หัวข้อ: ประวัติของ "พระอานนท์" เริ่มหัวข้อโดย: ไอย ที่ 27 ธันวาคม 2552 15:05:32 พระอานนท์ จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี พระนามเดิม: อานันทศากยะ พระนามอื่น: พระอานนท์, พระอานนท์พุทธะอนุชา, พระอานนทเถระ, พระอานนท์เถระ, เจ้าชายอานันทะ, เจ้าชายอานนท์ สถานที่ประสูติ: เมืองกบิลพัสดุ์ ตำแหน่ง: พระบรมพุทธอุปัฏฐาก เอตทัคคะ: มีสติเป็นเลิศ, มีความทรงจำเป็นเลิศ, มีความเพียรเป็นเลิศ, พหูสูตร, ยอดพระพุทธอุปัฏฐาก นิพพาน: เมื่ออายุได้ 120 พรรษา สถานที่นิพพาน: กลางแม่น้ำโรหิณี (ระหว่างเมืองกบิลพัสดุ์และเมืองเทวทหะ) สถานะเดิม ชาวเมือง: กบิลพัสดุ์ นามพระบิดา: พระเจ้าอมิโตทนศากยราช นามพระมารดา: พระนางมฤคีเทวี วรรณะเดิม: กษัตริย์ ราชวงศ์: ศากยราชวงศ์ พระอานนท์ เป็นสหชาติและพุทธอุปัฏฐากของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้รับการยกย่องว่าเป็นเอตทัคคะผู้เลิศกว่าพระสาวกอื่นถึง 5 ประการ และเป็นพหูสูต เนื่องจากเป็นผู้ทรงจำพระสูตรที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงตรัสไว้ และเป็นผู้ที่สาธยายพระสูตร จนทำให้ปฐมสังคายนาสำเร็จเรียบร้อย หัวข้อ: Re: ประวัติของ "พระอานนท์" เริ่มหัวข้อโดย: ไอย ที่ 27 ธันวาคม 2552 15:08:02 กำเนิดพระอานนท์ พระอานนท์ ก่อนจะผนวชนั้น ทรงเป็นเจ้าชายแห่งศากยวงศ์ โดยท่านเป็นพระโอรสของพระเจ้าอมิโตทนศากยราช ผู้เป็นพระอนุชาของพระเจ้าสุทโธทนมหาราช พระพุทธบิดา พระมารดาของท่านทรงพระนามว่า มฤคี พระอานนท์จึงถือว่า เป็นลูกผู้น้องของเจ้าชายสิทธัตถะ และเป็นสหชาติของเจ้าชายสิทธัตถะ เนื่องจากในวันประสูตินั้น ได้บังเกิดสหชาติกับพระพุทธเจ้า ทั้ง 7 ได้แก่ (1) พระนางพิมพาราหุลมาตา (2) ฉันนะอำมาตย์ (3) กาฬุทายิอำมาตย์ (4) พระอานนท์ (5) กันถกอัสสราช (6) ต้นมหาโพธิ์ (7) ขุมทรัพย์ 4 ทิศ หัวข้อ: Re: ประวัติของ "พระอานนท์" เริ่มหัวข้อโดย: ไอย ที่ 28 ธันวาคม 2552 11:36:32 เจ้าชายอานนท์ออกผนวช
เมื่อสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสรู้แล้ว ในพรรษาที่ 2 ได้เสด็จกลับไปโปรดพระพุทธบิดา และพระญาติวงศ์ศากยะ ณ นครกบิลพัศดุ์ ในครั้งนั้นบรรดาศากยราชได้ทรงเลื่อมใสศรัทธา ต่างได้ถวายพระโอรสของตนให้ออกบวชตามเสด็จ ยังเหลือแต่ ศากยกุมารเหล่านี้คือ เจ้าชายมหานามะ เจ้าชายอนุรุทธะ เจ้าชายภัททิยะ เจ้าชายภัคคุ เจ้าชายกิมพิละ เจ้าชายอานนท์ และเจ้าชายเทวทัตต์ ครั้นพระพุทธองค์ประทับอยู่กรุงกบิลพัศดุ์ พอสมควรแก่กาลแล้วก็เสด็จจาริกต่อไปยังที่อื่น หัวข้อ: Re: ประวัติของ "พระอานนท์" เริ่มหัวข้อโดย: ไอย ที่ 28 ธันวาคม 2552 11:38:48 ศากยกุมารเหล่านี้ได้ถูกพระประยูรญาติวิจารณ์ว่า
