[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => ไขปัญหาโลก ธรรม และความรัก => ข้อความที่เริ่มโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 11 กรกฎาคม 2553 11:40:25



หัวข้อ: เขียนถึงความรัก.. อีกสักครั้ง
เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 11 กรกฎาคม 2553 11:40:25
[ เขียนถึงความรัก.. อีกสักครั้ง ]

[ โดย อ.มดเอ็กซ์ บอร์ดเก่า ]



ช่วงเวลาที่ผ่านมา  ข้าพเจ้าได้รับรู้เรื่องราวของความทุกข์จากความรักอยู่หลายเรื่องราวทีเดียว    แต่ละเรื่องราวนั้นเจือปนไปด้วยความเศร้าและความผิดหวัง  เมื่อไม่นานมานี้น้องสาวที่รักและคุ้นเคยกันคนหนึ่งต้องพบเจอกันสถานการณ์ที่เจ็บปวดและผิดหวังอย่างหนัก   เพราะอยู่ๆสามีที่รัก ก็มาบอกว่าตอนนี้เขาไปตกหลุมรักกับผู้หญิงอีกคนหนึ่ง   และไม่สามารถทอดทิ้งเธอคนนั้นไปได้    

เธอได้แต่ตั้งคำถามในใจว่า แล้วตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา  ฉันเป็นอะไรของเธอรึ  ความรักที่เรามีให้กันก่อนหน้านี้ล่ะ  มันหายไปไหน ??  ไม่มีคำอธิบายและคำตอบในเรื่องเหล่านี้    มันอาจจะเป็นเรื่องที่เข้าใจยากอยู่ และอธิบายยากอยู่  แต่ความทุกข์ความเศร้าที่เกิดขึ้นกับเธอนั้นมันหนักหนาสาหัสจริงๆ    การเผชิญกับเรื่องราวเหล่านั้น มันไม่ใช่เรื่องที่จะผ่านพ้นไปได้ง่ายๆ เลย

(http://gotoknow.org/file/yanuprom/love3a.jpg)

และเธอก็ไม่ได้เหมือนนางเอกหรือนางร้ายในนวนิยาย  ที่จะไปตามราวีหรือ  แย่งยื้อคืน สุดท้ายเธอก็ปล่อยเขาไป   ปล่อยไปแบบง่ายๆ  เสียงั้น  แล้วก็อยู่กับความเจ็บปวดของตัวเอง

มีคำถามหนึ่งที่เราทั้งหลายมักจะถามตัวเองในใจเมื่อเจอเหตุการณ์เช่นนี้ คำถามที่ว่าคือ   ฉันทำผิดอะไร เธอจึงไปจากฉัน  แม้เธอจะหมดรักฉันแล้ว แต่การเปลี่ยนใจไปหาคนใหม่ เหมือนการถอดเสื้อผ้าชุดเก่าๆ ทิ้งไป  โดยไม่สนใจชีวิตจิตใจของฉันเลยมันมากไปรึเปล่า ??

จนบัดนี้ข้าพเจ้ายังขุ่นเคืองใจเขาผู้นั้น   เขาคนที่ทอดทิ้งน้องสาวของข้าพเจ้าไปนั่นแหละ ข้าพเจ้าเข้าใจว่าเขาคงรู้สึกผิดมากๆ  เพราะเห็นแวะเวียนโทรมาถามหาและดูแลอยู่พักหนึ่ง  แถมมีการส่ง CD ธรรมะมาปลอบใจ ด้วย  ข้าพเจ้านึกขำในใจ  และบอกน้องสาวว่า  เขาไม่ควรส่งมาให้ใครฟังหรอก  แต่เขาควรจะฟังเสียเอง

(http://gotoknow.org/file/yanuprom/now6.JPG)

ท่านอาจารย์ศิริพร  แห่งมูลนิธิศูนย์วิปัสสนาเชียงใหม่จะกล่าวสอนอยู่เสมอว่า  การใช้ชีวิตคู่  สามีและภรรยาต้องมีศีลเสมอกัน    มิฉะนั้นจะอยู่ด้วยกันอย่างไม่มีความสุข และจะเกิดทุกข์อย่างใหญ่หลวง เพราะผู้ที่ไม่อยู่ในศีลเลยสักข้อ ย่อมนำความทุกข์มาให้คู่ชีวิตของตน  เพราะผู้ที่ไม่อยู่ในศีลมักจะทำอะไรตามอำเภอใจ  ตามที่ใจอยาก  ตามที่กิเลสต้องการ  มันจึงนำมาซึ่งความทุกข์ ความเศร้า ไม่ว่างเว้น

ข้าพเจ้าเคยอ่านหนังสือเล่มหนึ่งนานมาแล้ว  อาจารย์ ดร.ระวี ภาวิไล ได้สอนลูกๆ ไว้ว่า   “ คนเราไม่ใช่สัตว์ จะได้ทำอะไรตามอำเภอใจได้  “  ข้าพเจ้านึกหมายรวมไปถึงเรื่องราวการใช้ชีวิตคู่ของผู้คนทั้งหลาย และการใช้ชีวิตอื่นๆ ด้วย  เพราะมนุษย์เรามีความคิด มีสติ มีปัญญา แม้หลายคนจะคิดเห็นไปว่า  ตนเองเป็นอิสระและเป็นปัจเจก ไม่เกี่ยวเนื่องกับใคร แต่ในความสัมพันธ์นั้น   เราไม่อาจทำอะไรตามอำเภอใจไปเรื่อยเปื่อยได้  แม้เราจะหมดรักหรือเบื่อหน่ายใครสักคน   แต่ความรับผิดชอบในความสัมพันธ์นั้นยังคงมีอยู่   มันออกจะง่ายเกินไปหน่อยที่ใครสักคนจะเปลี่ยนคู่ไปเรื่อยๆ โดยไม่สนใจว่าจะทำให้ใครอีกคนมีความทุกข์หรือไม่  

ถ้ามันจำเป็นด้วยเหตุและปัจจัยใดๆก็แล้วแต่ที่จะต้องจากกัน หรือจำเป็นต้องเลิกร้างห่างกัน ก็ควรจะมีแนวทางที่เหมาะสม  
(http://gotoknow.org/file/yanuprom/now5.JPG)
โชคดีที่น้องสาวข้าพเจ้าคนนี้ มีพื้นหลังและเหตุปัจจัยที่ดีงามพอ  เมื่อความทุกข์อย่างสาหัสบังเกิดขึ้น  เธอก็เข้าสู่วิถีแห่งการภาวนา  หลายคนที่เจอเหตุการณ์เช่นนี้  อาจจะไปตามล้างตามล่า  ตามราวีคู่กรณี  ไปดื่มเหล้าประชดชีวิต ไปฆ่าตัวตาย  หรือวิ่งหนีความจริงไปแสวงหาคนใหม่ เพื่อมาทดแทนคนเก่า เพื่อประชดชีวิต เพื่อทดแทนอะไรสักอย่าง  แต่สำหรับเธอ การภาวนาคือสิ่งเดียวที่เธอคิดได้ในตอนนั้น  เธอบอกว่าไม่รู้ทำไม ก่อนที่จะเกิดเรื่องราวขึ้น  อยู่ๆเธอก็สนใจฟังเทปธรรมะ และสนใจอ่านหนังสือธรรมะ  พอมีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นในชีวิต   คำสอนของพระพุทธองค์ คือสิ่งเดียวที่เธอนึกถึง

แต่ความทุกข์มันไม่ได้ผ่านพ้นไปโดยง่ายดายนัก  มันออกจะยากอยู่ที่จะตัดใจจากใครสักคนที่เคยใช้ชีวิตด้วยกันมาหลายปี รักกันมาหลายปี  เธอร้องไห้อยู่หลายครั้ง และเกือบทุกๆวัน   ทุกข์ใจอย่างถึงที่สุด  และยังทำใจที่จะให้อภัยผู้หญิงอีกคนที่เยื้อแย่งสามีเธอไปไม่ได้  รวมทั้งเขาคนนั้นด้วย

