หัวข้อ: พุทธศาสนาในมุมมองของแม่ชีฝรั่ง เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 15 กรกฎาคม 2553 14:33:24 (http://img256.imageshack.us/img256/773/p2400341.jpg) .................................แม่ต้อย................................. แม่ต้อย (Maa Thoy) [English Subbed] (http://www.youtube.com/watch?v=eKZT2Psjbt0#) ศาสนาพุทธในสายตาของฉันนั้นไม่ใช่เป็นเพียงแค่ศาสนา แต่ยังเป็นปรัชญาชีวิต เราไม่จำเป็นที่จะต้องเชื่อทุกสิ่งทุกอย่างที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ ชีวิตของเราไม่ได้ขึ้นอยู่กับพระผู้เป็นเจ้าดลบันดาลให้เป็นไป แต่ชีวิตเป็นของเรา เราสามารถที่จะมีชีวิตที่ดีได้ หรือไม่ดีก็ได้ อยู่ที่การทำตัวของเราเอง เราเท่านั้นที่เป็นที่พึ่งของตัวเรา และนี่เป็นมุมมองเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาของ บริจิต เป็นแม่ชีชาวออสเตรเลีย หลักธรรมของพระพุทธศาสนาอย่างหนึ่งที่แม่ชีบริจิต บอกว่า แตกต่างจากหลักธรรมของศาสนาอื่นๆ อย่างสิ้นเชิง คือ พระพุทธเจ้าไม่เคยทรงตรัสว่าให้เชื่อ แต่ท่านสอนให้เราหาความจริงด้วยการปฏิบัติเอง พิสูจน์ทดสอบธรรมะที่ท่านตรัสไว้ ด้วยการปฏิบัติให้รู้จริงด้วยตัวเอง คำนี้เองที่ทำให้ฉันสนใจพุทธศาสนา ที่ฉันไม่ต้องทำตัวเหมือนเป็นลูกแกะที่เอาแต่เดินตามคนเลี้ยง อย่างไรก็ตาม จากการแสวงหาความรู้เรื่องพุทธศาสนาหลาย ๆ สำนัก ทำให้เธอค้นพบว่า แม้ว่าผู้สอนพุทธศาสนาจะเคร่งในวัตรปฏิบัติ และถ่ายทอดความรู้เรื่องพุทธศาสนาได้ดีเพียงใด แต่ทุกคนก็ยังคงต้องปฏิบัติด้วยตนเอง ไม่มีใครมาทำแทนให้ได้ เราควรดีใจที่วันนี้ยังมีครูบาอาจารย์ที่พอจะ มีความรู้จากประสบการณ์มาถ่าย ทอดให้ด้วยตัวเอง สอนในวิถีทางที่ถูกต้อง ซึ่งสำคัญมาก เราไม่สามารถเข้าใจได้ ถ้าเราฟังธรรมะแต่เพียงอย่างเดียวเราจะได้ความรู้จากการอ่าน แต่ถ้าเราต้องการจะรู้จริงให้ลึกซึ้งต้องปฏิบัติด้วยตนเอง เป็นทางเดียวที่จะรู้ได้ บางครั้งมีคนมาถามเกี่ยวกับพระเจ้าว่าพระเจ้ามีจริงหรือไม่แม้ว่าพระเจ้ามีจริง แต่ฉันเชื่อในแนวทางที่พระพุทธเจ้าสอน พระพุทธเจ้ารู้ทุกอย่างในโลกนี้ รู้ทั้งจักรวาล พระองค์ยังคงรู้เรื่องพระเจ้าด้วย และท่านยังคงรู้ว่าใครสร้างเรา นั่นก็คือตัวเราสร้างตัวเราเอง มีทุกข์และการดับทุกข์อยู่ที่ใจเรานี้เอง ไม่มีใครมาลงโทษเรา เว้นตัวเราเองที่จะได้รับผลแห่งการกระทำของเรา ไม่มีใครให้รางวัลเราโดยที่เราไม่ได้ทำความดีอะไร ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว นั่นคือสิ่งทั้งหมดที่เป็นไป ไม่มีพระเจ้าสร้าง เราสร้างทุกอย่างเอง ความกลัวในการทำบาป ความละอายต่อบาปจะเกิดขึ้นในใจ ไม่ใช่กลัวว่าพระเจ้าจะลงโทษ นี่คือสิ่งที่แม่ชีฝรั่งเชื่อว่า คนเราจะพบความสุขหรือพ้นความทุกข์ได้ต้องเกิดจากการกระทำของตัวเราเอง Mae Chee Maria - Toten Retreat (http://www.youtube.com/watch?v=hDKWUoj34fA#) หัวข้อ: Re: พุทธศาสนาในมุมมองของแม่ชีฝรั่ง เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 15 กรกฎาคม 2553 14:36:03 (http://img256.imageshack.us/img256/773/p2400341.jpg) (:LOVE:)แม่ชี ศันสนีย์(บางครั้ง)มีลายเซ็นของท่านด้วยท่านไปงานสัปดาห์หนังสือแห่งที่ศูนย์ประชุม ฯ (:LOVE:) Mae Chee Sansanee (6) (http://www.youtube.com/watch?v=NLKgCXiSDAc#) อย่างไรก็ตาม เธอได้เล่าประวัติย้อนหลังให้ฟังว่า เป็นชาวออสเตรเลีย เกิดเมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๕ ช่วงที่ยังเป็นเด็กจะชอบฟังเรื่อง เกี่ยวกับพระเจ้าและพระเยซู โดยขณะนั้นมีความรู้สึกว่าต้องการจะเป็นคนดี แต่เมื่อเริ่มเข้าสู่วัยรุ่นประมาณอายุ ๑๒ ปี ก็ลืมความตั้งใจในวัยเด็ก ทำตัวเหมือนวัยรุ่นทั่ว ๆ ไปที่ต้องการแต่ความสนุกสนาน จนกระทั่งอายุ ๒๐ ปี จึงได้พบกับริชาร์ด และได้แต่งงาน มีลูก ๒ คน ลูกคนแรกเป็นผู้หญิง คนที่สองเป็นผู้ชาย การดำเนินชีวิตเป็นไปอย่างมีความสุขเหมือนครอบครัวอื่น ๆ แต่มีเหตุการณ์ที่ทำให้ชีวิตของต้องเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมถึง ๒ ครั้ง คือ ครั้งแรก เกิดขึ้นหลังคลอดลูกชาย มีความรู้สึกกลัวตายขึ้นมาอย่างมาก กลัวว่าสามีและลูกๆ จะตาย มันเป็นความรู้สึกที่แย่มาก และมักจะเกิดขึ้นช่วงเวลาเย็นของทุก ๆ วัน เป็นอยู่อย่างนี้ประมาณ ๑ เดือน แล้วก็หายไป ครั้งที่สอง เกิดขึ้นหลังจากที่ลูกชายอายุได้ ๘ เดือน เมื่อแม่สามีได้เสียชีวิตลง อาการกลัวความตายก็เกิดขึ้นมาอีก ซึ่งดูเหมือนว่าไม่มีใครสามารถหยุดยั้งความตายได้ ไม่มีใครสามารถช่วยให้รอดได้ ความรู้สึกกลัวการตายนี่เองที่ทำให้ไม่สบายใจ แอนเดรียที่เป็นเพื่อนสนิทได้ชวนไปฝึกโยคะ ทำให้ได้พบกับประสบการณ์ในการทำสมาธิ เกิดความสนใจกับเรื่องการฝึกจิตขึ้นมา แม่ชีบริจิต เล่าต่อว่า เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ.๒๕๓๒ ได้เดินทางมาฝึกสมาธิครั้งแรกที่ประเทศไทย เป็นเวลา ๒ เดือน ซึ่งได้ปฏิบัติอย่างจริงจัง ปฏิบัติด้วยการกำหนดจิตสู่การกระทำทุก ๆ อย่างไม่ยึดติด ไม่มีตัวตนและจิต สิ่งนี้เองที่เปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเอง หลังจากนั้นได้กลับไปประเทศออสเตรเลียแต่กลับรู้สึกว่าชีวิตที่นั่นมันก็ดูเหมือนเดิมน่าเบื่อไร้สาระ ไม่มีอะไร หลังจากนั้นอีก ๒ เดือน จึงได้เดินทางกลับมาเมืองไทยอีกครั้ง เพื่อปฏิบัติสมาธิและครั้งนี้เองได้ขออนุญาตอาจารย์นำสามีและลูก