หัวข้อ: มงคล หรือ อัปมงคล โดย พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี เริ่มหัวข้อโดย: Maintenence ที่ 26 พฤษภาคม 2566 14:35:29 .
(http://www.sookjaipic.com/images_upload/87002905706564_347434542_516067737260012_1786.jpg) มงคล หรือ อัปมงคล ขณะที่ฟังนี้บางทีใจยังรับไม่ได้เลย จะคิดว่าทำไมมาสอนให้ปลงให้วาง เพราะใจของเราส่วนใหญ่ยังไม่อยากปลง ยังไม่อยากวาง ยังอยากได้ ยังอยากมี ยังอยากเป็น ยังอยากให้สิ่งนั้นสิ่งนี้เป็นไปตามความต้องการ ตามความอยาก ซึ่งเป็นการฝืนความจริงแท้ๆ เห็นอยู่แท้ๆ แต่กลับมองไม่เห็น เพราะถูกอำนาจของความหลงครอบงำอยู่ ซึ่งจะพยายามป้องกันไม่ให้คิดถึงเรื่องราวเหล่านี้ โดยให้คิดว่าไม่เป็นมงคล นี่ก็เป็นความเห็นผิดอีกอย่างหนึ่ง เพราะทุกสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงสอนนั้น ล้วนเป็นมงคลทั้งสิ้น ไม่เป็นอัปมงคลเลย เพราะจะทำให้ฉลาด ให้อยู่เหนือความทุกข์ได้นั่นเอง ถ้าไม่คิดนั่นแหละ จะเป็นอัปมงคลที่แท้จริง ถ้าไม่คิดถึงความแก่ ความเจ็บ ความตาย ถึงการพลัดพรากจากกัน ที่รออยู่ข้างหน้า แสดงว่ากำลังสะสมความอัปมงคลทั้งหลายให้กับตน เหมือนกับสะสมลูกระเบิดไว้ให้กองเท่าภูเขา พอถึงเวลามีใครไปจุดชนวนระเบิดเข้า ก็จะระเบิดขึ้นมาอย่างรุนแรง สร้างความทุกข์อย่างหนักหนาสาหัส จนถึงกับรับไม่ได้ ถึงกับจะต้องฆ่าตัวตายไป ก็มีอยู่หลายรายด้วยกัน นั่นก็เป็นเพราะไม่ยอมสะสมความคิดที่เป็นมงคลนั่นเอง คิดแต่สิ่งที่เป็นอัปมงคล คือคิดว่าขอให้อยู่ไปนานๆ ขอให้ร่ำขอให้รวย ขอให้มีตำแหน่งสูงๆ ขอให้คนรักอยู่กับเราไปนานๆ อยู่กับเราไปตลอด ไม่ให้ทิ้งจากเราไป เหล่านี้ล้วนเป็นความคิดที่เป็นอัปมงคลทั้งสิ้น เพราะเกิดจากความหลง เมื่อคิดแบบเหล่านี้แล้ว จะสร้างความเครียดสร้างความทุกข์ให้กับตน เมื่อไม่เป็นไปตามความปรารถนา จึงต้องทำความเข้าใจว่า ความคิดส่วนใหญ่ของเรานั้น เป็นความคิดที่ฝืนความจริง ความคิดอันใดที่ฝืนความจริง ต้องถือว่าเป็นอัปมงคลทั้งสิ้น ความคิดที่เป็นมงคลนั้น ต้องเป็นไปตามความเป็นจริง คืออะไรจะเกิด ก็ให้มันเกิดไปเถิด ถ้าแก้ไขไม่ได้ หักห้ามไม่ได้ ป้องกันไม่ได้ ก็ให้มันเกิดไปเถิด เพราะไม่มีใครต้านความจริงของธรรมชาติได้ อาจจะดูแลรักษาสิ่งต่างๆได้ชั่วระยะหนึ่ง ในระดับหนึ่ง แต่จะไม่สามารถดูแลรักษาสิ่งต่างๆไปได้ตลอด เพราะไม่อยู่ไปได้ตลอดนั่นเอง ทำยังไง ไม่ช้าก็เร็วก็ต้องหมดไป เสื่อมไป จากไป เสื้อผ้าที่เราใส่ก็เหมือนกัน เราเปลี่ยนมากี่ชุดแล้ว เพราะมันเก่าบ้าง มันขาดบ้าง เล็กลงไปบ้าง เพราะร่างกายใหญ่ขึ้นบ้าง แต่เราจะไม่ค่อยเศร้าโศกเสียใจกับเสื้อผ้าเท่าไร เพราะอะไร ก็เพราะความยึดมั่นถือมั่น มีไม่มากนั่นเอง ไม่เหมือนกับความยึดมั่นถือมั่นในสิ่งอื่นๆ ดังนั้นจงดูว่า เรายึดอะไรมาก เราติดอะไรมาก ก็ขอทำความเข้าใจไว้ว่า เรากำลังสะสมลูกระเบิดไว้มากนั่นเอง ถ้ามีความยึดมั่นถือมั่นมากเพียงไร ก็เท่ากับสะสมลูกระเบิดให้มีมากขึ้นมาในหัวใจ เพราะเมื่อถึงเวลาระเบิดแล้ว จะระเบิดด้วยความรุนแรง คือความทุกข์จะมีมากมีน้อย ก็อยู่ที่อุปาทานความยึดมั่นถือมั่นนี่เอง ถ้ายึดมากก็ทุกข์มาก ถ้ายึดน้อยก็ทุกข์น้อย ถ้าไม่ยึดไม่ติดเลยก็ไม่ทุกข์เลย จะเลือกเอาอะไร. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี |