[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => บทสวด - คัมภีร์ คาถา - วิชา อาคม => ข้อความที่เริ่มโดย: Maintenence ที่ 07 ตุลาคม 2564 11:37:38



หัวข้อ: อานิสงส์ปัญญาบารมี / คาถาบารมี ๓๐ ทัศ
เริ่มหัวข้อโดย: Maintenence ที่ 07 ตุลาคม 2564 11:37:38

(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/34839957828322_b_11_Copy_.jpg)

อานิสงส์ปัญญาบารมี

     ในสมัยหนึ่งองค์สมเด็จพระบรมศาสดา เสด็จประทับอยู่บนแท่นบัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ ชั้นดาวดึงส์เทวสถาน ท้าวอมรินทราธิราช ได้ทูลถามถึงธรรมอันประเสริฐที่จะสามารถอำนวยมรรคผลให้แก่ผู้ประพฤติปฏิบัติ ขจัดเสียซึ่งภัยอันตรายที่เกิดขึ้นจากหมู่มนุษย์และสัตว์ดิรัจฉานทั้งหลายให้พ่ายแพ้ไปด้วยอำนาจอานุภาพ ที่ได้ประพฤติปฏิบัติท่องบ่นสาธยายทรงจำไว้ ซึ่งธรรมจะมีอยู่หรือพระพุทธเจ้าข้า สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูกรมหาราช ธรรมที่ยังผู้ปฏิบัติให้ประสบสุขเช่นนั้น มีอยู่ท้าวอมรินทราธิราชจึงทูลถามต่อไปว่าธรรมนี้ชื่ออะไร พระพุทธเจ้าข้าพระบรมครูจึงตรัสว่า พระธรรมนี้ชื่อว่าปัญญาบารมี

      ท้าวอมรินทราธิราช ทูลอาราธนาให้พระองค์ทรงแสดงพระสัทธรรมนี้ พระบรมศาสดาทรงแสดงซึ่งปัญญาบารมี ที่พระองค์ได้เคยสร้างมาแล้วในอนันตะชาติว่าปัญญาบารมี 30 ทัศนี้ เป็นยอดแห่งธรรมที่พระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ ทรงบำเพ็ญมาแล้วอย่างเต็มเปี่ยม จึงได้ตรัสเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า บุคคลใดได้เขียนไว้สักการบูชาก็ดี ได้สดับฟังทุกวันก็ดี ผู้นั้นจะเป็นผู้มีสมบัติข้าวของมาก ผู้ใดได้ท่องบ่นทรงจำไว้สาธยายทุกวัน ผู้นั้นจะพ้นจากภัยอันตรายทั้งปวง ปรารถนาสิ่งใดก็จะสำเร็จดังความมุ่งหมาย เป็นที่รักแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งปวง เทวดาย่อมให้พรและตามรักษาบุคคลนั้น ผู้ใดได้ประพฤติบารมี 30 ทัศนี้ ให้บังเกิดมีแก่ตนย่อมประสบสมบัติ 3 ประการคือ มนุษย์สมบัติสวรรค์สมบัตินิพพานสมบัติแม้จะปรารถนาเป็นพุทธภูมิ ปัจเจกภูมิ สาวกภูมิอย่างใดอย่างหนึ่ง ก็จะสำเร็จพระอรหันตสัมมสัมพุทธเจ้าทรงแสดงปัญญาบารมีจบลงแล้ว ท้าวอมรินทราธิราชแสดงตนเป็นอุบาสก น้อมเอาพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งตลอดชีพ เหล่าเทวดาทั้งหลายได้บรรลุมรรคผลเป็นอันมาก




(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/26243015916811_buddhapatan_Copy_.jpg)

คาถาบารมี  ๓๐  ทัศ

     ทานะปาระมี  สัมปันโน  ทานะอุปะปาระมี  สัมปันโน  ทานะปะระมัตถะปาระมี  สัมปันโน  เมตตา  ไมตรี  กะรุณา  มุทิตา  อุเบกขา  ปาระมี  สัมปันโน  อิติปิ  โส  ภะคะวา  ฯ

