หัวข้อ: หากหัวใจคล้ายห้องว่าง เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 25 มิถุนายน 2553 12:29:50 (http://sgstb.msn.com/i/B6/AD82CB295B7F4B7D317387F43BCD.jpg) หากหัวใจคล้ายห้องว่าง คำ ว่าชีวิตประกอบขึ้นมาจาก "กาย" กับ "ใจ" เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "กาย" กับ "นาม" องค์ประกอบทั้งสองของชีวิตนี้ "ใจ" มีความสำคัญมากกว่า "กาย" เพราะ "ใจ" เป็นอย่างไร "กาย" จะเป็นอย่างนั้น (http://www.dhammajak.net/board/files/paragraph_302.jpg) หากหัวใจคล้ายห้องว่าง เรื่อง ว.วชิรเมธี ความ สำคัญของใจที่มีผลเหนือกายนั้นมีตัวอย่างมากมาย อภิปรายกันไม่รู้จบ เช่นวันหนึ่งเมื่อมีนักข่าวสัมภาษณ์ว่า ไทเกอร์ วู้ด มีเคล็ดลับในการตีกอล์ฟอย่างไร จึงตีได้แม่นเหมือนจับวางทุกครั้ง เขาตอบสั้นๆ ว่า ผมจินตนาการเห็นลูกกอล์ฟลอยละลิ่วลงหลุมก่อนที่ผมจะเริ่มตีมันเสียอีก" คำตอบของนักกอล์ฟอัจฉริยะสะท้อนว่าใจของเขานั้นไม่ได้สั่งได้เฉพาะกายคือมือ ของเขาเท่านั้น แม้แต่ไม้ตีกอล์ฟเอง ก็หลอมรวมเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายเขา เข้าทำนอง กระบี่อยู่ที่ใจ ใจอยู่ในกระบี่ โดยแท้ ครั้งหนึ่งมีการ ทดลองกันในทางจิตวิทยาว่า ใจสำคัญต่อกายจริงหรือไม่ นักจิตวิทยาร่วมมือกับนายแพทย์ท่านหนึ่ง ไปตรวจร่างกายของนักกีฬายกน้ำหนักถึงโรงยิม เมื่อไปถึง นายแพทย์ก็ตรวจวัดร่างกายของนักกีฬายกน้ำหนักคนหนึ่ง ซึ่งมีร่างกายที่แข็งแรงมาก เขากำลังฝึกยกน้ำหนักอยู่พอดี เมื่อไปถึงนายแพทย์ใช้ปรอทวัดไข้อยู่สักพักหนึ่ง รอไม่กี่นาที ท่านก็รายงานด้วยสีหน้าเป็นกังวลว่า นักกีฬาคนนี้กำลังมีปัญหาใหญ่ เพราะตรวจพบ บางอย่าง ในร่างกาย ขอให้งดการฝึกซ้อม เอาไว้ก่อน พอนายแพทย์พูดจบ นักกีฬาร่างล่ำบึ้กมีสีหน้าเครียดขึ้นมาทันที เขายกน้ำหนักต่อไปไม่ไหว ยกอย่างไรก็ไม่เป็นที่พอใจ อ่อนเปลี้ยเพลียแรงไปหมด เขาจึงขออนุญาตลากลับไปพักหลายวัน ต่อมา นายแพทย์และนักจิตวิทยา จึงขอโทษนักกีฬาคนนั้น พร้อมทั้งบอกความจริงว่า ผลการตรวจสุขภาพไม่เป็นอันตรายอย่างที่เป็นกังวลสักนิด ที่แจ้งผลไป ก่อนหน้านั้น เป็นเพียงการทดลองอย่างหนึ่งเท่านั้น ซึ่งทั้งครูฝึก นักจิตวิทยา และนายแพทย์ร่วมมือกันและรู้กันมาแต่ต้นอยู่แล้ว ทันทีที่ทราบผลว่า ตนไม่เป็นอะไร วันรุ่งขึ้นนักกีฬาคนนั้นก็มาฝึกซ้อมต่อและคราวนี้เขาสดชื่นรื่นเริงอย่าง เห็นได้ชัด การทดลองคราวนี้ ก็สะท้อนหลักการที่ว่า ใจเป็นอย่างไร ร่างกายเป็นอย่างนั้น จริงๆ ความจริง ในชีวิตของคนเรานั้น