อนระโหยโรยแรงไปกับการเกิดดับที่ซ้ำซากอยู่เช่นนี้

ทุกข์เกิดจากกิเลสที่มีประจำ..สิงสู่อยู่ในชีวิตของเรา
มันเหมือนดวงอาทิตย์ที่กระจายแสงไปทั่วจักรวาล
ครอบคลุมเราและสรรพสัตว์ให้หน้ามือตาฟางอยู่ตลอดเวลา

เรามักปล่อยให้มันผ่านไป…ผ่านไปเหมือนความทุกข์นั้นเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิต
มันเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป มีทุกข์ใหม่เข้ามาแทนที่ไม่มีวันสิ้นไปหมดไป

บางทีเราก็ไปไขว่คว้าแสวงหาทุกข์มาใส่ตน เหยียบย่ำกองทุกข์นั้นให้จมไปกับการเวลา
บางทีเราก็เดินเข้าไปเผชิญหน้า แม้จะรู้ว่าจะพบกับความตาย
แต่บางครั้งก็ทนไม่ไหว เพราะอารมณ์กิเลสมันเร่งรัดผลักดันให้คะมำไปข้างหน้า
ไปเจอกับความเศร้าโศกที่เกิดจากความพลัดพราก ไปเจอกับความเสียใจที่เกิดจากความผิดหวัง
นี่แหละหนา..อำนาจของอารมณ์กิเลส มันรุนแรง พัดกระหน่ำยิ่งกว่าลมมรสุมใดๆ ทั้งสิ้น

ด้วยเหตุนี้กระมัง จึงมีผู้คนมากมายทำลายชีวิตตนเองด้วยวิธีการต่างๆ
โดยไม่ยอมหยุดคิดสักนิดว่า ทุกข์นั้นเกิดจากสิ่งใด
ทำอย่างไรเราจะมีโอกาสหยุดคิดสักนิดหนึ่งว่า..
เหตุแห่งทุกข์นั้นเกิดจากอะไร จึงเป็นผลให้เราทุกข์ถึงเพียงนี้…
มันเป็นกรรมของสัตว์โลกอย่างเรานั้นหรือ..

เราสามารถจะหยุดคิดถึงเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์นั้นได้
และเป็นเช่นนี้มานับแต่โลกและสรรพสัตว์ได้เกิดขึ้น
เพียงเรา"หยุด"ตรึกตรองการ..ก่อนกระทำ
และย่อมรับเหตุแลผลที่จะตามมา..แล้วค่อยๆ แก้ไขอย่างมีสติได้เสมอ

(http://webboard.yenta4.com/uploads/2010/01/21/54354-attachment.jpg)


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 19 ตุลาคม 2553 10:31:14
สาธุึ ๆ


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: ขม..ค่ะึึ ที่ 20 ตุลาคม 2553 22:38:14
แค่เพียงกายและจิตนี้
มีมนุษย์นับเป็นร้อยๆ ล้าน ไม่เคยมอง ไม่เคยรู้จัก ตามที่มันเป็นจริง
นับวัน..เจ้ากายและจิตนี้..จะเป็นกองขยะที่ยิ่งใหญ่ รกไปด้วย กิเลส ตัณหา อุปาทาน
กระจัดกระจายเกลื่อนกลาดไป ด้วยละอองแห่ง โลภะ โทสะ โมหะ ที่หนาเตอะเหนียวแน่น
ก็ยากจะเก็บกวาดชำระล้าง..ให้สิ้นเปลืองบุญทานที่เคยสะสมมา..ไปนับไม่ถ้วนให้สะอาดได้

เพียงเรามองโลกให้แคบเข้า…แคบเข้า จนเหลือแต่กายและจิตของตนเท่านั้น
มิใช่เห็นแก่ตัว มิมองผู้อื่น เพียงแต่เราต้องรู้จักตัวตนที่แท้จริงของเราเสียก่อน
เมื่อรู้จักกายและจิตแล้ว ก็จะรู้จักสุขสงบ มีสติพร้อมที่จะรู้จักสังคม

(http://webboard.yenta4.com/uploads/2010/01/21/54351-attachment.jpg)


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 20 ตุลาคม 2553 22:40:07

สาธุ อนุโมทนาจารย์ขมครับ

 (^^) (^^) (^^) (^^)


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: ขม..ค่ะึึ ที่ 22 ตุลาคม 2553 13:27:58
ทำอย่างไรเราจะมีโอกาสหยุดคิดสักนิดหนึ่งว่า..
เหตุแห่งทุกข์นั้นเกิดจากอะไร จึงเป็นผลให้เราทุกข์ถึงเพียงนี้…

หรือมันเป็นกรรมของสัตว์โลกเราอย่างนั้นหรือ
ที่ไม่สามารถจะหยุดคิดถึงเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์นั้นได้
และเป็นเช่นนี้มานับแต่โลกและสรรพสัตว์ได้เกิดขึ้น

พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระองค์ได้ทรงค้นพบถึงวิธีที่จะหยุดคิด
เพื่อให้ชาวโลกได้รู้เหตุให้เกิดทุกข์
และประทานวิธีหยุดคิดให้แก่มนุษย์ทั้งหลาย
ตามที่พระองค์ประสบผลมาแล้วด้วยพระองค์เอง
นับเป็นการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมนุษย์ชาติทีเดียว

วิธีการของพระองค์ฟังดูง่ายๆ ใครได้รับฟังก็คิดว่าน่าจะทำได้..
ทำกายให้บริสุทธิ์ด้วยการรักษาศีล ซึ่งเรียกว่า ศีล ๕
(หากใครตั้งมั่นอยู่ในศีลแล้ว สามารถรอดพ้นความชั่วได้นานับประการ)
ครั้นกายบริสุทธิ์แล้วก็ทำให้จิตบริสุทธิ์ต่อไป

การทำให้จิตบริสุทธิ์นั้น คือ
ทำจิตให้ตั้งมั่นเป็นสมาธิ ก็จะเกิดสติสัมปชัญญะตามมา

สติ ก็คือ การระลึกได้ 

สัมปชัญญะ ก็คือ การรู้ตัว

เมื่อระลึกได้ รู้ตัวได้..รู้เท่าทันกิเลสอารมณ์ที่มันเกิดขึ้น
เข้ามาออกไปในจิตของเราอยู่ทุกเวลาและโอกาสจนแทบตั้งตัวไม่ติด
มันก็จะถอยห่างออกไป เพราะอารมณ์กิเลสทั้งหลายนั้น
มันมีความกลัวอยู่อย่างหนึ่งคือ กลัวการรู้ทัน เหมือนขโมยที่คิดจะเข้าไปขโมยของในบ้าน
ถ้ามันรู้ว่าเจ้าของบ้านยังตื่นอยู่ ถือปืนคอยจ้องจะยิงมัน แน่นอน! มันย่อมไม่เข้าไป

เมื่อไม่มีขโมยเข้ามา จิตก็ว่าง มีเวลาหยุดคิดว่า เจ้าความทุกข์มันเกิดจากอะไร
พอรู้สาเหตุที่มันเกิดทุกข์ เราก็จะมองเห็นว่า ทางแก้ทุกข์นั้นยังมีอยู่
ถ้าเรารู้เหตุก็ย่อมจะรู้ทางแก้ เช่น ตัดเหตุนั้นเสียผลที่ทำให้เกิดทุกข์ก็จะไม่เกิดขึ้น
หรือถ้าทุกข์นั้นเกิดขึ้นแล้ว เราก็จะมองเห็นว่าควรจะแก้อย่างไร
แล้วก็แก้ตามเหตุนั้น มันก็จะระงับดับทุกข์เสียได้ถึงความพ้นทุกข์ที่เกิดขึ้น

(http://webboard.yenta4.com/uploads/2010/01/21/54353-attachment.jpg)


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 22 ตุลาคม 2553 13:32:07

 (:8:) (:8:) (:8:)

 (:6:) (:6:) (:6:)




หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: ขม..ค่ะึึ ที่ 23 ตุลาคม 2553 10:11:52
มนุษย์ นับว่ามีวาสนายิ่งกว่าสัตว์ใดในโลก
มีสิทธิอันสมบูรณ์ที่จะเลือกทำกรรมดี หรือกรรมชั่วของตนเอง
ถือว่าเป็นสัตว์อันประเสริฐซึ่งพระพุทธเจ้าทรงรับสั่งว่า
เกิดเป็นมนุษย์นั้น ประเสริฐกว่าเกิดเป็นเทพ เป็นพรหมเสียอีก
เพราะเทพพรหมถึงอย่างไรก็เป็นนามธรรม
ไม่มีสังขารร่างกายที่จะทำกรรมสิ่งใดให้เป็นไปตามความประสงค์ได้
แม้จะรวมกำลังแรงให้เห็นเป็นรูปร่างได้ในบางครั้งบางโอกาส ก็เป็นเพียงภาพเนรมิตเท่านั้น

พระองค์ยังทรงชี้ให้เห็นว่า กรรมเป็นเรื่องใหญ่ เรื่องสำคัญของมนุษย์และสรรพสัตว์
มนุษย์จะเกิดมาได้ก็เพราะกรรม เรียกว่ากรรมเป็นแดนเกิด
มนุษย์จะสืบเชื้อสายเผ่าพันธุ์กันมาได้ ก็เพราะกรรมนั่นเอง

กรรม ยังเป็นเครื่องจำแนกให้มนุษย์และสรรพสัตว์แตกต่างกันออกไป
เกิดมารูปชั่วก็มี เกิดมารูปงามก็มี เกิดมารูปร่างสมบูรณ์ด้วยอาการ ๓๒ ก็มี
เกิดมาพิกลพิการก็มี เกิดมาลำบากยากจนอดอยากก็มีเกิดมาร่ำรวยก็มี
เกิดมาใจบาปหยาบช้าก็มี เกิดมาใจบุญกุศลก็มี
และนี่แหละที่ถือว่าเป็นกฎเกณฑ์ประจำโลกมนุษย์เรา
ท่านเรียกว่าเป็น กฎแห่งกรรม ที่ไม่มีใครจะเปลี่ยนแปลงได้ นอกจากมนุษย์เอง