สิ่งที่ข้าพเจ้ามองเห็นก็คือ ความเติบโตและแข็งกล้าของเธอหลังจากเหตุการณ์นี้ ในช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดของชีวิต  เรามักจะได้บททดสอบที่ดีที่สุด และมีประโยชน์ที่สุดมาบทหนึ่ง   แถมมักจะได้พละกำลังบางอย่างคืนมามากมาย หลังจากที่เหตุการณ์นั้นผ่านพ้นไปแล้ว

น้องสาวของข้าพเจ้าคนนี้เธอเป็นคนดี  และน่ารัก  จิตใจเธองดงาม และมีเมตตา คนที่ไม่เห็นคุณค่าก็คงเหมือนไก่ได้พลอยนั่นแหละ  ข้าพเจ้ามักพูดเล่นๆกับเธอว่า ปล่อยไก่ไปเถอะ  พลอยไม่ควรคู่กับไก่อยู่แล้ว   ปล่อยไก่โง่ๆ ตัวนั้นไปเสีย

มีคนบอกว่าเรื่องของความรักมักไม่มีเหตุผล  หลังๆ เธอบอกว่า  เขาทั้งคู่คงเป็นคู่ที่แท้กันมาก่อน ส่วนเธอมีเหตุและปัจจัยกับเขามาแค่นั้น อันนี้ข้าพเจ้าก็ไม่แน่ใจนัก เพราะเขาก็อาจจะเจอใครสักคนในอนาคตแล้วทอดทิ้งเธอคนนั้นไปก็ได้ เรื่องของเวรกรรมมันยากจะคาดเดาได้   แถมมักจะตามมาทันอย่างรวดเร็วเสมอในปัจจุบันนี้

(http://gotoknow.org/file/yanuprom/now3.jpg)

ความเป็นอิสระ  คือสิ่งที่น้องสาวข้าพเจ้าได้รับในขณะนี้      และวิถีแห่งการภาวนาก็คือสิ่งเดียวที่เธอนำมาใช้ในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ  และสามารถนำไปใช้ในการดำรงชีวิตในทุกๆวัน  ทั้งเรื่องการงาน ทั้งเรื่องความสัมพันธ์กับคนอื่นๆ   เธอได้พบความสุขและความเป็นอิสระโดยแท้จริง และข้าพเจ้าเชื่อว่า ถ้าเธอจะเริ่มต้นใหม่กับใครสักคน เขาจะเป็นคนที่เห็นคุณค่าของเธออย่างเต็มเปี่ยม  

เธอบอกว่าสุดท้ายต้องขอบคุณเขาผู้นั้น ที่ถีบส่งเธอให้เข้าสู่โลกทางธรรมได้ เพราะจุดเริ่มต้นของการเข้าสู่วิถีนี้คือ “ความทุกข์”  จากเขาเป็นตัวตั้ง

มีใครหลายๆคนที่ยังสนุกสนานกับโลก  หลงลืมไปว่า เหตุการณ์เช่นนี้ก็อาจจะเกิดได้กับตนเอง  หลายคนเพลิดเพลินจนลืมระวังว่า ทุกสิ่งทุกอย่างหาความเที่ยงแท้แน่นอนไม่ได้  แม้ใครสักคนจะบอกเราว่า  จะรักเราชั่วฟ้าดินสลาย  แต่นั่นคือลมปากและคำพูดที่หาความจีรังยั่งยืนไม่ได้  ถ้าเราไปยึดไว้  เราก็จะทุกข์ในวันข้างหน้า

(http://gotoknow.org/file/yanuprom/loveandcompassion.jpg)

ความรัก บางครั้งมันก็คือความทุกข์ แต่ความชังความเกลียดก็เป็นเหตุแห่งทุกข์ได้เช่นกัน  บางครั้งเราก็ไม่อาจจะรู้ได้ว่ามันจะเป็นอย่างไร  และจะเกิดอะไรขึ้น ..