หากสังเกตให้ดีเราจะพบว่า พฤติกรรมต่างๆ ที่แสดงผลออกมาทางกายนั้น ล้วนได้รับอิทธิพลของใจทั้งสิ้น คนที่มีสีหน้าสดชื่น ผ่องใส ใจเย็นโดยธรรมชาติ (ไม่ใช่ใสเพราะฝีมือหมอ) ก็เพราะลึกๆ แล้ว เขาไม่มีความเครียดเจือปนอยู่ในใจ คนที่หงุดหงิดงุ่นง่าน ก็เพราะในใจเขาเต็มไปด้วยความกังวล คนที่มีพฤติกรรมฉ้อฉล คอรัปชั่น ก็เพราะใจเขามี ไถยจิต ซึ่งแปลว่า จิตที่มีธาตุแห่งความเป็น หัวขโมย แฝงอยู่ คนที่สู้ชีวิต ก็เพราะใจเขาเปี่ยมด้วย ปรักกมธาตุ ซึ่งแปลว่า ใจนักสู้ อยู่ข้างใน ส่วนคนที่เต็มไปด้วยความอิจฉาตาร้อน ก็เพราะข้างในของเขา หมักหมมอยู่ด้วยไฟริษยานั่นเอง นอกเป็นอย่างไร ก็สะท้อนว่าใจเป็นอย่างนั้น กาย จึงเป็นเหมือนเงาสะท้อนของใจ (http://www.praphansarn.com/new/forum/uploads//2007-12-07_111200_2007-12-05_182200_Rose_jazmin_4.jpg) ใจ ของเรานั้น ไม่ต่างอะไรกับห้องที่ว่างเปล่า เมื่อเราใส่อะไรเข้าไปในห้องที่ว่างเปล่านั้น สถานภาพของห้อง ก็จะเปลี่ยนไปทันที เป็นต้นว่า เรามีห้องว่างเปล่าอยู่ห้องหนึ่ง เมื่อ - - เราใส่น้ำเข้าไป ก็จะกลายเป็นห้องน้ำ เราใส่พระพุทธรูปเข้าไป ก็จะกลายเป็นห้องพระ เราใส่เครื่องมือปรุงอาหารเข้าไป ก็จะกลายเป็นห้องครัว เราใส่เครื่องนอนเข้าไป ก็จะกลายเป็นห้องนอน เราใส่ชุดรับแขกเข้าไป ก็จะกลายเป็นห้องรับแขก เราใส่บุคคลสำคัญเข้าไป ก็จะกลายเป็นห้องวีไอพี (http://www.dhammajak.net/board/files/268_1188729751.jpg_579.jpg) ห้อง แห่งหัวใจของเราก็ไม่ต่างอะไรกับห้องว่างเปล่าที่กล่าวมาข้างต้นนั้นเลย ทุกครั้ง ที่เราบรรจุ อะไรเข้าไปในใจ... ใจของเราก็จะเปลี่ยนสถานภาพเหมือนกัน เราใส่ความเมตตาเข้าไป ก็จะกลายเป็นคนใจดี เราใส่ธรรมะเข้าไป ก็จะกลายเป็นคนใจบุญ เราใส่ความโกรธเข้าไป ก็จะกลายเป็นคนใจร้อน เราใส่ความเลวเข้าไป ก็จะกลายเป็นคนใจทราม เราใส่ความกลัวเข้าไป ก็จะกลายเป็นคนใจเสาะ เราใส่ความเป็นนักสู้เข้าไป ก็จะกลายเป็นคนใจสู้ เราใส่ความขาดสติเข้าไป ก็จะกลายเป็นคนใจลอย เห็นด้วยกับผู้เขียนหรือไม่ว่า ใจของเรานั้นเป็นสิ่งที่มีอิทธิพลเหนือกาย เป็นสิ่งที่คอยออกแบบชีวิตของเราให้เป็นไปอย่างไรก็ได้ (http://www.dhammajak.net/gallery/albums/userpics/%BE%D8%B7%B8%C8%D4%C5%BB%EC%20%F5.jpg) พระพุทธเจ้าเคยตรัสว่า ใจเป็นนาย ใจเป็นผู้นำ ใจเป็นผู้สร้างสรรค์... หรือบางทีก็ตรัสว่า จิตฺเตน นียติ โลโก แปลว่า โลกหมุนไปตามใจสั่งการ โลกในที่นี้ หมายถึง ชีวิตของเรานั่นเอง โลกคือชีวิต จะหมุนซ้าย หมุนขวา หมุนตรงหรือหมุนเอียง หมุนไปข้างหน้า