เหตุที่ไม่อกผนวชตามเสด็จนั้น คงจะไม่ถือว่าตนเอง เป็นพระประยูรญาติของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากระมัง เจ้าชายมหานามะได้ฟังดังนั้นเกิดละอายพระทัย จึงได้ไป ปรึกษากับเจ้าชายอื่นๆ ในที่สุดตกลงกันว่าจะออกผนวชตามเสด็จ โดยเจ้าชายมหานามะไม่อาจบวชได้ เนื่องจากจะต้องเป็นกษัตริย์ต่อไป จึงให้พระอนุชาคือเจ้าชายอนุรุทธะออกผนวชแทน ศากยกุมารทั้ง 6 องค์ มีพระอานนท์ เป็นต้น รวมทั้งอุบาลี ซึ่งเป็นกัลบกด้วยเป็น 7 ได้ตามเสด็จพระพุทธองค์ไปเพื่อ ขอบรรพชาอุปสมบท และได้เข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ที่อนุปิยอัมพวัน เขตอนุปิยนิคม แคว้นมัลละ แล้วกราบทูลว่า หัวข้อ: Re: ประวัติของ "พระอานนท์" เริ่มหัวข้อโดย: ไอย ที่ 28 ธันวาคม 2552 11:43:12 “พระพุทธเจ้าข้า พวกหม่อมฉันเป็นเจ้าศากยะยังมีมานะ
ความถือตัวอยู่ อุบาลีผู้นี้เป็น นายภูษามาลา เป็นผู้รับใช้ของ หม่อมฉันมานาน ขอพระผู้มีพระภาคจงให้อุบาลีผู้เป็นภูษามาลานี้ บวชก่อนเถิด พวกหม่อมฉันจักทำการอภิวาท การลุกรับ อัญชลีกรรม สามีจิกรรม แก่อุบาลีผู้เป็นภูษามาลานี้ เมื่อเป็นอย่างนี้ ความถือตัวว่าเป็นศากยะ ของพวกหม่อมฉัน ผู้เป็นศากยะจักเสื่อมคลายลง” ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคโปรดให้อุบาลีผู้เป็นภูษามาลาบวชก่อน ให้ศากยกุมารเหล่านั้นผนวชต่อภายหลัง ฯ พระอุปัชฌายะของท่าน พระอานนท์ ชื่อพระเวลัฏฐสีสเถระ หัวข้อ: Re: ประวัติของ "พระอานนท์" เริ่มหัวข้อโดย: ไอย ที่ 29 ธันวาคม 2552 20:05:59 พระอานนท์บรรลุโสดาบัน
เมื่อศากยราชกุมารทั้ง 6 และอุบาลีได้ผนวชแล้ว ท่านพระภัททิยะได้เป็นพระอรหัตถ์เตวิชโช โดยระหว่าง พรรษานั้นนั่นเอง ท่านพระอนุรุทธเป็นผู้มีจักษุเป็นทิพย์ ภายหลังบรรลุพระอรหัตผล พระภคุเถระและพระกิมพิลเถระ ภายหลังเจริญวิปัสสนาได้บรรลุพระอรหัต พระเทวทัตได้ บรรลุฤทธิ์อันเป็นของปุถุชน สำหรับท่านพระอานนท์ครั้นอุปสมบทแล้ว ได้ศึกษาธรรม จากสำนักของท่านพระปุณณมันตานีบุตร ไม่นานก็ได้สำเร็จ ชั้นโสดาบัน ในกาลต่อมาท่านได้เล่าให้ภิกษุทั้งหลายฟังว่า ท่านพระปุณณมันตานีบุตร มีอุปการคุณต่อท่านและ พวกภิกษุผู้นวกะมาก ท่านพระปุณณมันตานีบุตรได้กล่าวสอนท่านว่า หัวข้อ: Re: ประวัติของ "พระอานนท์" เริ่มหัวข้อโดย: ไอย ที่ 29 ธันวาคม 2552 20:10:55 "ดูกรอานนท์ เพราะถือมั่นจึงมีตัณหา มานะ ทิฐิว่าเป็นเรา เพราะไม่ถือมั่น จึงไม่มีตัณหามานะ ทิฐิ ว่าเป็นเรา เพราะถือมั่น รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ จึงมีตัณหา มานะ ทิฐิ ว่าเป็นเรา เพราะไม่ถือมั่น รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ จึงไม่มีตัณหา มานะ ทิฐิว่า เป็นเรา เปรียบเหมือนสตรีหรือบุรุษรุ่นหนุ่มสาว มีนิสัยชอบแต่งตัว ส่องดูเงาของตนที่กระจก หรือที่ภาชนะน้ำอันใสบริสุทธิ์ผุดผ่อง เพราะยึดถือจึงเห็น เพราะไม่ยึดจึงไม่เห็น ฉันใด เพราะถือมั่น รูปเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ จึงมีตัณหา มานะ ทิฐิ ว่า ป็นเรา เพราะไม่ถือมั่น รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ จึงไม่มี ตัณหามานะ ทิฐิว่า เป็นเรา ฉันนั้นเหมือนกัน” จากนั้น ท่านพระอานนท์เล่าต่อไปว่า ท่านพระปุณณมันตานีบุตร ได้ถามท่านว่า รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เที่ยงหรือไม่เที่ยง ท่านตอบว่าไม่เที่ยง และในตอนสุดท้ายของการสอนธรรมครั้งนี้ ท่านบอกแก่พระภิกษุทั้งหลายว่า ท่านได้ตรัสรู้ธรรม ซึ่งหมายถึง ได้สำเร็จเป็นพระโสดาบัน |