[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => ธรรมะจากพระอาจารย์ => ข้อความที่เริ่มโดย: Maintenence ที่ 06 พฤศจิกายน 2567 16:49:55



หัวข้อ: สมบัติที่แท้จริง - พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
เริ่มหัวข้อโดย: Maintenence ที่ 06 พฤศจิกายน 2567 16:49:55
(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/45587803713149_464980556_1134228104752011_764.jpg)

สมบัติที่แท้จริง

ความสุขที่เกิดจากความสงบของจิตไม่ต้องเติม ไม่ต้องดูแลรักษา ถ้าจิตคึกคะนองขึ้นมาด้วยอำนาจของตัณหาความอยาก ก็เอาความแก่เจ็บตายเข้าไปเบรก จะอยากไปทำไม เดี๋ยวก็แก่แล้ว เดี๋ยวก็ต้องเข้าโรงพยาบาลแล้ว เดี๋ยวก็ตายแล้ว คิดอย่างนี้ก็อยู่เฉยๆอย่างมีความสุขได้ ในเมื่อมีพอมีพอกินแล้วจะไปดิ้นรนทำไม ได้มาอีก ๑๐ เท่า ๑๐๐ เท่าก็เหมือนเดิม มีสมบัติมากขึ้น แต่ใจกลับแย่ลง มีความผูกพันความยึดติดความทุกข์มากขึ้น นี่คือเรื่องของการปฏิบัติ ควรปฏิบัติให้มาก โดยเฉพาะขั้นต้น ต้องควบคุมใจไม่ให้คิดเรื่อยเปื่อย ให้อยู่กับพุทโธ ให้อยู่กับธรรมะบทใดบทหนึ่งที่ถูกกับจริต ทำให้มาก แล้วจิตจะหดตัวเข้ามา หดเข้ามามากเท่าไหร่ก็จะสงบมากขึ้นเท่านั้น ถ้าออกไปข้างนอกก็จะฟุ้งซ่าน คิดเรื่องนั้นแล้วก็มีเรื่องนี้มาต่อ มีเรื่องมาให้คิดอยู่เรื่อยๆ แล้วก็เกิดอารมณ์ต่างๆขึ้นมา ดีใจบ้างเสียใจบ้าง ถ้าไม่คิดอะไรเลย ก็จะสงบสบายใจ จึงไม่ควรคิดออกไปข้างนอก ให้คิดเข้าข้างใน เข้าหาความสงบ ด้วยการใช้พุทโธเป็นตัวดึงเข้ามา ถ้าอยู่ที่วิเวกที่สงบสงัด ตามป่าตามเขา จะไม่มีอะไรดึงจิตออกไป ไม่มีอะไรมาหลอกมาล่อ เหมือนกับเวลาอยู่ในบ้านในเมือง จะมีรูปเสียงกลิ่นรสคอยหลอกล่อให้ใจออกไปอยู่ตลอดเวลา ไปเปิดโทรทัศน์ดูเปิดอะไรฟัง อยู่ตามป่าตามเขาไม่มีอะไรดู ไม่มีอะไรฟัง มีแต่เสียงนกเสียงกามีต้นไม้ที่ไม่หลอกล่อใจ มีแต่กิเลสที่คอยหลอกให้ไปคิดเรื่องนั้นเรื่องนี้ จึงต้องมีสติดึงใจไว้อยู่เรื่อยๆ ผูกไว้กับพุทโธ ผูกไว้กับลมหายใจเข้าออก ผูกไว้กับอาการ ๓๒ ของร่างกาย ไม่ช้าก็เร็วก็จะสงบ

