หัวข้อ: สัทธรรมปุณฑริกสูตร บทที่ 12 อุตสหปริวรรต ว่าด้วยความเพียรพยายาม เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 19 มิถุนายน 2554 20:20:52 (http://www.buildboard.com/images/attachpic/B1967/B1967F6715T28819_ed1d035c2a84e351090f918b6b20c0d1.jpg) พระสูตรสัทธรรมปุณฑรีกะ บทที่ 12วัดโพธิ์แมนคุณาราม นายชะเอม แก้วคล้าย แปลจากต้นฉบับสันสกฤต อุตสหปริวรรต ว่าด้วยความเพียรพยายาม ได้ยินว่า ครั้งนั้นพระโพธิสัตว์มหาสัตว์ ไภษัชยราช กับพระโพธิสัตว์มหาสัตว์มหาประติภาน รวมทั้งพระโพธิสัตว์บริวาร 20 แสนองค์ ได้กล่าววาจานี้ ณ เบื้องพระพักตร์ ของพระผู้มีพระภาคว่า "ขอพระผู้มีพระภาค จงมีความขวนขวายน้อย (อดทน) ในเรื่องนี้ ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ข้าพระองค์ทั้งหลาย จักแสดง จักประกาศธรรมบรรยายนี้ ของพระตถาคตผู้ปรินิพพานแล้วแก่สัตว์ทั้งหลาย ข้าแต่พระผู้มีพระภาค แม้ว่าสัตว์ทั้งหลาย ผู้คดโกง จักมีอยู่ในกาลนั้น สัตว์ผู้มีกุศลน้อย มีอหังการมาก ปรารถนาลาภสักการะ อาศัยอกุศลมูล เป็นผู้ฝึกยาก ปราศจากความหลุดพ้น เป็นผู้มากด้วยความยึดมั่น (ไม่หลุดพ้น) ข้าแต่พระผู้มีพระภาคในกาลนั้น ข้าพระองค์ทั้งหลาย ให้(พวกเขา) แสดงพลังความอดทน ให้ศึกษา ให้ท่อง ให้อธิบาย ให้เขียน ให้สักการะ ให้เคารพ ให้ยกย่อง ให้บูชา ซึ่งพระสูตรนี้ ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ข้าพระองค์ทั้งหลาย จักสละกายและชีวิต เพื่อประกาศพระสูตรนี้ ขอพระผู้มีพระภาคจงมีความขวนขวายน้อยเถิด ในบริษัทนั้น ภิกษุจำนวน 500 รูป ทั้งที่เป็นพระเสขะและอเสขะ ได้กราบทูลคำนี้กะพระผู้มีพระภาคว่า "ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ข้าพระองค์ทั้งหลาย จะพยายาม เพื่อประกาศธรรมบรรยายนี้ แม้ในโลกธาตุเหล่าอื่น ได้ยินว่า พระสาวกทั้งหลายของพระผู้มีพระภาค ทั้งที่เป็นพระเสขะและพระอเสขะ เป็นผู้ที่พระผู้มีพระภาคได้พยากรณ์ไว้ ในอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ พระภิกษุ 8,000 รูปเหล่านั้นทั้งหมด ประคองอัญชลีต่อพระผู้มีพระภาค ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคอย่างนี้ว่า "ขอพระผู้มีพระภาค จงเป็นผู้ขวนขวายน้อย ข้าพระองค์ทั้งหลาย จักประกาศธรรมบรรยายนี้ เมื่อพระตถาคตปรินิพพานแล้ว ในกาลสมัยภายหลัง แม้ในโลกธาตุอื่นข้อนั้นเพราะเหตุไร ข้าแต่พระผู้มีพระภาค เพราะในสหโลกธาตุนี้ สัตว์ทั้งหลายเป็นผู้อหังการมีกุศลน้อย มีจิตวิบัติเป็นนิตย์ เป็นผู้ทุจริต มีธรรมชาติคดโกง ได้ยินว่า ขณะนั้น พระมหาประชาบดีโคตมี พระภคินีแห่งพระมารดาของพระผู้มีพระภาคพร้อมด้วยพระภิกษุณี 6,000 รูป กับพระภิกษุณี ที่เป็นเสขะและพระอเสขะลุกจากอาสนะ ประคองอัญชลีต่อพระผู้มีพระภาค แล้วยืนมองพระผู้มีพระภาคอยู่ ในเวลานั้น พระผู้มีพระภาคได้ตรัสถาม พระมหาประชาบดีโคตมีว่า "ดูก่อนโคตมี ทำไมเธอจึงมีทุกข์ใจยืนมองพระตถาคตอยู่" พระนางกราบทูลว่า "หม่อมฉันไม่ได้รับการเผื่อแผ่ (กระจาย) ไม่ได้รับการพยากรณ์ในอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ" พระผู้มีพระภาคตรัสว่า "ดูก่อนโคตมี เธอได้รับคำพยากรณ์พร้อมกับบริษัททั้งปวงแล้ว ดูก่อนโคตมี ต่อไปนี้เธอจักได้รับ จำกระทำการสักการะ เคารพ นับถือ บูชา นอบน้อม ไหว้ แล้วจักได้เป็นพระโพธิสัตว์มหาสัตว์ ผู้ประกาศธรรมในสมัยของพระพุทธเจ้า 38 ร้อยพันล้านโกฏิ บรรดาภิกษุณี ที่เป็นเสขะและอเสขะทั้งหลาย ภิกษุณีเหล่าอื่นอีก 6,000 รูป จักได้เป็นพระโพธิสัตว์ ผู้ประกาศธรรมในสมัยของพระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเหล่านั้น พร้อมกับเธอ จากนั้นเธอ เมื่อยังจรรยาของพระโพธิสัตว์ให้สมบูรณ์ยิ่งๆขึ้น จักได้เป็นพระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า มีพระนามว่า สรรพสัตวปริยทรรศน์ ในโลก เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ เป็นผู้เสด็จไปดีแล้ว เป็นผู้รู้แจ้งโลก เป็นนายสารถีฝึกบุรุษที่ไม่มีผู้ใดเปรียบได้ เป็นครูของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้เบิกบาน เป็นผู้จำแนกธรรม ดูก่อนโคตมี พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้านามว่า สรรพสัตวปริยทรรศน์ นั้น จักพยากรณ์พระโพธิสัตว์ 6พันรูปเหล่านั้น ด้วยการพยากรณ์ที่ยิ่งๆขึ้นในอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ภิกษุณี ยโศธรา มารดาของพระราหุล ได้คิดว่า "ชื่อของเรา พระผู้มีพระภาค มิได้แผ่มาถึงเลย พระผู้มีพระภาคทรงทราบความปริวิตกแห่งจิตของภิกษุณียโศธรา (ด้วยจิตของพระองค์) จึงตรัสกับภิกษุยโศธราว่า ดูก่อนยโศธรา เราจักบอกเธอ เราจักประกาศแก่เธอ เธอเมื่อกระทำสักการะ เคารพ นับถือ บูชา นอบน้อม ไหว้ ในสมัยของพระพุทธเจ้าจำนวนหนึ่งหมื่นโกฏิ จักเป็นพระโพธิสัตว์ผู้ประกาศธรรม เมื่อยังจรรยาของพระโพธิสัตว์ให้สมบูรณ์โดยลำดับแล้ว ท่านจักได้เป็นพระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้ามีพระนามว่า รัศมีศตสหัสรปริปูรณธวัช ในโลก เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ เป็นเสด็จไปดีแล้ว เป็นผู้รู้แจ้งโลก เป็นนายสารถีฝึกบุรุษที่ไม่มีผู้ใดเปรียบได้ เป็นครูของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้เบิกบาน เป็นผู้จำแนกธรรม ในภัทรโลกธาตุ ประมาณอายุของพระผู้มีพระภาคตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า รัศมีศตสหัสรปริปูรณธวัช นั้นมีไม่จำกัด ได้ยินว่า ภิกษุณี มหาประชาบดีโคตมี กับภิกษุณีบริวาร 6.000 รูปและภิกษุณี ยโศธรา กับภิกษุณีบริวารอีก 4.000 รูป ที่ได้สดับคำพยากรณ์ของตน ในอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ จากสำนักของพระผู้มีพระภาค