[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน => ข้อความที่เริ่มโดย: 時々๛कभी कभी๛ ที่ 01 มิถุนายน 2554 10:33:03



หัวข้อ: จิตประภัสสร
เริ่มหัวข้อโดย: 時々๛कभी कभी๛ ที่ 01 มิถุนายน 2554 10:33:03
(http://static.panoramio.com/photos/original/49630259.jpg)

http://www.youtube.com/v/qpJ-nX8sZJo?version=3



(:LOVE:)ต่อไปนี้มาดูคำสอนที่ถูกต้อง (:LOVE:)



ถาม..........1.กรรม ผลักดันให้จุติจิตไปปฏิสนธิในภูมิที่เหมาะสมแก่กรรมและสิ่ง

สั่งสมอื่นที่อยู่ในจิตหรือจุติจิตเป็นผู้พากรรมซึ่งติดสอย(โดยสาร)มาไปเกิดด้วย

2.โอปปาติกะอันมีเทวดา เปรต อสุรกาย สัตว์นรก เป็นต้นไม่มีกายหยาบ

เหมือนมนุษย์แต่มีกายละเอียด(กายทิพย์)เป็นกลุ่มก้อนพลังงานอันคือภูมิสัตว์ที่"มี

ขันธ์ 4 ขันธ์ใช่หรือไม่ ?

3.คำว่า{จิตเดิมแท้ประภัสสร}ที่แสดงว่าจิตที่บริสุทธิ์เดิมมีอยู่เป็นเพียงวาทะ

กรรมใช่หรือไม่?

4.ถ้าแม้นิพพานธาตุก็ดับสลายหมดไม่มีส่วนเหลือสรุปว่าความมีอะไรมาก

มาย(สิ่งทั้งหลายในโลกในจักรวาล)เกิดมาจากความไม่มีอะไร(ความว่างเปล่า)

เช่นนั้นหรือ ?



ตอบ..........ตราบใดที่ยังมีกิเลส ก็ย่อมเป็นปัจจัยให้มีการเกิดอีกเมื่อได้สิ้นชีวิตคือจุติจิตเกิดขึ้น



เป็นปัจจัยให้ปฏิสนธิจิตเกิดต่่อเพราะมีการกระทำที่เป็นกุศลกรรมบ้าง(อกุศลกรรม)

บ้างกรรมนั้นเองย่อมเป็นปัจจัยให้เกิดวิญญาณคือ..{ปฏิสนธิวิญญาณ}ที่เป็นปฏิสนธิจิต

สมดังที่พระพุทธเจ้าตรัสว่าดูก่อนภิกษุทั้งหลายธรรมปริยายอันเป็นเหตุแห่งความ

กระเสือกกระสนเป็นไฉนดูก่อนภิกษุทั้งหลายสัตว์ทั้งหลายเป็นผู้มีกรรมเป็นกำเนิด

มีกรรมเป็นพวกพ้อง มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัยกระทำกรรมอันใดไว้เป็นกรรมดีหรือกรรม

ชั่วก็ตามย่อมเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น

ดังนั้นเมื่อยังมีกิเลสกรรมที่ทำไว้ย่อมเป็นปัจจัยให้เกิดปฏิสนธิจิตคือเกิดขึ้นในภพ

ภูมิใดภูมิหนึ่งอันสมควรแก่กรรม กรรมย่อมทำให้เหล่าสัตว์กระเสือกกระสนไปในภพภูมิต่าง ๆ

อีกนัยหนึ่งไม่ใช่เพียงกรรมเท่านั้นที่ทำให้เกิดซึ่งเหตุที่แท้จริงคือกิเลสเพราะมีกิเลส

มีอวิชชาและตัณหา(โลภะ)จึงทำให้มีการทำกรรมและทำให้มีการเกิดตัณหาที่ทำ

ให้มีการเกิดใน(สังสารวัฏฏ์)จากภพหนึ่งไปสู่อีกภพหนึ่งอย่างไม่มีวันจบสิ้นตัณหาจึง

ได้ชื่อว่าเป็นผู้ให้กำเนิดอย่างแท้จริงเป็นเหมือนมารดาที่ให้กำเนิดถ้าไม่มีกิเลสคือ

โลภะหรือตัณหาแล้วย่อมไม่มีการเกิดอีกอย่างแน่นอนสำหรับผู้ที่จะดับตัณหาได้

อย่างเด็ดขาดไม่เกิดอีกเลยนั้นคือพระอรหันต์ พระอรหันต์เป็นผู้ฆ่ามารดา(คือตัณหา)

ได้แล้วเป็นผู้ไม่มีทุกข์

จิตเป็นสภาพธรรมที่สะสมดังนั้นเมื่อยังมีกิเลสก็ยังมีเหตุปัจจัยให้จิตเกิดขึ้นและดับ

ไปสืบต่อกันไปไม่ขาดสายดังนั้นขณะใดที่เกิดจิตประเภทกุศลบ้าง(อกุศล)บ้างมีการ

กระทำทางกายและวาจา ด้วยจิตที่เป็นกุศลและอกุศลสิ่งเหล่านี้ไมหายไปสะสมต่อไป

ที่จิตแต่ละขณะจุติจิตเกิดขึ้น ดับไปปฏิสนธิจิตเกิดต่อสิ่งที่สะสมมาไมหายไปไหน

สะสมต่อไปจา{จุติ}จิตไปปฏิสนธิจิตทั้งฝ่ายกุศลและอกุศลดังนั้นเมื่อพิจารณาด้วย

ปัญญาจึงรู้ว่าสิ่งใดควรสะสมอกุศล หรือ กุศลความเข้าใจพระธรรมด้วยการศึกษา

พระธรรมฟัง{พระธรรม}จึงเป็นการสะสมที่ประเสริฐที่สุด..................



