[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน => ข้อความที่เริ่มโดย: Compatable ที่ 29 พฤศจิกายน 2566 17:54:00



หัวข้อ: คาถาพระปัจเจกพระพุทธเจ้าไม่ใช่คาถาเรียกลาภ
เริ่มหัวข้อโดย: Compatable ที่ 29 พฤศจิกายน 2566 17:54:00
คาถาพระปัจเจกพระพุทธเจ้าไม่ใช่คาถาเรียกลาภ

(https://palungjit.org/attachments/%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%8A%E0%B8%A3%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%A2-jpg.6042297/)



คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้าไม่ใช่คาถาเรียกลาภ

เป็นคาถากรรมฐานเหมือนพุทโธ.. เหมือนอิติปิโสภควา..

พอท่านทำกรรมฐานเป็นฌาน ๔ ท่านบอกอย่างนั้นนะ

เป็นประกายพรึกแบบนี้.. มีอยู่รายหนึ่ง เอาที่ไปจำนองธนาคารไว้ (นี้หลวงพ่อฤาษีฯ เล่าให้ฟัง)

มันจะขาดอีกอาทิตย์หนึ่งเนี่ย เพิ่งรู้ตัวหาเงินให้เค้าไม่ได้ ก็เอาเรื่องมาบอกนายห้างประยงค์

บอกนายห้างเป็นคนดีช้วยไถ่เอาไว้ แล้วนายห้างก็เอาไปเถอะฉันไม่เอาอะไรหรอก

ก็ยังไงฉันก็สูญเปล่าอยู่แล้วคุณประยงค์ก็ให้เงินโยมคนนั้นไปใช้ตามสมควรและก็ไปไถ่โฉนดมา

สมมุติโฉนดราคาหนึ่งล้านบาท หลายสิบไร่ ก็ปรากฏพอมาอยู่ในอำนาจคุณประยงค์ประมาณครึ่งเดือน

คนจีนใต้หวันจะมาสร้างโรงงานแถวที่ดินตรงนั้น หาที่ดินไม่ได้สมัยก่อนก็ไม่อยากจะสร้าง

อยากจะมาสร้างตอนนี้ก็มาขอซื้อกับคุณประยงค์ได้ราคาเพิ่มเป็น๕เท่าตัว

ทำไมหละ! สมมุติท่านทำบุญไป๕แสนบาทใจผ่องใสปั๊บ!

แล้วซื้อที่ดินมาอีกสามล้าน ได้มาเป็นสิบล้านมันสองเท่า สามเท่าของห้าแสนใหม

ลาภจะมาแบบนี้..

คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้าไม่ใช่คาถาเรียกลาภ เป็นคาถากรรมฐานเหมือนพุทโธ..

เหมือนอิติปิโสภควา.. แต่อันนี้ท่องไปแล้วนึกถึงพระปัจเจกพุทธเจ้าแล้วศัพท์เสียงคาถานี้

ไม่เพราะเหมือนอิติปิโสภควา เป็นคาถาโบราณ ห้ามแปล!

ตอนท่องคาถาต้องท่องให้เป็นกรรมฐาน ให้จิตผ่องใส มีศีลห้าบริสุทธิ์อยู่แล้ว เคารพพระพุทธ

พระธรรม พระสงฆ์อยู่แล้ว เชื่อมั่นในพระนิพพาน นใพรหมเทวดา

ในคุณความดีของพ่อแม่ในอดีตชาติอยู่แล้ว เริ่มเบื่อหน่ายร่างกาย อยากจะไปนิพพานอยู่บ้าง

ตามสมควรแล้ว ถึงจะได้ผลแบบคุณประยงค์ ลืมบอกไปว่า

คนที่เจริญคาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า มีกฏอยู่อย่างนึงคือ ต้องใส่บาตรทุกเช้า

ใส่บาตรให้พระสงฆ์ที่ผ่านมาหน้าบ้าน




หัวข้อ: Re: คาถาพระปัจเจกพระพุทธเจ้าไม่ใช่คาถาเรียกลาภ
เริ่มหัวข้อโดย: Compatable ที่ 29 พฤศจิกายน 2566 17:54:42


หรือไปใส่ที่ไหนก็ได้ เพื่อตั้งอธิษฐานขอข้าวน้ำของเราจงเป็นชีวิตของพระสงฆ์สืบพระศาสนา

ตลอดห้าพันปีไปแบบนี้ วันไหนถ้าใส่บาตรไม่ได้ เพราะมีธุระอะไรก็ตามให้เอาเงินเท่าราคาที่เราจะใส่บาตร

แต่ละวันใส่ในขันหรือตรงไหนก็ได้ จำนวนหนึ่งท่องคาถาเงินล้านเหมือนท่องต่อหน้าพระปัจเจกพุทธเจ้า

เวลาจะใส่บาตร เขาก็เอาขันข้าวท่องคาถา ‘วิระทะโย วิระโคนายัง’ พอจบเสร็จพระมาพอดี..