กรรม นั้นเป็นเหตุ
ถ้ามนุษย์เลือกทำกรรมดีเป็นกุศล ก็จะได้รับผลดีเป็นการตอบสนอง
ถ้าทำกรรมชั่วเป็นอกุศล ก็จะได้รับผลชั่วไปด้วย
เราสามารถจะมองเห็นผลของกรรมดีกรรมชั่วในโลกมนุษย์แห่งนี้ได้ง่ายๆ
ถ้าเรารู้จักพิจารณาสิ่งที่เกิดขึ้นมีขึ้นตามความเป็นจริง

(http://webboard.yenta4.com/uploads/2010/01/21/54346-attachment.jpg)


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 23 ตุลาคม 2553 12:51:40
อ้างถึง
มนุษย์ นับว่ามีวาสนายิ่งกว่าสัตว์ใดในโลก
มีสิทธิอันสมบูรณ์ที่จะเลือกทำกรรมดี หรือกรรมชั่วของตนเอง
ถือว่าเป็นสัตว์อันประเสริฐซึ่งพระพุทธเจ้าทรงรับสั่งว่า
เกิดเป็นมนุษย์นั้น ประเสริฐกว่าเกิดเป็นเทพ เป็นพรหมเสียอีก
เพราะเทพพรหมถึงอย่างไรก็เป็นนามธรรม
ไม่มีสังขารร่างกายที่จะทำกรรมสิ่งใดให้เป็นไปตามความประสงค์ได้
แม้จะรวมกำลังแรงให้เห็นเป็นรูปร่างได้ในบางครั้งบางโอกาส ก็เป็นเพียงภาพเนรมิตเท่านั้น



ชอบท่อนนี้มากครับ

อ่านแล้วสะกิดใจ

"มีสิทธิอันสมบูรณ์ที่จะเลือกทำกรรมดี หรือกรรมชั่วของตนเอง"

แต่มนุษย์มากมายก็ยังหลงมัวเมาก่อกรรมชั่วมิเว้นว่าง



หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: ขม..ค่ะึึ ที่ 24 ตุลาคม 2553 18:46:30
สิ่งที่มนุษย์จะต้องต่อสู้อย่างหนักหน่วงยิ่งกว่าสงคราม
ก็คือ ความดีและความชั่ว หรือ กุศล อกุศล ซึ่งขึ้นอยู่ในจิตใจของตนเอง
และส่วนมากก็มักจะพ่ายแพ้แก่อกุศลกรรม ซึ่งเป็นฝ่ายกิเลสมารร้ายไปครั้งแล้วครั้งเล่า
เพราะความอ่อนแอในจิตใจของตนอีกเช่นกัน

ด้วยเหตุนี้ สรรพสัตว์ทั้งหลายจึงคงเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในสิ่งที่เรียกว่า "วัฏสงสาร"
ชาติแล้วชาติเล่า ภพแล้วภพเล่า โดยไม่มีใครคิดสงสารตัวเองแต่อย่างใด
ผู้พ่ายแพ้ต่ออกุศลกรรมดังกล่าว เขาก็ต้องชดใช้กรรมชั่วตามที่เขากระทำขึ้น

ผู้ประพฤติดี ปฏิบัติชอบ ตามพระธรรมคำสั่งสอนของพระตถาคตเจ้า
ด้วยความอดทน พากเพียรพยายาม ไม่ท้อถอย ย่อมประสบความสำเร็จได้ในที่สุด

(http://webboard.yenta4.com/uploads/2010/01/21/54359-attachment.jpg)


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 24 ตุลาคม 2553 19:24:31
สิ่งที่น่ากลัวที่สุด

แท้จริงแล้วคือใจตน


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: ขม..ค่ะึึ ที่ 06 พฤศจิกายน 2553 08:43:03
(http://topgif.narod.ru/i/mobile/14.gif)
กอบัวเล็กๆ..

กอบัวกอเล็กย่อมมีนิเวศที่ไม่ซับซ้อนนัก
องค์ประกอบเพียงเล็กน้อยที่ปรากฏแก่สายตาของคนรอบข้าง
คงเห็นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของระบบนิเวศขนาดใหญ่
แต่มันก็ยังมีความหลากหลายในตัวมันเอง
คงไม่ผิดหากเราจะเป็นดั่งดอกบัวที่กำลังบานรับแสงแดดในยามเช้า

โดดเด่นสะดุดตาของผู้พบเห็น
กลีบแต่ละกลีบประกอบกัน..จากหนึ่งเป็นสอง..จากสองเป็นสี่..จากสี่เป็นแปด
และในที่สุดก็เป็นดอกบัวอย่างสมบูรณ์แบบ