หรือว่าหมุนไปข้างหลัง ทั้งหลายทั้งปวงนั้นขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของใจทั้งหมดทั้งสิ้น ใจของ เราไม่ต่างอะไรกับห้องที่ว่างเปล่า เราบรรจุอะไรลงไป ชีวิตของเราก็เป็นไปตามสิ่งที่บรรจุนั้น ทุกวันนี้ เราเคยถามตัวเองบ้างไหมว่า เราบรรจุอะไร ลงไปในห้องแห่งหัวใจของเราบ้าง ความรู้ ความงมงาย ความรัก ความโกรธ ความเกลียด ความโลภ ความดี ความชั่ว ความริษยา ความหน้าด้าน ความสะอาด สว่าง สงบ หรือความตื่นรู้ ชีวิตจะเป็นอย่างไร รุ่งโรจน์หรือร่วงโรย ขึ้นสูงหรือลงต่ำ สำคัญที่เราบรรจุอะไรลงไปในใจของเราเอง (http://t3.gstatic.com/images?q=tbn:sJlPY6b08maqaM) ที่มาข้อมูล : นิตยสาร Livingetc ฉบับภาษาไทย (:88:) http://lifestyle.th.msn.com/home/inspire/article.aspx?cp-documentid=3704791 (http://lifestyle.th.msn.com/home/inspire/article.aspx?cp-documentid=3704791) หัวข้อ: Re: หากหัวใจคล้ายห้องว่าง เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 25 มิถุนายน 2553 16:37:31 (http://sgstb.msn.com/i/B6/AD82CB295B7F4B7D317387F43BCD.jpg) หากหัวใจคล้ายห้องว่าง คำ ว่าชีวิตประกอบขึ้นมาจาก "กาย" กับ "ใจ" เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "กาย" กับ "นาม" องค์ประกอบทั้งสองของชีวิตนี้ "ใจ" มีความสำคัญมากกว่า "กาย" เพราะ "ใจ" เป็นอย่างไร "กาย" จะเป็นอย่างนั้น (http://www.dhammajak.net/board/files/paragraph_302.jpg) หากหัวใจคล้ายห้องว่าง เรื่อง ว.วชิรเมธี ความ สำคัญของใจที่มีผลเหนือกายนั้นมีตัวอย่างมากมาย อภิปรายกันไม่รู้จบ เช่นวันหนึ่งเมื่อมีนักข่าวสัมภาษณ์ว่า ไทเกอร์ วู้ด มีเคล็ดลับในการตีกอล์ฟอย่างไร จึงตีได้แม่นเหมือนจับวางทุกครั้ง เขาตอบสั้นๆ ว่า ผมจินตนาการเห็นลูกกอล์ฟลอยละลิ่วลงหลุมก่อนที่ผมจะเริ่มตีมันเสียอีก" คำตอบของนักกอล์ฟอัจฉริยะสะท้อนว่าใจของเขานั้นไม่ได้สั่งได้เฉพาะกายคือมือ ของเขาเท่านั้น แม้แต่ไม้ตีกอล์ฟเอง ก็หลอมรวมเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายเขา เข้าทำนอง กระบี่อยู่ที่ใจ ใจอยู่ในกระบี่ โดยแท้ ครั้งหนึ่งมีการ ทดลองกันในทางจิตวิทยาว่า ใจสำคัญต่อกายจริงหรือไม่ นักจิตวิทยาร่วมมือกับนายแพทย์ท่านหนึ่ง ไปตรวจร่างกายของนักกีฬายกน้ำหนักถึงโรงยิม เมื่อไปถึง นายแพทย์ก็ตรวจวัดร่างกายของนักกีฬายกน้ำหนักคนหนึ่ง ซึ่งมีร่างกายที่แข็งแรงมาก เขากำลังฝึกยกน้ำหนักอยู่พอดี เมื่อไปถึงนายแพทย์ใช้ปรอทวัดไข้อยู่สักพักหนึ่ง รอไม่กี่นาที