หัวข้อ: พระธรรมปาโมกข์ รูปที่ ๒ : พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 11 เมษายน 2555 13:33:52 พระธรรมปาโมกข์ยุคกรุงรัตนโกสินทร์ (http://www.dhammajak.net/board/files/paragraph__588.jpg) พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า วัดราชบพิธ กรุงเทพมหานคร พระธรรมปาโมกข์ รูปที่ ๒ พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า วัดราชบพิธ เป็นพระราชวงศ์ในราชสกุลชมพูนุท พระนามเดิมว่าหม่อมเจ้าภุชงค์ พระนามฉายาว่า สิริวฑฺฒโน พระองค์มีพระนามเดิมว่า หม่อมเจ้าภุชงค์ เป็นพระโอรสพระองค์ใหญ่ในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมขุนเจริญผลพูลสวัสดิ์ กับหม่อมปุ่น ประสูติเมื่อ ณ วันศุกร์ แรม ๗ ค่ำ เดือนอ้าย ปีมะแม จุลศักราช ๑๒๒๑ หรือตรงกับวันที่ ๑๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๐๒ ที่วังหน้าวัดราชบพิธฯ มุมถนนราชบพิธกับถนนเฟื่องนคร ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๔) เป็นหม่อมเจ้าชายใหญ่ ในพระเจ้าบรมวงศ์เธอชั้น ๓ กรมขุนเจริญผลภูลสวัสดิ์ เมื่อยังทรงพระเยาว์ได้เล่าเรียนอักขรสมัยในสำนักเจ้าจอมมารดาสัมฤทธ ซึ่งเป็นย่า ถึงรัชกาลที่ ๕ เมื่อปีมะแม พ.ศ. ๒๔๑๔ พอเกสากันต์แล้วพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้โปรดเกล้า ฯ ให้ตามเสด็จไปในเรือที่นั่งบางกอกคราวเสด็จประพาสอินเดีย จนถึงเมืองสิงคโปร์ แล้วให้ทรงอยู่ศึกษาเล่าเรียนที่โรงเรียน Raffles เมืองสิงคโปร์ กับหม่อมเจ้าองค์อื่น ๆ ที่ไปในคราวเดียวกัน หลังจากนั้น ๙ เดือน เสด็จกลับพระนคร พอดีกับพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้ตั้งโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษสำหรับเจ้านายขึ้น จึงมีรับสั่งให้ทรงเข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนสอนภาษาที่นี่โดยไม่ได้เสด็จกลับไปสิงคโปร์อีก นอกจากนี้ยังทรงศึกษาอักษรขอมจากพระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) จนทรงผนวชในปี พ.ศ. ๒๔๑๖ ครั้นพระชนมายุได้ 14 พรรษา เมื่อปีระกา พ.ศ. ๒๔๑๖ ทรงผนวชเป็นสามเณร ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม มีสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ขณะดำรงพระยศเปนกรมหมื่นบวรรังษีสุริยพันธุ์เปนพระอุปัชฌาย์ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพระอรุณนิภาคุณากรขณะดำรงพระยศเปนหม่อมเจ้าพระราชาคณะเป็นพระอาจารย์ ทรงผนวชแล้วประทับ ณ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ในปีนั้นพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จออกทรงผนวชประทับอยู่ที่วัดพระพุทธรัตนสถาน ๑๕ วัน เวลาเสด็จบิณฑบาตก็โปรดให้ตามเสด็จด้วยทุกคราว จนเสด็จลาผนวช ครั้นออกพรรษาแล้ว ทรงศรัทธาในสมณเพศจึงไม่ลาผนวช จับเล่าเรียนภาษาบาลีต่อพระครูบัณฑรธรรมสโมธาน (สด) แต่ยังเป็นอาจารย์ให้นิสสัยพระและให้ศีลสามเณรอยู่วัดราชบพิธ และเรียนหนังสือไทยต่อพระยาโอวาทวรกิจ (แก่น) ต่อมาอีก ครั้นพระครูบัณฑรธรรมสโมธานไปครองวัดนรนารถ จึงเรียนพระปริยัติธรรมต่อมากับหลวงญาณภิรมย์ (โพ) บ้าง และอาจารย์รอดบ้าง และได้เรียนภาษาสังสกฤตต่อพราหมณ์ซึ่งโปรดให้มาสอนอยู่คราว ๑ ครั้นพระชัณษาใกล้จะครบอุปสมบท จึงทรงศึกษาพระวินัยแลเล่าสวดมนต์และปาฏิโมกข์จนจบ เมื่ออายุครบอุปสมบท ได้โปรดให้อุปสมบทที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม มีสมเด็จพระวันรัตน์ (ทับ พุทฺธสิริ)เป็นพระอุปัชฌาย์ สมเด็จพระสังฆราช (สา ปุสฺสเทโว) วัดราชประดิษฐ์ ขณะดำรงสมณศักดิ์ที่พระสาสนโสภณที่พระธรรมวโรดมเป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพระอรุณนิภาคุณกร ขณะดำรงสมณศักดิ์ที่หม่อมเจ้าพระราชาคณะเป็นพระบรรพชาจารย์ ได้รับพระนามฉายาว่า "สิริวฑฺฒโน" ผนวชแล้วกลับมาประทับที่วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามตามเดิม ถึงปีเถาะ พ.ศ. ๒๔๒๒ โปรดให้ทรงอุปสมบทที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม สมเด็จพระวันรัตน์ (ทับ) เป็นพระอุปัชฌาย์ ทรงผนวชแล้วกลับมาอยู่วัดราชบพิธตามเดิม เล่าเรียนพระปริยัติธรรมต่อขุนปรีชานุสาสน์ (โต) และอาจารย์รอดต่อมา แล้วไปเรียนต่อสมเด็จพระสังฆราช (สา) แต่เมื่อยังเป็นที่พระธรรมวโรดม ที่วัดราชประดิษฐ์บ้าง ถึงปีมะเมีย พ.ศ. ๒๔๒๕ โปรดให้เข้าแปลพระปริยัติธรรมที่พระที่นั่งสุทไธสวรรย์ ได้แปลถวายหน้าพระที่นั่งวัน ๑ ได้เป็นเปรียญ ๔ ประโยค ได้พระราชทานตาลิปัตรเปรียญพื้นตาดปักดิ้นเป็นเกรียติยศ ต่อมาถึงปีจอ พ.ศ. ๒๔๒๙ ได้เข้าแปลพระปริยัติธรรมที่วัดพระศรีรัตนศาสดารามอีกครั้ง ๑ ได้อีกประโยค ๑ รวมเป็น ๕ ประโยค ถึงปีกุน พ.ศ. ๒๔๓๐ ทรงตั้งเป็นหม่อมเจ้าพระราชาคณะ มีราชทินนามว่า หม่อมเจ้าพระสถาพรพิริยพรต คราวเดียวกับทรงตั้งพระองค์เจ้าพระอรุณนิภาคุณากรที่วัดราชบพิธ เมื่อวันพฤหัสบดีเดือน ๑๒ แรม ๑๐ ค่ำ ตรงกับวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ถึงปีกุน พ.ศ. ๒๔๔๒ ทรงเลื่อนสมณศักดิเป็นชั้นธรรม ตำแหน่งพระธรรมปาโมกข์ เมื่อวันศุกร์ ที่ ๑๐ พฤศจิกายน รัตนโกสินทรศก ๑๑๘ ถึงปีมะเมีย พ.ศ. ๒๔๔๙ ทรงสถาปนาเป็นพระองค์เจ้า และมีสมณศักดิเสมอพระพรหมมุนี เจ้าคณะรองในคณะกลาง เมื่อวันที่ ๑ พฤษภาคม รัตนโกสินทรศก ๑๒๕ มีสำเนาประกาศดังนี้ คำประกาศ ศุภมัสดุ พระพุทธสาสนกาล เปนอดีตภาคล่วงแล้ว ๒๔๔๘ พรรณนา ปัตยุบันกาล จันทรคตินิยม ตุรังคสังวัจฉระ ไพศาขมาศสุกรปักษ์ นวมีดิถีภุมวาร สุริยคติกาล รัตนโกสินทรศก ๑๒๕ พฤษภาคมมาศ ปฐมมาสาหคุณพิเศษปริเฉทกาลกำหนดพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ ฯลฯ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชดำริห์ว่า หม่อมเจ้าพระสถาพรพิริยพรตเปนพระโอรสองค์ใหญ่ของพระเจ้าราชวรวงศ์เธอ กรมขุนเจริญผลภูลสวัสดิ์ ถ้า ดำรงอยู่ในฆราวาสได้รับราชการดี ก็จะได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เลื่อนขึ้นเปนพระองค์เจ้าให้เปนพระเกียรติยศตามราชประเพณีมีมา หม่อมเจ้าพระสถาพรพิริยพรตนี้ โดยว่าทรงผนวชมิได้รับราชการแผ่นดินก็บริบูรณ์ด้วยวิจารณญาณ ชำนาญในพระปริยัติธรรม เปนเปรียญ ๕ ประโยค ทรงคุณวุฒิวิริยภาพ ขวนขวายในธุระพระพุทธสาสนา ได้เคยเปนผู้ตรวจชำระพระไตรปิฎกที่ตีพิมพ์แลเปนสภานายกแห่งมหามกุฎราชวิทยาลัย ได้สั่งสอนพุทธมามกชนทั้งคฤหัสถ์แลบรรพชิต ให้เข้าใจในกิจที่ควรปฏิบัติตามพุทธโอวาท ประกอบด้วยมารยาตรควรแก่สมณวัตร ปกครองสมณบริษัทโดยเรียบร้อย มีอัธยาไศรยเมตตาต่อสหธรรมมิกพรหมจารรย์มั่นคงในพุทธสาสนา เปนอจลพรหมจริยาภิรัต ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาเปนหม่อมเจ้าพระราชาคณะ แลต่อมาก็ได้ทรงรับอิศริยศักดิเพิ่มตำแหน่งเปนหม่อมเจ้าพระราชาคณะผู้ใหญ่เทียบยศเสมอเทพ ภายหลังได้ทรงรับอิศริยยศตำแหน่งพระธรรมปาโมกข์ ได้รักษาสมณศักดิทั้งประเพณีราชการเรียบร้อยตลอดมา ควรเปนสมณทายาทในสมณวงศ์ดำรงคุณธรรมสัมมาปฏิบัติ ย่อมเปนที่เคารพนับถือแห่งพุทธสาสนิกบริสัช แลได้เปนพระกรรมวาจาจารย์ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชเมื่อทรงผนวชเปนภิกษุ แลเปนผู้ถวายสรณแลศีลสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเมื่อทรงผนวชเปนสมเณรหลายพระองค์ แลเปนพระอุปัธยาจารย์แห่งกุลบุตรเปนอันมาก อนึ่งพระบรมวงศานุวงศ์ที่ได้ทรงผนวชในพระพุทธสาสนา และดำรงคุณธรรมดังกล่าวมาแล้ว ในเวลานี้ก็มีน้อยพระองค์ สมควรเพิ่มพระอิศริยยศในราชตระกูลแลสมณศักดิให้ยิ่งขึ้น จึงมีพระบรมราชโองการดำรัสสั่งให้สถาปนาเลื่อนอิศริยยศหม่อมเจ้าพระสถาพรพิริยพรตเป็นพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า มีราชทินนามตามจารึกในพระสุพรรณบัตรว่า พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าพระสถาพรพิริยพรต อังคีรสสาสนธำรง ราชวรพงศ์ศักดิพิบุลย์ สุนทรอรรถปริยัติโกศล โสภณศีลสมาจารวัตร มัชฌิมคณานุนายก สาสนดิลกบพิตร อัชนาม สถิต ณ วัดราชบพิธสถิตย์มหาสิมารามราชวรวิหาร พระอารามหลวง ทรงศักดินา ๓๐๐๐ มีตำแหน่งสมณศักดิที่พระพรหมมุนี เจ้าคณะรองในคณะกลาง มีนิตยภัตรราคาเดือนละ ๘ ตำลึง มีถานานุศักดิควรตั้งถานานุกรมได้ ๘ รูป คือ พระครูปลัดพิพัฒน์พรหมจริยคุณ สมบุรณคณาธิปัติ มัชฌิมสังฆานุนายก ปิฎกธรรมรักขิต มีนิตยภัตรราคาเดือนละ ๒ ตำลึง ๑ พระครูวินัยธร ๑ พระครูวินัยธรรม ๑ พระครูพุทธพากย์ประกาศ ๑ พระครูธรรมสาสน์อุโฆษ ๑ พระครูสังฆบริหาร ๑ พระครูสมุห์ ๑ พระครูใบฎีกา ๑ รวม ๘ รูป ขออาราธนาให้ทรงรับธุระพระพุทธสาสนา เปนภาระสั่งสอนช่วยระงับอธิกรณ์พระภิกษุสงฆ์สามเณรในคณะตามสมควรแก่พระกำลังแลอิศริยยศซึ่งพระราชทานนี้ จงเจริญพระชนมายุพรรณ ศุข พละ ปฏิภาณ คุณสารสมบัติ สรรพศิริสวัสดิ์พิพัฒน์สถาพร จิรฐิติกาลในพระพุทธสาสนาเทอญฯ ถึงรัชกาลที่ ๖ เมื่อปีจอ พ.