[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => พุทธประวัติ - ประวัติพระสาวก => ข้อความที่เริ่มโดย: Kimleng ที่ 25 เมษายน 2555 20:22:12



หัวข้อ: พระธรรมปาโมกข์รูปที่ ๙ : พระพรหมมุนี (ผิน สุวโจ)
เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 25 เมษายน 2555 20:22:12

พระธรรมปาโมกข์ยุคกรุงรัตนโกสินทร์


(http://www.watbowon.com/Monk/ja/05/prommunee2.jpg)

พระพรหมมุนี (ผิน  สุวโจ)  วัดบวรนิเวศวิหาร  กรุงเทพมหานคร



พระธรรมปาโมกข์
รูปที่ ๙
(ผิน  สุวโจ)

พระพรหมมุนี (ผิน  สุวโจ)   เกิดในสกุล ธรรมประทีป เป็นบุตรคนที่ ๔ ในจำนวนบุตรหญิงชาย ๗ คน ของโยมบิดามารดร  โยมบิดาชื่อ นายห้อย โยมมารดาชื่อ นางฮวด   เกิดเมื่อวันที่ ๒๑ กันยายน ๒๔๓๗ ตรงกับวันศุกร์แรม ๗ ค่ำ เดือน ๑๐ ปีมะเมีย เวลา ๑๕.๓๐ น. ณ  ตำบลบ้านแหลมใหญ่  อำเภอบ้านปรก (ปัจจุบันเป็นอำเภอเมือง)  จังหวัดสมุทรสงคราม  ตระกูลเดิมนับถือศาสนาคริสต์   และมีอาชีพทำการประมง  
 
ญาติทางฝ่ายบิดาและมารดาของท่านเป็นคริสต์ศาสนิกชนที่เคร่งครัด   และมีญาติบางคนได้บวชเป็นบาทหลวงและนางชีในศาสนาคริสต์ด้วย   สมัยเมื่อยังเยาว์วัยท่านเคยไปสวดมนต์ไหว้พระในโบสถ์คริสต์กับญาติบ้างกับผู้ปกครองบ้าง และได้เคยรับศีลล้างบาปตามประเพณีของศาสนาคริสต์    แต่ด้วยเหตุที่ศาสนาคริสต์ไม่ต้องด้วยอัธยาศัยของท่าน   เพราะเคยได้รับความสลดใจหลายอย่างเกี่ยวกับการกระทำของพวกเด็กชาวคริสต์ที่กระทำต่อพระภิกษุสามเณรในพระพุทธศาสนา  เป็นต้นว่า เมื่อเห็นพระภิกษุสามเณรเดินบิณฑบาต ก็มักจะพากันกล่าววาจาหยาบคายต่าง ๆ ซึ่งท่านเองก็พลอยไปกับเขาด้วยในบางครั้ง ท่านเล่าว่า เคยฝันเห็นโบสถ์ในพระพุทธศาสนาลอยมาในอากาศบ้าง  ฝันเห็นอุบาสกอุบาสิกานุ่งขาวห่มขาวนั่งสวดมนต์กันบ้าง   ฝันเห็นตนเองปีนกำแพงเข้าไปในโบสถ์บ้าง  ปกติเป็นคนมีนิสัยกลัวบาปตกนรก   ไม่เชื่อในคำสอนของศาสนาคริสต์ในข้อที่ว่าฆ่าสัตว์ไม่บาปเพราะพระเจ้าสร้างมาให้เป็นอาหารของมนุษย์  ท่านมีความเห็นว่าคำสอนเช่นนี้ ไม่ยุติธรรม


เมื่ออุปนิสัยน้อมมาในทางพระพุทธศาสนาเช่นนี้    ในที่สุดท่านจึงได้เข้ารับการบรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดพวงมาลัย  อำเภอเมือง  จังหวัดสมุทรสงคราม  ขณะมีอายุได้ ๑๖ ปี  เมื่อปี พ.ศ.๒๔๕๓    โดยท่านพระครูธรรมธร (แก้ว พฺรหฺมสาโร)  เป็นผู้บวชให้  ท่านจึงเป็นคนเดียวในตระกูลที่หันมานับถือพระพุทธศาสนา   แล้วเล่าเรียนอยู่ในวัดนั้นเป็นเวลาปีเศษ  ก็ลาสิกขาออกไปเรียนภาษาไทยที่วัดเกตุการาม   ตำบลโรงหีบ  อำเภอบางคณฑี  จังหวัดสมุทรสงคราม