ท่านก็รายงานด้วยสีหน้าเป็นกังวลว่า นักกีฬาคนนี้กำลังมีปัญหาใหญ่ เพราะตรวจพบ บางอย่าง ในร่างกาย ขอให้งดการฝึกซ้อม เอาไว้ก่อน พอนายแพทย์พูดจบ นักกีฬาร่างล่ำบึ้กมีสีหน้าเครียดขึ้นมาทันที เขายกน้ำหนักต่อไปไม่ไหว ยกอย่างไรก็ไม่เป็นที่พอใจ อ่อนเปลี้ยเพลียแรงไปหมด เขาจึงขออนุญาตลากลับไปพักหลายวัน ต่อมา นายแพทย์และนักจิตวิทยา จึงขอโทษนักกีฬาคนนั้น พร้อมทั้งบอกความจริงว่า ผลการตรวจสุขภาพไม่เป็นอันตรายอย่างที่เป็นกังวลสักนิด ที่แจ้งผลไป ก่อนหน้านั้น เป็นเพียงการทดลองอย่างหนึ่งเท่านั้น ซึ่งทั้งครูฝึก นักจิตวิทยา และนายแพทย์ร่วมมือกันและรู้กันมาแต่ต้นอยู่แล้ว ทันทีที่ทราบผลว่า ตนไม่เป็นอะไร วันรุ่งขึ้นนักกีฬาคนนั้นก็มาฝึกซ้อมต่อและคราวนี้เขาสดชื่นรื่นเริงอย่าง เห็นได้ชัด การทดลองคราวนี้ ก็สะท้อนหลักการที่ว่า ใจเป็นอย่างไร ร่างกายเป็นอย่างนั้น จริงๆ ความจริง ในชีวิตของคนเรานั้น หากสังเกตให้ดีเราจะพบว่า พฤติกรรมต่างๆ ที่แสดงผลออกมาทางกายนั้น ล้วนได้รับอิทธิพลของใจทั้งสิ้น คนที่มีสีหน้าสดชื่น ผ่องใส ใจเย็นโดยธรรมชาติ (ไม่ใช่ใสเพราะฝีมือหมอ) ก็เพราะลึกๆ แล้ว เขาไม่มีความเครียดเจือปนอยู่ในใจ คนที่หงุดหงิดงุ่นง่าน ก็เพราะในใจเขาเต็มไปด้วยความกังวล คนที่มีพฤติกรรมฉ้อฉล คอรัปชั่น ก็เพราะใจเขามี ไถยจิต ซึ่งแปลว่า จิตที่มีธาตุแห่งความเป็น หัวขโมย แฝงอยู่ คนที่สู้ชีวิต ก็เพราะใจเขาเปี่ยมด้วย ปรักกมธาตุ ซึ่งแปลว่า ใจนักสู้ อยู่ข้างใน ส่วนคนที่เต็มไปด้วยความอิจฉาตาร้อน ก็เพราะข้างในของเขา หมักหมมอยู่ด้วยไฟริษยานั่นเอง นอกเป็นอย่างไร ก็สะท้อนว่าใจเป็นอย่างนั้น กาย จึงเป็นเหมือนเงาสะท้อนของใจ (http://www.praphansarn.com/new/forum/uploads//2007-12-07_111200_2007-12-05_182200_Rose_jazmin_4.jpg) ใจ ของเรานั้น ไม่ต่างอะไรกับห้องที่ว่างเปล่า เมื่อเราใส่อะไรเข้าไปในห้องที่ว่างเปล่านั้น สถานภาพของห้อง ก็จะเปลี่ยนไปทันที เป็นต้นว่า เรามีห้องว่างเปล่าอยู่ห้องหนึ่ง เมื่อ - - เราใส่น้ำเข้าไป ก็จะกลายเป็นห้องน้ำ เราใส่พระพุทธรูปเข้าไป ก็จะกลายเป็นห้องพระ เราใส่เครื่องมือปรุงอาหารเข้าไป ก็จะกลายเป็นห้องครัว เราใส่เครื่องนอนเข้าไป ก็จะกลายเป็นห้องนอน เราใส่ชุดรับแขกเข้าไป ก็จะกลายเป็นห้องรับแขก เราใส่บุคคลสำคัญเข้าไป ก็จะกลายเป็นห้องวีไอพี (http://www.dhammajak.net/board/files/268_1188729751.jpg_579.jpg) ห้อง แห่งหัวใจของเราก็ไม่ต่างอะไรกับห้องว่างเปล่าที่กล่าวมาข้างต้นนั้นเลย ทุกครั้ง ที่เราบรรจุ อะไรเข้าไปในใจ... ใจของเราก็จะเปลี่ยนสถานภาพเหมือนกัน