http://gotoknow.org/blog/sunmoola/302249 (http://gotoknow.org/blog/sunmoola/302249)





หัวข้อ: Re: เขียนถึงความรัก.. อีกสักครั้ง
เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 11 กรกฎาคม 2553 11:40:53
น้องสาวที่ข้าพเจ้ารู้จักอีกคนหนึ่ง มีทุกข์จากความรักเพราะการพลัดพราก และเป็นการพลัดพรากที่ไม่อาจจะกลับมาพบกันได้อีก   คนที่เธอรักเป็นมะเร็ง  และเธอได้พยายามอย่างที่สุดในการดูแล และรักษาเขาอย่างดี ด้วยเพราะว่าเธอเป็นหมอเช่นกัน   เรื่องราวของเธอนั้นยิ่งกว่านวนิยายน้ำเน่าทั้งหลาย  เพราะนี่ืคือความทุกข์โดยแท้จริง และนี่คือโลกแห่งความจริง
 
เธอเล่าว่าตอนที่พบกันครั้งแรก  เขาอยู่ในฐานะคนไข้ และเธอคือผู้รักษา  ด้วยความที่เขาอายุยังน้อยและเป็นมะเร็ง  แม้จะเรียนจบมีอาชีพการงานที่ดี แต่ความเจ็บป่วย ทำให้เขาหมดหวังกับชีวิต  แถมพ่อแม่นั้นก็จากเขาไปนานแล้ว เขาจึงดูเหมือนไม่เหลือใครเลย   ตอนนั้นเขาบอกแพทย์ผู้รักษาว่า  เขาไม่ต้องการเปลี่ยนไขกระดูก ไม่ต้องการรักษาใดๆอีก และต้องการที่จะตาย   แต่เธอก็พยายามพูดคุยเกลี่ยกล่อมให้เขารับการรักษา  และด้วยความเมตตาสงสาร และการเกื้อหนุนให้กำลังใจ   คนทั้งคู่ก็กลับกลายเป็นคู่รักกัน

(http://gotoknow.org/file/yanuprom/love2a.jpg)

เธอยอมรับที่จะใช้ชีวิตที่เหลือกับใครคนหนึ่งที่เป็นมะเร็ง  และรู้อยู่เต็มอกว่าเขาอาจจะจากไปในวันหนึ่ง  เป็นการตัดสินใจที่ใครหลายๆคน ไม่อาจทำเช่นนั้นได้การที่เราบอกว่ารักใครสักคนหนึ่งอย่างมากมาย  แต่ในที่สุดเราหลายๆคน ก็มักจะรู้สึกรักตนเองเกินกว่าที่จะยอมเจ็บปวด  และไม่คิดที่จะยินยอมสูญเสียเวลาในช่วงหนึ่งของชีวิต ไปกับใครสักคนที่กำลังจะตายได้  แต่น้องสาวที่ข้าพเจ้ารู้จักคนนี้ ได้กระทำเช่นนั้น

ช่วงเวลาที่เขาป่วยหนักและกำลังจะจากไป  นั่นคือเวลาแห่งความทุกข์อันมหาศาล  เธอทำทุกอย่างที่จะยื้อชีวิตเขาไว้   แต่สุดท้ายเขาก็ไม่อาจอยู่กับเธอต่อไปในโลกนี้ได้

(http://gotoknow.org/file/yanuprom/now4.jpg)

ในห้วงเวลานั้น คนรักของเธอก็เรียนรู้ถึงความทุกข์จากการเจ็บป่วย ความทุกข์จากกายสังขารที่กำลังแตกสลาย  และเธอก็เรียนรู้ ไปพร้อมๆ กับเขา   นานทีเดียวกว่าที่ความทุกข์ความเศร้าจะจางหาย  และในเวลานั้นเธอไม่มีใครที่จะปลอบใจดูแลแม้แต่คนเดียว

เธอบอกว่า  บางทีเธอกับเขาคงมีเหตุให้มาได้พบกันและเป็นเช่นนี้ และอาจจะเป็นเวรกรรมแต่หนก่อน  จึงทำให้เธอต้องมาดูแลเขาในชาติภพนี้  ข้าพเจ้าเลยบอกเธอว่ามีสองสิ่งที่เป็นไปได้