พอสงบแล้วก็จะรู้ว่านี่คือสมบัติที่แท้จริง ที่เราต้องรักษา ไม่ใช่สมบัติภายนอก ต้องรักษาความสงบ พอออกจากสมาธิแล้ว ถ้าจิตจะคึกคะนองก็ต้องใช้ปัญญาสกัด สกัดด้วยไตรลักษณ์ อนิจจังทุกขังอนัตตา เกิดแก่เจ็บตายก็อนิจจัง มีแต่ความทุกข์ทั้งนั้น ได้อะไรมาก็ดีเดี๋ยวเดียว แล้วก็กลายเป็นความทุกข์ ที่ต้องดูแลรักษา ต้องคอยห่วงคอยกังวล เสียอกเสียใจเมื่อต้องพลัดพรากจากกัน ถ้าเห็นทุกข์แล้วก็จะไม่กล้าไปวิ่งเข้าหา แต่เราไม่เห็นกัน เหมือนแมลงเม่า ไม่รู้ว่าแสงสว่างของกองไฟมีความร้อนอยู่ด้วย พอเห็นแสงสว่างก็ดีอกดีใจ พอบินเข้าไปใกล้ๆกองไฟ ก็จะถูกความร้อนเผาตายไป เวลาเราสัมผัสกับรูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะ เห็นสิ่งต่างๆเห็นบุคคลต่างๆ ก็คิดว่าเป็นความสุข อยู่คนเดียวมันเหงา มีเพื่อนคุยมีเพื่อนเที่ยวมีเพื่อนเล่นก็จะสนุกสนานเฮฮา พอเพื่อนต้องจากไปก็เสียใจ ทะเลาะกับเพื่อนก็ทุกข์ใจ ไม่ได้สุขอย่างที่เราคิดเสมอไป มีทุกข์ตามมาเสมอ ถ้าคิดอย่างนี้แล้วต่อไปก็จะอยู่คนเดียวได้ ไม่ต้องมีอะไรก็อยู่ได้ นอกจากสิ่งจำเป็นต่อการดำรงชีพ การทำหน้าที่ของเรา ถ้าไม่มีความจำเป็น อยู่คนเดียวก็จะดี ไม่ต้องทุกข์กับใคร

เพราะทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ ต้องเป็นไปตามเรื่องของเขา เหมือนฝนตกแดดออก ถ้าไม่ไปยุ่งกับเขาก็ไม่ทุกข์ ถ้ายุ่งก็จะต้องทุกข์ เช่นไม่อยากให้ฝนตก พอฝนตกก็วุ่นวาย หลังจากออกจากสมาธิแล้วก็ต้องใช้ปัญญาคอยตัดกิเลส ที่จะไปยุ่งกับเรื่องนั้นเรื่องนี้ จะเอาสิ่งนั้นสิ่งนี้ ไปหาคนนั้นคนนี้ ก็ตัดๆไป อยู่คนเดียวอยู่กับความสงบ นี่แหละคือสมบัติอันวิเศษ ถ้าได้แล้วจะปล่อยทุกอย่างได้ ถ้ายังไม่ได้ความสงบก็ยังต้องติดอยู่กับสิ่งต่างๆภายนอก ยังบวชไม่ได้ แต่ถ้าเจอความสงบเพียงครั้งเดียวแล้วจะตัดได้เลย สละได้บวชได้ ถ้ายังไม่ได้ความสงบในใจก็จะรักพี่เสียดายน้อง ธรรมะก็อยากจะได้ แต่ยังไม่เห็นก็เลยไม่รู้ว่าดีขนาดไหน ส่วนสิ่งที่มีอยู่นี่ถึงแม้จะทุกข์ ก็ยังมีความสุขอยู่ เหมือนกับยาเสพติด ถึงแม้รู้ว่าไม่ดี เมื่อยังเลิกไม่ได้ก็ขอเสพไปเรื่อยๆก่อน ถ้าไม่ได้เสพแล้วจะตายเอา เพราะไม่มีอะไรมาทดแทน อย่างคนจะเลิกสูบบุหรี่ก็ต้องหาอย่างอื่นมาทดแทน หายาอมมาอม หาหมากฝรั่งมาเคี้ยว มาทดแทน ทางธรรมก็เหมือนกัน ต้องมีความสงบมาทดแทน ถึงจะตัดสิ่งอื่นๆได้หมด ตัดทางโลกได้หมด .

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี
จุลธรรมนำใจ  ๙ กัณฑ์ที่ ๓๓๘   
วันที่  ๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๐