เราใส่ความเมตตาเข้าไป ก็จะกลายเป็นคนใจดี เราใส่ธรรมะเข้าไป ก็จะกลายเป็นคนใจบุญ เราใส่ความโกรธเข้าไป ก็จะกลายเป็นคนใจร้อน เราใส่ความเลวเข้าไป ก็จะกลายเป็นคนใจทราม เราใส่ความกลัวเข้าไป ก็จะกลายเป็นคนใจเสาะ เราใส่ความเป็นนักสู้เข้าไป ก็จะกลายเป็นคนใจสู้ เราใส่ความขาดสติเข้าไป ก็จะกลายเป็นคนใจลอย เห็นด้วยกับผู้เขียนหรือไม่ว่า ใจของเรานั้นเป็นสิ่งที่มีอิทธิพลเหนือกาย เป็นสิ่งที่คอยออกแบบชีวิตของเราให้เป็นไปอย่างไรก็ได้ (http://www.dhammajak.net/gallery/albums/userpics/%BE%D8%B7%B8%C8%D4%C5%BB%EC%20%F5.jpg) http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=15103 พระพุทธเจ้าเคยตรัสว่า ใจเป็นนาย ใจเป็นผู้นำ ใจเป็นผู้สร้างสรรค์... หรือบางทีก็ตรัสว่า จิตฺเตน นียติ โลโก แปลว่า โลกหมุนไปตามใจสั่งการ โลกในที่นี้ หมายถึง ชีวิตของเรานั่นเอง โลกคือชีวิต จะหมุนซ้าย หมุนขวา หมุนตรงหรือหมุนเอียง หมุนไปข้างหน้า หรือว่าหมุนไปข้างหลัง ทั้งหลายทั้งปวงนั้นขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของใจทั้งหมดทั้งสิ้น ใจของ เราไม่ต่างอะไรกับห้องที่ว่างเปล่า เราบรรจุอะไรลงไป ชีวิตของเราก็เป็นไปตามสิ่งที่บรรจุนั้น ทุกวันนี้ เราเคยถามตัวเองบ้างไหมว่า เราบรรจุอะไร ลงไปในห้องแห่งหัวใจของเราบ้าง ความรู้ ความงมงาย ความรัก ความโกรธ ความเกลียด ความโลภ ความดี ความชั่ว ความริษยา ความหน้าด้าน ความสะอาด สว่าง สงบ หรือความตื่นรู้ ชีวิตจะเป็นอย่างไร รุ่งโรจน์หรือร่วงโรย ขึ้นสูงหรือลงต่ำ สำคัญที่เราบรรจุอะไรลงไปในใจของเราเอง (http://t3.gstatic.com/images?q=tbn:sJlPY6b08maqaM) ที่มาข้อมูล : นิตยสาร Livingetc ฉบับภาษาไทย (:88:) http://lifestyle.th.msn.com/home/inspire/article.aspx?cp-documentid=3704791 (http://lifestyle.th.msn.com/home/inspire/article.aspx?cp-documentid=3704791) (:SL:) (:SL:) (:SL:) เราใส่ความเมตตาเข้าไปก็จะกลายเป็นคนใจดี เราใส่ธรรมะเข้าไปก็จะกลายเป็นคนใจบุญ เราใส่ความโกรธเข้าไปก็จะกลายเป็นคนใจร้อน เราใส่ความเลวเข้าไปก็จะกลายเป็นคนใจทราม เราใส่ความกลัวเข้าไปก็จะกลายเป็นคนใจเสาะ เราใส่ความเป็นนักสู้เข้าไปก็จะกลายเป็นคนใจสู้ เราใส่ความขาดสติเข้าไปก็จะกลายเป็นคนใจลอย (:PL:) (:PL:) (:PL:) เมื่ออาทิตย์ก่อน(บางครั้ง)ขาด สติ ไปชั่วขณะเงินหายไป 100 บาท ทำหล่นหายเพราะความขาด สติ แท้ ๆ เลย เป็น เพราะว่า(บางครั้ง)เผลอไปลืมกำหนด สติ เพราะฉะนั้น สติ จึงสำคัญมากเลยทีเดียว |