แต่บัวไหนเลยจะงาม
หากไม่มีก้านที่รองรับน้ำหนักและชูดอกสะพรั่งนั้น
ไว้ลำเลียงน้ำลำเลียงอาหารถึงยอดถึงดอก
ไม่มีก้าน... ดอกบัวนั้นก็คงยังเป็นเพียงบัวใต้น้ำ
มิอาจโผล่พ้นขึ้นรับแสงแดด และอากาศสดชื่นสู้สายตาของผู้คน

ก้านดอกจะคงอยู่ได้อย่างไร หากไม่มีฐานดินมั่นคง
เป็นโคลนตมในน้ำ ให้รากบัวชอนไชยึดเหนี่ยวและเติบโต
โคลนตมนี้เปรียบดั่งผู้หนุนนำแบกรับบัวดอกแล้วดอกเล่า
ดอกหนึ่งร่วงหล่น ดอกใหม่โผล่พ้น
ก็ยังคงมีแร่ธาตุเพียงพอจะส่งดอกบัวใหม่สู่สายตาของผู้พบเห็น

โคลนตมก็ยังทำหน้าที่ของโคลนตม
ก้านดอกก็ยังคงเป็นก้านดอก
ดอกบัวก็ยังคงเป็นดอกบัวอยู่วันยันค่ำ
แต่สิ่งใดคือความจีรัง
วันหนึ่งดอกบัวนั้นก็ย่อมต้องเหี่ยวแห้งร่วงโรยไป
ทิ้งกอบัวกอเล็ก ๆ นั้นไว้ เพื่อบัวดอกใหม่ที่กำลังผลิบาน.

แม้วันนี้ดอกบัวรุ่นห้าหนึ่งจะร่วงโรย แต่อีกรุ่นจะยังคงอยู่ตลอด
ดอกบัวดอกนี้คงไม่มีวันลืมกอบัวกอเล็ก ๆ ที่อาศัยอยู่ถึงหกปี
คงไม่มีวันลืมก้านดอกที่คอยลำเลียงน้ำ..ลำเลียงอาหาร
ส่งเสริมดอกบัวดอกนี้ให้เจริญเติบโต

จากที่เคยมุ่งมั่นฟันฝ่าผ่านวันเวลามา
จนกระทั่งใช้เวลาสุดท้ายในการเฝ้ามองดอกบัวเหล่านั้น
ความทะเยอทะยาน ความฝัน ความหวัง ประกายเจิดจรัส
แสงแรกของวันที่เฝ้ารอ ลมเย็นที่พัดโบก

(http://www.dhammajak.net/forums/download/file.php?id=31053)


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 06 พฤศจิกายน 2553 18:17:29
สาธุ ๆ
อ้างถึง

โคลนตมก็ยังทำหน้าที่ของโคลนตม
ก้านดอกก็ยังคงเป็นก้านดอก
ดอกบัวก็ยังคงเป็นดอกบัวอยู่วันยันค่ำ


ชอบท่อนนี้จังครับ



หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: ขม..ค่ะึึ ที่ 12 พฤศจิกายน 2553 07:43:05
หลากรอยทางร้างรก โลกปกปิด
แต่ เรายังย่ำชีวิตแสวงหา
สู่บางหน ที่เพี้ยนแผกและแปลกตา
ครุ่นคำนึงประหนึ่งว่า มันท้าทาย

โดยผิดชอบชั่วดี เป็นที่ข้าม
เพ้อคุณค่านิยาม หลากความหมาย
ทั้งศรัทธา ทั้งโสมม และงมงาย
เพื่อที่สุดอันเปล่าดาย ณ ปลายทาง

โดยคำ ลานเทวา

(http://webboard.yenta4.com/uploads/2010/01/21/54349-attachment.jpg)


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: ขม..ค่ะึึ ที่ 12 พฤศจิกายน 2553 07:45:39
มนุษย์เราต่างต้องการ..ความสุขใจ
แม้เพียงน้อยคอยปลุก ให้สรรค์สร้าง
หากแต่ทุกข์ที่มืดดำยังอำพราง
ให้ชีวิตเปราะบาง หนีไม่พ้น

เราจึงทุกข์ ทุกข์เพราะอยากจะพ้นทุกข์
พล่านแสวงหาความสุข ไปทั่วหน
หากันแทบสิ้นงามความเป็นคน
หากันจนวิปริต ชีวิตพันธุ์

ในต่างดิ้นต่างรน เพื่อพ้นทุกข์
กี่ล้มลุกคลุกคลาน ล่วงผ่านผัน
หลากบทเรียนแต่อดีต ปัจจุบัน
คล้ายโลกมันไม่จบในทบทวน

โดยคำ ลานเทวา

(http://webboard.yenta4.com/uploads/2010/01/21/54350-attachment.jpg)


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: ขม..ค่ะึึ ที่ 12 พฤศจิกายน 2553 07:47:41
วาง เสียบ้างเป็นไร ในชีวิต
วางความคิดเฟ้อฟุ้งบ้าง ในบางส่วน
วางความมั่นยึดติด คิดคำนวณ
วางกระบวนการปอง ความต้องการ

ให้มันเบาบางลง คงเป็นสุข
แบกมากไปไม่สนุกทุกสถาน
บ่าเราใช่สิโรราบแค่หาบคาน
ถามใครเล่าจะดักดาน แบกทุกข์ทน

โดยคำ ลานเทวา

(http://webboard.yenta4.com/uploads/2010/01/21/54347-attachment.jpg)


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: ขม..ค่ะึึ ที่ 12 พฤศจิกายน 2553 08:05:52
สร้างรอยยิ้มเอาไว้ บนใบหน้า
ยิ้มให้โลกเพี้ยนบ้า อย่างเป็นสุข
เจ็บกี่ครั้งตั้งใจ ล้มให้ลุก
แย้มยิ้มรับดับทุกข์ ปลอบปลุกใจ

โลกวันนี้แผกเพี้ยน เกินเรียนรู้
ดังที่เห็น เป็น อยู่ ก้าวสู่ไหน
รีบ เร่ง ร้อน ไขว่คว้า หาอะไร
หันถามใคร ไร้คำตอบอันชอบพา

โดยคำ ลานเทวา

(http://webboard.yenta4.com/uploads/2010/01/21/54356-attachment.jpg)


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 12 พฤศจิกายน 2553 11:25:00
อ้างถึง

สร้างรอยยิ้มเอาไว้ บนใบหน้า
ยิ้มให้โลกเพี้ยนบ้า อย่างเป็นสุข
เจ็บกี่ครั้งตั้งใจ ล้มให้ลุก
แย้มยิ้มรับดับทุกข์ ปลอบปลุกใจ


แหม บทนี้ต้องให้จารย์บางครั้งมาอ่าน

พักหลัง ๆ จารย์หลุดโลกไปแล้ว

 ;D ;D ;D ;D


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: ขม..ค่ะึึ ที่ 27 พฤศจิกายน 2553 16:22:03
(http://xxlsite.narod.ru/i/angels/028.gif)

'' อเสกขปัญโญ ภิกขุ ''

'' สุขที่มิใช่สุขจากการแสวงในสรรพสิ่งภายนอก
บ่งบอกได้ในความสงบยามพบผ่าน

สุขที่เป็นสุขอันแม้นต้องข้องเกี่ยวกับสิ่งภายนอก
บ่งบอกได้ในสมถะและสันโดษ ความพอเพียง

เราย่อมอยู่กับความวุ่นวายในโลกได้ โดยการปล่อยวาง
วางในสิ่งที่ทำให้จิตใจหม่นหมอง

อันใดอันเป็นสิ่งข้องเกี่ยวกังวล อันควรละ เราจักละ

อันใดมิใช่ประโยชน์ในวิถีดำเนิน เราจักมิยึดเอาไว้

ยามนั้น หรือยามใด สุขนั้นจักมิไกลพ้นไปจากใจเรา
ทุกข์เพราะความคิด ทุกข์เพราะสิ่งที่มากระทบ
สติที่รู้เท่าทันนั้นจักปลดเปลื้อง

เจริญสติเถิด กัลยาณมิตร !
ความกล้ากร้านทระนงในกิเลสตัณหา
มิเคยนำพาใครไปสู่มรรคผล
อันสำเร็จเลย แม้นทางโลกและทางธรรม
เช่นนั้นแล้ว จักทระนงหลงบ้าใดเล่าในความเปล่าดาย
ของคุณค่าและความหมายแห่งสรรพสิ่ง ที่จอมปลอม
เจริญสติเถิด กัลยาณมิตร..

(http://dl9.glitter-graphics.net/pub/493/493789nfy8xzi1n4.gif)


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 27 พฤศจิกายน 2553 16:31:01
ขอบคุณครับ อ.ขม


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 27 พฤศจิกายน 2553 18:32:34


(http://img15.dreamies.de/img/167/b/fmlb9wn4h5o.gif)

อนุโมทนาสาธุธรรมค่ะ น้องขม


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: ขม..ค่ะึึ ที่ 30 พฤศจิกายน 2553 11:51:18
(http://img217.imageshack.us/img217/8263/d9e5a40d016337fa97f686aik6.gif)

เรื่องง่าย..ที่แสนยาก..

..จิตที่ไม่ค่อยได้เฝ้าตามดู ตามรู้ และยากที่จะมีสติรู้ทุกขณะจิต
ไปครั้งใดก็เหมือนตัวเองยังเป็นเด็กอนุบาลที่ต้องฝึกเรียนรู้อีกมาก

เพราะเพียงการไปปฏิบัติเพียงชั่วไม่กี่วัน
บางคนอาจจะเปลี่ยนแปลงได้ อาจขึ้นอยู่กับบุญ บารมี และความตั้งใจ
แต่สำคัญคือ..ตัวเรา..หลังจากก้าวออกมาจาก..สถานที่ที่ไปมาต่างหาก

ทุกๆ ที่..ก็คือ..ที่ปฏิบัติ(ธรรม)
..เพียงเรามีพยายามมีสติรู้ ..
และหมั่นที่จะฝึกตามรู้จิตตน..
เนี้ยล่ะ..เรื่องง่ายที่แสนยาก ..


