[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

นั่งเล่นหลังสวน => สุขใจ อนามัย => ข้อความที่เริ่มโดย: 【ツ】ต้นไม้ความสุข ♪ ที่ 28 มิถุนายน 2555 00:02:21



หัวข้อ: โรควุ้นในลูกตาเสื่อม อย่ามองข้าม
เริ่มหัวข้อโดย: 【ツ】ต้นไม้ความสุข ♪ ที่ 28 มิถุนายน 2555 00:02:21
เงาตะกอนน้ำวุ้นตาและไฟแลบ (Floaters and Flashes)

(http://www.lasikcare.net/site4/images/stories/demo/lasik/Eyesick/vitreous_detachment_sm.jpg)

เงาตะกอนน้ำวุ้นตาคืออะไร
“เงาตะกอนวุ้นน้ำตา” (Floaters) คือ เงาดำเล็กๆ หรือหยากไย่ที่เห็นลอยไปมา  จะเห็นได้ชัดขึ้นเมื่อมีแสงสว่างเข้าตามาก  เช่น  เมื่อมองพื้นขาวหรือท้องฟ้าใส  เงาดำจะจางลงไปเมื่อแสงเข้าตาน้อย  เช่น  ขณะอยู่ในที่ร่ม  หรือในบ้าน  เป็นต้น

รูปร่างของเงาดำมีลักษณะต่างๆ กันตามรูปร่างของตะกอนในน้ำวุ้นตา  เช่น  เป็นจุดวงแหวน  ลูกน้ำ  หยากไย่  คล้ายใยแมงมุม  เป็นต้น  ซึ่งถ้าหากเงาดำนี้เกิดขึ้นทันทีทันใดก็อาจทำให้ตกใจได้  จำนวนของเงาดำนี้มีความสำคัญมาก  คนปกติทั่วไป  ถ้าเห็นเงาดำ 2-3 จุด  ส่วนใหญ่ไม่มีอันตราย  เป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติของตาเมื่ออายุมากขึ้นเท่านั้น  ผู้ที่มีสายตาสั้น  หรือหลังลอกต้อกระจก  จะพบปรากฎการณ์นี้มากกว่าคนปกติทั่วไป  อาจจะมีเลือดออกในน้ำวุ้นจากการฉีกขาดของจอประสาทตาได้



หัวข้อ: Re: โรควุ้นในลูกตาเสื่อม อย่ามองข้าม
เริ่มหัวข้อโดย: 【ツ】ต้นไม้ความสุข ♪ ที่ 28 มิถุนายน 2555 00:03:09
สาเหตุของเงาตะกอนวุ้นน้ำตา
ปกติช่องว่างภายในลูกตามีวุ้นเหมือนเยลลี่บรรจุอยู่เต็มไม่มีการเคลื่อนไหว  แต่เนื่องจากการมีอายุที่มากขึ้น  การมีสายตาสั้นมากๆ หรือการโดนกระแทกที่ศรีษะหรือบริเวณตา  ทำให้น้ำวุ้นเปลี่ยนสภาพเป็นของเหลวและตกตะกอน  เงาของตะกอนอาจจะใสๆ หรือสีเทา  ลอยไปลอยมาตามการไหลของน้ำวุ้นเมื่อมีการกลอกตา

อาการของตะกอนน้ำวุ้นที่มีอันตราย
การที่น้ำวุ้นเปลี่ยนสภาพเป็นของเหลว  เป็นปรากฎการณ์ตามปกติ  ดังนั้น  การมองเห็นเงาดำ 2-3 จุด  ถือเป็นเรื่องปกติ  แต่ในบางรายภาวะที่มีอาการตกตะกอนนี้  น้ำวุ้นตาจะหดตัว  แยกออกจากจอประสาทตาไปพร้อมกัน  บางครั้งดึงรั้งจนจอตาฉีกขาด  และถ้าตำแหน่งที่ฉีกขาดตรงกับเส้นเลือดที่จอตา  เลือดจะไหลเข้าไปน้ำวุ้นตาทำให้เห็นเงาดำเป็นจุดเล็กๆ จำนวนมาก  ในกรณีนี้อันตรายมากเพราะจอตาอาจลอกหลุดได้  ในบางรายระหว่างที่น้ำวุ้นตากำลังดึงจอประสาทตา  จะมีอาการมองเห็นไฟแลบเป็นรูปโค้งๆ (เหมือนถูกถ่ายรูปด้วยแฟลช) มักจะเห็นตอนค่อนข้างมืดในขณะกลอกตาไปทางใดทางหนึ่ง  อาการเห็นไฟแลบนี้อาจจะเป็นอยู่ 2-3 วัน  ถึง 6 เดือน  โดยไม่มีอันตรายใดๆ

ฉะนั้น  หากไม่ได้รับการตรวจตาอย่างละเอียด  ก็ไม่มีโอกาสทราบได้ว่า  ตะกอนน้ำวุ้นตาที่เกิดขึ้นนั้นเป็นอันตรายต่อผู้ป่วยหรือไม่  ดังนั้น  ถ้ามีเงาดำที่เกิดขึ้นทันทีทันใดหรือมีอาการเห็นแสงไฟแลบ  ควรรีบปรึกษาจักษุแพทย์ทันที

วิธีการรักษาตะกอนน้ำวุ้นตา
แม้ปัจจุบันยังไม่มียาที่รักษาให้ตะกอนน้ำวุ้นตาละลายไปได้  แต่ให้เข้าใจว่า  เฉพาะเงาดำที่เกิดจากการตกตะกอนตามธรรมชาติของน้ำวุ้นตานั้นไม่มีอันตรายใดๆ ต่อตา  ไม่มีผลที่จะทำให้สายตามัวลง  และทั่วๆ ไปจะไม่เป็นมากขึ้น  นอกจากจะทำให้รำคาญ  และวิตกกังวลเท่านั้น

เมื่อผู้ป่วยเข้าใจแล้วว่า  เป็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตามวัยเช่นเดียวกับสีผมที่เปลี่ยนไป  ความวิตกก็คลายลง  และเกิดความเคยชินจนเงาดำค่อยๆ ลางหายไปเองจากความรู้สึก  ดังนั้น  จึงไม่ทำการผ่าตัดเพื่อเอาตะกอนน้ำวุ้นตาออก  เพราะประโยชน์ที่ได้ไม่คุ้มกับการเสี่ยง

ผู้ป่วยบางรายต้องพบกับความรำคาญขณะอ่านหนังสือ  เพราะเงาตะกอนน้ำวุ้นตามาบังรบกวนประสาทตา  วิธีการแก้ไข  คือ  ให้กลอกตามองขึ้น  มองลงไปรอบๆ จะทำให้น้ำวุ้นภายในลูกตาไหลวน  ตะกอนก็จะเคลื่อนย้ายตำแหน่งไป  ทำให้ไม่บังตา

ควรได้รับการตรวจตาจากจักษุแพทย์หรือไม่?  ถ้ามีเงาตะกอนน้ำวุ้นตาหรือไฟแลบ
ผู้ป่วยที่เห็นเงาตะกอนน้ำวุ้นตาหรือไฟแลบเกิดขึ้น  ประมาณร้อยละ 15 ของผู้ป่วยอาจมีความผิดปกติของจอประสาทตา  คือ  รูรั่ว  หรือ  รอยฉีกขาดเกิดขึ้นร่วมด้วย  ถ้าไม่ได้รับการรักษาทันท่วงที  รอยนี้ก็จะลุกลามเป็นจอประสาทตาหลุดลอก  ซึ่งต้องได้รับการผ่าตัดรักษา

การรักษารูรั่วหรือรอยฉีกขาดที่จอประสาทตาที่ยังไม่หลุดลอก  ทำได้ง่ายโดยใช้เลเซอร์ไปอุดรอยรั่วเท่านั้นก็เพียงพอ  ดังนั้น  ผู้ป่วยที่มองเห็นจุดลอย  ควรพบจักษุแพทย์เพื่อตรวจว่า  จอประสาทตาอ่อนแอและมีโอกาสเป็นรูรั่วหรือไม่  แต่ในรายที่เห็นไฟแลบและมองเห็นตะกอนจำนวนมาก  ต้องรีบพบจักษุแพทย์ทันที  เพราะมีอัตราเสี่ยงกับการมีรูรั่วที่จอประสาทตามากที่สุด

โรงพยาบาลจักษุรัตนิน (www.rutnin.com (http://www.rutnin.com))
โทร 0-2639-3399  แฟกซ์ 0-2639-3311


จากคอลัมน์ " รักสุขภาพ " ของหนังสือพิมพ์ คมชัดลึก ตอน โรควุ้นในลูกตาเสื่อม ซึ่งเขาได้อ้างอิงจาก fwdder.com/topic/9673



หัวข้อ: Re: โรควุ้นในลูกตาเสื่อม อย่ามองข้าม
เริ่มหัวข้อโดย: 【ツ】ต้นไม้ความสุข ♪ ที่ 28 มิถุนายน 2555 00:04:30
โรควุ้นในลูกตาเสื่อม

คนที่เล่นคอมพ์เกือบทุกคน เป็นโรค 'วุ้นในลูกตาเสื่อม' ตอนนี้ในประเทศไทย มีคนเป็นโรคนี้ถึง 14 ล้านคนแล้ว จากข้อมูลทางหนังสือพิมพ์ (นี่เฉพาะแค่ที่มีข้อมูลบันทึกไว้ คนที่ไม่รู้ตัวว่าตัวเองเป็นจะมากขนาดไหน?)

อาการก็คือ !
คุณจะเห็นเป็นคราบดำๆ เหมือนหยากไย่ ลอยไปลอยมาเหมือนคราบที่ติดกระจก จะเห็นชัดก็ต่อเมื่อ คุณมองไปยังภาพแบล็คกราวนด์ที่มีสีสว่าง เช่น ท้องฟ้าขาวๆ ฝาห้องขาวๆ ฝาห้องน้ำขาวๆ จะเห็นเป็นคราบดำๆ ลอยไปลอยมา ถ้าอาการมากกว่านั้นก็คือ ประสาทตาฉีกขาด คุณจะมองเห็นแสงแฟลชในที่มืด ไม่ว่าหลับตาหรือลืมตา (น่ากลัวมากๆค่ะ) และถึงขั้นนี้จะต้องผ่าตัด (ซึ่งไม่มีอะไรรับประกันว่าจะดีเหมือนเดิม จะตาบอดหรือไม่?)

สาเหตุของโรคนี้คือ !
'การใช้สายตามากเกินไป' (เล่นคอม) แต่ก่อนโรคนี้จะเกิดกับผู้สูงอายุ หรือ คนที่มีอาชีพใช้ที่สายตามากๆ เช่น ช่างเจียระไนเพชรพลอย ! ที่ต้องใช้สายตาเพ่งมากๆ แต่เดี๋ยวนี้คนเป็นโรควุ้นในลูกตาเสื่อมกันมากเพราะ เล่นเนต หรือ เล่นคอม (คุณฟังไม่ผิดหรอก เดี๋ยวนี้คนเป็นโรคนี้กันมากเพราะเล่นคอมนี่แหละ)

ถามว่าทำไม คนเล่นเนต เล่นคอม ถึงเป็นกันมาก?
ไม่ว่าคุณจะเล่นเนต, เล่นเกมส์, อ่านไดอารี่, อ่านบทความ, อ่านหนังสือหรืออะไรก็ตาม ที่อยู่บนจอคอมพิวเตอร์ ล้วนทำให้สายตาคุณเสียได้ทั้งสิ้นเพราะว่า ถ้าคุณอ่านหนังสือที่เป็นแผ่นกระดาษธรรมดาๆ 'ระยะห่างระหว่าง ลูกตา กับ ตัวหนังสือ จะคงที่ แน่นอนเพราะขอบของตัวหนังสือจะคมชัด ทำให้สมองกะระยะโฟกัสได้ถูกต้องแน่นอนกว่า กล้ามเนื้อและประสาทตาจึงทำงานค่อนข้างคงที่
แต่ ! ตัวหนังสือบนจอคอมพิวเตอร์นั้น มีลักษณะเป็นจุดๆ ประกอบกัน เหมือนแขวนลอยบนจอ ขอบของตัวหนังสือไม่คมชัด สมองจะสับสนในการปรับระยะโฟกัส ( เพราะจอแก้ว จะมีความหนาของแก้ว แต่เรามองผ่านมันไป ) (จอ LCD เราก็ต้องมองผ่านเข้าไปเหมือนกัน ตัวหนังสือไม่ได้ติดอยู่ด้านบนเหมือน อยู่บนแผ่นกระดาษ)

การปรับระยะโฟกัสจึงไม่แน่นอน บวกกับ ลักษณะการอ่านหนังสือในคอมนั้น จะต้องใช้เม้าส์จิ้ม ลากแถบด้านข้างจอ เพื่อเลื่อนบรรทัดหนังสือขึ้นลง เพื่อที่จะอ่านบรรทัดด้านล่างได้หรือไม่ก้อ ใช้ลูกหมุนที่อยู่บนเม้าส์หมุนเพื่อเลื่อนบรรทัดหนังสือ

แต่การเลื่อนบรรทัดนี้ ไม่เหมือนกับการอ่านหนังสือจากแผ่นกระดาษ ที่แขนกับคอเราจะปรับการมองขึ้นลงโดยอัตโนมัติ มีระยะที่แน่นอน สัมพันธ์กัน แต่ว่าการเลื่อนบรรทัดด้วยแถบด้านข้าง หรือลูกกลิ้งบนเม้าส์นั้น มันจะมีลักษณะการเลื่อนแบบกระตุกๆ (คุณสังเกตุดู ) มันจึงทำให้ปวดตามากๆ เพราะจะต้องลากลูกตาเลื่อนตามบรรทัดที่กระตุกๆ นั้นไปตลอด บวกกับ การพิมพ์ตัวหนังสือนั้น บางทีคุณต้องก้มเพื่อมองนิ้ว ว่ากดตำแหน่งบนแป้นพิมพ์ถูกตัวอักษรหรือไม่ ทำให้เดี๋ยวก้ม เดี๋ยวเงย ลูกตาปรับโฟกัสบ่อยเกิน ทำให้ลูกตาทำงานหนัก กว่าจะพิมพ์งานเสร็จ คุณจะปวดตามากๆ ตัวอย่างเช่นกรณีเด็กนักศึกษา เร่งพิมพ์รายงานส่งอาจารย์ ติดต่อกันข้ามคืน ! สองสามวัน ตาจะปวดมากๆ

