[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => ชาดก พระเจ้า 500 ชาติ => ข้อความที่เริ่มโดย: Kimleng ที่ 25 พฤษภาคม 2567 17:30:58



หัวข้อ: พระเจ้า ๕๐๐ ชาติ เรื่องที่ ๑๙๒ จันทกินนรชาดก : นางจันทากินรี
เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 25 พฤษภาคม 2567 17:30:58


(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/13576513404647__500_320x200_.jpg)

พระเจ้า ๕๐๐ ชาติ เรื่องที่ ๑๙๒ จันทกินนรชาดก
นางจันทากินรี

          ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติในพระนครพาราณสี พระโพธิสัตว์เกิดเป็นวานรในป่าหิมพานต์ ภรรยาของเธอนามว่า จันทา ทั้งคู่ก็อยู่ที่ภูเขาเงินชื่อว่า จันทบรรพต
          ครั้งนั้นพระเจ้าพาราณสีมอบราชสมบัติแก่หมู่อำมาตย์ ทรงผ้าย้อมฝาดสองผืน ทรงสอดพระเบญจาวุธเข้าสู่ป่าหิมพานต์ลำพังพระองค์เดียวเท่านั้น ท้าวเธอเสวยเนื้อที่ทรงล่าได้เป็นพระกระยาหาร เสด็จท่องเที่ยวไปถึงลำน้ำน้อยๆ สายหนึ่งโดยลำดับ ก็เสด็จขึ้นไปถึงต้นสาย
          ฝูงกินนรที่อยู่จันทบรรพต เวลาฤดูฝนก็ไม่ลงมา พากันอยู่ที่ภูเขานั่นแหละ ถึงฤดูแล้งจึงพากันลงมา
          ครั้งนั้นจันทกินนรลงมากับภรรยาของตน เที่ยวเก็บเล็มของหอมในที่นั้นๆ กินเกสรดอกไม้ นุ่งห่มด้วยสาหร่ายดอกไม้ เหนี่ยวเถาชิงช้าเป็นต้น เล่นพลางขับร้องไปพลาง ส่งเสียงเจื้อยแจ้วไปจนถึงลำน้ำน้อยสายนั้น หยุดลงตรงที่เป็นคุ้งแห่งหนึ่ง โปรยปรายดอกไม้ลงในน้ำ จัดแจงแต่งที่นอนด้วยดอกไม้เหนือหาดทรายซึ่งมีสีเพียงแผ่นเงิน ถือขลุ่ยเลาหนึ่ง นั่งเหนือที่นอน
          ต่อจากนั้น จันทกินนรก็เป่าขลุ่ยขับร้องเป็นเพลงไพเราะเพราะพริ้ง จันทากินรีก็ยืนรำไปมาอยู่ในที่ใกล้สามี พระราชาทรงสดับเสียงของกินนรกินรีนั้น ก็ทรงย่องเข้าไป ค่อยๆ ยืนแอบในที่กำบัง ทอดพระเนตรเห็นกินรีเหล่านั้น ก็ทรงมีจิตปฏิพัทธ์ในกินรี ทรงดำริว่าเราอยากยิงกินนรนั้นเสียให้สิ้นชีวิต แล้วจะได้นางกินรีมาเป็นชายา แล้วทรงยิงจันทกินนร เขาเจ็บปวดรำพันออกมาว่า
         “นางจันทา ชีวิตของพี่ใกล้จะขาดอยู่แล้ว พี่กำลังเมาเลือด จันทาเอ๋ย พี่เห็นจะละชีวิตไป แม้ในวันนี้ลมปราณของพี่กำลังจะดับ ชีวิตของพี่กำลังจะจม ความทุกข์กำลังเผาผลาญหัวใจพี่ พี่ลำบากยิ่งนัก ความโศกของพี่ครั้งนี้เป็นความโศกยิ่งใหญ่กว่าความโศกเหล่าอื่น เพราะเหตุแห่งเจ้าจันทาผู้จะเศร้าโศกถึงพี่โดยแท้ พี่จะเหี่ยวแห้ง เหมือนต้นหญ้าที่ถูกทิ้งไว้บนแผ่นหินร้อน เหมือนต้นไม้มีรากอันขาด พี่จะเหือดหายเหมือนแม่น้ำที่ขาดห้วง ความโศกของพี่ครั้งนี้เป็นความโศกยิ่งใหญ่กว่าความโศกเหล่าอื่น เพราะเหตุแห่งเจ้าจันทาผู้จะเศร้าโศกถึงพี่โดยแท้ น้ำตาของพี่ไหลออกเรื่อยๆ เหมือนน้ำฝนที่ตกลงที่เชิงบรรพตไหลไปไม่ขาดสายฉะนั้น ความโศกของพี่ครั้งนี้เป็นความโศกยิ่งใหญ่กว่าความโศกเหล่าอื่น เพราะเหตุแห่งเจ้าจันทาผู้จะเศร้าโศกถึงพี่โดยแท้”