ถ้าไม่ทำเลย..
ก็ต้องพาตัวเองไปอยู่กับที่กับทางเป็นครั้งคราว
เพราะความรู้เรื่องธรรมะ ยังด้อยปัญญาที่จะเอามาเล่าสู่

รู้เพียงว่า ..
ไม่มีสิ่งใดยากเท่าการตามรู้จิตตัวเองให้ได้ทุกขณะ
แต่ถ้าทำได้มากเท่าไหร่ ก็อยู่กับทุกข์ได้มากขึ้นเท่านั้น

เพราะชีวิตคงไม่มีใครหลีกหนีความทุกข์ได้
เพียงเราจะอยู่กับมันอย่างไรโดยไม่ทุกข์

อยู่อย่างไรโดย "ไม่มีตัวเรา" ให้มากที่สุด เพราะยิ่งตัวเราใหญ่
ก็เหมือนที่รองรับความทุกข์จะมากขึ้นตามไปด้วย ..

..เพียงกำหนดรู้ ..เรื่องง่ายที่ทำได้ยาก ..

แต่เรื่องยากก็ทำให้ชีวิตง่ายที่จะดำรงอยู่
เพื่อละเว้นสิ่งไม่ดี และสร้างสิ่งที่ดีต่อไป

(http://apichoke.com/Smileys/default/905126942.gif)


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 30 พฤศจิกายน 2553 14:50:57
อนุโมทนา อ.ขมครับ


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: ขม..ค่ะึึ ที่ 11 ธันวาคม 2553 20:24:31
ในบรรยากาศอันสุกกระจ่าง
มีจุดแต่งแต้มปรากฏขึ้น
กิเลสย้อมจุดแต้มนั้นจนเป็นสีแดงสด
ไล่เฉดสีลงมาเป็นชมพูหน่วงหนัก
ช่างงดงามยิ่งที่ได้อยู่ในอรูปภพ

เมื่อจิตสูญสลายไป จุดแต้มก็มลายไปด้วย
เมื่อจิตเปิดออก ความเว้นว่างอันแจ่มกระจ่างก็เปิดขึ้น
ขอบุญแห่งตนจงหลอมละลายไปในกามภพ
อันเป็นที่หวั่นเกรงของเหล่านักปฏิบัติ
เด็ดดอมดมชื่นชมดอกไม้ป่า
มันหาใช่ความสวยยาวนาน หากระสันรัญจวนไม่!

หากเป็นเพียงกลีบดอกไหวตามแรงลมอันเรียบง่าย
เพื่อที่จะตระหนักถึงสายลม-ลำธารอันสดชื่น
ซึ่งรวยรินเอาความไร้เดียงสาของดอกไม้ป่า
ความสดชื่นนั้นหาใช่ภาระหรือสิ่งคุกคามไม่
ซึ่งสภาวะจิตนั้นอาจหลอมละลายไป

(http://www.krassota.com/i/deti/03.gif)


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 20 ธันวาคม 2553 18:11:47
(:6:) (:6:) (:6:) (:6:) (:6:)

 (:3:) (:3:) (:3:) (:3:) (:3:)


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: ขม..ค่ะึึ ที่ 20 ธันวาคม 2553 22:45:32
(http://www.bmp.ac.th/cai/orapurn_thai/asma/bells_gold.gif)

เสียงระฆังวังเวงวิเวกแว่ว แก๊ง.แก๊ง.แผ่วจากหนใดที่ไหนหนอ
วิหกร้องขันคูกู่เสียงคลอ  หอมละออกลิ่นมาลีคลี่ดอกบาน

จิตวิญญาณลอยวนอยู่หนไหน  โปรดจงช่วยกลับมาคืนผสาน
เป็นหนึ่งเดียวกับเรือนร่างดั่งต้องการ  อย่าซมซานเป็นกายทิพย์พเนจร

แสงแห่งธรรมสาดส่องทั่วท้องหล้า  ต่างจรมาน้อมรับฟังคำสั่งสอน
กิเลสที่กลางฤทัยเริ่มคลายคลอน  พนมกรน้อมรับภควันต์

เสียงธรรมะสะวะนะประสานก้อง  ดั่งเสียงร้องบรรเลงเพลงสวรรค์
ขับกล่อมมวลเวไนยสารพัน  ให้ยึดมั่นในศรัทธาค่าความดี

จักษุได้รู้เห็นเป็นแก่นสาร  ถึงความเจ็บปวดทรมานความบัดสี
เห็นการเกิดแก่เจ็บตายบรรดามี  ทั้งโลกีย์ตัญหาน่าเศร้าใจ

ความดีไม่เคยทำเลยสักนิด  ครั้นชีวิตใกล้จะลับดับสลาย
กระเสือกกระสนดิ้นรนหนีความตาย  เริ่มเห็นพระรำไรในสันดาน

โสตสองข้างควรรับสดับบ้าง  ทุกสิ่งอย่างล้วนนิจจังตามสังขาร
ไม่มั่นคงจีรังยั่งยืนนาน  ต้องแตกดับตามกาลกำหนดมา

จะต้องการสิ่งใดอะไรเล่า  เรามาเปล่าก็ไปเปล่านั่นแหละหนา
สร้างความดีประดับไว้ในโลกา  ดั่งผกาหอมระรินทั่วถิ่นไพร....