1. ถ้าเขากับเราไม่มีเวรกรรมอะไรต่อกันมาก่อน แต่การที่เราได้ดูแลเขาอย่างดี ได้มอบความรักให้เขาอย่างดี และร่วมทุกข์ร่วมสุขไปกับเขาด้วยใจที่แท้จริง  เราก็ได้สร้างบุญกุศลอันใหญ่หลวงแล้วสำหรับชีวิตคนคนหนึ่งที่กำลังทุกข์หนักและกำลังจะตาย  

2.ถ้าเรามีเวรและกรรมกับเขามาก่อน  เราก็ได้ชดใช้เขาแล้วอย่างเต็มที่ เพราะเราได้ชดใช้เขาด้วยหัวใจ ด้วยความรัก ด้วยความเมตตา  และด้วยความเต็มใจ  

ปัจจุบันน้องสาวคนนี้เรียนรู้ที่จะอยู่ และเดินไปข้างหน้าอย่างกล้าแข็ง เธอเริ่มสนใจในการภาวนา  เธอบอกว่า ช่วงที่ชายคนรักกำลังเจ็บป่วย เขาอ่านหนังสือธรรมะและนั่งสมาธิ เธอก็ต้องนั่งภาวนาเป็นเพื่อนเขาด้วย   เขาคือผู้น้อมนำใจเธอให้มาสนใจด้านนี้ ..

(http://gotoknow.org/file/yanuprom/love1a.jpg)

การแยกจากใครสักคนที่เรารัก ไม่ว่าจากเป็นหรือจากตาย  สุดท้ายก็คือความเศร้าความทุกข์  แต่ช่วงหลังๆข้าพเจ้าพบว่า  บททดสอบที่ยากกว่าคือบททดสอบเรื่องการจากกันของพ่อ แม่ ลูก  เราอาจจะตัดขาดจากใครสักคน เช่นสามี หรือภรรยา ได้ แต่การตัดขาดจากสายเลือด  จากเลือดเนื้อเชื้อไข มันออกจะยากอยู่

ข้าพเจ้ารับทราบเรื่องราวโดยคร่าวๆ ของน้องพยาบาลที่รู้จักกัน  เมื่อหลายวันก่อน เธอต้องพบเจอกับสภาวะที่ต้องหย่าร้าง และลูกก็เป็นเหตุแห่งความทุกข์อันใหญ่หลวง  เพราะผู้เป็นพ่อกีดกันไม่ให้เธอพบลูก   เธอบอกว่าเป็นห่วงลูกมากเพราะเลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็ก แต่น้อย  

(http://gotoknow.org/file/yanuprom/now2.jpg)

ข้าพเจ้าไม่อาจทราบได้ว่า สาเหตุของการหย่าร้างคืออะไร แต่ที่แน่ๆ  กับสามีหรือคนรัก  มันอาจจะตัดขาดกันได้ง่ายๆอยู่ แต่กับลูกที่ฟูมฟักอยู่ในร่างกายเธอมาถึง เก้าเดือนนั้น  มันไม่ธรรมดาแน่  สายสัมพันธ์นี้มันไม่อาจตัดขาดได้ และไม่อาจปล่อยและวางลงได้ง่ายๆ     แม่ๆ ทั้งหลายย่อมเข้าใจความรู้สึกเช่นนั้นดี

ข้าพเจ้าเลยบอกน้องหมอที่สนิทกันว่า  ความทุกข์นี้หนักกว่าเรื่องของ สาีมีเมียน้อย  มีกิ๊ก  หรือภรรยามีชู้  และหนักยิ่งกว่าการที่คนรักมาตายจาก กัน เพราะความสืบเนื่องเกี่ยวพันกันมันชัดเจนมาก  ลูกคือสิ่งสืบเนื่องไปจากเรา  ครึ่งหนึ่งของร่างกายเขามีเราอยู่ด้วย การที่จะให้ปล่อยให้วางลง มันยากมาก  น้องพยาบาลคนนี้เธอกำลังเจอบททดสอบที่สาหัสและหนักหนาจนไม่อาจประมาณการได้