ครั้นอายุได้ ๑๙ ปี  เมื่อปี พ.ศ.๒๔๕๖  ได้กลับเข้ามาบรรพชาเป็นสามเณรเป็นครั้งที่ ๒   ณ วัดเกตุการามโดยมี พระมหาสมณวงศ์ (แท่น โสมทตฺโต)  เป็นพระอุปัชฌาย์  บวชเป็นสามเณรอยู่ ๑ พรรษา  อายุครบ ๒๐ ปีบริบูรณ์  เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๗  จึงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ  ณ วัดเกตุการามนั้น โดยมีพระพุทธวิริยากร (จิตต์ ฉนฺโน) วัดสัตตนารถปริวัตร เจ้าคณะจังหวัดราชบุรี เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูอุดมธีรคุณ (เพิ่ม อุชุโก) พระครูธรรมธร อินทร  ภาสกโร  วัดเกตุการาม เป็นพระกรรมวาจาจารย์   เมื่ออุปสมบทแล้วก็อยู่ศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติที่วัดเกตุการามนั้น ๔ พรรษา ในพรรษาที่ ๓ สอบได้นักธรรมชั้นตรี


พ.ศ. ๒๔๖๑ ได้ย้ายเข้ามาศึกษาพระปริยัติธรรม ณ  วัดบวรนิเวศวิหาร  กรุงเทพฯ   ในสมัยสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส  ทรงครองวัด โดยอยู่ในความปกครองของพระเทพกวี (มณี ลิมกุล) แต่เมื่อยังเป็นที่พระมหานายก    ซึ่งเป็นชาวจังหวัดสมุทรสงครามด้วยกัน  การขบฉันในสมัยนั้นนับว่าอัตคัด สมเด็จพระมหาสมณเจ้าฯ จึงต้องทรงแบ่งเครื่องเสวยประทานเป็นครั้งคราวเสมอ การศึกษาเล่าเรียนของท่านก็เจริญก้าวหน้าไปเป็นลำดับ สอบได้นักธรรมและเปรียญชั้นต่าง ๆ  ในสำนักวัดบวรนิเวศวิหาร ตามลำดับดังนี้
-พ.ศ. ๒๔๖๔ สอบได้นักธรรมชั้นโท และเปรียญธรรม ๓ ประโยค  
- พ.ศ. ๒๔๖๕  สอบได้เปรียญธรรม ๔ ประโยค  
- พ.ศ. ๒๔๖๖ สอบได้เปรียญธรรม ๕ ประโยค  
- พ.ศ. ๒๔๖๗  สอบได้เปรียญธรรม ๖ ประโยค  
- พ.ศ. ๒๔๖๙  สอบได้นักธรรมชั้นเอก

ในสมัยที่สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรสทรงครองวัด ได้โปรดตั้งเป็นพระครูสังฆบริบาล  ฐานานุกรมในพระองค์ แล้วเลื่อนขึ้นเป็นพระครูวินัยธรรม

ในสมัยสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชริญาณวงศ์ทรงครองวัด โปรดให้เลื่อนเป็นพระครูธรรมธร ฐานานุกรมในพระองค์

ถึง พ.ศ. ๒๔๗๗ ในรัชกาลที่ ๘  ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่พระสุพจนมุนี เมื่อวันที่ ๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๗ แล้วเลื่อนขึ้นเป็นพระราชาคณะชั้นเทพที่พระเทพมุนี  เมื่อวันที่ ๑ มีนาคม ๒๔๘๙

ถึงพ.ศ. ๒๔๙๐  ในรัชกาลปัจจุบัน  เลื่อนขึ้นเป็นพระราชาคณะชั้นธรรมที่พระธรรมปาโมกข์ เมื่อวันที่ ๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๙๐  และทรงพระกรุณาโปรดสถาปนาเป็นพระราชาคณะชั้นเจ้าคณะรองที่พรหมมุนี เมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๙๒ มีสำเนาพระบรมราชโองการสถาปนา ดังนี้



ประกาศสถาปนาสมณศักดิ์
ในพระปรมาภิไธยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
รังสิต  กรมขุนชัยนาทนเรนทร
ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์

โดยที่ทรงพระดำริเห็นว่า (คราวเดียวกับสถาปนาพระธรรมไตรโลกาจารย์ (อาจ) วัดมหาธาตุ เป็นพระพิมลธรรม)

อนึ่ง พระธรรมปาโมกข์ เป็นพระเถระสมบูรณ์ด้วยคุณธรรม มีปรีชาญาณ ได้ศึกษาแตกฉานในมคธปริวรรตน์และอรรถธรรมวินัย สอบไล่ได้สำเร็จภูมิเปรียญธรรม ๖ ประโยค  ได้เป็นฐานานุกรมผู้ใกล้ชิดในสมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรส  ตำแหน่งพระครูสังฆบริบาล และพระครูธรรมธร  ต่อมาทรงพระกรุณาโปรดให้เป็นพระราชาคณะตำแหน่งพระสุพจนมุนี พระเทพมุนี และพระธรรมปาโมกข์ โดยลำดับ  ก็ได้รับภาระพระพุทธศาสนา และสังวรรักษาสมณวัตรระเบียบปฏิบัติประเพณีราชการได้เรียบร้อยสมควรแก่ตำแหน่งเป็นอย่างดี มีความอุตสาหะวิริยะอย่างแรงกล้าในการประกอบพุทธศาสนกิจ เป็นหิตานุหิตประโยชน์ แก่พุทธจักรและอาณาจักรอย่างไพศาล อาทิ ในด้านการศึกษา เริ่มด้วยเป็นเจ้าหน้าที่ทะเบียนแห่งสำนักเรียน เป็นอุทเทศาจารย์สอนพระปริยัตติธรรม และเป็นกรรมการจัดการศึกษาแห่งสำนักเรียนวัดบวรนิเวศวิหาร  เป็นผู้ช่วยแม่กองสอบนักธรรมสนามมณฑลอยุธยาและสนามมณฑลราชบุรี  เป็นผู้ช่วยแม่กองสอบนักธรรมและบาลีสนามหลวง  เป็นกรรมการตรวจสอบนักธรรมและบาลีสนามหลวง  นอกจากนี้พระธรรมปาโมกข์ยังได้รับภาระเป็นหัวหน้าศาสนาจารย์สอนธรรมจรรยาแก่นักเรียนโรงเรียนต่าง ๆ คือ โรงเรียนมัธยมวัดบวรนิเวศ  โรงเรียนสตรีวิทยา  โรงเรียนเบญจมราชาลัย  โรงเรียนสวนสุนันทาวิทยาลัย  โรงเรียนเพ็ชรบุรีวิทยาลงกรณ์  โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา และโรงเรียนลีฟวิง   อนึ่งกรณียกิจเกี่ยวด้วยมหามกุฎราชวิทยาลัยในพระบรมราชูปถัมภ์อันเป็นบ่อเกิดแห่งการศาสนศึกษา พระธรรมปาโมกข์ก็ได้รับภาระเป็นกรรมการ เป็นอนุกรรมการชำระแบบเรียน เป็นกรรมการอำนวยการออกหนังสือธรรมจักษุและกรรมการตรวจเลือกพระสูตร  เป็นหัวหน้ากองบำรุงพระปริยัตติธรรม  เป็นหัวหน้ากองบัญชาการ  เป็นผู้อำนวยการมูลนิธิ เป็นประธานกรรมการสภาการศึกษามหาวิทยาลัยทางพระศาสนา พระธรรมปาโมกข์เป็นผู้ประกอบด้วยอุตสาหะวีรยาธิคุณ  ได้พยายามศึกษาค้นคว้าหลักธรรมในคัมภีร์บาลีปกรณ์ทั้งหลาย จนเข้าถึงความเป็นผู้ฉลาดสามารถในคันถธุระวิธีพุทธสมัย ตั้งอยู่ในวิษัยพหุลศรุตบัณฑิต  รอบรู้แตกฉานเชี่ยวชาญในพระปริยัติธรรมอย่างซาบซึ้งถึงขนาดสามารถจัดการศึกษาเผยแผ่พระพุทธศาสนาและอนุศาสน์อบรมสั่งสอนสิกขกามบุคคล  ตลอดจนการชำระตำราแก้ไขทำแบบเรียนให้เป็นฉะบับที่ถูกต้อง  เป็นประโยชน์แก่การศึกษาค้นคว้าของนักศึกษาเป็นอันมาก  นับว่าได้บำเพ็ญกรณียกิจซึ่งยากที่บุคคลทั่วไปจะพึงกระทำ นำมาซึ่งความเจริญงอกงามไพบูลย์ เป็นประโยชน์เกื้อกูลแก่อเนกนิกรชนพุทธบริษัท  ทั้งฝ่ายคฤหัสถ์ และบรรพชิตดั่งพรรณนามา จึ่งทรงพระกรุณาโปรดยกเป็นพระคณาจารย์เอกในทางคันถธุระ ดั่งปรากฏอยู่แล้ว ในส่วนบริหาร พระธรรมปาโมกข์ก็เริ่มรับภาระปฏิบัติมาแต่ครั้งอยู่ในระหว่างการศึกษาเบื้องต้น  คือรับตำแหน่งเป็นฐานานุกรมในสมเด็จพระมหาสมณเจ้าดังกล่าวแล้ว  เป็นเสนาสนะคาหาปกะและปฏิคมแห่งวัดบวรนิเวศวิหาร  เป็นกรรมการและรองประธานกรรมการคณะธรรมยุตติกา เป็นกรรมการเถรสมาคม  เป็นกรรมการร่างพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พุทธศักราช ๒๔๘๔  เป็นพระอุปัชฌายะในคณะธรรมยุตติกา เป็นสมาชิกสังฆสภา และเป็นสังฆมนตรีช่วยว่าการองค์การเผยแผ่  พระธรรมปาโมกข์ได้บริหารกิจการตามหน้าที่ ซึ่งได้รับภาระดังกล่าวได้เรียบร้อยเป็นผลดีตลอดมา จึงประจักษ์อยู่ทั่วไปว่าเป็นผู้เจริญยิ่งด้วยคุณธรรมวิทยาสามารถ  มีปรีชาฉลาดในการอบรมสั่งสอนศีลธรรมจรรยาเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้เจริญภิยโยภาพไปตลอดจิรัฏฐิติกาล   บัดนี้พระธรรมปาโมกข์ก็เจริญด้วยวรรษายุกาล สมบูรณ์ด้วยรัตตัญญูเถรกรณธรรม มั่นคงอยู่ในพรหมจรรย์เนกขัมมปฏิบัติ  เป็นอจลพรหมจริยาภิรัต มีวัตตจริยาเป็นที่น่าเลื่อมใส เป็นหลักอยู่ในคณะธรรมยุตติการูปหนึ่ง จึงสมควรยกย่องให้ดำรงในสมณฐานันดรสูงขึ้น

ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ในพระปรมาภิไธยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงโปรดให้สถาปนาพระธรรมปาโมกข์เป็นที่รองสมเด็จพระราชาคณะ มีราชทินนามตามจารึกในหิรัณยบัฏว่า พระพรหมมุนี ศรีวิสุทธิญาณนายก ตรีปิฎกธรรมาลงกรณ์ อุดมคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี สถิต ณ วัดบวรนิเวศวิหาร ราชวรวิหาร พระอารามหลวง มีฐานานุศักดิ์ควรตั้งฐานานุกรมได้ ๘ รูป คือ พระครูปลัดสุวัฑฒนพรหมจริยคุณ สมบุณคณาธิปัติ  วินยานุวรรตสังฆานุนายก ปิฎกธรรมรักขิต ๑ พระครูวินัยธร ๑ พระครูธรรมธร ๑ พระครูพุทธพากยประกาศ ๑ พระครูคู่สวด ๑ พระครูธรรมศาสนอุโฆษ ๑ พระครูคู่สวด ๑ พระครูสังฆวิจิตร ๑ พระครูสมุห์ ๑ พระครูใบฎีกา ๑

ขออาราธนาพระคุณ ผู้ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณฐานันดรเพิ่มอิสสริยยศในครั้งนี้ จงรับธุระพระพุทธศาสนาเป็นภาระสั่งสอน ช่วยระงับอธิกรณ์ และอนุเคราะห์พระภิกษุสามเณรในคณะและในพระอารามตามสมควรแก่กำลังและอิสสริยยศซึ่งพระราชทานนี้ และจงเจริญ อายุ วรรณ สุข พล ปฏิภาณ คุณสารสิริสวัสด์ จิรัฏฐิติ วิรุฬหิไพบูลย์ ในพระพุทธศาสนา เทอญ

ประกาศ ณ วันที่ ๔ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๔๙๒ เป็นปีที่ ๔ ในรัชกาลปัจจุบัน

                                                                                                     ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ

                                                                                                                 จอมพล ป. พิบูลสงคราม
                                                                                                                           นายกรัฐมนตรี



พระพรหมมุนี (ผิน) เป็นพระเถระที่มีบทบาทสำคัญในการคณะสงฆ์ด้านต่าง ๆ เป็นอันมาก ได้ดำรงตำแหน่งสำคัญทางการคณะสงฆ์มาโดยลำดับ อาทิ
- พ.ศ. ๒๔๗๘  เป็นพระคณาจารย์เอกทางคันถธุระ
- พ.ศ. ๒๔๘๖  เป็นผู้อำนวยการมหามกุฏราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์
- พ.ศ. ๒๔๘๘  ร่วมกับสุชีโวภิกขุ (คืออาจารย์สุชีพ  ปุญญานุภาพ) ดำเนินการจัดตั้งสภาการศึกษามหามกุฏราชวิทยาลัย มหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย ซึ่งประกาศตั้งเมื่อวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๙  นับเป็นมหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนาแห่งแรกของไทย และได้ดำรงตำแหน่งประธานสภาการศึกษามหามกุฏราชวิทยาลัย มาตั้งแต่เริ่มตั้งจนตลอดชนมชีพของท่าน
- พ.ศ. ๒๔๘๕  เป็นสังฆมนตรีช่วยว่าการองค์การเผยแผ่
- พ.ศ. ๒๔๙๓  เป็นสังฆมนตรีช่วยว่าการองค์การเผยแผ่ สมัยที่ ๒
- พ.ศ. ๒๔๙๔  เป็นสังฆมนตรีช่วยว่าการองค์การเผยแผ่ สมัยที่ ๓
- พ.ศ. ๒๔๙๔  เป็นเจ้าคณะธรรมยุตภาค ๑-๒-๖
- พ.ศ. ๒๕๐๑  เป็นเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร สืบต่อจากสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ ซึ่งสิ้นพระชนม์เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๑
- พ.ศ. ๒๔๙๙ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน เสด็จออกทรงผนวชเป็นพระภิกษุ ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง แล้วเสด็จไปประทับ ณ วัดบวรนิเวศวิหาร  พระพรหมมุนี (ผิน) ได้เป็นพระอาจารย์ถวายธรรมวินัยแด่พระภิกษุพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตลอดเวลาแห่งการทรงผนวช

พระพรหมมุนี (ผิน) ปกครองวัดบวรนิเวศวิหารอยู่ ๔ ปี  ถึงแก่มรณภาพเมื่อวันที่ ๒๒ มกราคม พ.ศ. ๒๕๐๔ สิริชนมายุได้ ๖๖ ปี ๘ เดือน
 




รวบรวมเรียบเรียง โดย กิมเล้ง : http://www.sookjai.com (http://www.sookjai.com)

ข้อมูล
- อังกุรปัญญานุสรณ์ : บริษัท อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) , ๒๕๔๕
- http://www.watbowon.com (http://www.watbowon.com)








.