หัวข้อ: ร้อยขันติ (๑) เริ่มหัวข้อโดย: 時々๛कभी कभी๛ ที่ 19 กรกฎาคม 2554 16:00:45 ......................คำนำผู้แปล...................... หนังสือร้อยขันติเป็นหนังสือของอริยปราชญ์ที่สืบทอดมาแต่โบราณร้อยขันติเป็นบทบันทึกของปราชญ์อาวุโสที่คุณธรรมของท่านซาบซึ้งเบื้องบนกิติศัพท์เลื่องลือไปถึงจักรพรรดิ์ถังเกาจง จนได้รับการยกย่องเป็นร้อยขันติจางกงอี้ จริยาวัตรเหมาะเป็นแบบอย่างแก่บุคคลทุกยุคทุกสมัย นาม ของท่านคือ จางกงอี้เพราะฉะนั้นไม่ว่าใครก็ตามโดยเฉพาะผู้ปฏิบัติธรรมควรอ่านอย่างยิ่ง ผู้มีปัญญาเมื่ออ่านแล้วก็ควรน้อมนำไปปฏิบัติ ในวัชรสูตรว่า ควรไม่มีรูปอัตตาไม่มีรูปบุคคลไม่มีรูปสรรพสัตว์ไม่มีรูปชีวะท่านผู้อาวุโส ทำไมจึงพูดว่า หนังสือธรรมะเล่มนี้เป็นหนัังสือของตระกูลจางเท่านั้น เทพเซียนและพระพุทธจะไม่มีใจแบ่งแยกถือสาเช่นนี้ ร้อยขันติเป็นหนังสือโอวาทคุณธรรม เป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันดีงามที่สืบทอดมาของชนชาติจีน เนื้อหาสาระของหนังสือเป็นวิถีชาวบ้าน เป็นสังคมระดับกลางทั่วไปที่สืบทอดกันมาและก็เป็นพื้นฐานสาระธรรมดั้งเดิมของศาสนาเต๋าของสังคมโบราณ จึงเต็มไปด้วยสาระธรรมโอวาททางคุณธรรมจำนวนมากที่สั่งสมกันมาคุณธรรมเป็นปรากฏการณ์ชนิดหนึ่ง ที่ใช้กำหนดระดับคุณสมบัติของมนุษย์ชาติ ด้วยเหตุนี้หนังสือเล่มนี้จึงเหมาะับผู้ปฏิบัติจะนำไปทดสอบ เพื่อ เพิ่มระดับความวิริยะอุตสาหะในการบำเพ็ญธรรม หนังสือเล่มนี้ คุณทวี เอกสมบัติชัย มีจิตกุศลจะพิมพ์เผยแพร่ เพื่อปลุกให้คนไม่หลงงมงาย ท่านมีใจอยากแปลเป็นภาษาไทย อันเป็นเหตุปัจจัยของหนังสือเล่มนี้ข้าพเจ้าขอถือโอกาสแนะนำคุณทวีพอสังเขปคุณทวีมาจากประเทศจีนเมื่ออายุได้ 16 ปี เพราะบิดาของท่านถึงแก่กรรมที่เมืองไทยท่านต้อง ต่อสู้ชีวิตจากมือเปล่าจนสำเร็จเป็นนักธุรกิจที่หลายคนยกย่อง ท่านไม่เป็นเพียงบุคคลตัวอย่างแห่งความสำเร็จเท่านั้นกับศาสนาท่านเป็นผู้มีเมตตาจิตที่อยากเผยแพร่คุณธรรม ท่านเล่าว่าหนังสือเล่มนี้มีอาแปะที่เฝ้าศาลเจ้าคนหนึ่ง ชาวบ้านเรียกอาแปะไช้เท้า ขายขนมไช้เท้า ดูแลศาลเจ้าฮกเม้งตึ้งแถวหัวลำโพงก่อนที่อาแปะจะลาลับจากโลกนี้ไป อาแปะได้พูดกับคุณทวีว่าฉันมีปณิธานอันหนึ่ง คือ ฉันเก็บหนังสือไว้เล่มหนึ่งคือร้อยขันติ อยากให้พิมพ์เผย แพร่ภายหลังการอ่านของคุณทวีก็มองเห็นคุณค่าของหนังสือเล่มนี้ ที่สอนให้คนทำความดีละชั่ว รู้จักผ่อนปรนให้อภัยปราชญ์โบราณว่าอันความชั่วทั้งหลายเสพกามเลวร้ายที่สุดอันความดีทั้งหลายกตัญญูเป็นเลิศที่สุด เพราะฉะนั้นการทำดีทำชั่ว ย่อมมีการตอบสนองเสมอ หากไม่เชื่อก็อ่านร้อยขันติดูได้ท้ายนี้..........