[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

นั่งเล่นหลังสวน => สุขใจ จิบกาแฟ => ข้อความที่เริ่มโดย: ▄︻┻┳═一 ที่ 17 มกราคม 2555 12:41:13



หัวข้อ: กาลครั้งหนึ่ง หัวเกรียน เขียนถึงครู
เริ่มหัวข้อโดย: ▄︻┻┳═一 ที่ 17 มกราคม 2555 12:41:13
กาลครั้งหนึ่ง หัวเกรียน เขียนถึงครู

“คุณครู” นานแล้วนะครับที่ชื่อนี้ถูกลักพาตัวไปจากสารบบของชีวิต ตั้งแต่จบมัธยมก็ไม่ค่อยได้หล่นคำนี้ออกจากปากสักเท่าไหร่ แม้กระทั่งตอนนี้ที่อยู่ในช่วงวัยทำงานตอนต้น (ตอกย้ำว่ายังหนุ่มฟ้อ) ก็ยิ่งห่างไกลจากคำนี้ไปทุกขณะ และในห้วงเวลาเขยิบใกล้วันครูเข้ามาก็พลอยจะทำให้อดนึกถึงเรื่องราวในอดีตสมัยยังหัวเกรียนเขียว หุ้มกางเกงสีกากีฉบับขาสั้นปุเลงชีวิตอยู่ในรั้วโรงเรียนเสียมิได้

(http://img.painaidii.com/images/20120113_3_1326440054_283024.jpg)

สิ่งที่ผมกำลังจะสื่อสารผ่านตัวหนังสือ อาจจะไม่ใช่ประสบการณ์ที่สวยหรูดุจผ้าขาว หากเป็นผ้าที่แต่งแต้มด้วยสีสัน อันมาจากการถ่ายทอดมุมมองของอดีตนักเรียนซนๆ คนหนึ่ง
** ดังนั้นหากคุณเป็นบุคคลประเภท “โลกสวย” อ่อนไหวต่อสิ่งรอบข้างอย่างง่ายดาย บทความนี้อาจไม่เหมาะกับคุณ **
แต่หากไม่ใช่..งั้นคุณพร้อมที่แอ๊บอายุ-ลดวัยไปกับผมหรือยัง    ถ้าหาได้ขัดข้องลองส่องดูบรรทัดต่อไปได้เลย...

** กรุณาเปิดใจกว้างๆ และอย่าพกความซีเรียสมาทัศนา **

 (:BR:)


หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง หัวเกรียน เขียนถึงครู
เริ่มหัวข้อโดย: ▄︻┻┳═一 ที่ 17 มกราคม 2555 12:42:48
รู้สึกอย่างไรกับครู เมื่อหนูยังเป็นนักเรียน?

(http://img.painaidii.com/images/20120113_3_1326440207_294787.jpg)

สมการชีวิตในช่วงนั้นยังไม่มีอะไรซับซ้อน เด็ก = เล่น, หัวเราะ, เริงร่า, สบาย
แต่ทุกสิ่งที่เอ่ยมากลับถูกจำกัดให้อยู่ในการควบคุมภายใต้อำนาจของคุณครูโดย สิ้นเชิง ดังนั้นเมื่อมาโรงเรียนเด็กๆ อาจจะรู้สึกสนุกสนานเมื่อได้วิ่งเล่นกับเพื่อน แต่เมื่อเจอกับคุณครูเด็กจะเกิดการ “แอนตี้” อยู่ในใจ รู้สึกเบื่อหน่าย ขี้เกียจเรียน รวมถึงความรู้สึกอีกมากมายในตอนนั้นที่แล่นเข้ามาในสมอง เช่น