(http://krasota-gif.com/s/butterfly/04.gif)


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: ขม..ค่ะึึ ที่ 17 มกราคม 2554 13:47:41
สุขหรือไม่...?..
ไม่ได้ขึ้นอยู่กับวัตถุ แต่ขึ้นอยู่ที่ใจ
ที่มองเห็นความเป็นจริงของโลกและชีวิต
จนสามารถปล่อยวางคลายความยึดมั่นได้
บางคน มีวัตถุอำนวยความสะดวกมาก  แต่ยังหาสุขไม่ได้เลย
บางคนมีวัตถุอำนวยความสะดวกไม่มาก แต่มีความสุขล้นเหลือ



(http://krasota-gif.com/s/cats/38.gif)


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: ขม..ค่ะึึ ที่ 19 มกราคม 2554 12:41:57
เมื่อใจสูงขึ้น
การดิ้นรนก็ย่อมที่สูงขึ้น หรือประณีตขึ้น
และมีความรอดของชีวิต ที่สูง ๆ แปลก ๆ ยิ่งขึ้นไป

คนทุกคนในโลกคือ สิ่งมีชีวิตแบบเดียวกัน
มีปัญหาเดียวกันคือดิ้นรน..
ให้พ้นจากทุกข์ ตามระดับของตน

ทุกชีวิตปรานารถเช่นเดียวกัน
เพื่อความอยู่รอด จึงควรระวัง..การบียดเบียนกัน
เพราะนั้น คือจุดเริ่มต้นของเรื่องร้ายๆ  ของอนาคตทีเดียว


(http://krasota-gif.narod.ru/s/cats/11.gif)


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 27 มกราคม 2554 13:24:38

(http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/667/7667/images/winter/winter.jpg)

-:-  ความ พอดี  -:-  

สรรพสิ่งในโลกนี้มีสองแง่
ความ ดีแท้สมบูรณ์ค่าหาไม่เห็น
เอาแต่พอดีงามตามที่เป็น
ไม่ยากเย็นเฟ้นหา ถ้าพอใจ

ดีกับเสียมีอยู่คู่กันติด
ถูกกับผิดว่างกับวุ่น ขุ่นกับใส
ที่เย็นน้อยเพราะร้อนลนจนเป็นไฟ
สองด้านในความเป็นจริงจาก สิ่งเดียว

แดดเป็นตัวเร่งให้ไม้ผลิดอก
แย้มบานออกแดดก็เผาจน เฉาเหี่ยว
ข้าวได้ฝนชูช่อรอคมเคียว
พอน้ำเชี่ยวท่วมนาน้ำตานอง

สรรพสิ่งมีทั้งให้ทั้งทำลาย
ถ้า มากมายเกินพอก็เศร้าหมอง
น้อยก็ทุกข์ทนหามาไว้ครอง
โลกจึงพร่องขาด นิยามความพอดี

แม่รักลูกอยากให้ได้ดังใจแม่
จึง เอาแต่สอนพร่ำคอยจ้ำจี้
แม่ก็ทุกข์ลูกก็ทนทุกข์ทวี
ต่างทุกข์ที่ไม่ ได้ดังใจกัน

อย่าหาแต่ข้อเสียของคนอื่น
หาความดีเขาไว้ชื่นชูใจ มั่น
ข้อเสียตนหมือนงูชูคอชัน
คอยประจัญทำร้ายทำลายตัว

ธรรมชาติล้วนเป็นเช่นนั้น เอง
ตามบทเพลงเหตุปัจจัยใช่ดีชั่ว
สัจธรรมมีสองด้านอยู่พันพัว
อย่า สุดขั้ววางใจให้พอดี

(พระอาจารย์ ชาญชัย อธิปญฺโญ)

คนทุกคนก็มีทั้งข้อดีและข้อ เสีย ไม่มีใครดีหมดหรือเสียหมด
การมองสิ่งทั้งหลายตามความเป็นจริง จึงจะมองอย่างเที่ยงธรรม ปราศจากอคติ
คนเรามักมองไม่เห็นตัวเองว่าเป็นคนเช่นใด
เห็นแต่คนอื่นว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ทั้งนี้เพราะเราคุ้นเคยกับการมองเห็นสิ่งนอกตัว
ไม่ฝึกมองเห็นสิ่งในตัว การเห็นความผิดตนเอง เห็นข้อบกพร่องของตนเอง
จึงจะเป็นประโยชน์ในการแก้ไข ปรับปรุงตนเองให้ดีขึ้น...