          จันทกินนรคร่ำครวญ นอนเหนือที่นอนดอกไม้นั่นเอง ชักดิ้นสิ้นสติ ฝ่ายพระราชายังคงยืนอยู่ จันทากินรีเมื่อจันทกินนรรำพันกำลังเพลิดเพลินด้วยความรื่นเริงของตน มิได้รู้ว่าสามีถูกยิง แต่ครั้นเห็นจันทกินนรสิ้นสติไป ก็ใคร่ครวญว่า “ทุกข์ของสามีเราเป็นอย่างไรหนอ” พอเห็นเลือดไหลออกจากปากแผล ก็ไม่อาจสะกดกลั้นความโศกอันมีกำลังทึ่เกิดขึ้นในสามีที่รักไว้ได้ ร่ำไห้ด้วยความอาลัยรัก
          พระราชาทรงดำริว่ากินนรคงตายแล้ว ปรากฏพระองค์ออกมา จันทากินรีเห็นท้าวเธอหวั่นใจว่าโจรผู้นี้คงยิงสามีที่รักของเรา จึงหนีไปอยู่บนยอดเขา พลางบริภาษพระราชา ได้กล่าวดังนี้ “พระราชบุตรใด ยิงสามีผู้เป็นที่ปรารถนาของเราเพื่อให้เป็นหม้ายที่ชายป่า พระราชบุตรนั้นเป็นคนเลวทรามแท้ สามีของเรานั้นถูกยิงแล้วนอนอยู่ที่พื้นดิน พระราชบุตรเอ๋ย มารดาของท่านจงได้รับสนองความโศกในดวงหทัยของข้าผู้เพ่งมองดูกินนรผู้เป็นสามีนี้ ชายาของท่านจงได้รับสนองความโศกในดวงหทัยของข้าผู้เพ่งมองดูกินนรผู้เป็นสามีนี้ พระราชบุตรเอ๋ย ท่านได้ฆ่ากินนรผู้ไม่ประทุษร้าย เพราะความรักใคร่ในเรา ขอมารดาของท่านอย่าได้พบเห็นบุตรและสามีเลย ท่านได้ฆ่ากินนรผู้ไม่ประทุษร้าย เพราะความรักใคร่ในเรา ขอชายาของท่านจงอย่าได้พบเห็นบุตรและสามีเลย”
          พระราชาเมื่อจะตรัสปลอบนางผู้ยืนร่ำไห้เหนือยอดภูเขา จึงตรัสว่า “นางจันทา ผู้มีนัยน์ตาเบิกบานดังดอกไม้ในป่า เธออย่าร้องไห้ไปเลย เธอจักได้เป็นอัครมเหสีของฉัน มีเหล่านารีในราชสกุลคอยรับใช้มากมาย”
          นางปฏิเสธและต่อว่าต่างๆ นานา
          ท้าวเธอฟังคำของนางแล้วหมดความรักใคร่ ตรัสว่า “แน่ะนางกินรีผู้ขี้ขลาด มีความรักใคร่ต่อชีวิต เจ้าจงไปสู่ป่าหิมพานต์เถิด มฤคอื่นๆ ที่บริโภคกฤษณาและกระลำพัก จักยังรักใคร่ยินดีต่อเจ้า”
          ก็แลครั้นตรัสอย่างนี้แล้วก็เสด็จหลีกไปอย่างหมดเยื่อใย นางทราบว่าท้าวเธอไปแล้วก็ลงมากอดสามี อุ้มขึ้นไปบนยอดภูเขา ให้นอนในที่เหมาะๆ ยกศีรษะวางไว้บนขา พลางพร่ำไห้เป็นกำลัง แล้วกล่าวว่า
          “กินนร ภูเขาเหล่านั้น ซอกเขาเหล่านั้น และถ้ำเหล่านั้นตั้งอยู่ ณ ที่นั้น ฉันไม่เห็นท่านในที่นั้นๆ จะกระทำอย่างไร
          เมื่อฉันไม่เห็นท่านที่เทือกเขา ซึ่งเราเคยร่วมอภิรมย์กัน จะกระทำอย่างไร
          เมื่อฉันไม่เห็นท่านที่แผ่นผาอันลาดด้วยใบไม้เป็นที่น่ารื่นรยมย์ พวกมฤคร้ายกล้ำกลาย จะทำอย่างไร
          เมื่อฉันไม่เห็นท่านที่ผาอันลาดด้วยดอกไม้ เป็นที่น่ารื่นรมรย์ พวกมฤคร้านกล้ำกลาย จะทำอย่างไร
          เมื่อฉันไม่เห็นท่านที่ลำธารอันมีน้ำใสไหลอยู่เรื่อยๆ มีกระแสเกลื่อนกล่นไปด้วยดอกโกสุม จะกระทำอย่างไร
          เมื่อฉันไม่เห็นท่านที่ยอดเขาหิมพานต์อันมีสีเขียว น่าดูน่าชม จะกระทำอย่างไร