เขาก็ตักของเชาอย่างนี้ เวลาเราจะจบคาถาหยอดในบาตร เราก็ท่องคาถา เหมือนประหนึ่งว่าพระสงฆ์

มายืนอยู่ตรงหน้า และก็ท่องคาถา ก็มี ๓จบ ๕จบ ๗จบ ๙จบ ในสมัยหลวงปู่ปานต้องการแค่๙จบสูงสุด

ท่องเสร็จก็เอาตังค์หยอดไว้ รุ่งขึ้นพระสงฆ์มาก็ใส่บาตรตามปกติ ส่วนเงินจำนวนนี้พอได้ตามสมควรแล้ว

เราก็เอาไปหาพระที่เราเคารพห่อไปเลยยังไงก็ได้

เอาไปแล้วไปบอกว่า พระคุณเจ้าเงินนี้เป็นเงินขอถวายค่าอาหารพระสงฆ์

ในการสืบอายุพระศาสนา ขอจงรับไว้เป็นบุญแก่ฉัน เป็นการแทนคุณเจ้าของพระคาถาพระปัจเจกพุทธเจ้าด้วยเถิด

เพราะฉะนั้นครูบาอาจารย์สมัยนี้จึงบอกเช้าตื่น่ขึ้นมาสวดมนต์แล้ว ก็สวดคาถาเงินล้านนี้

คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้านี้ ถ้าต้องการให้ทรงตัวอยู่ได้แบบไม่อดอยาก ก็ท่อง๓จบ

ถ้าหากจะมีเหลือพอทำบุญด้วย ก็๕จบ มีเหลือเก็บก็ ๗จบ ๙จบ

แล้วแต่ความเพียรในการบูชาคาถาเป็นกรรมฐานอยู่แล้วเป็นเรื่องดีอยู่แล้ว

ส่วนความสงสัยที่ว่าเราก็ยังมีพระสัมมาพระพุทธเจ้าองค์นี้เป็นที่พึ่งอยู่ ถ้าบูชาพระปัจเจกพุทธเจ้าจะขัดกันมั้ย

หลวงตาก็เคยคิด ตอนนั้นหลวงพ่อฤษีท่านเรียกหลวงตาเข้าไปก่อนจะบวช ท่านบอก

“วัชระชัย แกท่องคาถาพระปัจเจกพุทธเจ้าเป็นกรรมฐานเลย”

หลวงตาก็เถียง”แล้ว พุทโธ ละครับ “

ท่านดุเอา”ไอ้นี่ ของพระพุทธเจ้าเหมือนกัน คิดว่าเป็นคาถา พระพุทธเจ้าได้ผลเหมือนกัน เป็นฌานสมาบัติเหมือนกัน”

เป็นกรรมฐานเหมือนกัน เป็นความดีเหมือนกัน พระพุทธเจ้าท่านก็ไม่ได้ห้าม เป็นอารมณ์กรรมฐาน

พอหลวงพ่อฤาษีให้เปลี่ยนมาใช้คาถานี้ เราอยากจะกลับไปพุทโธ ยังไงก็ตามคาถานี้ก็จะตีขึ้นมาในใจเสมอ

ก็จะใช้อยู่เป็นประจำ



หัวข้อ: Re: คาถาพระปัจเจกพระพุทธเจ้าไม่ใช่คาถาเรียกลาภ
เริ่มหัวข้อโดย: Compatable ที่ 29 พฤศจิกายน 2566 17:55:11



ได้มีโอกาสพูดถึงพระปัจเจกพุทธเจ้าและคาถาพระปัจเจกพุทธเจ้าให้ลูกหลานฟังแล้ว..