ผู้น้อยขออุทิศส่วนกุศลที่ได้จากการแปลหนังสือเล่มนี้จงเป็นพลวปัจจัยให้บรรพจารย์บรรพชนญาติธรรมทั้งหลายผู้บริจาคสร้างหนังสือเล่มนี้และเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายได้เข้าสู่กระแสแห่งนิพพานเทอญ............................... ร้อยขันติหนึ่งขันติตามใจพ่อแม่ถูกกล่าวหาไม่แค้น ในสมัยราชวงศ์ถัง มีบุคคลหนึ่งแซ่จาง{เตีย}ชื่อเรียกกันว่ากงอี้{กงโง่ย} มีความฉลาดเฉลียวตั้งแต่เป็นเด็ก อายุหกขวบก็ฝากให้เรียนหนังสือ อาจารย์รับไว้เป็นเด็กนักเรียนชั้นเล็กหนังสือที่อ่านผ่านจะจำได้แล้วท่องได้ มีจิตใจอ่อนโยน ทั้งรู้ด้วยว่าความดีทั้งหลายมีกตัญญูเป็นอันดับแรก เพราะฉะนั้นจึงตามใจพ่อแม่ หน้าหนาวก็ทำที่นอนให้อุ่นโดยเอาตัวซุกในผ้าห่มก่อน แล้วค่อยให้พ่อแม่เข้านอน หน้าร้อนก็จะพัดโบกห้องนอนให้เย็น จะเอาใจใส่ทุกเช้าและเย็น มีอยู่วันหนึ่งมารดาให้ไปเลี้ยงวัวไม่กล้าขัดขืนออกไปปล่อยวัวอย่างระมัดระวัง ไม่นานนักก็ไล่วัวกลับมาแล้วผูกไว้กับต้นไม้ คิดจะไปโรงเรียนเพื่อ เรียนหนังสือบังเอิญบิดามาแต่ข้างนอกโดยไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ เห็นบุตรยังไม่ไปโรงเรียน คิดว่ากงอี้หนีเรียนก็เข้าไปดุด่าบุตรชาย กงอี้ถูกดุด่าก็ไม่กล้าว่ามารดาใช้ให้มาเลี้ยงวัวจึงรีบจัดแจงไปโรงเรียน อาจารย์เห็นสีหน้าไม่ดีก็ถามกงอี้ว่าเป็นอะไรกงอี้ก็บอกว่า ตอนเช้าคนดูแลวัวยังไม่มา มารดา เรียกให้ข้าไปเลี้ยงวัวจึงมาโรงเรียนสายถูกบิดาดุด่าว่า อาจารย์จึงกล่าวว่า ทำไมเจ้าไม่บอกว่ามารดาใช้ให้ไปเลี้ยงวัว กงอี้ก็สะอื้นว่ากลัวบิดามีความโกรธจะไปว่ามารดา อาจารย์ก็ถอนหายใจแล้วพูดว่า ผู้เป็นบุตรเขาต้องรู้ว่า ความดีทั้งหลาย กตัญญูเป็นอันดับแรก ยังเป็นเด็กเล็กก็รู้จักตามใจบิดามารดาได้เช่นนี้ นับว่าหาได้ยากยิ่ง ต่อไปภายภาคหน้าย่อมเป็นเสาหลักใหญ่ นี่ก็คือขันติหนึ่งของท่านกงอี้ ต่อมาก็มีผู้เขียนกลอนให้ดังนี้.......... เมื่อเล็กเรียนหนังสือฝึกมหาปราชญ์ ปรนนิบัติพ่อแม่ปลื้มปรานมีปิติ อดทนเจ็บไม่เคืองมี{สติ} ร้อยขันติเป็นหนังสือบทที่หนึ่ง ......................................คัดเพียงบางส่วนมาก็พอน่ะ............................ http://www.archive.org/download/pray_music/PMs640006.MP3 |