ได้ถึงความอัศจรรย์ใจ ประหลาดใจ จึงได้กล่าวคาถานี้ในเวลานั้นว่า 1 ข้าแต่พระผู้มีพระภาค พระองค์เป็นผู้นำ เป็นผู้แนะนำ เป็นศาสดาของโลก รวมทั้งเทวโลก เป็นผู้ประทานความสำเร็จ เป็นผู้ที่มนุษย์และเทวดาบูชาแล้ว ข้าแต่พระผู้เป็นที่พึ่ง ข้าพเจ้าทั้งหลาย เป็นผู้ยินดีแล้วในวันนี้ ครั้นกล่าวคาถานี้แล้ว ภิกษุณีเหล่านั้น ได้กล่าวคำนี้กะพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาค แม้หม่อมฉันทั้งหลาย ก็จักพยายามเพื่อประกาศธรรมบรรยายนี้ ในกาลสมัยภายหลังแม้ในโลกธาตุเหล่าอื่น พระผู้มีพระภาค ทอดพระเนตรพระโพธิสัตว์เหล่านั้น จำนวนแปดสิบร้อยพันหมื่นโกฏิ ผู้ได้รับความมั่นใจ ผู้หมุนธรรมจักรมิให้หวนกลับ พระโพธิสัตว์มหาสัตว์เหล่านั้น ที่พระผู้มีพระภาคทรงเห็นแล้วโดยรอบ ได้ลุกจากอาสนะ ประคองอัญชลีต่อพระผู้มีพระภาคแล้วคิดว่า "พระผู้มีพระภาค คงปรารถนาให้เราทั้งหลาย เพื่อประกาศธรรมบรรยายนี้" พระโพธิสัตว์เหล่านั้น ครั้นคิดอย่างนี้แล้ว เป็นผู้หวั่นไหว ได้กล่าวแก่กันและกันว่า "ดูก่อนกุลบุตรทั้งหลายเราจะทำอย่างไร พระผู้มีพระภาค ปรารถนาให้พวกเราประกาศธรรมบรรยายนั้นในกาลอนาคต" กุลบุตรเหล่านั้นได้บันลือสีหนาท ด้วยประณิธานจรรยาในกาลก่อนของตน ณ เบื้องพระพักตร์ของพระผู้มีพระภาค ด้วยความเคารพว่า "ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ในอนาคตกาล เมื่อพระตถาคตปรินิพพานแล้ว ข้าพระองค์ทั้งหลาย จักไปในทิศทั้ง 10 เพื่อสัตว์ทั้งปวงให้คัดลอก อ่าน พิจารณา ประกาศธรรมบรรยายนี้ด้วยอานุภาพของพระผู้มีพระภาค ขอพระผู้มีพระภาคผู้ประทับในโลกธาตุอื่น ทรงช่วยรักษา คุ้มครอง ป้องกันข้าพระองค์ทั้งหลายด้วย" พระโพธิสัตว์มหาสัตว์เหล่านั้น ได้กล่าวสรรเสริญพระผู้มีพระภาค ด้วยคาถาเหล่านี้ว่า 2 ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ขอพระองค์จงเป็นผู้ขวนขวายน้อย เมื่อพระองค์ปรินิพพานแล้ว ในกลียุคสุดท้ายอันน่ากลัว ข้าพระองค์ทั้งหลาย จักประกาศพระสูตรอันประเสริฐสุดนี้ 3 ข้าแต่ท่านผู้นำ ข้าพระองค์ทั้งหลาย จักอดทน จักอดกลั้น ต่อความพยายามใส่ร้ายจากคำครหา และคำขู่ของคนพาลทั้งหลาย 4 ในปัจฉิมกาล อันน่ากลัว มนุษย์เป็นผู้โง่เขลา คดโกง หลอกลวง อหังการด้วยความเป็นพาล สำคัญตนว่า ได้บรรลุแล้วในสิ่งที่ตนยังไม่บรรลุ 5 ข้าพระองค์ อยู่ป่า นุ่งห่มผ้าขี้ริ้ว ประพฤติไปตามครรลองของชีวิต จักบอกกับคนชั่วอย่างนี้ 6 ผู้ที่มีความยึดติด ผู้ปรารถนาในรส แต่เป็นผู้สอนธรรมแก่คฤหัสถ์ จักเป็นผู้ที่คฤหัสถ์ทั้งหลายสักการะราวกับว่าผู้ได้อภิญญา หก 7 คนที่มีจิตโหดร้ายเป็นคนชั่ว คิดถึงแต่ทรัพย์ของคฤหัสถ์ เข้าไปสู่ป่าจักเป็นผู้ปริวาท (ให้ร้าย) พวกข้าพระองค์ 8 เดียรถีย์ทั้งหลาย ผู้ปรารถนาลาภสักการะ จักกล่าวถึงพวกข้าพระองค์ว่าภิกษุทั้งหลายเหล่านี้ ย่อมให้โอวาทว่า ตนมีความรู้ 