ศ. ๒๔๕๓ โปรดให้ตั้งการพิธีตั้งกรมที่วัดราชบพิธ ทรงสถาปนาเปนพระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นชินวรสิริวัฒน์ สมณศักดิเสมอสมเด็จพระพุฒาจารย์เมื่อ ณ วันที่ ๒๒ มกราคม เพราะเหตุสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิญาณวโรรส สิ้นพระชนม์ เมื่อวันที่ ๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๖๔ ครั้นถึงวันที่ ๒๐ สิงหาคม จึงทรงสถาปนา พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นชินวรศิริวัฒน์ เป็นพระเจ้าวรวงศเธอและทรงเลื่อนสมณศักดิขึ้นเป็น สมเด็จพระสังฆราชเจ้าตำแหน่งสกลสังฆปรินายก มีประกาศพระบรมราชโองการดังนี้ ประกาศ สถาปนาสมเด็จพระสังฆราชเจ้า มีพระบรมราชโองการ ในพระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทร มหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้ประกาศทราบทั่วกันด้วยสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ซึ่งทรงดำรงตำแหน่งสกลสังฆปรินายกปธานาธิบดีสงฆ์สิ้นพระชนม์ล่วงลับไปเสียแล้ว ทรงพระราชดำริห์ว่า พระวรวงศเธอ กรมหมื่นชินวรศิริวัฒน์ สมเด็จเจ้าคณะใหญ่หนกลาง ทรงมีคุณูปการในทางพุทธสาสนกิจ สมควรจะดำรงตำแหน่งสนองพระองค์สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรสสืบไปได้ จึงทรงพระกรุณาโปรดให้ สถาปนาคำนำพระนามและฐานันดรศักดิขึ้น เปนพระเจ้าวรวงศเธอ กรมหมื่นชินวรศิริวัฒน์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า ดำรงตำแหน่งสกลสังฆปรินายกปธานาธิบดีแห่งสงฆมณฑลทั่วพระราชอาณาจักรสืบไป พระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศไว้ ณ วันที่ ๒๐ สิงหาคม พระพุทธศักราช ๒๔๖๔ เปนปีที่ ๑๒ ในรัชกาลปัจจุบัน ถึง พ.ศ. ๒๔๖๙ ในรัชกาลที่ ๗ ทรงพระกรุณาโปรดให้เลื่อนพระอิสริยยศขึ้นเป็นพระเจ้าวรวงศเธอ กรมหลวง พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ ๒๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๐ สิริพระชนมายุได้ ๗๗ พรรษา ๕ เดือน ๙ วัน ทรงดำรงตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราช เป็นเวลา ๑๕ ปี ๘ เดือน ๕ วัน กิมเล้ง : http://www.sookjai.com (http://www.sookjai.com) . หัวข้อ: Re: พระธรรมปาโมกข์ รูปที่ 2 : พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 11 เมษายน 2555 13:37:14 ยังมีต่ออีกนะ รูปที่ ๓......ถึง ๑๔ (:SL:) (:SL:) (:SL:) โปรดติดตาม . |