[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => กฏแห่งกรรม - ท่องไตรภูมิ => ข้อความที่เริ่มโดย: ไอย ที่ 25 ธันวาคม 2552 12:07:04



หัวข้อ: เกิดแต่กรรม
เริ่มหัวข้อโดย: ไอย ที่ 25 ธันวาคม 2552 12:07:04

ไปเยี่ยมเยียน หมอน้องชายเล่าเรื่องแปลกของคนไข้รายหนึ่งให้ฟัง   

ซึ่งน่าจะเป็นอุทาหรณ์ให้ผู้คนละบาปได้ดีจึงขอเล่าสู่กันฟังต่อ  ……. 

การสนทนาตอนหนึ่งหมอน้องชายเล่าให้ฟังว่า   

ตั้งแต่เป็นหมอมาไม่เคยเห็นผู้ป่วยรายใดต้องผ่าตัดทุลักทุเลซ้ำซากอย่างนี้เลย   

สามปีต้องผ่าตัดห้าครั้งและหนักหนายิ่งขึ้นทุกครั้ง   

ผู้ป่วยรายนี้ชื่อบุญมาครั้งแรกที่เข้าโรงพยาบาลก็เพื่อมาทำแผลที่นิ้วก้อยที่ถูกตะพาบน้ำกัด   

หมอให้ทายากินยาแก้ปวดแก้อักเสบแล้วกลับบ้านดูแล้วไม่น่าจะมีปัญหาอีก   

ครึ่งเดือนต่อมาบุญมากลับมาใหม่แผลเก่าอักเสบรุนแรงบวมใหญ่   

หมอตรวจพบว่าเชื้อโรคกินเข้ากระดูก จะต้องตัดนิ้วเพื่อไม่ให้เน่าลุกลาม   

ซึ่งนิ้วเท้านั้นอาจทำให้ถึงแก่ชีวิตได้   

หลังจากนั้นครึ่งปีบุญมาไปเที่ยวชายทะเลเขาถูกตะพาบน้ำกัดที่นิ้วเท้าอีก   

อะไรจะเจาะจงได้ถึงอย่างนั้นนิ้วเท้าของบุญมาที่ถูกตะพาบน้ำกัดครั้งที่สองอักเสบบวมใหญ่   

ภายในเวลาสองวัน เมื่อมาฉายเอกซเรย์ที่โรงพยาบาลก็ได้พบอีกว่า   

เชื้อโรคกินเข้าไปถึงกระดูกหมดจึงต้องตัดนิ้วเท้าของเขาไปอีกหนึ่งนิ้ว   

เวลาผ่านไปไม่ถึงหนึ่งปีบุญมากลับมาที่โรงพยาบาลอีก   

ครั้งนี้แผลเก่าทั้งสองแห่งเกิดอักเสบบวมใหญ่ขึ้นพร้อมกัน   

พอเอกซเรย์ก็พบว่าแย่แล้ว  !  เชื้อโรคแพร่เข้าไปกินกระดูกอย่างรุนแรง   

เชื้อโรคนั้นกำลังกลายเป็นมะเร็ง จะต้องผ่าตัดฝ่ามือฝ่าเท้าออกให้หมดก่อนที่จะลุกลามขึ้นไปอีก   
 


หัวข้อ: Re: เกิดแต่กรรม
เริ่มหัวข้อโดย: ไอย ที่ 25 ธันวาคม 2552 12:08:40

บุญมาต้องนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลถึงยี่สิบกว่าวันด้วยสภาพของผู้ป่วยด้วน   

วันหนึ่งลูกชายของญาติอุปสมบทบุญมาไปช่วยงาน คืนนั้นผู้ร่วมงานบวช
นอนค้างที่วัดกันสี่ห้าสิบคน   

เคราะห์หามยามร้ายของบุญมายังไม่จบสิ้นหนูตัวหนึ่งเจาะจงมา กัดตรงขาด้วน
ของบุญมาคนเดียว กัดแล้วก็หนีไป   

บุญมาสะดุ้งตื่นด้วยความเจ็บปวดคนที่นอนอยู่ด้วยกันตกใจกับเสียงร้องพากันตื่นหมด   

แผลที่หนูกัดไม่กว้างไม่ลึกนักมีเลือดซึมออกมาแต่ทุกคนพากันตกใจที่อยู่ดีๆ   

ทำไมจึงมีหนูมากัดคนนอนหลับเพราะหนูจะกัดกินก็เฉพาะศพเท่านั้น   

ไม่กัดกินคนเป็น ๆ บุญมาขวัญเสียถูกเคราะห์กรรมซ้ำเติมจนคิดว่าตนคงจะต้องตายในไม่ช้า   

มันทารุณจิตใจมากไม่นานต่อมาเกิดอาการเจ็บคันบริเวณแผลเก่าที่มือที่เท้าอีก 

บุญมารีบมาหาหมอที่โรงพยาบาลโดยเร็ว   

ผลการฉายเอกซเรย์ปรากฏว่าเชื้อมะเร็งกินลึกเข้าไปมาก หมอจำเป็นต้องจัดการ
ตัดแขนขาทั้งท่อนของบุญมาทิ้งไป   
 


หัวข้อ: Re: เกิดแต่กรรม
เริ่มหัวข้อโดย: ไอย ที่ 25 ธันวาคม 2552 12:12:07

หมอน้องชายซึ่งเป็นเจ้าของคนไข้แปลกใจในชะตากรรมของบุญมานัก   

จึงสอบถามประวัติอย่างละเอียดอีกครั้งไว้และได้ความว่า 

บุญมาชายอายุยี่สิบสามปี อาชีพเกษตรกรรมและรับจ้างก่อสร้าง ชอบดื่มเหล้าเป็นประจำ
ชอบแกล้มเหล้าด้วยปลาน้ำจืด  โดยเฉพาะชอบกินเต่ากินตะพาบ   

บุญมาเคยได้ยินมาว่าใครกินตะพาบน้ำได้สิบถึงยี่สิบตัวแล้ว   

ตลอดชีวิตจะไม่เป็นโรคไขข้ออักเสบอีกทั้งยังช่วยบำรุงไต   

บุญมาจึงเพียรหาตะพาบน้ำมาผัดเผ็ดแกล้มเหล้าขาว บุญมากินตะพาบน้ำ
มาแล้วเกือบยี่สิบปี นับไม่ได้แล้วว่ากินเข้าไปได้กี่ตัว

วันหนึ่งบุญมาซื้อตะพาบน้ำตัวใหญ่จากตลาดมา   ตะพาบน้ำตัวนี้น้ำหนักตั้งสิบกว่ากิโลกรัม
เขาดีใจมาก ตัวใหญ่ขนาดนี้ฆ่ากินทีเดียวไม่หมดจะต้องค่อยๆกิน ที่บ้านไม่มีตู้เย็นให้แช่เก็บได้
จึงต้องกินผ่อนทีละน้อย ตะพาบน้ำเป็นสัตว์อายุยืนอดทนไม่ตายง่ายๆ ไม่ว่าจะถูกกักขัง
อยู่ในสภาพใดก็อดทนมีชีวิตอยู่ได้เป็นปี   

บุญมาเห็นแก่กินไม่นึกถึงว่าตะพาบจะต้องทนทุกข์ทรมานนานเพียงไร
ต้องเจ็บปวดแสนสาหัสครั้งแล้วครั้งอีก   

เขาตัดเฉือนเนื้อตะพาบส่วนต่างๆ ตามความพอใจมาปรุงอาหารทีละชิ้นๆ
บาดแผลรอบตัวตะพาบเขาทาด้วยปูนแดงที่กินกับหมากเพื่อไม่ให้เนื้อตัวตะพาบเน่า
ตะพาบตัวนั้นต้องทนทุกข์ทรมานอยู่นานกว่าครึ่งเดือน   

จากนั้นบุญมาจึงประหารเอามากินเป็นมื้อสุดท้าย บุญมาพอใจกับวิธีที่จะได้กิน
เนื้อตะพาบสดๆ ทุกวันอย่างนี้เรื่อยมา
 

ผลสรุปประวัติผู้ป่วยที่โรงพยาบาลบันทึกไว้ในตอนท้ายมีอยู่ประโยคหนึ่งว่า  ….. 

เป็นประวัติที่แสดงให้เห็นกรรมตามสนองอย่างไม่น่าเชื่อที่ไม่มีข้อสรุปชัดเจน
ในทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ปัจจุบัน 

ปล.คุณควรตระหนักถึงการกระทำที่คุณได้ทำอยู่ในทุกวันนี้   

ถึงผลดีและผลร้ายที่คุณได้กระทำลงไป มันจะส่งผลกลับมาหาคุณเอง
ที่เรียกกันว่า  '  กรรมตามสนอง '  นั้นเอง   

ขอขอบคุณหนังสือธรรมะทุกเล่มที่ให้ความรู้แก่ผู้คนทั้งหลายเรื่องดีๆ
 


หัวข้อ: Re: เกิดแต่กรรม
เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 25 ธันวาคม 2552 16:36:54
น่ากลัว


หัวข้อ: Re: เกิดแต่กรรม
เริ่มหัวข้อโดย: ไอย ที่ 27 ธันวาคม 2552 20:21:04
"ป้าสุชาดา"

ไฟไหม้.......ไฟไหม้.........!......!...........!เสียงร้องด้วยความตระหนกดัง
ขึ้นในกลางดึกของคืนวันหนึ่ง
ท่ามกลางความชุลมุนวุ่นวายสับสนของผู้คนในซอยแคบ ๆ
ซึ่งพากันขนสิ่งของหนีไฟอย่างชุลมุน ลูก - เด็ก -
เล็กแดงร้องไห้จ้าด้วยคามตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว
บางคนต้องการเพียงชีวิตรอดออกจากกองเพลิงเท่านั้น ไม่สนใจทรัพย์สิน -เงินทอง
แต่บางคนกลับห่วงทรัพย์สินยิ่งกว่าชีวิตตนเองซึ่งกำลังถูกเพลิงเผาผลาญ
บางคนก็ฉวยโอกาสแย่งชิงทรัพย์สินของผู้อื่น
โดยไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนของผุ้ประสบเคราะห์กรรม

บางพวกพอรู้ข่าวไฟ
ไหม้ก็มายืนมุงดูทำให้การดับเพลิงของพนักงานดับยิ่งไม่สะดวกเข้าไปอีก
เสียงผู้คนตะโกนกันอย่างสับสน ไม่รู้ว่าอะไรเป็น - อะไร
ผู้คนต่างวิ่งหนีไฟท่ามกลางความชุลมุนที่เกิดขึ้นอยู่ต่อหน้าต่อตา
หญิงวัยกลางคนผู้หนึ่งนอนอยู่ในเรือนไม้ทรงไทยหลังหนึ่งใกล้บ้านต้นเพลิง
ซึ่งเพลิงกำลังลาม - มาถึงบ้านของเธออย่างรวดเร็ว

แต่เธอยังคงนอนอยู่ที่
เดิมโดยไม่ได้ขยับตัวหนีไฟ เสียงตะโกนโหวกเหวก เสียงผู้คนขนสิ่งของ
เสียงของไฟที่ไหม้สิ่งของที่เป็นเชื้อเพลิงหาได้ทำให้ร่างกายของเธอขยับจากที่เดิมไม่...........
มีเพียงแววตาของเธอเท่านั้นที่แสดงอาการตระหนก - หวาดกลัว
ลูก - หลาน สามีเธอไปที่ไหนจึงไม่มีผู้ใดมาช่วย หญิง ผู้นี้
เธอเริ่มนึกถึงผู้คนหลาย ๆ
คนที่เธอรู้จักโดยไม่คำนึงถึงเปลวไฟอันร้อนแรงอีกแล้ว
เหตุการณ์ในอดีตของเธอค่อย ๆ ผ่านเข้ามาทีละฉาก ๆ
จนในที่สุดเธอก็ไม่รู้สึกถึงความร้อนใด ๆ อีก
 


หัวข้อ: Re: เกิดแต่กรรม
เริ่มหัวข้อโดย: ไอย ที่ 27 ธันวาคม 2552 20:23:40

ป้า..........สุชาดาเป็นคนใจบุญสุนทรทานมักจะเดินทาง
ไปทำบุญอยู่เสมอ ๆ แกเป็นคนโสดอยู่คนเดียวไม่มีลูก - หลาน - ญาติ -
พี่ - น้อง เงินทองที่เธอเก็บหอมรอมริบมาตั้งแต่สมัยยังสาว ๆ
ซึ่งทำงานรับราชการนั้นก็มีให้จับจ่ายอย่างไม่เดือดร้อน
แกซื้อที่ดินแปลงหนึ่ง ปลุกบ้านไม้ทรงไทยและถือสันโดษอยู่คนเดียวมาตลอด
มีที่ดินสร้างบ้านหลังเล็ก ๆ แบ่งให้เช่าเพื่อหารายได้มาเป็นการทำบุญ
ชาวบ้านแถบนั้นรู้จัก ป้าสุชาดา เพียงว่าแกเป็นคนใจบุญเท่านั้น
เรื่องราวและครอบครัวชีวิตแต่หนหลังของแกไม่มีใครรู้เรื่องราวอย่างแน่ชัด

