หัวข้อ: “ทุกวันนี้เราทุกข์กับอะไร” พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต วัดญาณสังวรารามฯ จ.ชลบุรี เริ่มหัวข้อโดย: Maintenence ที่ 06 กันยายน 2562 09:54:10 .
(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/49918629436029_69648179_2391478284223442_5081.jpg) (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/82330994928876_70292318_2391479804223290_1698.jpg) “ทุกวันนี้เราทุกข์กับอะไร” ถ้าเราได้พบกับพระพุทธ พระธรรม หรือพระสงฆ์ เราจะได้เรียนรู้เรื่องของจิตใจว่าเป็นเรื่องที่สำคัญกว่าร่างกาย จิตใจนี้พระพุทธเจ้าตรัสว่า “ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน” ความสุขอันยิ่งใหญ่อยู่ที่ใจ เช่นเดียวกับความทุกข์อันยิ่งใหญ่ก็อยู่ที่ใจ ร่างกายนี้ไม่ได้เป็นตัวสำคัญ ร่างกายนี้เป็นตัวประกอบหรือเป็นตัวสำรอง เป็นผู้ช่วยไม่ใช่เป็นนายก ผู้ช่วยนายกกับนายกนี้ไม่เหมือนกัน หน้าห้องของนายกกับนายกนี้มีกำลังไม่เหมือนกัน นายกนี้มีกำลังมีอำนาจสั่งการได้เต็มร้อย หน้าห้องหรือเลขาของนายกนี้มีหน้าที่รับใช้นายกอีกที “ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว” นี่คือความสัมพันธ์ระหว่างกายกับใจอยู่ตรงนี้ ใจเป็นนายกายเป็นบ่าว ใจเป็นผู้ที่จะสร้างความสุขได้มากกว่าร่างกาย แต่ถ้าเราไม่รู้จักใจ เราไม่รู้จักวิธีสร้างความสุขให้กับใจเราก็จะกลับทำตรงข้ามกัน แทนที่จะสร้างความสุขให้กับใจ เรากลับไปสร้างความทุกข์ให้กับใจโดยไม่รู้สึกตัว เราทำอย่างไรที่เราเรียกว่าเราสร้างความทุกข์ให้กับใจ ก็การไปดูแลร่างกายมากเกินความจำเป็นนั่นเอง มันจึงทำให้ใจของเราทุกข์กัน ทุกวันนี้เราทุกข์กับอะไร ถ้าไม่ได้ทุกข์กับเรื่องของร่างกาย ทุกข์กับเรื่องการหากินเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง ทุกข์กับความแก่ ทุกข์กับความเจ็บ ทุกข์กับความตายของร่างกาย นี่เป็นปัญหาเพราะว่าเราไม่ได้มาดูแลจิตใจนั่นเอง ถ้าเราดูแลจิตใจเป็น จิตใจเราจะไม่ทุกข์กับเรื่องของร่างกายเลย จะไม่ทุกข์กับการเลี้ยงปากเลี้ยงท้องของร่างกาย จะไม่ทุกข์กับความแก่ความเจ็บความตายของร่างกาย เพราะใจรู้ว่าอะไรสำคัญกว่าอะไร ใจจะให้ความสำคัญกับใจมากกว่าให้ความสำคัญกับร่างกาย เพราะใจรู้ว่าร่างกายนี้ความสำคัญน้อยกว่าใจ ร่างกายนี้อยู่ไม่นานก็ตาย เลี้ยงดูมันดีขนาดไหนมันก็ตายเหมือนกัน แต่ใจนี้มันไม่ได้ตายไปกับร่างกาย ใจนี้ไม่มีวันตาย ใจนี้อยู่ไปเรื่อยๆ อยู่แบบสุขหรืออยู่แบบทุกข์เท่านั้นเอง ถ้าไม่รู้จักวิธีดูแลจิตใจก็จะอยู่แบบทุกข์ ถ้ารู้จักวิธีดูแลจิตใจ ใจก็จะอยู่แบบสุขไปตลอด นี่คือสิ่งที่พวกเราจะได้รู้กัน จะได้รู้จักกันได้เรียนรู้กันก็เวลาที่เรามาวัดแล้วมาฟังเทศน์ฟังธรรม มาศึกษาธรรมคำสั่งคำสอนของพระพุทธเจ้า เราก็จะได้รู้ว่านอกจากร่างกายแล้วเรามีจิตใจที่สำคัญกว่าร่างกาย เพราะว่าจิตใจนี้เป็นสิ่งที่ไม่ตาย ส่วนร่างกายนี้เป็นสิ่งที่ต้องตาย ดูแลมันดีขนาดไหนมันก็ดีแค่วันตาย เท่านั้นเอง พอตายแล้ว สิ่งต่างๆ ที่เราหามาเพื่อดูแลร่างกายนี้มันก็หมดความหมายไป แต่สิ่งต่างๆ ที่เราหามาให้กับใจนี้ มันไม่หมดไปกับความตายของร่างกาย มันจะดูแลใจของเราต่อไปได้ ปัจจัย ๔ ของใจนี้จะดูแลใจไปต่อหลังจากที่ร่างกายนี้ตายไปแล้ว แต่ปัจจัย ๔ ของร่างกายนี้จะไม่ดูแลร่างกายต่อหลังจากที่ร่างกายตายไปแล้ว มีปัจจัย ๔ มากน้อยเพียงไรก็กลายเป็นมรดกไป เป็นของทายาทไป มีเงินกี่แสนล้านก็กลายเป็นของทายาทไป มีบ้านใหญ่โตขนาดไหนมีกี่หลังก็กลายเป็นของทายาทไป มีอะไรก็กลายเป็นของคนอื่นไปหมด เอาอะไรไปกับใจไม่ได้เลย สิ่งที่ใจจะเอากับใจไปได้ก็คือปัจจัย ๔ ของใจ เราจึงต้องมาศึกษาเพื่อให้รู้ปัจจัย ๔ ของใจคืออะไรนั่นเอง เพราะว่าถ้าเรารู้แล้วเราหาปัจจัย ๔ มาให้กับจิตใจ จิตใจของเรานี้จะมีแต่ความสุข จะไม่มีความทุกข์ จะมีความสุขมากกว่าความสุขทางร่างกายหลายพันเท่าหลายแสนเท่าเลย นี่คือสิ่งที่เราจะได้เรียนรู้ถ้าเราได้มาเกิดในยุคที่มีพระพุทธศาสนา ถ้าไม่มีพระพุทธศาสนาจะไม่มีใครรู้เรื่องของใจได้ละเอียดได้ครบถ้วนบริบูรณ์เท่ากับพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้านี้เป็นผู้ค้นพบการเลี้ยงดูจิตใจให้จิตใจอยู่อย่างสุขที่เรียกว่า “ปรมัง สุขัง” คือบรมสุข ใจได้บรมสุขก็เพราะพระพุทธเจ้าของพวกเรานี้ ถ้าไม่มีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้จะไม่มีใครรู้จักสร้างบรมสุขให้แก่จิตใจ คือจะไม่มีใครรู้จักการสร้างนิพพานให้กับจิตใจนั่นเอง “นิพพานัง ปรมัง สุขัง” (นิพพานเป็นบรมสุขอย่างยิ่ง) สนทนาธรรมบนเขา วันที่ ๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๒ พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต วัดญาณสังวรารามฯ จังหวัดชลบุรี ณ จุลศาลา เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาชีโอน |