[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => จิตอาสา - พุทธศาสนาเพื่อสังคม => ข้อความที่เริ่มโดย: เงาฝัน ที่ 24 กันยายน 2553 19:19:28



หัวข้อ: เพชรตัดทำลายมายา : วัชรสูตร
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 24 กันยายน 2553 19:19:28

(http://audio.palungjit.com/members/282649-albums23-picture285.jpg)


เพชรตัดทำลายมายา : วัชรสูตร


วัชรเฉทิกปรัชญาปารมิตาสูตร หรือ วัชรสูตร หรือ ปรัชญาปารมิตาสูตร (Dimond That Cuts Through Illusion หรือ The Wisdom Sutra หรือ The Heart of Wisdom Sutra) หมายถึง พระสูตรที่มีหัวใจหลักอันเป็นปัญญา เพื่อให้ลุถึงฟากฝั่งโน้น(นิพพาน)   เนื้อหาหลักของพระสูตรนี้ว่าด้วยเรื่อง ความว่าง หรือ สุญญตา โดยเน้นว่า ขันธ์ 5 คือ ความว่าง

 ในบทที่ 6

        ภิกษุสุภูติกราบทูลพระผู้มีพระภาค “ ในกาลข้างหน้าหากจักมีสัตว์ใด เมื่อสดับพระธรรมคำสอนนี้แล้ว บังเกิดศรัทธาเลื่อมใสอย่างแท้จริงขึ้นได้หนอ ”

        พระผู้มีพระภาคตรัสตอบ “ อย่ากล่าวอย่างนั้นสิสุภูติ เมื่อตถาคตดับขันธปรินิพพานล่วงไปแล้วห้าร้อยปี ก็ยังจะมีผู้ได้เสวยรสธรรมจากการปฏิบัติตามพระสัทธรรมนี้ เมื่อบุคคลเช่นนั้นได้ฟังพระธรรมคำสอนนี้เข้า จักบังเกิดศรัทธาเลื่อมใสว่าพระสัทธรรมนี้คือสัจจะ ดังนั้นแล้ว จงสำเหนียกไว้เถิด ว่าบุคคลนั้นหาได้ปลูกฝังกุศลมูลเพียงในกาลสมัยแห่งพระพุทธเจ้าพระองค์เดียวหรือในกาลสมัยแห่งพระพุทธเจ้าสองพระองค์ สาม สี่ หรือห้าพระองค์เท่านั้น แท้จริงแล้วเขาได้สั่งสมบุญกุศลมาตลอดพุทธะสมัยแห่งพระพุทธเจ้าอเนกอนันต์นับพันนับหมื่นพระองค์ บุคคลใดได้สดับพระธรรมซึ่งตถาคตได้ตรัสแสดง แล้วบังเกิดศรัทธาด้วยจิตบริสุทธิ์สว่างไสวแม้เพียงชั่วขณะจิตเดียว ตถาคตย่อมเห็นและรู้ว่าบุคคลนั้นจักเกิดปีติปราโมทย์อย่างไม่อาจประมาณได้ ไฉนจึงเป็นเช่นนั้น ”

        “ ก็เพราะเหตุว่า บุคคลเช่นนั้นไม่ยึดมั่นอยู่กับความคิดเนื่องด้วยตัวตน บุคคล สัตวะ และชีวะ เขาไม่ยึดมั่นอยู่กับความคิดเกี่ยวกับธรรมและอธรรม ไม่ยึดมั่นว่านี้คือรูปลักษณะ นั่นไม่ใช่รูปลักษณะเช่นนั้น เพราะเหตุใด ก็เพราะว่า ถ้าบุคคลยึดมั่นอยู่กับความคิดเกี่ยวกับธรรม จิต บุคคลนั้นก็ยังผูกพันอยู่กับตัวตน บุคคล สัตวะและชีวะ ถ้าเขายึดมั่นอยู่กับความคิดว่าไม่มีธรรม จิตเขาก็ยังผูกพันอยู่กับตัวตน บุคคล สัตวะและชีวะ อยู่นั่นเอง

ฉะนั้นบุคคลจึงไม่พึงยึดถือผูกพันอยู่กับธรรมหรือคิดว่าธรรมเป็นสิ่งไม่มีอยู่ นี่คือนัยความหมาย เมื่อตถาคตกล่าวว่า “ ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงกำหนดรู้ ว่าธรรมที่เราแสดงมีอุปมาดั่งพ่วงแพ ” แม้แต่สิ่งที่ตถาคตสอนก็ต้องละเสีย จักกล่าวไปใยถึงที่ไม่ได้กล่าวเทศนา ”
 
ในบทสุดท้ายของพระสูตร พระพุทธองค์ได้ทรงกล่าวไว้ว่า

(http://t0.gstatic.com/images?q=tbn:IPCA2CNcCiCIVM::&t=1&usg=__SNO9SSGqWdthc_p1jmPucr6e70I=)

สรรพสิ่งปรุงแต่งดุจความฝัน
ดุจพรายน้ำ ดุจสายฟ้า ดุจภูตหลอน
จงดูให้เห็นสิ่งเหล่านั้น  ด้วยการเพ่งภาวนา

คะเต คะเต ปาระคะเต ปาระสังคะเต โพธิ สวาหา
(ไป ไปเถอะ ไปยังฟากฝั่งโน้น ไปให้พ้นอย่างสิ้นเชิง!
สู่ความตรัสรู้! ความเบิกบาน)


(http://t3.gstatic.com/images?q=tbn:sPbjMEeKxBHRXM)

http://phurich360d.spaces.live.com (http://phurich360d.spaces.live.com)