หัวข้อ: โซกุชินบุตสึ - การทำสมาธิให้ร่างกายเป็นมัมมี่ เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 24 พฤศจิกายน 2567 14:56:53 (https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/1/14/Huineng.jpg) สรีระของพระฮุ่ยเหนิง พระภิกษุชาวจีนที่มีชีวิตสมัยราชวงศ์ถัง ในเส้ากวน มณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/59530849672026_468005887_8487317421367478_538.jpg) โซกุชินบุตสึ การทำสมาธิให้ร่างกายเป็นมัมมี่ โซกุชินบุตสึ (Sokushinbutsu) เป็นรูปแบบหนึ่งของการทำสมาธิที่พระภิกษุชาวญี่ปุ่นใช้ระหว่างศตวรรษที่ ๑๑ ถึง ๑๙ เพื่อที่จะให้ร่างกายเป็นมัมมี่ พวกเขาจะค่อยๆ อดอาหารและน้ำจนตายในที่สุด สามารถพบเห็นในประเทศที่นับถือศาสนาพุทธ. เชื่อว่ามีพระหลายร้อยรูปพยายามปฏิบัติ แต่มีเพียงมัมมี่ ๒๔ ร่างที่มีการค้นพบ มีการเสนอว่าพระคูไก ผู้ก่อตั้งนิกายชิงงนที่ปฏิบัติโซกูชิมบุตสึนำวิธีมาจากราชวงศ์ถังในจีน อันเป็นส่วนหนึ่งของการฝึกตันตระ ใน ค.ศ.๑๙๗๕ มีการค้นพบมัมมี่อายุ ๕๕๐ ปีของพระสังฆะ แตนจิน ทางตอนเหนือของภูมิภาคหิมาลัยในอินเดีย เชื่อว่าพระรูปนี้เป็นผู้บำเพ็ญซกเซน และมีการค้นพบมัมมี่คล้ายกันในทิเบตและเอเชียตะวันออก การคงสภาพมานานกว่าห้าศตวรรษของมัมมี่นี้อาจมาจากพื้นที่แห้งแล้งและสภาพอากาศที่หนาวเย็น พอล วิลเลียมส์ นักวิชาการศาสนาพุทธบรรยายว่าโซกูชินบุตสึที่ปฏิบัติในศาสนาชูเง็นโดน่าจะรับมาจากพระคูไก ผู้ก่อตั้งนิกายชิงงนที่มรณภาพจากการอดอาหารขณะทำสมาธิและสวดมนต์ การทำตนเองเป็นมัมมี่นี้มีบันทึกในจีนโดยเกี่ยวข้องกับนิกายเซน การบำเพ็ญพรตอื่นรวมถึงการเผาตนเองดังที่เคยมีการปฏิบัติที่วัดฝ่าหยู่ ใน ค.ศ.๓๙๖ ในญี่ปุ่น : ศาสนาชูเง็นโดเป็นการผสานความเชื่อแบบนิกายวัชรยาน ศาสนาชินโต และลัทธิเต๋า ถือกำเนิดในคริสต์ศตวรรษที่ ๗ เน้นย้ำการบำเพ็ญพรต หนึ่งในการบำเพ็ญพรตของศาสนานี้คือโซกูชินบุตสึ ซึ่งปฏิบัติในป่าเขาเพื่อบรรลุพุทธภาวะ ศาสนาชูเง็นโดถือว่าภูเขาสามลูกแห่งเดวะเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับการบำเพ็ญนี้ ซึ่งความเชื่อนี้ยังตกทอดมาถึงปัจจุบัน ในญี่ปุ่นสมัยกลาง การปฏิบัตินี้พัฒนาเป็นกระบวนการที่พระจะใช้เวลาสำเร็จใน ๓,๐๐๐ วัน พระจะฉันโมกูจิกิ (แปลตรงตัวว่า "กินต้นไม้") ละเว้นจากการฉันธัญพืช ดำรงชีพด้วยใบสน ยางสน และเมล็ดสนในป่าเพื่อกำจัดไขมันทั้งหมดในร่างกายก่อนจะลดปริมาณอาหารและน้ำจนอวัยวะหดลง ท้ายที่สุดพระจะมรณภาพในขณะทำสมาธิและสวดมนต์ โดยร่างกลายสภาพเป็นมัมมี่ที่ไม่เสื่อมสลาย มัมมี่เหล่านี้ได้รับการเคารพบูชาโดยพุทธศาสนิกชน การทำตนเองเป็นมัมมี่ปฏิบัติส่วนใหญ่ในแถบยามางาตะ ตอนเหนือของญี่ปุ่นช่วงคริสต์ศตวรรษที่ ๑๑-๑๙ โดยพระนิกายชิงงน อันเป็นวัชรยานสายหนึ่ง ผู้ปฏิบัติไม่ได้มองว่าโซกูชินบุตสึเป็นการฆ่าตัวตาย แต่มองเป็นการบรรลุธรรมรูปแบบหนึ่ง ใน ค.ศ.๑๘๗๙ จักรพรรดิเมจิสั่งห้ามโซกูชิมบุตสึและการช่วยฆ่าตัวตาย รวมถึงการฆ่าตัวตายในศาสนาถือเป็นสิ่งผิดกฎหมายในปัจจุบัน |