9 ผู้ที่ต้องการลาภสักการะเป็นเหตุปัจจัย ได้แต่งพระสูตรทั้งหลายขึ้นมาเอง ย่อมกล่าวหาพวกข้าพระองค์ ในท่ามกลางบริษัทว่า เป็นผู้ทำลาย 10 (กล่าว) ในทำนองเดียวกันกับพระราชาราชบุตร ราชอำมาตย์ นักบวช คฤหบดี และภิกษุเหล่าอื่น 11 พวกเขาจักกล่าวคำตำหนิพวกเรา ให้ทำตามคำสอนของเดียรถีย์ พวกข้าพระองค์จักอดทนสิ่งทั้งปวง ด้วยความเคารพต่อพระมหาฤษี (พระผู้มีพระภาค) 12 ในกาลนั้น คนโง่ทั้งหลาย จักดูหมิ่นพวกข้าพระองค์ พวกข้าพระองค์จักอดทนโดยประการทั้งปวง จนกว่าคนเหล่านี้จักรู้แจ้ง 13 ในกาลอันเป็นมหาภัยที่ทารุณ ปั่นป่วนและน่ากลัวแห่งกัลป์ ภิกษุจำนวนมากผู้มีรูปดุจยักษ์จักพากันตำหนิพวกข้าพระองค์ 14 พวกข้าพระองค์ จักอดทนสิ่งที่กระทำได้ยาก ด้วยความเคารพในพระผู้เป็นใหญ่แห่งโลก จักยับยั้งคำเหยียดหยาม (คำโต้แย้ง) ด้วยขันติแล้วจักประกาศพระสูตรนี้ 15 ข้าแต่พระนายกะ (ผู้นำ) ข้าพระองค์ทั้งหลาย ไม่มีความต้องการทางกายและชีวิต แต่เป็นผู้มีความปรารถนาในพระโพธิญาณ และจักเป็นผู้รักษามรดกของพระองค์ 16 พระผู้มีพระภาคทรงทราบว่า ในกาลียุคสุดท้าย ภิกษุชั่วเช่นใดผู้ไม่มีสันธาภาษยะ จักรู้สึกกลัว 17 ข้าพระองค์พึงอดทนต่อการแสดงหน้านิ่ว (คิ้วขมวด) การปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่า การถูกตัดความสัมพันธ์กับอาสนะทองคำ จากวิหารและที่อื่นๆจำนวนมาก 18 ข้าพระองค์ทั้งหลาย ซึ่งเป็นผู้คงแก่เรียน ยังระลึกถึงคำสั่งของพระโลกนาถ ในกาลสุดท้ายอยู่ จักประกาศพระสูตรนี้ในท่ามกลางบริษัท 19 ข้าแต่พระนายกะ (พระผู้นำ) ชนเหล่าใด ผู้มีความต้องการ (ธรรม) แต่ยังรู้สึกยังกลัว ข้าพระองค์ทั้งหลาย จักไปในนคร หมู่บ้านของชนเหล่านั้น ครั้นไปแล้วจักมอบมรดกของพระองค์ (แก่พวกเขา) 20 ข้าแต่พระมหามุนีผู้เป็นใหญ่ในโลก ข้าพระองค์ทั้งหลาย จักประกาศ หลักธรรมของพระองค์ ของพระองค์ผู้ปรินิพพานแล้ว จงเป็นผู้ขวนขวายน้อย จงถึงความสงบเถิด 21 พระองค์ทรงหยั่งรู้ความหลุดพ้นของสัตว์ทั้งปวง ผู้เป็นแสงสว่างแห่งโลก ผู้มาแล้วจากทิศทั้งสิบ และทรงรู้ว่า ข้าพระองค์ทั้งหลาย ย่อมกล่าวคำสัตย์จริง บทที่ 12 อุตสหปริวรรต ว่าด้วยความเพียรพยายาม ในธรรมบรรยาย สัทธรรมปุณฑรีกสูตร อันประเสริฐ มีเพียงเท่านี้ (http://www.posttoday.com/media/content/2010/01/30/EEEBC1DE835D4B668DA7F2F3AA4DE148.jpg) http://www.mahayana.in.th/tmayana/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%9B%E0%B8%B8%E0%B8%93%E0%B8%91%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%81/สัทธรรมปุณทรีกะบท11-12-13.htm (http://www.mahayana.in.th/tmayana/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%9B%E0%B8%B8%E0%B8%93%E0%B8%91%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%81/สัทธรรมปุณทรีกะบท11-12-13.htm) |