หัวข้อ: ความทุกข์ ความสุข : พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต วัดญาณสังวรารามฯ จังหวัดชลบุรี เริ่มหัวข้อโดย: Maintenence ที่ 16 มีนาคม 2565 09:28:04 (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/18690312653779_276033275_524287665746061_4658.jpg) ความทุกข์ ความสุข เกิดมาแล้วก็ต้องมีปัญหาต่างๆตามมา ถ้าไม่เกิดก็จะสบาย ถ้ามีลูกก็มีกองทุกข์เพิ่มขึ้นอีกกองหนึ่ง ร่างกายนี้เป็นกองทุกข์ เราอยู่ตามลำพังก็ทุกข์พอสมควรแล้ว ต้องไปหากองทุกข์มาเพิ่มอีกกอง หาภรรยาหาสามีมาแบกทุกข์ แล้วก็ต้องหาลูกมาเพิ่มอีก แล้วก็หาหลานมาเพิ่มอีก เป็นกองทุกข์ตามมา เพราะไม่มีปัญญา ไม่รู้ว่าการเกิดนี้เป็นทุกข์ พอเกิดแล้วก็ต้องแก่ต้องเจ็บต้องตาย เกิดแล้วก็ต้องดิ้นรนต่อสู้ เลี้ยงดูร่างกาย มีแต่ภาระ มีแต่เรื่องให้ทำอยู่ตลอดเวลา ความสุขที่ได้จากร่างกายก็เป็นความสุขชั่วคราว สุขประเดี๋ยวประด๋าว ต้องคอยเติมอยู่เรื่อยๆ ถ้ามีความสุขกับการสูบบุหรี่ก็ต้องสูบเรื่อยๆ มีความสุขกับดื่มสุราก็ต้องดื่มเรื่อยๆ มีความสุขกับการกระทำอะไร ก็ต้องทำอยู่เรื่อยๆ เวลาไม่ได้ทำก็ทุกข์ อยู่ไม่เป็นสุข อยู่เฉยๆไม่ได้ เพราะไม่รู้วิธีอยู่ให้เป็นสุขอยู่อย่างไร ถ้าไม่มีพระพุทธเจ้ามาทรงสอนก็จะอยู่อย่างนี้ ต้องดิ้นรนต่อสู้ ตะเกียกตะกาย เช้าก็ออกจากบ้านเพื่อไปหาเงิน พอได้เงินมาก็ตะเกียกตะกายใช้เงินกัน พอเงินหมดก็หาอีก หาเงินใช้เงินไปจนวันตาย ก็มีเท่านั้น ไม่มีความสุขที่แท้จริง เพราะไม่รู้ว่าความสุขที่แท้จริงอยู่ตรงไหน เกิดขึ้นได้อย่างไร ความสุขที่ถาวรนี้มีอยู่แต่หากันไม่เจอ หากันไม่เป็น ถ้าไม่มีพระพุทธเจ้ามาทรงสอนก็จะไม่มีใครหาพบ ถึงแม้ได้ทรงสอนแล้วก็ยังไม่สามารถปฏิบัติตามได้ มีเพียงไม่กี่คนที่จะสามารถปฏิบัติตามได้ เพราะจะต้องเปลี่ยนวิถีชีวิตใหม่ พลิกหน้ามือเป็นหลังมือ เคยกินอยู่แบบนี้ ต้องเปลี่ยนไปอีกแบบหนึ่ง เช่นเคยอยู่ในวังก็ต้องไปอยู่ในป่า เคยมีอาหารครบถ้วนบริบูรณ์ก็ต้องออกไปขอเขา อาศัยความเมตตาของผู้อื่น แล้วแต่เขาจะให้อะไรมา ก็กินเพื่ออยู่ ไม่ได้อยู่เพื่อกิน กินไปตามมีตามเกิด ที่ต้องไปอยู่ในป่าก็เพราะว่าเป็นที่ ที่จะทำให้เกิดความสงบทางจิตใจ ถ้าอยู่ในบ้านเมืองนี้จะมีเรื่องราวต่างๆคอยกวนใจ ทำให้ใจไม่สงบ ใจไม่สงบก็จะไม่มีความสุขที่แท้จริง ก็ต้องอาศัยความสุขแบบยาขมเคลือบน้ำตาล