(http://gotoknow.org/file/yanuprom/now1.jpg)

แล้วข้าพเจ้าก็ย้อนกลับมามองเห็นว่า   ความรักของแม่ที่มีต่อลูกนั้นมันยิ่งใหญ่แค่ไหน  ตอนที่น้องชายข้าพเจ้าป่วยเป็นมะเร็ง  เขาต้องฉีดเคมีบำบัด  เขาต้องฉายแสง เขาทานอะไรไม่ได้เลย  และอาเจียนอยู่ตลอดเวลา   เขามีแต่ความเจ็บปวด  เขาเล่าว่าวันหนึ่งเขามองเห็นสายตาของแม่ที่นั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียง  วันนั้นสายตาของแม่เหมือนจะบอกว่า  ถ้าเจ็บแทนได้ แม่จะขอเจ็บแทน   หรือบางทีอาจจะขอตายแทน ถ้าเป็นไปได้    ข้าพเจ้าว่าวันนั้นคงทำให้เขาประจักษ์แจ้งแก่ใจ ในความรักของแม่ และรู้ว่ามันยิ่งใหญ่มากจริงๆ    

ด้วยเพราะความรักมันมีความทุกข์เจือปน   ใครบางคนจึงกลัวความรัก และกลัวการถูกรัก หลายคนปฎิเสธที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องราวของความรัก  และไม่ยอมมีความรักกับใคร และไม่ยอมที่จะรักใครจริงๆจัง ๆ  เพราะกลัวความเจ็บปวด  กลัวผิดหวัง  ข้าพเจ้านึกถึงเรื่องราวที่เคยอ่านเจอนานมาแล้วว่า   บางสิ่งบางอย่างนั้นมีทั้งคุณและโทษ   ยาบางอย่างอาจจะรักษาโรคร้ายได้ แต่ก็มีผลข้างเคียงเช่นกัน   มีดที่ใช้ในครัว เพื่อทำอาหาร ใช้หั่นผักผลไม้  ถ้าใช้ไม่ระวังเราก็จะโดนมีดบาด และถ้านำไปใช้ในทางที่ผิดและไม่ระวัง มีดทำครัวก็สามารถทำให้คนเลือดตกยางออกและถึงตายได้

(http://gotoknow.org/file/yanuprom/tea11a.jpg)

ความรักก็เป็นเช่นนั้น   เมื่อมันทำให้คนที่มีความรักเป็นสุขได้  มันก็จะทำให้เกิดความทุกข์ใจได้เช่นกัน  เพราะนี่คือสิ่งธรรมดาของโลก

การที่เราปฎิเสธความรัก หรือปฎิเสธการมีความรัก เพราะกลัวความทุกข์ ก็เหมือนเราปฎิเสธที่จะกินยารักษาโรค เพราะกลัวผลข้างเคียงอะไรสักอย่าง

เราปฎิเสธจะใช้มีดทำครัวเพราะกลัวมีดจะบาด ปฎิเสธการข้ามถนนเพราะกลัวรถจะชน เราต้องการทุกอย่างที่ดีมากๆ และสมบูรณ์แบบและไม่อยากให้มีผลข้างเคียงอะไรเลย  เราต้องการมีความรักที่ไม่ต้องมีความทุกข์  ต้องการเกิดโดยที่ต้องไม่มีการตาย  ต้องการการพบกันโดยที่ต้องไม่มีการจากกันอีก   เราต้องการสิ่งเดียวและด้านเดียว  และเป็นสิ่งที่ตรงใจและถูกใจเรา เท่านั้น นั่นคือความต้องการที่หลายๆคนเป็นอยู่

ความสุขและความทุกข์นั้น มันมักจะอยู่คนละด้านของเหรียญ เหรียญหนึ่ง  การคาดหวังให้เหรียญออกหัวตลอดเวลาโดยไม่ออกก้อย  ดูจะเป็นการยากอยู่


