หัวข้อ: พระธรรมเจดีย์ (หลวงปู่จูม พันธุโล) วัดโพธิสมภรณ์ จ.อุดรธานี เริ่มหัวข้อโดย: ใบบุญ ที่ 19 สิงหาคม 2562 18:12:47 (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/88629339387019_view_resizing_images_8_320x200.jpg) พระธรรมเจดีย์ (หลวงปู่จูม พันธุโล) วัดโพธิสมภรณ์ จ.อุดรธานี พระธรรมเจดีย์ หรือ หลวงปู่จูม พันธุโลอดีตเจ้าคณะมณฑลอุดรธานี อดีตเจ้าคณะจังหวัดอุดรธานี และอดีตเจ้าอาวาสวัดโพธิสมภรณ์ จ.อุดรธานี พระมหาเถระชั้นผู้ใหญ่ เป็นที่เลื่อมใสของชาวเมืองอุดรธานี ศิษย์เอกหลวงปู่จันทร์ เขมิโย พระปฏิบัติชื่อดังอีกรูปของเมืองไทย เป็นพระอุปัชฌาย์พระวิปัสสนาจารย์หลายรูป อาทิ พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร, หลวงปู่ขาว อนาลโย, หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ รวมถึงหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ด้วย มีนามเดิมว่า จูม จันทรวงศ์ เกิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 24 เม.ย.2431 ชาติภูมิอยู่บ้านท่าอุเทน อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ครอบครัวประกอบอาชีพทำนาทำไร่ เข้าเรียนหนังสือที่โรงเรียนวัดศรีเทพประดิษฐาราม อ.เมือง จ.นครพนม จนจบหลักสูตรประถมศึกษาบริบูรณ์ ต่อมา เมื่ออายุ 12 ปี บิดามารดาจึงจัดการให้บรรพชา เมื่อวันที่ 10 ธ.ค.2443 โดยมีพระครูขันธ์ ขันติโก วัดโพนแก้ว อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม เป็นพระอุปัชฌาย์ อาศัยอยู่ที่วัดโพนแก้ว ศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรม อักษรขอม อักษรธรรม และภาษาไทย จนสามารถเขียนอ่านได้อย่างคล่องแคล่ว มีสติปัญญาเฉียบแหลม จนเป็นที่รักใคร่ของครูบาอาจารย์ นอกจากนี้ ยังได้ฝึกหัดเทศน์มหาชาติ ทำนองภาคอีสาน กลายเป็นที่นิยมชมชอบ ญาติโยมก็ชื่นชมยิ่งนัก ต่อมาในปี พ.ศ.2445 ย้ายไปอยู่วัดอินทร์แปลง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครพนม เพื่อศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรม พ.ศ.2446 พระอาจารย์จันทร์ เขมิโย ซึ่งต่อมา ได้รับสมณศักดิ์ที่ "พระเทพสิทธาจารย์" และเป็นพระอาจารย์ มีความสนใจการปฏิบัติกัมมัฏฐานเป็นพิเศษ ท่านพระอาจารย์จันทร์ ได้ปรารภจะเดินทางไปกราบขออุบายธรรมจากพระอาจารย์ใหญ่ฝ่ายกัมมัฏฐาน คือ พระอาจารย์เสาร์ กันตสีโล และพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ดังนั้นจึงติดตามพระอาจารย์จันทร์ มุ่งสู่จังหวัดอุบลราชธานี คณะพระอาจารย์จันทร์และลูกศิษย์ ได้เข้ากราบนมัสการพระอาจารย์เสาร์ และพระอาจารย์มั่น ที่สำนักวัดเลียบ อ.เมือง จ.อุบลราชธานี และถวายตัวเป็นศิษย์เพื่อศึกษาข้อวัตรปฏิบัติ ตลอดเวลา 3 ปี ได้รับการอบรมสั่งสอนจากพระอาจารย์ใหญ่เป็นอย่างดี จนมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องวัตรปฏิบัติ ทำให้สามเณรจูมประพฤติดีปฏิบัติชอบ สร้างสมบารมีเรื่อยมา จนได้เป็นพระมหาเถระผู้มีชื่อเสียงโด่งดังและเป็นปูชนียบุคคลของชาวอีสานในกาลต่อมา พ.ศ.2449 กราบลาพระอาจารย์ใหญ่ทั้งสอง พาคณะพระภิกษุและสามเณร กลับจังหวัดนครพนมอันเป็นถิ่นมาตุภูมิ เมื่ออายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ เข้าพิธีอุปสมบท เมื่อวันที่ 9 มี.ค.2450 ที่พัทธสีมาวัดมหาชัย อ.หนองบัวลำภู จ.อุดรธานี มีพระครูแสง ธัมมธโร วัดมหาชัย เป็นพระอุปัชฌาย์, พระครูสีมา สีลสัมปันโน วัดจันทราราม อ.ภูเวียง จ.ขอนแก่น เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์จันทร์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรม ทั้งแผนกนักธรรมและบาลี ที่สำนักวัดเทพศิรินทราวาส เป็นเวลาหลายพรรษา สามารถสอบไล่ได้นักธรรมชั้นตรี-โท ต่อมา สอบได้เปรียญธรรม 3 ประโยค อยู่จำพรรษาที่วัดเทพศิรินทราวาส เป็นเวลานานถึง 15 ปี เมื่อได้รับ พระบัญชาจากคณะสงฆ์ จึงเดินทางสู่จังหวัดอุดรธานี ไปเป็นเจ้าอาวาสวัดโพธิสมภรณ์ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2466 เป็นต้นมา เมื่อดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาส เร่งพัฒนาวัดโพธิสมภรณ์ให้เจริญรุ่งเรือง ทั้งทางด้านศาสนสถาน ศาสนศึกษา ศาสนบุคคล และศาสนธรรม ลำดับสมณศักดิ์ พ.ศ.2473 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นราช ที่ พระราชเวที พ.ศ.2478 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นเทพ ที่ พระเทพกวี พ.ศ.2488 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นธรรม ที่ พระธรรมเจดีย์ พระธรรมเจดีย์ เริ่มอาพาธมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2504 จนถึงเดือน มี.ค.2505 จนกระทั่งวันที่ 11 ก.ค.2505 ถึงแก่มรณภาพด้วยอาการสงบ ที่โรงพยาบาลศิริราช สิริอายุ 74 ปี พรรษา 55 ข่าวสดออนไลน์ |