หัวข้อ: เกิดเป็นเปรต กินอุจจาระ เพราะ ปากเสีย เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 20 กันยายน 2553 20:31:00 เกิดเป็นเปรตกินอุจจาระ เพราะ ปากเสีย
(http://learners.in.th/file/fon601/1814.jpg) สังคมปัจจุบันมีการใส่ร้ายป้ายสี กันมาก ไม่ว่าจะเป็นผู้แทนของประชาชนก็ตาม จนทำให้สังคมเกิดความสับสันว่าอะไรคือความจริง ความเท็จ รวมทั้งผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ที่มักพูดคำหยาบ คำส่อเสียด คำเพ้อเจ้อ ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดศีล เพราะฉะนั้นทุกคนจึงต้อง ระมัดระวังคำพูดให้มาก ผู้ไม่สำรวมระวังในการพูด ตายแล้วจะไปเกิดเป็นเปรต ดัง ตัวอย่างในครั้งพุทธกาล เรื่องมีอยู่ว่า หัวข้อ: Re: เกิดเป็นเปรต กินอุจจาระ เพราะ ปากเสีย เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 20 กันยายน 2553 20:33:15 ภิกษุประมาณ ๑๒ รูป หลังจากเรียนกรรมฐานกับพระพุทธเจ้าแล้ว ก็เดินทางไปแสวงหาสถานที่ที่เหมาะ
สำหรับการปฏิบัติธรรมตอนช่วงใกล้จะเข้า พรรษา ได้พากันเดินทางไปถึงป่าแห่งหนึ่งซึ่งน่ารื่นรมย์ และอยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านเท่าใดนัก จึงพากันปักกลดปฏิบัติธรรมอยู่ในป่านั้น หนึ่งคืน รุ่งเช้าก็ออกไป บิณฑบาตในหมู่บ้าน ช่างหูก ๑๑ คน ที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านนั้น เมื่อเห็นพระมาบิณฑบาตในหมู่บ้าน ก็เกิดความปีติยินดี จึงนิมนต์ เข้ามา ที่บ้าน แล้วถวายภัตตาหารอันประณีต และเรียนถามว่า พระคุณเจ้าจะไปที่ไหน เมื่อบรรดาภิกษุ บอกว่ากำลังแสวงหา ที่เหมาะๆ สำหรับการปฏิบัติธรรม พวกช่างหูกจึงได้นิมนต์ภิกษุทั้งหลายให้อยู่ จำพรรษา ในหมู่บ้าน และพากันสร้างกระท่อมในป่าถวาย พวกภิกษุทั้งหมดจึงได้จำพรรษาอยู่ ณ ที่นั้น ในบรรดาช่างหูกเหล่านั้น หัวหน้าช่างหูกได้รับอุปัฏฐากภิกษุ ๒ รูป ด้วยความยินดียิ่ง ส่วนช่างหูกคนอื่นๆ ได้ อุปัฏฐากภิกษุคนละรูป ฝ่ายภรรยาหัวหน้าช่างหูก เป็นผู้ไม่มีศรัทธา ไม่มีความเลื่อมใสในพุทธศาสนา เป็นมิจฉา-ทิฏฐิ มีความตระหนี่ ไม่สนใจ ที่จะอุปถัมภ์ภิกษุเลย ดังนั้น หัวหน้าช่างหูกจึงได้พาน้องสาว ของภรรยามาอยู่ด้วย เพราะนางเป็นผู้มีศรัทธา มีความเลื่อมใส นางได้ ปรนนิบัติภิกษุทั้งหลายด้วยความยินดียิ่ง ช่างหูกทุกคนพร้อมภรรยาได้ถวายผ้าสาฎกแก่ภิกษุผู้อยู่จำพรรษารูปละผืน ยกเว้นภรรยาของ หัวหน้าช่างหูก ซึ่งได้ด่าสามีของตนว่า... หัวข้อ: Re: เกิดเป็นเปรต กินอุจจาระ เพราะ ปากเสีย เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 20 กันยายน 2553 20:37:11 “ทานที่ท่านถวายแก่พวกพระสงฆ์ จะเป็นข้าว เป็นน้ำก็ดี จงบังเกิดเป็นอุจจาระ ปัสสาวะ