(http://gotoknow.org/file/yanuprom/mare01.jpg)

สุดท้ายเราต้องยอมรับทั้งสองสิ่งที่จะเกิดขึ้น  เมื่อเรามีความรัก เราจึงต้องตระหนักรู้ว่า ความสุขที่มีอยู่ตอนนี้ขณะนี้  อาจจะแปรเปลี่ยนได้ทุกเวลา  ดังนั้น เวลานี้  ที่นี่ เดี๋ยวนี้  ในปัจจุบันขณะ  จงใช้เวลาอย่างดีที่สุดและมีคุณค่าอย่างที่สุดกับคนที่เรารัก การอยู่ที่นี่ตรงนี้กับใครสักคนทั้งกายและใจอย่างแท้จริง จึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง  เพราะนี่คือสิ่งเดียวที่เป็นจริงได้ และสัมผัสได้

ดังนั้นในปัจจุบันขณะเราสามารถรักใครสักคนได้อย่างเต็มหัวใจ  แต่ไม่ควรยึดไม่ควรหวัง  ไม่ควรย้ำคิดไปถึงเรื่องของอดีต  และไม่ควรกังวลไปในอนาคต  และควรมีสติที่จะเรียนรู้และเตรียมใจว่า ทุกๆสิ่งแปรเปลี่ยนไปได้เสมอ ไม่ว่าจิตใจของเขาหรือแม้กระทั่งจิตใจของเราเอง

 ความรักที่แท้คือการให้โดยปราศจากเงื่อนให้  ให้โดยไม่หวังผลตอบแทนใดๆ และอาจจะมีความหวังเพียงประการเดียวเท่านั้นว่า  ขอให้คนที่เรารักมีความสุข  รักที่แท้ย่อมต้องมีความเมตตาต่อกัน  มีความเข้าใจกัน  เห็นคุณค่าในกันและกัน  และไม่สร้างทุกข์ให้แก่กัน ทั้งกาย วาจา ใจ

เมื่อใดก็ตามถ้าเราพบเจอความรักที่มีแต่ความทุกข์ และทั้งเราและเขาต่างขาดความเมตตาต่อกันและกันเสียแล้ว   นั่นคือเวลาที่เราควรจะปล่อยความรักนั้นไปเสีย เพราะมันไม่ใช่รักที่แท้จริง


(http://gotoknow.org/file/yanuprom/beforesunset.jpg)

จงรักกันและกัน แต่อย่าสร้างพันธะแห่งรัก
และขอให้ความรักนั้น เป็นเสมือนห้วงสมุทร
อันเคลื่อนไหวอยู่ระหว่างฝั่งแห่งวิญญาณของเธอทั้งสอง
จงเติมถ้วยของกันและกัน แต่อย่าดื่มจากถ้วยเดียวกัน
จงให้ขนมปังแก่กัน แต่อย่ากัดกินจากก้อนเดียวกัน
จงร้องและเริงรำด้วยกัน และจงมีความบันเทิง
แต่ขอให้แต่ละคนได้มีโอกาสอยู่โดดเดี่ยว
ดังเช่นสายพิณนั้น ต่างอยู่โดดเดี่ยว  
แต่ว่าสั่นสะเทือนด้วยทำนองดนตรีเดียวกัน  
จงมอบดวงใจ แต่มิใช่ต่ออีกฝ่ายหนึ่ง  
เพราะหัตถ์แห่งชีวิตอมตะเท่านั้นที่จะรับดวงใจของเธอไว้ได้  
และจงยืนอยู่ด้วยกัน แต่อย่าใกล้กันนัก  
เพราะว่าเสาของวิหารนั้นก็ยืนอยู่ห่างกัน  
และต้นโพธิ์ ต้นไทรก็ไม่อาจเติบโตใต้ร่มเงาของกันได้  
                                           ..คาลิล ยิบราน...


http://gotoknow.org/blog/sunmoola/302258 (http://gotoknow.org/blog/sunmoola/302258)