หัวข้อ: ที่มาของ "แซ่" นามสกุลของคนจีน เริ่มหัวข้อโดย: Compatable ที่ 11 มกราคม 2556 13:03:32 ที่มาของ "แซ่" นามสกุลของคนจีน
(http://guru.sanook.com/picfront/pedia/resize_269253__07012013120942.jpg) คนไทยเรานั้น นอกจาก “ชื่อ” แล้ว ยังต้องมี “นามสกุล” กำกับอยู่ด้วยเพื่อบ่งบอกให้รู้ว่า ตนถือกำเนิดขึ้นในตระกูลใด คนจีนก็เช่นเดียวกัน คือต้องมี “แซ่” หรือนามสกุล ซึ่งเริ่มใช้กันมาตั้งแต่เมื่อสองพันปีก่อน ตามพระบัญชาของจักรพรรดิ จึงถือว่าเป็นชนชาติแรกที่มีนามสกุลใช้กันอย่างเป็นทางการ แต่เดิมคนจีนมีเพียงชื่อที่ใช้เรียกเพื่อบ่งบอกตัวบุคคล ต่อมาเมื่อสังคมจีนขยายตัว จำนวนประชากรเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ชื่อที่ใช้เรียกตัวบุคคลจึงซ้ำไปซ้ำมาเป็นจำนวนมาก จนเกิดความสับสนในการระบุตัวบุคคล ประกอบกับบรรดาขุนศึก ขุนนาง และชนชั้นสูงในสังคมจีนยุคจ้านกว๋อ หรือยุคเลียดก๊ก (พ.ศ.66 - 321) ต้องการสะสมกำลังคนเพื่อสร้างฐานอำนาจให้กับตนเอง จึงตั้งชื่อตระกูลหรือ “แซ่” ขึ้น แล้วรวบรวมผู้คนเข้ามาอยู่ในแซ่เดียวกัน เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่แนบแน่นขึ้นกว่าการเป็นนายและบ่าวแบบเดิม จากนั้นก็เริ่มมีการใช้แซ่กันอย่างแพร่หลายขึ้น จนกระทั่งในรัชสมัย “สมเด็จพระจักรพรรดิฮั่นเกาจู” (พ.ศ.337 - 348) ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์ฮั่น ได้โปรดเกล้าฯ ให้ประชาชนทุกคนมีแซ่ตระกูลประจำตัว ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการ ขุนนาง พ่อค้า ไปจนถึงไพร่สามัญชน โดยให้แซ่ถ่ายทอดจากฝ่ายบิดาลงมาสู่บุตร ตั้งแต่นั้นประเทศจีนจึงมีการใช้แซ่ขึ้นอย่างเป็นทางการ และสืบทอดต่อมาจนถึงปัจจุบัน หัวข้อ: Re: ที่มาของ "แซ่" นามสกุลของคนจีน เริ่มหัวข้อโดย: Compatable ที่ 11 มกราคม 2556 13:05:14 แม้คนจีนทุกคนจะมีแซ่ใช้กันอย่างเป็นทางการมาตั้งแต่เมื่อสองพันกว่าปีก่อน แต่จำนวนแซ่กลับมีอยู่ไม่มาก เพราะไม่ตั้งกันขึ้นมาอย่างพร่ำเพรื่อ แต่ใช้การสืบทอดต่อๆ กันมานานนับพันปี จากการสืบค้นทางประวัติศาสตร์พบว่าในอดีตเคยมีแซ่อยู่ประมาณ 24,000 แซ่ แต่ปัจจุบันหายสาบสูญไปมาก เหลือที่ใช้กันจริงอยู่ประมาณ 5,000 แซ่ แต่แซ่ที่พบเห็นได้บ่อยๆ มีอยู่เพียงประมาณ 2,000 แซ่เท่านั้น ในขณะที่คนจีนมีอยู่มากถึง 1 ใน 4 ของประชากรโลก ทำให้หนึ่งแซ่หรือหนึ่งตระกูลของคนจีนมีจำนวนสมาชิกอยู่มากมายมหาศาล
เมื่อปี พ.ศ.2550 รัฐบาลจีนได้ทำสำรวจแซ่ตระกูลจีนที่มีมาแต่โบราณจนถึงปัจจุบัน พบว่า แซ่ที่มีการใช้มากที่สุด 3 อันดับแรกในประเทศจีนคือ แซ่หวัง (เฮ้ง), หลี่ (หลี) และจาง (เตีย) ซึ่งมีผู้ใช้รวมกันเกือบ 300 ล้านคน หรือประมาณแซ่ละ 100 ล้านคน ซึ่งเพียงแค่แซ่เดียวก็มากเกือบเป็นสองเท่าของประชากรไทยทั้งประเทศแล้ว รองลงมาก็คือ หวัง (เฮ้ง) 王 หลี่ (หลี) 李 จาง (เตีย) 张 หลิว (เล่า) 刘 เฉิน (ตั้ง) 陈 หยาง (เอี๊ย) 杨 หวง (อึ๊ง) 黄 จ้าว (เตี๋ย) 赵 อู๋ (โง้ว) 吴 โจว (จิว) 周 โดยแต่ละแซ่มีผู้ใช้มากกว่า 20 ล้านคน 10 อันดับแซ่ที่มีผู้ใช้มากที่สุดในประเทศจีน ได้แก่ ส่วนคนจีนในประเทศไทยหรือชาวไทยเชื้อสายจีนที่ยังคงใช้แซ่ก็มีอยู่เป็นจำนวนมาก โดยเมื่อปี พ.ศ.2535 มีการสำรวจพบว่า แซ่ที่มีผู้ใช้มากที่สุด 3 อันดับแรกในประเทศไทยคือ แซ่เฉิน (ตั้ง), หลิน (ลิ้ม) ประมาณแซ่ละ 80,000 คน และแซ่หลี่ (หลี) ประมาณ 50,000 คน ส่วนอันดับต่อมาอีก 7 อันดับ มีผู้ใช้อยู่ในหลักหมื่นคน 10 อันดับแซ่ที่มีผู้ใช้มากที่สุดในประเทศไทย ได้แก่ นอกจากนั้นยังใช้การแปลความหมายของแซ่เป็นภาษาไทย แล้วตั้งเป็นนามสกุลใหม่ เช่น “บรรหาร ศิลปอาชา” แซ่เดิมคือ “หม่า” (เบ๊) ที่แปลว่าม้า (อาชา) จึงแปลงเป็นนามสกุลไทยว่า “ศิลปอาชา” หรือนามสกุล “อัศวเหม” ที่แปลว่าม้าทองคำ ก็มาจากแซ่ “หม่า” (เบ๊) เช่นเดียวกัน เฉิน (ตั้ง) 陈 หลิน (ลิ้ม) 林 หลี่ (หลี) 李 หวง (อึ๊ง) 黄 อู๋ (โง้ว) 吴 สวี่ (โึค้ว) 徐 จาง (เตีย) 张 เจิ้ง (แต้) 郑 หลิว (เล่า) 刘 หวัง (เฮ้ง) 王 หัวข้อ: Re: ที่มาของ "แซ่" นามสกุลของคนจีน เริ่มหัวข้อโดย: Compatable ที่ 11 มกราคม 2556 13:06:31 ปัจจุบันชาวไทยเชื้อสายจีนจำนวนมากได้แปลงแซ่มาเป็นนามสกุลตามภาษาไทย
เพื่อให้กลมกลืนกับคนไทยมากขึ้น แต่บางนามสกุลก็ยังพอที่จะสืบไปถึงแซ่เดิมได้อยู่ เช่น “ป๋วย อึ๊งภากรณ์” มีแซ่เดิมคือ “หวง” (อึ๊ง) ก็ใช้การเติมคำไทยต่อท้ายแซ่ กลายเป็น “อึ๊งภากรณ์” หรือ “สนธิ ลิ้มทองกุล” มีแซ่เดิมคือ “หลิน” (ลิ้ม) ก็กลายเป็น “ลิ้มทองกุล” ที่มาข้อมูล dek-d ที่มารูปภาพ topicstock.pantip.com |