รวมทั้งเวลาการเปิดใช้โปรแกรม word ในการพิมพ์ตัวหนังสือมักจะมีสีพื้นที่เป็นสีขาวสว่าง (ที่นิยมก็คือ ตัวหนังสือสีดำบนพื้นสีขาว) สีพื้นที่สว่างจ้านี่เอง ทำให้ตาคุณจะเกิดอาการแพ้แสง ถ้ามีการพิมพ์ติดต่อกันนานๆ เพราะจ้องจอสีขาวนานเกินไป หรือไม่ก็คนที่ชอบเล่นเกมส์บ่อย ๆ มักจะมีการปรับแสงสว่าง เพราะเวลาเล่นเกมส์ ภาพพื้นหลังของเกมส์มักจะมืดๆ

สรุปก็คือ
1. การมองตัวหนังสือที่แขวนลอยอยู่ในจอโฟกัสไม่แน่นอน กล้ามเนื้อลูกตาทำงานหนัก 'ทำให้สายตาเสีย'
2. การเลื่อนตัวหนังสือและแถบบรรทัด ในหน้าคอม หรือ หน้าเนต มันจะเลื่อนแบบเป็นกระตุกๆ ทำให้สายตาเสีย การกระตุกๆ ของแถบบรรทัดนี่เอง ที่ทำให้สายตาเสีย
3. การก้มๆเงยๆ มองแป้นพิมพ์ และมองจอคอม กลับไปกลับมา 'ทำให้สายตาเสีย '
4. การปรับจอภาพที่! มีแสงสว่างจ้ามากเกินไปโดยไม่รู้ตัว 'ทำให้สายตาเสีย' (คล้ายๆ กับการเปิดดูทีวี ในห้องมืดๆ เป็นประจำ แล้วทำให้สายตาเสียน่ะเองค่ะ อย่างเดียวกัน)
5. การใช้จอคอม ที่มีความกว้างมากเกิน !! (จอคอมกว้างๆ นั้น เหมาะสำหรับการดูภาพ ดูหนัง แต่ไม่เหมาะกับการดูตัวหนังสือ !!) เพราะว่า สายตาคนเรานั้นมีระยะการมองตัวอักษรที่ 1 ฟุต (12นิ้ว) แต่จอคอมสมัยใหม่ กลับมีความกว้าง 17 นิ้ว 19 นิ้ว หรือมากกว่านั้น ซึ่งมันกว้างเกินระยะกวาดสายตามอง จากขอบหนึ่งไปสู่อีกขอบหนึ่ง (ทำให้ปวดทั้งคอ ทั้งลูกตา)

ถามกลับไปว่า ทำไม กระดาษเอกสาร ที่ใช้ในการอ่านการเขียนทั่วไปจึงมีขนาด A4 ?
คำตอบ ก็คือ ความกว้างของกระดาษ A4 ไม่กว้างเกินไป กำลังพอดีกับการกวาดสายตามอง และเป็นคำตอบเดียวกับที่ว่าทำไมขนาดของจอคอมคุณที่ใช้ ไม่ควรเกิน 15 นิ้ว นั่นเอง

ส่วนมากคนทั่วไป มักจะคิดไม่ถึงว่า การเล่นคอมทุกวันนั้น จะเป็นสาเหตุใหญ่ที่สามารถทำให้ตาบอดได้ ถ้าเกิดอาการรุนแรงเพราะกว่าจะรู้ตัวแล้วไปหาหมอ หมอก็อาจจะบอกว่า คุณไม่สามารถรักษาหายได้แล้ว และต้องรักษาด้วยการผ่าตัดเท่านั้น!!!

อ้างอิง : tiida-club.net/smf/index.php?topic=11056.0


หัวข้อ: Re: โรควุ้นในลูกตาเสื่อม อย่ามองข้าม
เริ่มหัวข้อโดย: That's way ที่ 03 กรกฎาคม 2555 02:56:09
แล้วถ้าวุ้นมะพร้าวเสื่อมแก้ได้ยังไงฮะ
 ;D