1. กิจกรรม ทำเพื่ออะไร? เย็นวันศุกร์เอาแล้ว จับนักเรียนมานั่งพับเพียบสวดมนต์เข้าไปดิ ท่องกันยืดยาวจนตะคริวกินก้นไปหลายราย ไม่รู้จะให้ท่องอะไรขนาดนั้น กะให้ท่องเสร็จแล้วบวชเณรได้เลยไหม?, แต่ละวันก็ไม่เคยได้กลับบ้านแบบสบายตัวอ่ะ ต้องมายืนท่องสูตรคูณกันเป็นนกแก้วนกขุนทอง ใครแจ็คพ็อตแตกท่องผิดก็ต้องอยู่จนกว่าจะพูดถูก

          ไหนจะวิชาประดิษฐ์ประดอย รวดร้าวใจชายชาตรีอย่างเราสุดๆ ที่จำได้แม่นเลยคือ “สอนถักเปีย”  เด็กผู้หญิงยังพอเข้าใจได้ แต่กับเพศหน้าแข้งบานอย่างผมจะสอนทำไมครับ? หนำซ้ำยังมีเก็บคะแนนอีก เดือดร้อนถึงแม่ต้องมานั่งติวเข้มกันน่าดู บอกตรงๆ ว่าช่วงนั้นกลายเป็นเด็กมีปัญหา ต้องแอบเด็กแถวบ้านสุดฤทธิ์  กลัวมันเห็นจะนึกว่าเราเป็นตุ๊ด

2. แอบซาดิสม์รึเปล่า? บางวูบในความรู้สึกที่ลอยผ่านมายามโดนทำโทษสารพัดวิธี แอบคิดว่าคุณครูทำไปด้วยความสะใจ หรือชื่นชอบให้เด็กทรมานหรือเปล่า ฟาดเราด้วยไม้เรียวพลางกัดปากเหมือนจะมันส์เขี้ยว ในอัตราความหนักหน่วงที่คิดว่าไม่มีทางตีลูกตัวเองด้วยดีกรีนี้แน่ๆ จากนั้นก็ได้แต่พกแนวแดงๆ กลับไปบ้านให้พ่อแม่ได้อุ๊ยอ๊ายกันไป ไหนจะให้เราวิ่งรอบสนาม นั่งกลางแดดตัวดำเกรียมจนจวนเจียนจะเป็นเด็กย่างสด และอีกมากมายที่สรรหามาจัดหนักให้เยาวชนกระโปรงบาน-ขาสั้น



หัวข้อ: Re: กาลครั้งหนึ่ง หัวเกรียน เขียนถึงครู
เริ่มหัวข้อโดย: ▄︻┻┳═一 ที่ 17 มกราคม 2555 12:45:25
โหมดของคุณครู

เมื่อพูดถึงคุณครูแล้ว แต่ละคนก็จะมีอุปนิสัยและบุคลิกที่แตกต่างกันออกไป บ้างก็ใจดีดุจนางฟ้า บ้างก็ดุดันราวกับเจ้ากรรมนายเวร บ้างก็ดูงงๆ กับชีวิต ซึ่งผมก็เลยลองแบ่งออกมาคร่าวๆ ให้ดูกันดังนี้

(http://img.painaidii.com/images/20120113_3_1326440234_2304.jpg)

ครูโหมดไหน เป็นไงกันบ้าง?

โหมดโหดสุด

          ผลการสำรวจล่าสุดจากสถาบันวิจัย “รองทรงสูงโพล” และ “ติ่งหูโพล” ปรากฏว่าคุณครูที่ได้รับการยกย่องว่ามีความเหี้ยมเกรียมเหนือผู้ใด เห็นจะไม่มีใครเกิน “คุณครูฝ่ายปกครอง” ซึ่งภาพจำของใครหลายคนน่าจะเป็นคุณครูผู้ชายร่างท้วมๆ (จนถึงอ้วน) เก็กลุคโหดทำหน้าเหมือนท้องผูกตลอดเวลา อาวุธประจำกายคือไม้เรียว ถ้าเป็นโรงเรียนเก่าผมแกจะคาบนกหวีดด้วย ไว้คอยเป่าเรียกนักเรียนที่แหกกฏสารพัด

          และหากจังหวะที่เป่าเตือนแล้วนักเรียนคนนั้นเกิดฮึดสู้วิ่งหนีขึ้นมา ก็ได้ครื้นเครงกันล่ะครับงานนี้! เพราะสองขาของคุณครูก็พร้อมจะวิ่งซอยยิกๆๆๆ ด้านมือก็จะตวัดไม้เรียวไล่กวดราวกับกำลังแข่งประเพณีวิ่งควาย บอกได้คำเดียวว่าไม่รอด ตามติดยิ่งกว่าผีมะขิ่นในเรื่องลัดดาแลนด์เสียอีก



โหมดแฮปปี้ ใจดียกกำลังสอง

          หนีไม่พ้นคุณครูประจำวิชาที่มีอัตราความเครียดน้อย อย่าง “ครูวิชาสุขศึกษา” ที่มักจะคัดเอาครูพละหรือครูผู้หญิงอารมณ์เหมือนพยาบาลฝึกหัดมาสอน ซึ่งด้วยเนื้อหาของวิชาที่เน้นเอาเรื่องง่ายๆ ใกล้ตัวมาถ่ายทอด บวกกับความสบาย (หรือแอบขี้เกียจ? อิอิ) ของผู้สอนจึงทำให้ช่วงเป็นเด็กโปรดปรานครูสอนวิชานี้มาก และที่ลืมไม่ได้อีกอย่างคือ “ครูสอนพระพุทธศาสนา” โดยเฉพาะหากวันนั้นนมัสการ “พระอาจารย์” มาสอน โอ้โหยย! ของโปรดนักเรียน คุยเล่นกันมันส์ปาก หรือใครแอบงีบก็ยังพอจะทำได้ เพราะพระท่านใจดีแถมมีมุขตลกมากำนัลเด็กๆ อีกต่างหาก



โหมดข้องหทัย ขัดใจวัยรุ่น

          กราบเรียนด้วยความเคารพ  คุณครูบางคนมีลักษณะบางประการที่ขัดแย้งกับวิชาที่สอนมาก ที่มักจะเจอประจำเลยก็ “ครูสอนพละ” วิชาที่สอนดูต้องแข็งแรงสุขภาพดี แต่เคยใช่ไหมที่ครูผู้สอนมาอย่างอ้วนเลย อย่างอาจารย์ของผมคนหนึ่งสมัยเรียน แกสอนโดดข้ามรั้วครับ แต่..เอ่อ..ขอโทษที น้ำหนักเกือบร้อยโล ลำพังทรงตัวให้เดินตรงยังกระท่อนกระแท่น แล้วนี่มาสอนโดดข้ามรั้วเลย แล้วผมจะมั่นใจดีไหมอ่ะ? เท่านั้นไม่พอแกยังได้รับความไว้วางใจจากทางโรงเรียนให้สอนลีลาศด้วย หืมมม! (เอากะเค้าสิ)

          เมื่อพูดถึงคุณครูย่อมมาคู่กับการทำโทษ ซึ่งนับเป็นบุญอย่างล้นเหลือที่เด็กรุ่นใหม่ในปัจจุบัน เค้ามีกฏหมายห้ามการตีหรือทำโทษแบบรุนแรง เพราะหากยังเป็นรุ่นกระผมรวมถึงรุ่นก่อนหน้าโน้น  คงได้ลิ้มรสไม้เรียวและอีกสารพัดวิธีที่คุณครูนำมอบให้เด็กนักเรียนได้แสบ สันต์ และหลาบจำกันเป็นทิวแถว ยังจำได้ไหมว่ามีอะไรกันบ้าง... ลองนึกถึงวันเก่า ๆ แล้วคุณจะอดอมยิ้มกันไม่ได้


ที่มา สนุก + แต่งเติมเอง