ทุกๆ เดือนผู้คนแถวนั้นจะเห็นแกหิ้วกระเป๋าเดินทางและออกจากบ้านไป 2 - 3 วัน
จึงจะเห็นแกกลับมา สอบถามมักได้คำตอบว่าเดินทางไปทอดผ้าป่าตามวัดต่าง ๆ
ยังจังหวัดแถบอิสาน บ้าง ภาคเหนือบ้าง ภาคใต้บ้าง
จนคนแถวนั้นเห็นแกหิ้วกระเป๋าเป็นอันรู้กันว่าไปทำบุญ
ระหว่างที่แกไม่อยู่แกมักจะฝาก"น้าอ้วน"หญิงที่เช่าบ้านแกอยู่
ให้ช่วยดูแลบ้านให้ด้วยบางครั้งก็ชวนน้าอ้วนไปทำบุญด้วยกัน
โดยให้สามีและลูก ๆ ของน้าอ้วนช่วยดูแลบ้านแทน
การดำเนินชีวิตของป้าสุชาดาเป็นเช่นดังกล่าวนี้จาก 1 ปี เป็น 2 ปี เป็น 3 ปี
 


หัวข้อ: Re: เกิดแต่กรรม
เริ่มหัวข้อโดย: ไอย ที่ 27 ธันวาคม 2552 20:26:30

ความสนิทสนมระหว่างน้าอ้วนและป้าสุชาดาก็มีมากขึ้นเป็นลำดับจนกระทั่ง
ป้าสุชาดา ให้น้าอ้วนอยู่บ้านโดยไม่เสียค่าเช่าบ้านเวลาล่วงเลยมาหลายปี
วันหนึ่งป้าสุชาดารู้สึกมือชา - เท้าชาและเกิดอาการปวดหัวจึงเรียก
น้าอ้วนให้ช่วยพาแกไปหาหมอหมอได้ตรวจอาการของป้าสุชาดา
โดยละเอียดพบว่าเป็นโรคอัมพาตในระยะเริ่มแรกและได้แนะนำ
ให้รีบรักษาโดยต้องมีคนดูแลอย่างใกล้ชิด น้าอ้วนเป็นคนขันอาสา
ที่จะคอยดูแล ป้าสุชาดาในระยะแรก ๆนั้นป้าสุชาดาพอที่จะช่วยเหลือตัวเองได้

แต่ในระยะต่อมาอาการกลับแย่ลงเนื่องจากหกล้มในห้องน้ำ
ทำให้ร่างกายไม่สามารถเคลื่นไหวได้ อีกทั้งไม่สามารถพูดจาได้
เงินทองก็เริ่มใช้มากขึ้น เพื่อน ๆ ที่ไปทำบุญด้วยกันก็แวะมาช่วยเหลือค่าใช้จ่าย
เงินทองที่แกเก็บไว้ก็นำมารักษาตัวโดยไม่คำนึงว่าจะเสียมาก - เสียน้อยเท่าใด
ขอเพียงรักษาให้หายเท่านั้น

น้าอ้วน ในตอนแรกก็อดทนพยาบาลป้าสุชาดาอย่างเต็มความสามารถ
แต่ยิ่งนานวันเข้าไม่เห็นว่าจะมีญาติของป้าสุชาดามาใส่ใจต่ออาการป่วยของแก
น้าอ้วนก็เริ่มมีมีใจละโมภอยากจะยึดทรัพย์สมบัติของป้าสุชาดามาเป็นของตน
 


หัวข้อ: Re: เกิดแต่กรรม
เริ่มหัวข้อโดย: ไอย ที่ 27 ธันวาคม 2552 20:30:21

การดูแลพยาบาลป้าสุชาดาเริ่มมีการต่อรอง อย่างที่ป้าสุชาดาไม่อาจปฏิเสธได้
มีการข่มขู่ว่าจะทิ้งให้ตายโดยไม่เหลียวแล หากไม่ยอมยกบ้านและที่ดินให้
มีการข่มขู่ด่าว่าเสียดสีอยู่ตลอดเวลา หากมีคนมาเยี่ยมก็จะเสแสร้งปรนนิบัติอย่างดี
จนผู้มาเยี่ยมตายใจและเข้าใจว่า น้าอ้วน มีคุณธรรมสูง ยอมดูแลป้าสุชาดา
โดยไม่รังเกียจทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่ญาติของตน เงินทองที่ได้รับการช่วยเหลือ
จากเพื่อนของป้าสุชาดาก็ถูกยักย้ายถ่ายเทมาอยู่ที่กระเป๋าของ น้าอ้วน