หลวงตาขอพูดถึงพระเทวทัต หลวงตาเรียกหลวงปู่เทวทัตเลยนะ เพราะท่านเป็นรุ่นพระพุทธเจ้าเรานะ

รุ่นสมเด็จพ่อสมณโคดมบำเพ็ญบารมีคู่กันมา บำเพ็ญมาไม่ใช่ว่าทำความเลวคู่กับท่านนะ

ดีก็ทำมา แต่ก็พลั้งเผลอไปทำร้ายกันสลับฉากไปด้วย ถ้าท่านเลวจริงๆ ตกนรกไปในชาติก่อนๆ

เกิดมาไม่ทันพระพุทธเจ้าหรอก ท่านก็เจอผูกพันกันมาตลอด แสดงว่าท่านก็มีบารมีที่เข้มแข็งกันอยู่พอสมควร

พอชาติสุดท้ายคู่กันนี่! เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พ่อของเราเนี้ยแล้วองค์นี้(พระเทวทัต)ก็ส่งเสริมกัน

เหมือนกับสีขาวกับสีดำ ชี้ให้เห็นความดีคืออะไร.. ความไม่ดีคืออะไร..

หลังจากท่านลงไปเสวยกรรมอยู่ในนรกแล้ว ถ้าขึ้นมาความดีของท่านจะไม่ให้ท่านใช้หรือ?

ท่านทำมาพอกับพระพุทธเจ้าอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นตามพระไตรปิฏกตามพระสูตร หรือตามพระเถระผู้ใหญ่

อย่างหลวงพ่อฤาษี หลวงปู่ปานท่านเล่าต่อักันมา ก็คือว่าหลังจากที่ท่านลงไปใช้กรรมในส่วนนี้แล้ว

ท่านจะเสด็จขึ้นมาตรัสรู้เป็นพระปัจเจกพระพุทธเจ้า ในยุคพุทธันดร

หลายคนจะว่าท่านตอนท่านเลวต่อพระพุทธเจ้าก็ว่าไปเถอะ! แต่ว่าในปัจจุบันท่านหยุดเลวของท่านแล้ว

ท่านรับกรรมของท่านแล้ว ต่อไปข้างหน้าท่านหมดกรรม แล้วได้รับผลดีนี่ จะไปด่าท่านยันพุทธันดรหน้าได้อย่างไร

หลวงพ่อฤาษีท่านสอนเสมอว่า มนุษย์ทุกคนที่เห็นหน้ากันอยู่ ทั้งไก่ทั้งหมู ทั้งหมา ทั้งงู

เขามีดวงจิตไปเสวยชาติเป็นเดรัจฉานอยู่ เสวยมนุษย์ที่เป็นมิจฉาทิฐิอยู่ เป็นสัมมาทิฐิอยู่

หลังจากที่ละความเลวตามสมควรแล้ว ทำความดีจนถึงพร้อมใจผ่องใสแล้ว ทุกดวงจิตต้องเป็นพระอรหันต์

อย่างใดอย่างหนึ่ง หนึ่งในสามนี้แน่นอนอนาคต แต่กาลเวลาของท่านยาวนานแค่ไหนอยู่ที่ท่านทำเอาเอง

แต่ผลสุดท้ายเมื่อท่านสิ้นกรรมเลวแล้ว ท่านต้องเป็นพระอรหันต์ ถ้าไม่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ก็พระปัจเจกพระพุทธเจ้า หรือพระอรหันตสาวกของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่งแน่นอน

ปี๓๕ หลังจากรับใช้พระศพท่านในศาลา ๑๒ไร่ จนเข้าวิหารแก้วแล้ว หลวงตาก็ออกมาอยู่สระบุรี

ในปี ๓๘ ไปอยู่ศูนย์พุทธศรัทธา ๘ - ๙ เดือน แล้วย้ายมาอยู่ตรงนี้โดยสมเด็จพระพุฒาจารย์

วัดสระเกศราชวรมหาวิหารกับเจ้าคุณพรหมสิทธิ เจ้าอาวาสวัดสระเกศองค์ปัจจุบัน

ท่านเป็นเณรวัดนี้แล้วไปอยู่วัดสระเกศ วัดนี้มีอยู่ก่อนหลวงตามาแล้ว ท่านพามาเป็นเจ้าอาวาสตรงนี้





หัวข้อ: Re: คาถาพระปัจเจกพระพุทธเจ้าไม่ใช่คาถาเรียกลาภ
เริ่มหัวข้อโดย: Compatable ที่ 29 พฤศจิกายน 2566 17:55:48


ทีนี้พอมาปั๊บในใจก็นึกถึงแม่อ๋อยตลอดเวลา เพราะยี่สิบกว่าปีแล้วยังไม่ได้สร้างรูปหล่อพระปัจเจกให้ท่าน

พอมาถึงที่นี้ก็ลงมือบอกบุญ เรื่องทองคำสร้าง ก็รวบรวมสร้างได้ในหน้าตัก ๙ นิ้ว เป็นทองคำบริสุทธิ์