เป็นหนองและเลือดแก่ท่านในโลกหน้า ผ้าสาฎกก็จงเป็นแผ่นเหล็กร้อนลุกโพลงเถิด” ต่อมาหัวหน้าช่างหูกตายลง และไปเกิดเป็นรุกขเทวดา ในป่า ที่พวกพระมาปฏิบัติธรรม แต่ภรรยา ที่ปากพล่อย เมื่อตายแล้วไปเกิดเป็นนางเปรต อยู่ไม่ไกลจากที่อยู่ของ รุกเทวดาเท่าใดนัก นางเปรต นั้นอยู่ในสภาพเปลือยกาย รูปร่างขี้ริ้วขี้เหร่ มีความหิวกระหายอยู่ตลอดเวลา นางเปรตได้เดินไปหา รุกขเทวดาแล้วบอกว่า “นาย.. ฉันไม่มีผ้านุ่งและหิวกระหายเหลือเกิน ขอผ้านุ่ง ข้าว และน้ำให้ฉันหน่อยเถิด” รุกขเทวดาจึงได้ให้ ข้าวและน้ำอันเป็นทิพย์แก่นางเปรต แต่สิ่งของต่างๆ อันเป็นทิพย์ที่รุกขเทวดาได้ให้ แก่นางไปนั้น ได้กลับกลายเป็นอุจจาระ เป็นหนอง และเลือด ผ้านุ่งก็กลาย เป็นแผ่นเหล็กร้อนลุกโพลง อยู่ตลอดเวลา!! นางเปรตจึงร้องไห้คร่ำครวญด้วยทุกข์อย่างมหันต์ ขณะนั้นมีภิกษุรูปหนึ่ง หลังจากออกพรรษาแล้ว ก็เดินทางไปเฝ้าพระพุทธเจ้า โดยอาศัยไปกับหมู่เกวียน หมู่ใหญ่ พวกหมู่เกวียนได้เดินทางทั้งกลางวันและกลางคืน เมื่อไปถึงป่าแห่งนั้นตอนกลางวัน เห็นความ อุดมสมบูรณ์ของป่า มีร่มเงาเย็นสบาย จึงปลดเกวียนแล้วนั่งพักอยู่ใต้ร่มไม้ ฝ่ายภิกษุก็แยกไปหาที่สงบ ปูผ้าลงที่ใต้ต้นไม้อันร่มรื่น กะว่าจะนอนพักสักครู่ แต่จู่ๆ ก็ม่อยหลับไป เพราะเหน็ดเหนื่อย จากการเดินทาง มาตลอดทั้งคืน ส่วนหมู่เกวียนพอพักจนหายเหนื่อยแล้วก็ออกเดินทางต่อ โดยลืมภิกษุที่มาด้วยกัน ซึ่งหลับอยู่ใต้ร่มไม้ ภิกษุรูปนั้นหลับไปจน กระทั่งเย็น เมื่อตื่นขึ้นมาไม่เห็น ใคร จึงออกเดินทางต่อไปเรื่อยๆ เพียงลำพัง จนกระทั่งไปถึงต้นไม้ที่เทวดาสิงสถิตอยู่ ฝ่ายรุกขเทวดาเห็นภิกษุเดินมุ่งหน้ามาที่ต้นไม้ ก็แปลงร่าง เป็นคนธรรมดาเข้าไปไหว้ และนิมนต์ให้เข้าไปพักใต้ต้นไม้อันเป็นวิมานของตน ถวายยาทาแก้ปวดเมื่อย แก่ท่าน หัวข้อ: Re: เกิดเป็นเปรต กินอุจจาระ เพราะ ปากเสีย เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 20 กันยายน 2553 20:40:14 ขณะเดียวกันนั่นเอง นางเปรตผู้มีความหิวโหยก็เข้ามาขอข้าว น้ำ และเสื้อผ้า รุกขเทวดาก็ได้ให้ตามที่ขอ
แต่พอนางรับไป ทุกอย่างก็กลับกลายเป็นอุจจาระ ปัสสาวะ หนอง เลือด และแผ่นเหล็กร้อนอันลุกโชน เหมือนที่เคยเป็นมา ฝ่ายภิกษุเห็นเหตุการณ์นั้นจึงเกิดความสลดสังเวชใจเป็นยิ่งนัก จึงถามรุกขเทวดาว่า “หญิงเปรตนี้กินอุจจาระ ปัสสาวะ เลือด และหนองเช่นนี้ เพราะได้ทำกรรมอะไรไว้หรือ? ผ้าผืนใหม่ที่สวยงาม อ่อนนุ่ม บริสุทธิ์ มีขนอ่อนที่ท่านมอบให้แก่หญิงผู้นี้ ทำไมจึงกลายเป็น แผ่นเหล็กร้อนไปได้” รุกขเทวดาได้เล่าให้ภิกษุรูปนั้นฟังว่า เมื่อก่อนหญิงเปรต นี้เป็นภรรยาของตน นางเป็นคนตระหนี่ ไม่รู้จักให้ทาน และได้ด่าทอตอนที่ตนกำลังทำบุญอยู่ กรรมนี้เองทำให้นางมาเกิดเป็นเปรต กินแต่อุจจาระ ปัสสาวะ เลือดและหนอง ทนทุกข์ทรมานอยู่อย่างนี้นานแสนนาน พอรุกขเทวดาเล่าบุพกรรม ของนางเปรตที่ได้กระทำไว้ในชาติก่อน ให้พระภิกษุฟังแล้ว จึงได้ถามว่า ทำอย่างไรนางนี้จึงจะพ้นจากการเป็นเปรต ภิกษุจึงได้บอกวิธีการที่จะทำ ให้กรรมชั่วของนางเปรต หมดไปว่า “ถ้าท่านอยากให้นางเปรต นี้พ้นจากกรรมชั่ว ท่านก็จงทำบุญถวายทานแก่พระพุทธเจ้า และแก่ พระอริยสงฆ์ หรือแก่ภิกษุสักรูปหนึ่ง แล้วอุทิศให้แก่นางเปรตนี้ เมื่อนางเปรต นี้อนุโมทนากับบุญ ที่ท่านทำ นางก็จะได้บุญและพ้นจาก ความทุกข์ทรมานได้” เมื่อรุกขเทวดาทราบวิธีช่วยเหลือนางเปรตแล้ว จึงได้ถวายภัตตาหารอันประณีตแก่ภิกษุรูปนั้น แล้วอุทิศบุญ ให้แก่นางเปรตอดีตภรรยา ทันทีที่นางเปรตอนุโมทนาบุญ จิตใจก็อิ่มเอิบ ร่างกายกระปรี้กระเปร่า ท้อง ก็อิ่มด้วยอาหาร อันเป็นทิพย์ ต่อมารุกขเทวดาได้ถวายผ้าทิพย์ เพื่ออุทิศบุญกุศลให้แก่นางเปรตอีก นางเปรตก็ได้นุ่งผ้าทิพย์พร้อม เครื่องประดับอันเป็นทิพย์ในขณะนั้นนั่นเอง เมื่อนางเปรต ได้สิ่งที่อยากได้ ทุกอย่างแล้ว ร่างที่น่าเกลียดน่ากลัวก็กลาย เป็นสวยงามประดุจนางเทพอัปสร เพราะอานุภาพแห่งบุญ นั้นนั่นเอง ........ หากไม่มีบุญที่คนอื่นทำ อุทิศไปให้ นางเปรตคงต้องทุกข์ ทรมานไปอีกนานแสนนานกว่าจะพ้นจาก ความทุกข์ เมื่อเป็น เช่นนี้ คนที่ยังมีชีวิตอยู่จึงไม่ควรประมาท ต้องรีบขวนขวาย ทำความดีให้มาก ไม่เช่นนั้นจะต้องไปชดใช้กรรม ทนทุกข์ทรมานอยู่อย่างนางเปรตแน่นอน หัวข้อ: Re: เกิดเป็นเปรต กินอุจจาระ เพราะ ปากเสีย เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 20 กันยายน 2553 20:41:44 ยุคปัจจุบันมีคนจำนวน มากที่ไม่กลัวบาปกรรม เพราะคิดว่าสิ่งเหล่านี้ไม่มีอยู่จริง จึงดำเนินชีวิต
ด้วยความประมาท กล้าทำความชั่วอย่างไม่ละอาย มีจิตใจหยาบกระด้าง คิด ไม่ถึงว่ากรรมชั่วนั้น จะย้อนกลับมาหาตนเอง ทำให้ต้องเดือดร้อนในภายหลัง ผู้มีปัญญาจึงควรมองถึงผลในระยะยาว มองชีวิตทั้งระบบทั้งกระบวน ชีวิตของเราไม่ได้สิ้นสุดเพียงชาตินี้ แต่ต้องดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ความดีความชั่วที่ทำไว้แล้ว ไม่มีสูญหาย ต้องตามให้ผลแก่ผู้ทำอย่างแน่นอน แต่อย่างน้อย คนที่ทำความดีก็ย่อมจะได้ผลดีตอบแทนทันทีทันใดในขณะที่ทำ นั่นก็คือทำให้เกิดความสุขใจ ขึ้นมาทันที ในทางตรงกันข้าม คนที่ทำชั่วก็จะได้รับความกระวนกระวายใจ ความทุกข์ใจในทันทีที่ ทำความชั่ว ผู้มีปัญญาจึง ควรละกรรมชั่วทั้งหลายให้ได้อย่างสิ้นเชิง เพราะจะทำให้ชีวิตมีแต่ความสุข ความเจริญตลอดไป สา...ธุ |