[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => เอกสารธรรม => ข้อความที่เริ่มโดย: Kimleng ที่ 22 กรกฎาคม 2555 16:18:03



หัวข้อ: พระโอวาทพระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 22 กรกฎาคม 2555 16:18:03

(http://t0.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcSRCbimg9QG7X5PT5ktM6CUONcOtvdxXZMijMAC4RFOg-NQ41gG)
พระโอวาท
พระเจ้าวรวงศ์เธอ  กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์
สมเด็จพระสังฆราชเจ้า

**************

ไม่ว่าชาวบ้านชาววัด  ต่างถือก๊กถือพวก  อุดหนุนแต่ก๊กหรือพวกของตัว  ที่จริงต่างก็เป็นปุถุชน ก็ต้องเป็นเช่นนั้น  แต่อย่าประพฤติฉะนั้นจนถึงน่าชัง ผู้ถือเช่นนั้นเป็นผู้ใหญ่ปกครองประชุมชนไม่ได้เลย  ตัวอย่างเช่นผู้เป็นสมภารครองพระเณรมาก  แต่ก็ถือพวก  พวกตัวปกครองอย่างหนึ่ง  ที่ถือว่าไม่ใช่ปกครองอย่างหนึ่ง ถือดังนี้แตกสามัคคี  การงานเหลวหมด  ถ้าสมภารถือพระเณรในวัดมากน้อยเท่าใดเป็นพวกของตัวทั้งหมด  การงานก็ดำเนิน  ลูกวัดก็เหมือนกันไม่ควรถือพวก  ปุถุชนไม่พ้นรักกันชังกัน  ข้อสำคัญต้องตั้งอยู่ในยุติธรรม  ผิดก็ให้เป็นผิด  ถูกก็ให้เป็นถูก อย่ากลับกันเสีย  วัดเดียวถือพวกถือก๊กไม่ชอบด้วยขนบที่ดี  ถือส่วนตัวควรอยู่  กิจการวัดต้องช่วยกันทำ  ร่วมมือกันทำ  ในใจจะเป็นอย่างไรบ้างก็ตาม  ภายนอกควรแสดงเมตตากรุณาต่อกัน  เคารพนับถือต่อกัน  ชื่นบานต่อกัน จัดเป็นดีพอใช้ฯ

ท่านว่าพระพุทธเจ้ารู้ได้เองซึ่งสิ่งทั้งปวง  ทั้งส่วนต้องละแลเจริญ  ทรงประพฤติได้สมความรู้  ข้อนี้น่าเชื่อแท้จริง  คนอย่างพวกเราทั้งหลายก็อาจรู้ได้เอง  สอนตัวเองให้ดีได้ตามควรแก่ปัญญาและความปฏิบัติ  เช่นคนขี้โกรธมาโกรธด่าว่าเรา ๆ ไม่ชอบ นี้ก็สอนว่าเราไม่ควรเอาอย่าง คนใจดีเราชอบ นี้ก็สอนให้เราเอาอย่างทำบ้าง  สรุปใจความ สิ่งไรที่เห็นกิริยาหรือพูดหรืออะไรที่ส่อให้เห็นน้ำใจ  เราเห็นว่าเป็นการไม่ดี แลเห็นผลเป็นตัวทุกข์แท้  เราก็อย่าเอาอย่าง  ถ้าเห็นว่าดี  และเห็นผลเป็นตัวสุข  เราก็เอาอย่างทำบ้าง  เพียงเท่านี้ก็เป็นดีได้บ้าง  ถ้าเห็นคนทำสิ่งที่เราไม่ชอบ  ให้ผลเป็นทุกข์  แต่ตัวเราชอบทำ  หรือเห็นคนทำสิ่งที่เราชอบ  ให้ผลเป็นสุข  แต่ตัวเราหาชอบทำไม่  ดังนี้ก็เอาตัวรอดไม่ได้ฯ  บางที่ดีแต่ติเขา  แต่เราก็ทำอย่างที่เราติเขา  สรรเสริญเขา  ว่าเขาดีอย่างนั้น ๆ แต่ตัวเราก็ไม่เอาอย่าง ดังนี้ก็ใช้ไม่ได้ฯ

คำของพระครูพันธศีลาจารย์พูดกับตาปีหมอนวด (ซึ่งแกมักติว่า เด็กศิษย์วัดนั้น พระเณรวัดนั้นไม่ดี มักข่มเหงแก)  ว่า แกจงดูสุนัขศีรษะเน่า  หนอนกวนไชแผล  นอนอยู่ที่หนึ่ง มันไม่เข้าใจว่าไม่สบาย  เพราะความคันแผลที่ศีรษะมัน  แต่มันเข้าใจว่าที่ที่มันนอนไม่ดีไม่สบาย  จึงลุกสลัดศีรษะของมันไปนอนที่อื่นอีกต่อไป  ก็คันอีก  มันก็เข้าใจว่าที่นั้นไม่ดีอีก  ลุกสลัดศีรษะย้ายไปนอนที่อื่นอีก  แต่มันมัวลุกวิ่งไปนอนในที่ต่าง ๆ ไม่รู้จบ มันเข้าใจว่าที่นั้น ไม่ดีนอนไม่สบาย  หาเข้าใจว่าไม่ใช่ที่ทางไม่ดี  แผลที่ศีรษะมันถูกหนอนไชจึงคัน  นอนไม่เป็นสุขต่างหาก  ฉะนั้น ถ้ารักษาแผลที่ศีรษะให้หายแล้ว นอนที่ไหนก็สบายทั้งนั้น ฉันใด คนประพฤติไม่ดีแล้ว อยู่ที่ไหนก็ไม่เป็นสุข ไม่ใช่คนอื่นข่มเหง ถ้าประพฤติดีแล้ว อยู่ที่ไหนก็เป็นสุขทั้งนั้น ฉันนั้นฯ

ไม่ใช่ตั้งใจเสียดสีใคร  เป็นการแนะทั่วไป  เผื่อทำได้  จะได้เป็นผู้หลักผู้ใหญ่น่าชมของนักปราชญ์.


(ที่ระลึกงานพระราชทานเพลิง วันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๘๑)



คัดลอกจาก : หนังสือบรรพชาอุปสมบทวิธีอนัมนิกาย  โดย องสรภาณมธุรส (บ๋าวเอิง) เจ้าอาวาสวัดสมณานัมบริหาร   พิมพ์ที่ โรงพิมพ์สหวิทยพาณิชย์   พระนคร  พ.ศ. ๒๕๐๒