ถาม.........คำว่าจิตเดิมแท้ประภัสสรที่แสดงว่าจิตที่บริสุทธิ์เดิมมีอยู่

เป็นเพียงวาทะกรรมใช่หรือไม่ ?



ตอบ........{ประภัสสร}หมายถึง...........................



{ผ่องใส}จิตจะผ่องใสได้ก็ต่อเมื่อเป็นกุศลจิตเพราะประกอบ

ด้วยโสภณเจตสิก(เจตสิกฝ่ายดี)เกิดร่วมด้วยจึงผ่องใสและอีกประการหนึ่งขณะที่

เป็นภวังคจิตดำรงภพชาติความเป็นบุคคลนี้อยู่อารมณ์ของโลกนี้ไม่ปรากฏไม่

เห็นไม่ได้ยินไม่ได้กลิ่นไม่ได้ลิ้มรสไม่รู้สิ่งที่กระทบสัมผัสเพียงชั่วขณะที่จิตไม่รู้

อารมณ์ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจนั้นไม่มีกิเลสประการต่าง ๆ

เกิดขึ้นทำกิจหน้าที่ดังนั้นขณะที่เป็นภวังคจิตจึงกล่าวว่าเป็น{จิตประภัสสร}ด้วย      

ดังนั้นขณะที่ไม่มีอกุศลเกิดขึ้นมีกุศลจิตและภวังคจิตขณะนั้นจิตผ่องใส - ผ่องใส

เพราะไม่มีกิเลสเกิดขึ้นร่วมด้วยในขณะนั้นเพราะกิเลสเป็นสภาพธรรมที่เศร้าหมอง

ดังนั้นจิตที่ประภัสสรจึงมีจริง



ถาม.........ถ้าแม้นิพพานธาตุก็ดับสลายหมดไม่มีส่วนเหลือสรุปว่าความมีอะไรมากมาย

(สิ่งทั้งหลายในโลกในจักรวาล)เกิดมาจากความไม่มีอะไร(ความว่างเปล่า)เช่นนั้นหรือ ?



เบื้องต้นของ{สังสารวัฏฏ์}ย่อมไม่ปรากฎแต่เพราะมี{อวิชชา}ความไม่รู้จึงมีการกระทำ

ต่าง ๆ มีสภาพธรรมต่าง ๆ จนเป็นปัจจัยใหมีการเกิดขึ้นและเวียนว่ายตายเกิดไม่มีที่สิ้น

สุดเพราะมีอวิชชาเป็นปัจจัยดังนั้นคงไม่สามารถหาคำตอบในสิ่งที่เหลือวิสัยว่าเริ่ม

แรกเป็นอย่างไรและพระพุทธองค์ก็ไม่ทรงพยากรณ์ปัญหาเหล่านี้เพราะไม่ประกอบ

ด้วยประโยชน์ คือ เพื่อละคลายกิเลสได้เพราะแม้ตอบไปสัตว์โลกไม่ได้รู้ด้วยปัญญา

เหมือนพระองค์ก็มีแต่จะสงสัยอยู่ดี ไม่แน่ใจและสงสัยเพิ่มเพราะตัวเองไมได้ประจักษ์

ในสิ่งเหล่านั้นเหมือนพระองค์ทรงแสดงแต่พระองค์ทรงแสดงว่าเมื่อมีการเกิดขึ้น

ก็ต้องมีสภาพธรรมที่ดับ - ดับความเกิดขึ้นที่เป็นสังขารธรรมทั้งหมดไม่เหลือเลยนั่นคือ

พระนิพพานแต่ด้วยหนทางการอบรมปัญญาเพราะฉะนั้นพระพุทธองค์ทรงพยากรณ์

ปัญหาที่ทำให้เหล่าสัตว์เจริญขึ้นด้วยปัญญาอันให้ถึงการประจักษ์ความจริงและถึงการ

ดับกิเลสได้หมดมี{อวิชชา}เป็นต้นอันเป็นเหตุของการเกิดขึ้นและดับไปสังขารธรรม

มี{จิตเจตสิก}ที่เป็นสังสารวัฏฏ์ที่ไม่มีสิ้นสุดให้สิ้นสุดดังนั้นพระองค์จึงทรง

แสดงธรรมที่ประกอบด้วประโยชน์มีการเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ เพื่อให้

เหล่สัตว์ดับกิเลสด้วยหนทางที่ถูกต้องนี้...........................................



หัวข้อ: Re: จิตประภัสสร
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 02 มิถุนายน 2554 07:54:42


(http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/f/fa/Goryeo-Avalokiteshvara-1310-kagami_Jinjya_Temple.jpg)   (:88:)   (:88:)   (:88:)