[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน => ข้อความที่เริ่มโดย: 時々๛कभी कभी๛ ที่ 14 ตุลาคม 2554 12:27:00



หัวข้อ: วิจิกิจฉามี ๘ ประการ
เริ่มหัวข้อโดย: 時々๛कभी कभी๛ ที่ 14 ตุลาคม 2554 12:27:00
(http://static.panoramio.com/photos/original/59427575.jpg)

(http://image.ohozaa.com/i/1ec/prwheel.gif)



ถ่ายภาพโดย Sometime สงวนลิขสิทธิ์ตามกฏหมาย



...............คำเตือนจากใจริง.............



ภาพถ่ายทั้งหมดในเว็บนี้สงวนลิขสิทธิ์โดยเจ้าของผลงานทั้งหมด ห้ามมิให้นำภาพถ่ายในเว็บนี้ ไม่ว่าส่วนหนึ่งส่วนใด ไปทำสำเนา ทำซ้ำ ดัดแปลง ลบหรือเปลี่ยนแปลงข้อความแสดงลิขสิทธิ์ หรือจัดพิมพ์ในเอกสารไม่ว่าเพื่อการพาณิชย์หรือไม่แสวงหากำไรก็ตามเป็นอันขาด ผู้ละเมิดลิขสิทธิ์จะต้องถูกดำเนินคดีขั้นสูงสุดตามกฎหมายแน่นอน


(http://image.ohozaa.com/i/0f8/0a75m.gif)

วิจิกิจฉา มีลักษณะที่สงสัยลังเลใจตัดสินใจไม่ได้ในเรื่องของสภาพธรรมมี

ความคิดเห็นเป็น ๒ อย่าง อุปมาเหมือนทาง ๒ แพร่ง เช่น พระพุทธพระธรรมพระ

สงฆ์มีคุณจริงหรือไม่นรกสวรรค์  ชาติหน้ามีจริงหรือไม่ บาปบุญมีจริงหรือไม่ และ

ผลของบาปบุญให้ผลได้จริงหรือไม่ วิจิกิจฉาเจตสิกเกิดกับอกุศลจิตประเภท{โมหมูลจิต

{วิจิกิจฉา}สัมปยุตต์เพียงดวงเดียวเท่านั้น

วิจิกิจฉา โดยทั่วไป จึงมุ่งหมายถึง ความลังเลสงสัย ในพระพุทธเจ้า พระธรรม พระ

สงฆ์ในสิกขา สงสัยในขันธ์ที่เป็นอดีต สงสัยในขันธ์ที่เป็นอนาคตสงสัยในขันธ์ที่เป็น

อดีตและอนาคต สงสัยในปฏิจจสมุปบาทดังนั้นจึงมุ่งหมายถึง ความลังสงสัยในเรื่อง

สภาพธรรมด้วยเป็นสำคัญแต่ถ้าสงสัยในเรื่องทั่ว ๆ ไป เช่น เรื่อราวทางโลกที่ไม่เกี่ยว

กับสภาพธรรมเช่น สงสัยว่า 4 บวก 5 เป็นเท่าไหร่ ความสงสัยนี้ไม่ใช่วิจิกิจฉา

ซึ่งจากคำถาม ในเรื่องการสนทนาธรรมและมีการสงสัยในเรื่องของธรรมถ้าเป็นไปใน

เรื่องธรรมที่เป็นสภาพธรรม ตามที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงสงสัยว่าจริงหรือไม่ถูกต้อง

หรือเปล่า ตัดสินใจไมได้เพราะสงสัยในเรื่องสภาพธรรมในขณที่สนทนาธรรมเป็น

วิจิกิจฉาซึ่งก็อยู่ในส่วนของ ความลังเลสงสัยใน สิกขา สิกขา หมายถึง อธิศีล}

สิกขา} อธิจิตสิกขาและอธิปัญญาสิกขา คือ การศึกษาในพระพุทธศาสนาที่เป็นไปเพื่อ

ดับกิเลสความสงสัยในพระธรรมในข้อใดข้อหนึ่งทำให้ตัดสินใจไม่ได้ลังเลสงสัยก็เป็น

วิจิกิจฉาตามที่กล่าวมา ซึ่งสามารถเกิดได้ในชีวิตประจำวันแม้ไม่ได้สนทนาธรรมเมื่อ

นึกคิดขึ้นมา หรือ ขณที่ฟังพระธรรม หรือ สนทนาธรรมก็สามารถเกิด{วิจิกิจฉา}ได้

ผู้ที่จะดับวิจิกิจฉาได้หมดไม่มีความลังเลสงสัยเกิดขึ้นอีกเลย คือ พระโสดาบัน

ซึ่งขณะที่ค่อย ๆ ฟังพระธรรมและปัญญาเจริญขึ้น ขณะนั้นก็ค่อย ๆ ละความลังเลสงสัย

ไปทีละน้อย จนปัญญาสมบูรณ์ ถึงความเป็นพระโสดาบันก็ไม่มีความลังเลอีกเลย ไม่

สงสัยว่าพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์มีจริง เพราะท่านประจักษ์ความจริงตามที่พระ

พุทธเจ้าทรงแสดง จึงมั่นคง เชื่อในพระปัญญาตรัสรู้ มั่นคงเชื่อในพระธรรม เพราะท่าน

ประจักษในพระธรรมด้วยตัวท่านเอง และไม่สงสัในพระสงฆ์ เพราะผู้ที่ปฏิบัติตามบรรลุ

ตามมีนั่นคือ แม้ตัวท่านเองและไม่สงสัยในขันธ์ที่เป็นสภาพธรรมที่เกิดดับและ

ไม่สงสัยในสภาพธรรมที่เป็นเหตุเป็นปัจจัยกันที่เป็นปฏิจจสมุปบาทแต่แม้ท่านจะ

ละความลังเลสงสัยได้แต่เรื่องทางโลกมากมายท่านก็ไม่รู้ เพราะเรื่องราวทางโลกที่ไม่

ใช่สภาพธรรมที่ไม่รู้และสงสัย ไม่ใช่วิจิกิจฉาหนทางในการละ(วิจิกิจฉา)คือการฟัง

พระธรรม ศึกษา............................................พระธรรม



วิจิกิจฉามี ๘ ประการ คือ..............................................

สงสัยในพระพุทธเจ้า ๑

สงสัยในพระธรรม ๑

สงสัยในพระสงฆ์ ๑  

สงสัยในสิกขา ๑

สงสัยในขันธ์ที่เป็นอดีต ๑

สงสัยในขันธ์ที่เป็นอนาคต ๑  

สงสัยในขันธ์ที่เป็นอดีตและอนาคต ๑  

สงสัยในปฏิจจสมุปบาท ๑



Click ที่ลิงค์เพื่อเปิดอ่านหนังสือ วิถีแห่งพุทธธรรม



http://issuu.com/8395/docs/buddhadham_.pdf?mode=window&backgroundColor=#222222 (http://issuu.com/8395/docs/buddhadham_.pdf?mode=window&backgroundColor=#222222)

http://www.fungdham.com/download/song/allhits/21.wma