      สีละปาระมี  สัมปันโน  สีละอุปะปาระมี  สัมปันโน  สีละปะระมัตถะปาระมี  สัมปันโน  เมตตา  ไมตรี  กะรุณา  มุทิตา  อุเบกขา  ปาระมี  สัมปันโน  อิติปิ  โส  ภะคะวา  ฯ

      เนกขัมมะปาระมี  สัมปันโน  เนกขัมมะอุปะปาระมีสัมปันโน  เนกขัมมะปะระมัตถะปาระมี  สัมปันโน  เมตตา  ไมตรี  กะรุณา  มุทิตา  อุเบกขา  ปาระมี  สัมปันโน  อิติปิ  โส  ภะคะวา  ฯ

      ปัญญาปาระมี  สัมปันโน  ปัญญาอุปะปาระมี  สัมปันโน  ปัญญาปะระมัตถะปาระมี  สัมปันโน  เมตตา  ไมตรี  กะรุณา  มุทิตา  อุเบกขา  ปาระมี  สัมปันโน  อิติปิ  โส  ภะคะวา  ฯ

      วิริยะปาระมี  สัมปันโน  วิริยะอุปะปาระมี  สัมปันโน  วิริยะปะระมัตถะปาระมี  สัมปันโน  เมตตา  ไมตรี  กะรุณา  มุทิตา  อุเบกขา  ปาระมี  สัมปันโน  อิติปิ  โส  ภะคะวา  ฯ

      ขันติปาระมี  สัมปันโน  ขันติอุปะปาระมี  สัมปันโน  ขันติปะระมัตถะปาระมี  สัมปันโน  เมตตา  ไมตรี  กะรุณา  มุทิตา  อุเบกขา  ปาระมี  สัมปันโน  อิติปิ  โส  ภะคะวา  ฯ

      สัจจะปาระมี  สัมปันโน  สัจจะอุปะปาระมี  สัมปันโน  สัจจะปะระมัตถะปาระมี  สัมปันโน  เมตตา  ไมตรี  กะรุณา  มุทิตา  อุเบกขา  ปาระมี  สัมปันโน  อิติปิ  โส  ภะคะวา  ฯ

      อะธิฏฐานะปาระมี  สัมปันโน  อะธิฏฐานะอุปะปาระมีสัมปันโน  อธิฏฐานะปะระมัตถะปาระมี  สัมปันโน  เมตตา  ไมตรี  กะรุณา  มุทิตา  อุเบกขา  ปาระมี  สัมปันโน  อิติปิ  โส  ภะคะวา  ฯ

      เมตตาปาระมี  สัมปันโน  เมตตาอุปะปาระมี  สัมปันโน  เมตตาปะระมัตถะปาระมี  สัมปันโน  เมตตา  ไมตรี  กะรุณา  มุทิตา  อุเบกขา  ปาระมี  สัมปันโน  อิติปิ  โส  ภะคะวา  ฯ

      อุเปกขาปาระมี  สัมปันโน  อุเปกขาอุปะปาระมี  สัมปันโน  อุเปกขาปะระมัตถะปาระมี  สัมปันโน  เมตตา  ไมตรี  กะรุณา  มุทิตา  อุเปกขา  ปาระมี  สัมปันโน  อิติปิ  โส  ภะคะวา  ฯ

      ทะสะปาระมี  สัมปันโน  ทะสะอุปะปาระมี  สัมปันโน  ทะสะปะระมัตถะปาระมี  สัมปันโน  เมตตา  ไมตรี  กะรุณา  มุทิตา  อุเบกขา  ปาระมี  สัมปันโน  อิติปิโส  ภะคะวา  ฯ

      พุทธัง  สะระณัง  คัจฉามิ,

      ธัมมัง  สะระณัง  คัจฉามิ,

      สังฆัง  สะระณัง  คัจฉามิ,  นะมามิหังฯ



ที่มา วัดโพรงจระเข้ จ.ตรัง