ๆ มาอยู่ด้วย หัวข้อ: Re: พุทธศาสนาในมุมมองของแม่ชีฝรั่ง เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 15 กรกฎาคม 2553 14:38:52 (http://img256.imageshack.us/img256/773/p2400341.jpg) (:LOVE:)หลวงปู่ ชา สุภัทโท(บางครั้ง)มีหนังสือ อุปลมณี ที่หลวงปู่ ชา แต่งด้วยเล่มใหญ่หนาปึ๊กเลย (:fall:) Ajahn Chah Speaks (http://www.youtube.com/watch?v=RPN-Lc6lBi4#) จากนั้นได้เดิน ทางกลับไปออสเตรเลียอีกครั้ง เพื่อเตรียมเก็บของเล่นและลูก พร้อมด้วยเงินอีกจำนวนหนึ่ง และได้ทิ้งสามี ริชาร์ด) ไว้ที่นั่น การกลับมาเมืองไทย ครั้งนี้ได้ตัดสินใจบวชเป็นแม่ชี สามีมารับลูกกลับไปดูแล ตั้งแต่นั้นมาก็ได้ตั้งใจหมั่นปฏิบัติรักษาศีลอย่างเต็มความสามารถ ตามทางขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พยายามแบ่งปันประสบการณ์ของตัวเองร่วมกับนักปฏิบัติชาวต่างประเทศอย่างต่อ เนื่อง หลังจากบวชเป็นแม่ชี ก็ตั้งใจปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง กำหนดทุกอิริยาบถ การกิน การเดิน การนั่ง การนอน ทั้งกลางวันและกลางคืน ยิ่งคิดถึงลูกก็ยิ่งต้องปฏิบัติให้มากขึ้น ขณะนั้นมีความฟุ้งซ่านมาก ทำอย่างนี้อยู่พักหนึ่ง ก็ไปถาม อาจารย์ ทวี ว่าทำอย่างไรก็ไม่หายคิดถึงลูก อาจารย์บอกว่า ถ้าเป็นแบบนี้ลองไปกวาดถนนดีกว่า และเข้าไปช่วยทำครัวยามว่าง พร้อมกับมีโอกาสฝึกภาษาไทยตั้งแต่นั้นมา ทำอย่างนี้อยู่ประมาณ ๒ ปี อาจารย์แนะนำให้ไปสอนพวกต่างชาติที่สนใจกับการทำกรรมฐาน ปฏิบัติทำสมาธิ ว่าการนั่ง นั่งอย่างไร การเดิน เดินอย่างไร สอนไปก็ช่วยงานในวัดไปด้วยเหมือนเดิมประมาณสัก ๒ ปี ระหว่างอยู่ที่แปดริ้ว มีเพื่อนคนไทยที่มาบวชเนกขัมมะพามากราบหลวงพ่อสังวาลย์ เขมโก ณ วัดทุ่งสามัคคีธรรม ต.หนองผักนาก อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี เมื่อเห็นก็เกิดความศรัทธาเลื่อมใสอยากมาอยู่ปฏิบัติธรรมกับท่าน แต่ก็ยังมาไม่ได้ ครูบาอาจารย์ทางนั้นมีพระคุณมาก แต่ในที่สุดได้ขออนุญาตครูบาอาจารย์ไปปฏิบัติธรรมอยู่กับหลวงพ่อสังวาลย์ ณ วัดทุ่งสามัคคีธรรม แล้วก็ได้ปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัดจนกระทั่งถึงปัจจุบัน คัดลอกมาจาก น.ส.พ.คม ชัด ลึก คอลัมน์ พระเครื่อง คม ชัด ลึก ฉบับวันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ.2547 http://forums.212cafe.com/boxser/ (http://forums.212cafe.com/boxser/) หัวข้อ: Re: พุทธศาสนาในมุมมองของแม่ชีฝรั่ง เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 15 กรกฎาคม 2553 15:06:38 (http://gotoknow.org/file/yanuprom/af1.JPG) ขอบคุณน้อง"บางครั้ง"นะคะ อนุโมทนาสาธุค่ะ |