ในระยะหลัง ๆน้าอ้วนก็จะบอกกล่าวให้ผุ้มาเยี่ยมให้ช่วยออกค่ารักษาพยาบาล
โดยอ้างว่าตนเองได้ออกเงินไปเป็นจำนวนเท่านั้น - เท่านี้
ในขณะที่เงินทองก็ไม่เหลือพอขอให้ช่วยมอบเงินค่ารักษาให้ด้วย
ป้าสุชาดาต้องทนกับทุกข์ทางใจที่เกิดขึ้นกับแกอย่างอึดอัด เนื่องจาก
ไม่สามารถบอกความเป็นจริงที่เกิดขึ้นกับผู้ใดได้ ในที่สุดบ้านและที่ดิน
ก็ถูกโอนให้น้าอ้วนโดยภาวะจำยอม

หลังจากนั้นไม่นานนัก ป้าสุชาดาก็ตายจากไปด้วยอาการสงบ
น้าอ้วนจัดงานศพให้แกเสมือนญาติผู้ใหญ่โดยมีเจตนาบางสิ่งแอบแฝงอยู่
และเพื่อไม่ให้เป็นการครหาของผู้คน งานศพของป้าสุช้าดามีคนมามากพอสมควร
แต่ไม่ถึงกับมากนักส่วนใหญ่จะเป็นเพื่อน ๆ ของแกที่เคยเดินทางไปทำบุญด้วยกัน
 


หัวข้อ: Re: เกิดแต่กรรม
เริ่มหัวข้อโดย: ไอย ที่ 27 ธันวาคม 2552 20:33:06

โดยทั่วไปมักจะได้ยินว่า ”คนตายขายคนเป็น” ซึ่งหมายความว่าคนเป็นจัดงานศพ
อย่างฟุ่มเฟือยโดยหวังเพียงชื่อเสียง ทำให้คนที่ที่จัดงานศพต้องกู้หนี้ –ยืมสินมาจัดงาน
หลังงานศพแล้ว คนจัดงานมักมีภาระหาเงินมาชำระทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย
ซึ่งบางครั้งก็หาไม่ได้ ก็เป็นปัญหาต้องสะสางไม่มีที่สิ้นสุด แต่สำหรับกรณี
น้าอ้วนแล้วกลับตรงกันข้าม กล่าวคือน้าอ้วนได้กำไรจากการจัดงานศพ
ให้กับป้าสุชาดามากเป็นเงินจำนวนหนึ่งโดยได้เอ่ยปากขอค่าใช้จ่าย
จากเพื่อน ๆ ของป้าสุชาดามากกว่าความเป็นจริง
หลังจากเสร็จงานศพ ป้าสุชาดาแล้วทุกคนก็แยกย้ายกันไป
ปล่อยให้ป้าสุชาดาเป็นเพียงอดีตที่ผ่านเข้ามาในชิของแต่ละคนเท่านั้น
น้าอ้วนได้บ้านและที่ดินสมความปรารถณาของตน ฐานะก็เริ่มดีขึ้นตามลำดับ

สามีและลูก ๆน้าอ้วนเริ่มเหินห่างเนื่องจากเธอย้ายไปอยู่บ้านป้าสุชาดา
แต่สามีกับลูก ๆไม่ยอมย้ายมาอยู่ด้วยโดยอ้างว่ากลัวผีป้า สุชาดาจะมาหลอกหลอน
แต่น้าอ้วนไม่ใส่ใจและทำตัวให้เป็นที่รังเกียจของคนในระแวกใกล้เคียง
เนื่องจากฐานะของตนผิดกับเมื่อก่อนมาก ทำให้น้าอ้วนลืมตัว
ชาวบ้านใกล้เคียงไม่มีใครคบหาสมาคมด้วย ระยะหลัง ๆ
มักมีเรื่องทะเลาะกันในครอบครัวอยู่เป็นประจำ
 


