หัวข้อ: มัทวะ เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 23 กรกฎาคม 2553 09:54:54 (http://www.taklong.com/lomo/p/122824P712011-9.jpg) http://www.fungdham.com/download/song/allhits/18.wma (http://lh4.ggpht.com/_0PApGu2nb30/TEftE_dRx7I/AAAAAAAAAvM/YKFo3xwGYWw/buddha1-1.gif) มัททวะเป็นไฉน คือ อ่อนโยน ความละมุนละไม ความไม่แข็ง ความไม่กระด้าง ความเจียมใจ อันใด นี้เรียกว่า มัททวะ บุคคลชื่อว่าเจียมใจเพราะอรรถว่ามีใจเจียมด้วยไม่มีมานะภาวะแห่งบุคคลผู้ เจียมใจชื่อว่าความเจียมใจ เป็นชีวิตประจำวันที่ต้องอาศัยการสังเกตุจริง ๆ มิฉะนั้นก็ไม่สามารถที่รู้จัก สภาพธรรมในขณะที่สภาพธรรมนั้น ๆ ปรากฏ สำหรับการที่จะรู้แจ้งอริยสัจธรรมทุกคนก็คงจะทราบแน่ว่าไม่ใช่การอบรมเจริญ ปัญญาเพียงชาติเดียว 2 ชาติ 3 ชาติและในแต่ละชาติก็สั้นมากการที่บุคคลใดเกิดมา ในชาตินี้จะมีชื่อเสียงมีสกุลมีมิตรสหายมีเหตุการณ์ต่าง ๆ เกิดขึ้นถ้าพิจารณาแล้ว ก็จะเห็นได้ว่าขณะที่เป็นอกุศลมากกว่าขณะที่เป็นกุศลถ้าชาตินี้หมดไปคือ............................. ผ่านไปซึ่งก็จะต้องหมดไปแน่นอนผ่านไปโดยไม่มีสี่งใดเหลือในความเป็นบุคคลนี้อีก และเมื่อเกิดชาติหน้าสามารถจะระลึกได้อาจจะรู้สึกเสียดายว่า ชาตินี้ทำกุศลน้อยไปหรือว่าเสียเวลากับสี่งที่ไม่มีสาระมากไป แต่ขณะนี้ กำลังเป็นชาตินี้อยู่แต่ทั้ง ๆ รู้ก็ไม่สามารถที่จะเอาชนะกิเลส หรือว่าหมดกิเลสได้ ถ้ากล่าวถึงกิเสที่มากมายที่สะสมมามากในอดีตอนันตชาติก็เป็นของที่แน่นอนค่ะ ที่จะเห็นชัดว่าช่างละยากเพราะว่าสะสมมามากแต่ลองคิดถึงกิเลสเพียงขณะเดียว ไม่ต้องคิดถึงกิเลสมาก ๆ ที่สะสมมาที่จะดับเป็นสมุทเฉทขอให้เป็นเพียงกิเลส ขณะหนึ่งขณะใดที่จะละในขณะนั้นละได้ไหมลองคิดดูนะคะกำลังสนุกละสิคะ กิเลสในขณะนั้นเพียงขณะเดียวไม่ต้องคิดถึงถึงขณะที่สะสมมามากมายเพียงแต่ ละขณะ ๆ ที่่นึกจะละกิเลสในขณะที่มีกิเลสอยู่ยังละไม่ได้เพราะฉะนั้นตามความเป็น จริงแล้วเมื่อกิเลสมีมากยี่งกว่าเพียงขณะเดียว ๆ การที่จะละกิเลสจึงเป็นเรื่องที่จะ ต้องอบรมเจริญปัญญาอีกนานทีเดียว ข้อธรรมคำสอนของอาจารย์ สุจินต์ บริหารวนเขตต์ มูลนิธิบ้านธรรมมะ บุคโล ธนบุรี (:LOVE:)ธรรมะน่าคิดพิจารณาวันนี้ (:LOVE:) ผู้แสวงหาที่ไม่ฉลาดในธรรมย่อมไม่เห็นแจ้งนิพพานที่อยู่ในตัว - สนฺติเก น วิชานนฺติ มฺคคา ธมฺมสฺส อโกวิทา(ปัคคัยหสูตร ๑๘/๑๔๒) (:LOVE:)ธรรมะประจำวันที่ 23/07/2010 (:LOVE:) |