          เมื่อฉันไม่เห็นท่านที่ยอดเขาหิมพานต์มีสีเหลืองอร่าม น่าดูน่าชม จะกระทำอย่างไร
          เมื่อฉันไม่เห็นท่านที่ยอดเขาหิมพานต์อันมีสีแดง น่าดูน่าชม จะกระทำอย่างไร
          เมื่อฉันไม่เห็นท่านที่ยอดเขาหิมพานต์อันสูงตระหง่าน น่าดูน่าชม จะกระทำอย่างไร
          เมื่อฉันไม่เห็นท่านที่ยอดเขาหิมพานต์อันมีสีขาว น่าดูน่าชม จะกระทำอย่างไร
          เมื่อฉันไม่เห็นท่านที่ยอดเขาหิมพานต์อันงามวิจิตร น่าดูน่าชม จะกระทำอย่างไร
          เมื่อฉันไม่เห็นท่านที่ยอดเขาคันธมาทน์ อันดารดาษไปด้วยยาต่างๆ เป็นถิ่นที่อยู่ของหมู่เทพเจ้า จะกระทำอย่างไร
          เมื่อฉันไม่เห็นท่านที่ภูเขาคันทมาทน์ อันดารดาษไปด้วยโอสถทั้งหลาย จะกระทำอย่างไร
          นางร่ำไห้ด้วยเหตุสิบสองประการานี้แล้ว วางมือลงตรงอกของสามี รู้ว่ายังอุ่นอยู่ ก็คิดว่าสามียังไม่สิ้นชีวิตเป็นแน่ เราต้องกระทำการเพ่งโทษเทวดา ให้ชีวิตของเขาคืนมาเถิด แล้วได้กระทำการเพ่งโทษเทวดาว่า “เทพเจ้าที่ได้นามว่าท้าวโลกบาลน่ะ ไม่มีเสียหรือไรเล่า หรือหลบไปเสียหมดแล้ว หรือตายหมดแล้ว ช่างไม่ดูแลผัวรักของข้าเสียเลย” ด้วยแรงโศกของนาง พิภพท้าวสักกะเกิดร้อน ท้าวสักกะทรงดำริทราบเหตุนั้น แปลงเป็นพราหมณ์ถือกุณฑีน้ำมาหลั่งรดจันทกินนร ทันใดนั้นเองพิษก็หายสิ้น แผลก็เต็ม แม้แต่รอยที่ว่าถูกยิงตรงนี้ก็มิได้ปรากฏ จันทกินนรสบายลุกขึ้นได้ นางจันทาเห็นสามีที่รักหายโรค แสนจะดีใจ ไหว้แทบเท้าของท้าวสักกะ กล่าวเป็นลำดับว่า     
          “ข้าแต่ท่านพราหมณ์ผู้เป็นเจ้า ฉันขอไหว้เท้าทั้งสองของท่านผู้มีความเอ็นดูในสามีผู้ที่ดิฉันซึ่งเป็นกำพร้า ปรารถนายิ่งนักด้วยน้ำอมฤต ดิฉันได้ชื่อว่าเป็นผู้พร้อมเพรียงด้วยสามีผู้เป็นที่รักยิ่งแล้ว”
          ท้าวสักกะได้ประทานโอวาทแก่กินนรทั้งคู่นั้นว่า “ตั้งแต่บัดนี้เธอทั้งสองอย่าลงจากจันทบรรพตไปสู่ถิ่นมนุษย์เลย จงพากันอยู่ที่นี่เท่านั้นนะ” ครั้นแล้วก็เสด็จไปสู่สถานที่ของท้าวเธอ
          ฝ่ายจันทากินรีก็กล่าวว่า “พี่เจ้าเอ๋ย เราจะต้องการอะไร ด้วยสถานที่อันมีภัยรอบด้านนี้เล่า มาเถิดค่ะ เราพากันไปสู่จันทบรรพตเลยเถิดค่ะ” แล้วกล่าวสุดท้ายว่า
          “บัดนี้ เราทั้งสองจักเที่ยวไปสู่ลำธารอันมีกระแสสินธุ์อันเกลื่อนกล่นด้วยดอกโกสุม ดารดาษไปด้วยบุบผชาติต่างๆ เราทั้งสองจะกล่าววาจาเป็นที่รักแก่กันและกัน”
   

นิทานชาดกเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
“จงอยู่ในถิ่นที่เหมาะแก่ตน”

พุทธศาสนสุภาษิตประจำเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
ปฏิรูปเทสวาโส จ เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ
อยู่ในถิ่นมีสิ่งแวดล้อมดี เป็นอุดมมงคล

ที่มา : นิทานชาดกจากพระไตรปิฎก : พระเจ้า ๕๐๐ ชาติ ฉบับสมบูรณ์ จัดพิมพ์เผยแพร่ธรรมโดยธรรมสภา สถาบันบันลือธรรม