สุขเดี๋ยวเดียว แล้วก็มีความทุกข์ตามมา เวลาอยากจะมีความสุขแต่ไม่สามารถจะมีได้ เช่นสูบบุหรี่ เวลาบุหรี่หมดไม่มีบุหรี่สูบจะหงุดหงิด สูบไปก็จะทำให้ชีวิตสั้นลง มีโรคภัยไข้เจ็บเบียดเบียน เป็นความทุกข์ที่จะตามมา จึงต้องพยายามปฏิบัติตามที่พระพุทธเจ้าทรงสอนให้ปฏิบัติให้ได้ อยู่แบบพระพุทธเจ้า ลองซ้อมอยู่แบบคนจนสักวันหนึ่ง ถือศีล ๘ อดข้าวเย็น ปิดโทรทัศน์ปิดเครื่องบันเทิงต่างๆ ให้อยู่กับความว่าง กับความไม่มีอะไร ไม่ต้องทำอะไรทั้งวัน ให้ดูแลรักษาร่างกายอย่างเดียว แล้วก็ควบคุมใจ ทำใจให้สงบ อุบายของการทำใจให้สงบก็มีหลายวิธี สวดมนต์ไปก็ได้ บริกรรมพุทโธๆไปก็ได้ ใจจะคิดได้ทีละอย่าง ถ้าบังคับให้คิดเรื่องนี้ ก็จะไปคิดเรื่องอื่นไม่ได้ ถ้าสวดมนต์ไปเรื่อยๆ จะไปคิดเรื่องอื่นไม่ได้ ก็จะสงบได้ เพราะการสวดมนต์จะทำให้ใจสงบ ไม่ฟุ้งซ่าน สวดมนต์ไปหรือบริกรรมพุทโธไป ไม่เช่นนั้นก็บังคับใจให้อยู่ในปัจจุบัน อย่าให้ไปอดีตไปอนาคต ไปที่โน่นไปที่นั่น ให้อยู่ในปัจจุบัน อยู่ที่ร่างกาย อยู่กับการทำงานของร่างกาย อย่าไปคิดเรื่อยเปื่อย ถ้าหยุดความคิดได้แล้ว เวลานั่งสมาธิก็จะสงบง่าย นั่งหลับตาแล้วก็ดูลมหายใจ อย่าไปคิดเรื่องอื่น ลมหายใจก็จะพาใจเข้าสู่ความสงบ พอสงบแล้วก็ไม่ต้องทำอะไร สงบได้นานก็ยิ่งดี ถ้าสงบไม่นานก็ต้องทำให้สงบให้นานให้ได้ ใหม่ๆแรกๆจะสงบเดี๋ยวเดียว วูบลงไปแล้วก็ถอนออกมา เด้งออกมา แต่จะได้สัมผัสกับความสงบความว่าง จะทำให้มีศรัทธามีความยินดีที่จะหาความสุขแบบนี้ให้มากขึ้น เพราะเป็นความสุขที่เหนือกว่าความสุขทั้งหลาย พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ว่า ความสุขที่เกิดจากความสงบ เป็นความสุขที่เหนือกว่าความสุขทั้งหลาย พอได้พบกับความสงบแล้วก็จะติดใจ จะพยายามทำให้มีมากขึ้น ก็ต้องถือศีล ๘ บ่อยขึ้น ตอนต้นก็ถืออาทิตย์ละวัน พอได้สัมผัสกับความสงบแล้วก็จะถือไปทุกวันเลย มีภารกิจการงานอะไรที่ไม่สำคัญก็ตัดไป ถ้าพอมีพอกินแล้วก็หยุดทำงาน ถ้าบวชได้ก็บวช บวชแล้วจะได้ปฏิบัติอย่างเต็มที่ ทำใจให้สงบได้ตลอดเวลา ถ้าทำอย่างนี้อยู่ไปก็กำไร ทำไปจนกว่าความสุขจะมีเต็มเปี่ยมภายในใจ และมีอยู่ตลอดเวลา. กำลังใจ ๕๙ กัณฑ์ที่ ๔๔๘ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๕ พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต วัดญาณสังวรารามฯ จังหวัดชลบุรี |