หัวข้อ: หน้าที่ของมนุษย์ : พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต วัดญาณสังวรารามฯ จ.ชลบุรี เริ่มหัวข้อโดย: Maintenence ที่ 25 กรกฎาคม 2564 11:38:48 (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/65066032277213_218311591_4158575900846996_477.jpg) หน้าที่ของมนุษย์ โดย พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต วัดญานสังวรารามวรมหาวิหาร อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี “เกิดเป็นมนุษย์ไม่ได้ทำบุญ ละบาป ชำระจิตใจของตนให้สะอาด ก็เสียชาติเกิด” เกิดมาเพื่อมากระทำหน้าที่ ๓ ประการด้วยกัน ที่พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ ที่ได้มาตรัสรู้ จะทรงสอนให้กับสัตว์โลกทุกครั้งไป คือ ๑. ทำความดีทั้งหลายให้ถึงพร้อม ๒. ละการกระทำความชั่วทั้งหลายเสีย ๓. ชำระจิตใจให้สะอาดบริสุทธิ์ กำจัดกิเลสตัณหา ความโลภ ความโกรธ ความหลง ความอยากต่างๆทั้งหลาย ที่มีอยู่ในใจให้หมดสิ้นไป เพราะไม่มีสัตว์โลกในภพไหน ในบรรดาภพที่มีอยู่ทั้งหมด ที่จะทำสิ่งเหล่านี้ได้ มีภพของมนุษย์เพียงภพเดียวเท่านั้น ที่สามารถจะทำความดี ละความชั่ว และชำระจิตใจของตนให้สะอาดบริสุทธิ์ได้ ภพอื่นๆนั้นเป็นภพสำหรับไปเสวยบุญ เสวยกรรม ถ้าไปเกิดในสวรรค์ เป็นเทพ เป็นพรหมก็ได้แต่เสวยบุญ คือความสุขที่ตนได้ทำไว้ ในสมัยที่เกิดเป็นมนุษย์ ถ้าไปเกิดเป็นเดรัจฉาน ไปตกนรก ก็ต้องไปเสวยกรรม ที่เคยทำไว้ แต่จะไม่สามารถทำบุญ ละบาป ชำระจิตใจในภพเหล่านั้นได้เลย เพราะไม่ใช่วิสัยที่จะทำได้นั่นเอง มีภพเดียวภูมิเดียวในไตรภพนี้ คือภพของมนุษย์นี้เท่านั้น ที่จะสามารถสร้างบุญสร้างกุศล ละเว้นจากการกระทำบาปทั้งหลาย ชำระจิตใจให้สะอาดหมดจดได้ มีภพของมนุษย์นี้เพียงภพเดียวเท่านั้น ถ้าได้เกิดมาเป็นมนุษย์แล้ว ไม่ได้ทำบุญ ไม่ได้ละบาป ไม่ได้ชำระจิตใจของตนให้สะอาด ก็เสียชาติเกิด ไม่ได้รับประโยชน์อันพึงจะได้รับ เป็นประโยชน์ที่ดีที่สุด ที่เลิศที่สุด ไม่มีอะไรในโลกนี้จะมีคุณค่า มีความประเสริฐเลิศโลก เท่ากับการได้บรรลุถึงพระนิพพาน ได้หลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด ซึ่งเป็นสิ่งที่อยู่ในวิสัยของพวกเรา ที่จะสามารถทำกันได้ ถ้าไม่ทำก็เท่ากับปล่อยโอกาสอันดีงามให้หลุดจากมือไป เป็นการเสียชาติเกิด เหมือนกับเวลาที่ได้เข้าไปในร้านเพชร ร้านพลอย ร้านขายทอง แล้วเจ้าของอนุญาตให้หยิบทุกสิ่งทุกอย่าง ที่มีอยู่ในร้านไปได้ แต่เรากลับไม่สนใจ กลับไปสนใจกับของสกปรก สิ่งต่างๆที่ถูกทิ้งไว้ในถังขยะ ไปขุดคุ้ยหาแต่ของที่สกปรก แทนที่จะเปิดตู้เก็บเพชร เก็บพลอย เก็บเงิน เก็บทองไว้ กลับไปสนใจกับเรื่องขยะทั้งหลาย อย่างนี้เป็นการเสียโอกาสที่ดี เจ้าของร้านอุตส่าห์มีจิตใจกว้าง อยากจะให้เราได้เอาของดีๆไปกัน แต่ความโง่เขลาเบาปัญญาของเรา กลับเห็นเพชร พลอย เงิน ทอง เป็นของไม่มีคุณค่า กลับเห็นสิ่งที่อยู่ในกองขยะนั้น มีคุณค่า ชีวิตของพวกเราจึงไม่ค่อยได้ดิบได้ดีสักเท่าไหร่ ไม่ได้รับประโยชน์เท่าที่ควร ในฐานะที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ เพราะภพภูมิของมนุษย์มีไว้สำหรับเติมน้ำมันให้กับชีวิต เหมือนกับสถานีบริการ ที่มีไว้สำหรับเติมน้ำมัน เติมลม เติมน้ำให้กับรถยนต์ เพื่อจะได้เดินทางไปถึงจุดหมายปลายทางที่ดีได้ เช่นเรากำลังจะเดินทางกลับบ้าน น้ำมันใกล้จะหมด ก็ต้องมองหาปั๊มน้ำมัน เมื่อเจอปั๊มก็ต้องรีบเลี้ยวเข้าไป รีบเติมน้ำมัน เติมน้ำ เติมอะไรเสียก่อน เมื่อรถมีน้ำมัน มีน้ำ มีลม ก็พร้อมที่จะพาเราเดินทางไปสู่จุดหมายปลายทางที่ต้องการไปได้ แต่ถ้ากลับมัวโอ้เอ้ ถึงปั๊มน้ำมันแล้วแทนที่จะไปซื้อน้ำมัน กลับไปซื้อสุรามาดื่ม ซื้อบุหรี่มาสูบ ซื้อขนมมารับประทาน จนไม่มีเงินเหลือซื้อน้ำมันเติมใส่รถ พอขับรถออกไปได้ไม่ไกล น้ำมันหมดก็ต้องจอด ไปไม่ถึงจุดหมายปลายทาง นี่คือภพชาติของมนุษย์เป็นอย่างนี้ เป็นที่มาเติมน้ำมันของชีวิต เราเป็นนักท่องเที่ยว นักเดินทาง ในภพน้อยภพใหญ่ ในสังสารวัฏ เวียนว่ายตายเกิด เกิด แก่ เจ็บ ตาย ถ้าไม่มีผู้วิเศษอย่างพระพุทธเจ้า มาบอกเราว่าควรจะทำอะไร ควรจะตั้งเป้าไว้ที่ไหน เราก็จะไม่รู้ เราก็จะใช้ชีวิตของเราแบบสุรุ่ยสุร่าย แบบไม่มีสาระ ใช้ไปตามอำนาจของกิเลส ตัณหา ความโลภ ความอยากทั้งหลาย ถ้าปล่อยให้เป็นไปอย่างนี้ ผลก็คือการเวียนว่ายตายเกิดในภพน้อยภพใหญ่ แบบไม่รู้จักจบจักสิ้น แต่ถ้ามีโอกาส มีวาสนา ได้เกิดมาเจอพระพุทธเจ้าก็ดี พระศาสนาที่พระพุทธเจ้าได้ทรงประกาศไว้ก็ดี ได้ยินได้ฟังพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า จนรู้ว่าสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับมนุษย์ก็คือ การทำความดี ละความชั่ว ชำระจิตใจของตนให้สะอาดหมดจด เมื่อรู้แล้ว ก็ควรรีบนำไปปฏิบัติ เพราะเมื่อได้ปฏิบัติแล้ว ผลอันดีเลิศที่พระพุทธเจ้า และพระอรหันตสาวกทั้งหลายได้บรรลุถึง ก็จะกลายเป็นผลที่พวกเราจะได้บรรลุกัน กำลังใจ ๑๙, กัณฑ์ที่ ๒๒๐ วันที่ ๓ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๔๘ #พระจุลนายก พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต |