[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => สมถภาวนา - อภิญญาจิต => ข้อความที่เริ่มโดย: Maintenence ที่ 03 กุมภาพันธ์ 2565 11:49:56



หัวข้อ: ระยะทางเป็นเครื่องพิสูจน์ม้า : พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี
เริ่มหัวข้อโดย: Maintenence ที่ 03 กุมภาพันธ์ 2565 11:49:56
(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/57043809816241_272918726_495037215337773_6707.jpg)

ระยะทางเป็นเครื่องพิสูจน์ม้า เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์คน
โดย พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต  วัดญาณสังวรารามฯ จังหวัดชลบุรี

การที่เราจะเชื่อสิ่งหนึ่งสิ่งใด หรือบุคคลหนึ่งบุคคลใด เราจะต้องมีความมั่นใจในบุคคลนั้นๆ ว่าเขามีสัจจะในสิ่งที่เขาพูดในสิ่งที่เขาบอกเรา เป็นสิ่งที่เป็นความจริง เพราะคนเรานั้นไม่ชอบให้ใครมาหลอก ไม่ชอบถูกหลอกลวง เพราะการหลอกลวงนี้ทำให้เกิดความผิดหวังทำให้เกิดความเสียใจ ถ้าเราจะเชื่อใครขอให้เราพิจารณาด้วยปัญญา ใช้เวลาตรึกตรองใช้เวลาดูบุคคล ที่เขาบอกอะไรกับเรา อย่างโบราณที่ท่านบอกว่าระยะทางเป็นเครื่องพิสูจน์ม้า เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์คน

คนเรานั้นจะรู้ว่าเป็นคนดีหรือคนไม่ดี เป็นคนพูดจริงหรือพูดโกหกหลอกลวงนั้น เราต้องอาศัยเวลา เพราะว่าคนเราส่วนใหญ่มักจะพูดในสิ่งที่ตรงกันข้าม พูดครั้งสองครั้งเราไม่แน่ใจว่าเขาพูดจริงหรือเปล่า เพราะว่าคนเราสามารถหลอกลวงกันได้ เวลารู้จักกันใหม่ๆ จะพูดแต่สิ่งที่ดีๆ ไม่พูดในสิ่งที่ไม่ดี ให้เราตายใจให้เราหลงเชื่อ พอเราไปคบค้าสมาคมกับเขาแล้ว ต่อไปเขาก็จะแสดงธาตุแท้ สิ่งที่เขาเป็นจริงๆ ออกมา

ถ้าเราไม่ระมัดระวังตัว เราเชื่อเขาไปหมด เวลาเขาพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ พลิกจากสิ่งที่เขาพูด พลิกจากความจริงเป็นความเท็จ มันก็จะทำให้เราเกิดความเศร้าโศกเสียใจ เกิดความผิดหวังถึงกับหมดเนื้อหมดตัวไปก็ได้  ถ้าไม่ระมัดระวังเรื่องเหล่านี้ จะเสียใจภายหลัง ท่านจึงสอนบอกว่าเวลาจะฟังใครจะเชื่อใคร อย่าไปฟังอย่าไปเชื่อถึงร้อยเปอร์เซ็นต์ ให้ฟังด้วยเหตุฟังด้วยผลฟังด้วยการพิสูจน์ คือให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ ว่าจะทำอย่างที่พูดหรือเปล่า ทำได้กี่ครั้ง กี่คราว อันนี้ต้องใช้เวลาดูไปเรื่อยๆ แล้วเราจะรู้ เราจะมั่นใจ

อย่างที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสสอนไว้ก็เหมือนกัน เราก็ไม่รู้ว่าจะเชื่อท่านได้เพียงใด แต่ถ้าเราดูกาลเวลาที่ผ่านมา สิ่งต่างๆ ที่พระพุทธองค์ทรงสั่งสอนนั้นมีระยะเวลายาวนานถึง ๒๕๐๐ กว่าปี และตลอดระยะเวลา ๒๕๐๐ กว่าปีที่ผ่านมา ก็มีผู้พยายามจะพิสูจน์ พยายามจะลบล้างพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ว่าเป็นสิ่งที่ไม่มีอย่างที่พระพุทธองค์ได้ทรงสั่งสอนไว้ แต่เวลาก็ได้พิสูจน์แล้วว่าคำสอนของพระพุทธองค์ยังอยู่มาได้ถึง ๒๕๐๐ กว่าปี เพราะเป็นความจริง

มีคนได้พิสูจน์ ผู้ที่สามารถพิสูจน์พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องตามหลักของความเป็นจริง ก็คือผู้ที่ได้ศึกษา ได้ยินได้ฟัง พระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์แล้ว ได้นำหลักธรรมคำสอนนั้นไปประพฤติปฏิบัติ นำไปพิสูจน์ดูว่าสิ่งที่พระพุทธองค์ทรงสอนทรงบอกไว้นั้นมีจริงหรือไม่ จนปรากฏเป็นพระอริยะสาวกขั้นต่างๆ เป็นพระอริยบุคคลขึ้นมาอย่างมากมาย ในสมัยพุทธกาลจนถึงสมัยปัจจุบันนี้ พระอริยะสาวกทุกรูป ทุกองค์ ไม่มีองค์หนึ่งองค์ใดมาประกาศหรือคัดค้านพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าแม้แต่องค์เดียว ว่าพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้านั้นเป็นคำสอนที่ไม่ตรงกับหลักความเป็นจริง ถ้าเราจะเชื่ออะไรในโลกนี้ ขอให้เราเชื่อในพระพุทธเจ้า เชื่อในพระธรรมคำสอน เชื่อในพระอริยะสงฆ์สาวก และเชื่อได้อย่างมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์