น่าจะ ๙๖.๕ ที่จะแข็งตัวเป็นพระได้ น้ำหนัก ๘ กิโลกรัม ทีนี้หลวงตาจะเอาไว้ในกุฏิก็ไม่ได้

หลวงตาก็เลยคิดว่าจะสร้างวิหารสักหลังหนึ่ง แล้วเนื่องจากจะต้องใช้เป็นคาถา หลวงตาเลยนึกถึงคำว่า

เงินบริสุทธิ์ขึ้นมา.. ก็เลยอธิษฐานขอสร้างเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าที่เป็นเงินบริสุทธิ์อีกองค์หนึ่งเท่าตัวคน

จะสร้างเป็นพระประธานในวิหารพระปัจเจกพุทธเจ้า และข้างบนก็จะเป็นมณฑปองค์พระทองคำ

ตรงหน้าจะมีบาตรเงิน มีคาถาตัวทองให้ทรงคุณค่าของพระคาถา ติดแอร์ให้สบายใจ มีระบบเสียงเปิดวน ๒๔ชม.

ใครเข้ามากราบจะนั่นฟังคาถาภาวนาไป นั่งดูพระให้เพลินก็ได้ หรือจะท่องไปด้วยตามใจ

ซึ่งลงมือสร้างแล้ว อยู่ท้ายโบสถ์เห็นพระครูวินัยธรนิพพานบอกว่า ในวันเกิดหลวงตาในเดือน ก.ค. นี้

จะให้เสร็จรับแขกได้ พอรับแขกได้แต่ยังไม่ 100% ส่วนพระปัจเจกพุทธเจ้าที่จะหล่อด้วยเงินบริสุทธิ์นี้

จะใช้เงินประมาณ 300 กิโลกรัม ตอนนี้ได้สักประมาณ 250 กิโลกรัม เพราะฉะนั้นมาร่วมกันได้ ถ้าจะเอาเงินมาให้ทางวัด

ต้องเอาเงินเป็นเม็ดๆนะ ถ้าเป็นสร้อยจะไม่บริสุทธิ์พอ เราจะหล่อกันในวันอาทิตย์ที่ 18 มิ.ย. นี้

คนที่เลื่อมใสคาถาอยู่.. หรือว่ารู้จักหลวงตาเป็นส่วนตัว.. หรือเคารพหลวงปู่ปานกับหลวงพ่อฤาษีลิงดำ

บูชาพระปัจเจกพุทธเจ้า พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ก็มาร่วมได้ทุกคน

จริงๆแล้วก็ถือเป็นงานประจำปี คือในปีนึงเนี่ย! หลวงตาขออนุญาตท่านเจ้าคุณพระราชภาวนาโกศล

พระอาจารย์อนันต์ เจ้าอาวาสวัดท่าซุง ขอเอาวัดเขาวงเป็นจุดรวมท่านเจ้าอาวาสหรือเจ้าสำนักในสายหลวงพ่อทุกองค์

มาเจอกันปีละครั้ง เอาวัตถุมงคลของตัวเองที่สร้างทั้งปีเอามารวมกันในถ้ำนารายณ์ มานั่งอธิษฐานจิตรวมกัน

ในตอนเช้าก็บำเพ็ญกุศลกัน ประมาณบ่ายสองโมงกว่าๆ ก็พุทธาภิเษกเสร็จแล้วก็พักกันหน่อย แล้วก็หล่อพระกัน

หลวงตาขอรับภาระ.. ถ้าใครสงสัยคำพูดหลวงตาในด้านความงมงาย สงสัยในคุณพระพุทธ

พระธรรม พระสงฆ์ หลวงตาขอรับผิดชอบ มาคุยกันมาพูดให้ฟังจะละเอียดกว่านี้ จะรับภาระตรงนี้

จะยืนว่าเป็นความจริงทุกอย่าง แต่ไม่แน่ใจความสามารถของตัวจะพูดได้สมอย่างที่ใจอยากจะพูดใหม

ในบรรดาลูกศิษย์หลวงพ่อ หลวงตาถือว่าเป็นท้ายแถว และเป็นคนสุดท้ายของท้ายแถวด้วย

เพราะว่าในบรรดาลูกศิษย์หลวงพ่อทั้ฤาษีลิงดำ คุณหลวงปู่ปานมีจริง คุณของพระคาถาพระปัจเจกพุทธเจ้ามีจริง

แต่สุดวิสัยจะให้คนไม่เชื่อ หรือคนมีทิฐิมานะสูงเชื่อได้ แต่ก็จะคุยเฉพาะคนที่คุยกันรู้เรื่อง มาคุยกันที่นี้ก็จะคุยกันได้ตลอดเวลา