(อย่าพร่องดี และอย่าเกินดี แค่พอดี)

อัตตะนา โจทะยัตตานัง ยะทัตตะคะระหิ ตะทะกัพพะ มาโน
จงเตือนตนด้วยตนเอง.....ติตนเองเพราะเหตุ ใด ไม่ควรทำเหตุนั้น

ขอบคุณบทความจาก ธรรมจักรดอทเน็ต
http://www.infoforthai.com/forum/topic/892 (http://www.infoforthai.com/forum/topic/892)



หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: ขม..ค่ะึึ ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2554 08:51:01
เป็นเพราะหลงคิดว่ามันเป็น “ของฉัน”
ผู้คนทั้งโลกจึงกลายเป็น “ของมัน” ไปโดยไม่รู้ตัว
มีชีวิตอยู่ก็เพื่อมัน ยอมทุกข์ก็เพื่อมัน
ทั้งๆ ที่รู้อยู่ว่ามีเวลาอยู่ในโลกนี้จำกัด
แต่ก็ใช้เวลาไปอย่างไม่เสียดายก็เพื่อมัน
ซ้ำร้ายกว่านั้นหลายคนยอมทำชั่ว
อกตัญญูต่อผู้มีพระคุณก็เพื่อมัน
.
พระไพศาล วิสาโล


(http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/851/13851/blog_entry1/blog/2009-07-25/comment/473839_images/5_1248459308.jpg)


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: ขม..ค่ะึึ ที่ 04 มีนาคม 2554 15:21:18
**  ใต้ร่มพระพุทธธรรม  **

ศรัทธาธรรมหลั่งไหลมาทั่วสารทิศ
ฝากดวงจิตใต้ร่มเงาพระพุทธศาสนา
หล่อเลี้ยงดวงวิญญาณพลัดผ่านมา
เย็นชื่นฉ่ำอุรารสพระธรรม

ทั้งออกตกเหนือใต้กลางอีสาน
ต่างซมซานไขว่คว้าอยู่เช้าค่ำ
โลกย์ร้อนรุ่มกันดารคืบคลานคลำ
ปริศนาอำพรางคลี่พร่างพราย

เรียกร้องหาฟ้าอำไพจากใจเหงา
คลายฤดีบรรเทาทุกเช้าสาย
ยังมืดบอดขื่นขมด้วยงมงาย
แสงสว่างฉาบฉายทั่วภพพื้น

ดั่งนกแสงตะวันบินผันผ่าน
แม้ร้าวรานไม่ย้อนกลับหลับเพิ่งตื่น
สั่งสมประสบการณ์ผ่านวันคืน
รอยปีติกลบสะอื้นคลื่นชีวิต

อณูทิพย์  ธารทอง

(http://www.212cafe.com/freewebboard/user_board/khundong/picture/00021_1.jpg)


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 04 มีนาคม 2554 20:34:22


(http://t1.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcRpOs4DX_z-Kspq9EBIWe3XQ5f3kTfhhvgQk3Uw7GMeQXThl43Fgw)

 (:88:)  (:88:)  (:88:)



หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 04 มีนาคม 2554 23:01:34
อนุโมทนา อ.ขม ครับผม

 (:SY:) (:SY:) (:SY:)


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: ขม..ค่ะึึ ที่ 06 เมษายน 2554 12:26:01
มาไกลเกินกว่าคิด ชีวิตนี้
ขณะมีที่ทางปล่อยวางทั่ว
ภาพซีเปียหลอมปนโลกหม่นมัว
ไยหลงกลัวการตื่นรู้ชื่นบาน

คล้ายเจริญอานาปานสติ
สะพรั่งผลิภาวนาแผ้วฟ้าใส
อนิจจังทั้งมวลล้วนคล้อยไป
ประหนึ่งไว้ชีวิตก่อนปลิดปลง!

วัฒนา ธรรมกูร


(http://img.kapook.com/image/iStock_000005213985XSmall.jpg)


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: ขม..ค่ะึึ ที่ 07 เมษายน 2554 10:48:36
วันเวลาล่วงคล้อยอย่างอ้อยอิ่ง
ขณะพิงพักทางละวางเศร้า
เคว้งเคว้งนี่ ปลิวนั่น มิบันเบา
ใบไม้เฉาดูช่างคว้างคว้างลอย

พบแต่ใบไม้ร่วงพรากห้วงหน
เกลื่อนถนนน้ำตามิราถอย
ไยเชื้อเชิญชีวิต ปลิดทยอย
ไยร่วงผล็อยลงพื้นทุกคืนวัน

วัฒนา ธรรมกูร


(http://dl8.glitter-graphics.net/pub/550/550778sl9k39rmwq.gif)
(http://static.diary.ru/userdir/8/1/1/0/811065/36057493.gif)


หัวข้อ: Re: "แสงธรรมสุขใจ"
เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 07 เมษายน 2554 11:06:51
สาธุ ๆ ๆ อนุโมทนาครับ

 ;D ;D ;D