หัวข้อ: Re: เกิดแต่กรรม
เริ่มหัวข้อโดย: ไอย ที่ 27 ธันวาคม 2552 20:37:24

สาเหตุเนื่องจากการใช้เงินของลูกชาย และน้าอ้วนก็เริ่มถูกทุบตี
จากสามีเป็นประจำหากไม่ยอมให้เงิน ลูกชายก็มักจะหาเรื่องเดือดร้อนให้
ส่วนลุกสาวก็เริ่มกลับบ้านไม่เป็นเวลา ปัญหาที่เกิดขึ้นทำให้น้าอ้วนทุกข์ใจ
และไม่มีปัญญาที่จะแก้ปัญหานี้ ความกดดันทางจิตใจเพิ่มขึ้นทุกวัน ๆ
จนบางครั้งเธอเกิดอาการจิตหลอนเห็น ป้าสุชาดายังคงอยู่ในบ้านหลังนั้น
น้าอ้วนเริ่มหาหมอผีมาทำพิธี รดน้ำมนต์สะเดาะเคราะห์ ฯลฯ
ทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น.............

การคิดมากของน้าอ้วน ทำให้คืนหนึ่งต้องถูกหามส่งโรงพยาบาลเนื่องจาก
เส้นโลหิตในสมองแตกร่างกายเป็นอัมพาตสามีและลูก ๆ ก็ไม่ค่อยสนใจ
ภายหลังจึงนำน้าอ้วนมาพักรักษาอยู่ที่บ้านไม้ทรงไทย ให้ลูกชายและลูกสาว
ผลัดกันดูแลพยาบาล ส่วนสามีหลังจากน้าอ้วนป่วยก็ไม่ค่อยได้กลับบ้าน
นานๆจะกลับสักครั้ง และมอบเงินทองให้ใช้สอยบ้าง ลูกชายและลูกสาว
ที่คอยเฝ้าพยาบาลก็ได้แต่เกี่ยงกัน โดยไม่คำนึงถึงว่า น้าอ้วนคือแม่บังเกิดเกล้าของตน
น้าอ้วนได้แต่นอนน้ำตาไหลเมื่อเห็นลูก 2 คนทะเลาะกันโดยที่
น้าอ้วนไม่ยอมเอ่ยปากต่อว่าลูก ๆ เลย เนื่องจากกลัวว่าลูก ๆ จะทอดทิ้ง
 


หัวข้อ: Re: เกิดแต่กรรม
เริ่มหัวข้อโดย: ไอย ที่ 27 ธันวาคม 2552 20:42:31

น้าอ้วน ต้องทนทุกข์ทรมานอยู่ 2 ปี จนกระทั่ง.......................................
คืนวันนั้น น้าอ้วนได้ยินเสียอึกทึกนอกบ้าน ลูกสาวที่ดูแลน้าอ้วน
ขอไปพบเพื่อนชายที่ปากซอยเป็นเวลานานแล้วไม่เห็นกลับสักที
น้าอ้วนตกใจกับเสียงตะโกน ไฟไหม้ ......! ไฟไหม้......!
แต่ก็จนใจไม่สามารถขยับตัวได้

ไฟได้ลุกลามใกล้เข้ามาทุกขณะความร้อนแผ่เข้ามาอย่างรวดเร็ว
น้าอ้วนเห็นว่าไม่มีทางรอดชีวิตแล้ว ใจเริ่มนึกถึงป้าสุชาดา จิตใของ
ป้าสุชาดาคงร้อนรุ่มยิ่งกว่าเปลวไฟที่น้าอ้วนกำลังเผชิญอยู่ตรงหน้า
ในอดีตน้าอ้วนข่มขู่ให้ป้าสุชาดามอบที่ดินแปลงนี้ให้ด้วยความจำยอม
น้าอ้วนเริ่มสำนึกถึงบาปที่ได้ก่อไว้กับป้าสุชาดา กรรมที่ตนก่อไว้นั้น
ยังหนักกว่าวิบากกรรมที่ตนต้องรับขณะนี้มากมายยิ่งนัก
ความร้อนของเปลวไฟร้อนขึ้นทุกที ๆ จนในที่สุด
น้าอ้วนก็ไม่รู้สึกถึงความร้อนใด ๆ อีก


ที่มา :  buddhayan.com
กวนอวี้โหลว  วันเวลา: 07/12/2552 12:04:45