หัวข้อ: ศีล - วาจา และกำลังใจ เริ่มหัวข้อโดย: 時々๛कभी कभी๛ ที่ 28 กันยายน 2553 19:56:52 (http://lh6.ggpht.com/_3F1lshAWYBc/TBcBYhAAiOI/AAAAAAAAAXk/MFy4aQdVrKM/23510200707241554111.jpg) http://www.se-ed.com/ads/pr/sile/song/08.%20TracK%208.wma ขอน้อบน้อมแด่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุก ๆ ท่าน ถาม..................ได้ยินคำกล่าวว่า............................ ผู้มีศีล --->ทราบได้โดยการคลุกคลี ผู้มีกำลังใจ --->ทราบได้ขณะที่มีอันตราย ผู้มีปัญญา --->ทราบได้โดยการสนทนา แต่ผู้ที่มีวาจาดี--->ทราบได้อย่างไร ? และคำกล่าวนี้มีอยู่ในพระสูตรหรืออรรถกถาใดหรือไม่.........? ตอบ.........................ศีลพึงรู้ได้ด้วยการอยู่ร่วมกัน ความสะอาดพึงรู้ได้ด้วยถ้อยคำ กำลังใจพึงรู้ได้ในอันตราย ปัญญาพึงรู้ได้ด้วยการสนทนา {๑๙๒}ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ฐานะ ๔ ประการนี้ พึงรู้ด้วย ฐานะ ๔ ฐานะ ๔ เป็นไฉน ? ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ศีลพึงรู้ได้ด้วยการอยู่ร่วมกันและศีลนั้น พึงรู้ได้ด้วยกาลนาน ไม่ใช่เล็กน้อย{มนสิการ}อยู่จึงจะรู้ไม่มนสิการ อยู่หารู้ไม่คนมีปัญญาจึงจะรู้คนมีปัญญาทรามหารู้ไม่ ความสะอาดพึงรู้ได้ด้วยถ้อยคำและความสะอาดนั้นพึงรู้ได้ โดยกาลนาน ไม่ใช่เล็กน้อย{มนสิการ}อยู่จึงจะรู้ไม่มนสิการหารู้ไม่ คนมีปัญญาจึงจะรู้คนมีปัญญาทรามหารู้ไม่ กำลังใจพึงรู้ได้ในอันตรายและกำลังใจนั้นแลพึงรู้ได้โดย กาลนานไม้ใช่เล็กน้อย{มนสิการ}จึงจะรู้ไม่มนสิการหารู้ไม่คนมี ปัญญาจึงจะรู้คนมีปัญญาทรามหารู้ไม่ ปัญญาพึงรู้ได้ด้วยการสนทนาและปัญญานั้นแลพึงรู้ได้ โดยกาลนาน ไม่ใช่เล็กน้อย{มนสิการ}จึงจะรู้ ไม่มนสิการหารู้ไม่คน มีปัญญาจึงจะรู้ คนมีปัญญาทรามหารู้ไม่ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็คำที่เรากล่าวว่า{ศีล}พึงรู้ได้ด้วยการ อยู่ร่วมกันคนมีปัญญาทรามหารู้ไม่ดังนี้นี้เรากล่าวแล้วเพราะ อาศัยอะไร ? บุคคลในโลกนี้เมื่ออยู่ร่วมกับบุคคลย่อมรู้อย่างนี้ว่า ท่านผู้นี้มักทำศีลให้ขาดมักทำให้ทะลุมักทำให้ด่างมักทำให้พร้อย ตลอดกาลนานแลไม่กระทำติดต่อไปไม่ประพฤติติดต่อใน{ศีล}ทั้ง หลายท่านผู้นี้เป็นคนทุศีลหาใช่เป็นคนมีศีลไม่ อนึ่ง......บุคคลใน โลกนี้เมื่ออยู่ร่วมกับบุคคลย่อมรู้อย่างนี้ว่า ท่านผู้นี้มีปกติไม่ทำศีลให้ ขาดไม่ทำให้ทะลุไม่ทำให้ด่างไม่ทำให้พร้อยตลอดกาลนานมี ปกติทำติดต่อไปประพฤติต่อในศีลทั้งหลายท่านผู้นี้เป็นผู้มีศีลหา ใช่เป็นผู้ทุศีลไม่ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย คำที่เรากล่าวว่า ศีลพึงรู้ได้ด้วย การอยู่ร่วมกัน..........คนปัญญาทรามหารู้ไม่ดังนี้นี้เรากล่าวแล้วเพราะอาศัยข้อนี้ หัวข้อ: Re: ศีล - วาจา และกำลังใจ เริ่มหัวข้อโดย: 時々๛कभी कभी๛ ที่ 28 กันยายน 2553 20:08:17 (http://lh6.ggpht.com/_3F1lshAWYBc/TBcBYhAAiOI/AAAAAAAAAXk/MFy4aQdVrKM/23510200707241554111.jpg) ดูก่อนภิกษุทั้งหลายก็คำที่เรากล่าวว่าความสะอาดพึงรู้ได้ ด้วยถ้อยคำ..................คนมีปัญญาทรามหารู้ไม่ดังนี้นี้เรากล่าวแล้วเพราะ อาศัยอะไร ? บุคคลในโลกนี้ สนทนาอยู่กับบุคคลย่อมรู้อย่างนี้ว่าท่าน ผู้นี้พูดกันตัวต่อตัวเป็นอย่างหนึ่ง พูดกันสองต่อสองเป็นอย่างหนึ่ง - พูด กันสามคนเป็นอย่างหนึ่ง พูดกันมากคนเป็นอย่างหนึ่งท่านผู้นี้พูดคำ หลังผิดแผกไปจากคำก่อน ท่านผู้นี้มีถ้อยคำไม่บริสุทธิ์ ท่านผู้นี้หามี ถ้อยคำบริสุทธิ์ไม่อนึ่ง บุคคลในโลกนี้ เมื่อสนทนาอยู่กับบุคคลย่อม รู้อย่างนี้ว่าท่านผู้นี้พูดกันตัวต่อตัวเป็นอย่างไรพูดกันสองคนสาม คนมากคนก็อย่างนั้นท่านผู้นี้พูดคำหลังไม่ผิดแผกจากคำก่อนมี ถ้อยคำบริสุทธิ์ ท่านผู้นี้หามีถ้อยคำไม่บริสุทธิ์ไม่ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย คำที่เรากล่าวว่า ความสะอาดพึงรู้ได้ด้วยถ้อยคำ..........คนมีปัญญาทราม หารู้ไม่ดังนี้นี้เรากล่าวแล้วเพราะอาศัยข้อนี้ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็คำที่เรากล่าวว่ากำลังใจพึงรู้ได้ใน อันตรายคนมีปัญญาทรามหารู้ไม่ดังนี้นี้เรากล่าวแล้วเพราะ อาศัยอะไร ? บุคคลบางคนในโลกนี้กระทบความเสื่อมญาติกระทบ ความเสื่อมโภคทรัพย์หรือกระทบความเสื่อมเพราะโรคย่อมไม่ พิจารณาอย่างนี้ว่าโลกสันนิวาสนี้เป็นอย่างนั้นเองการได้อัตภาพ เป็นอย่างนั้นในโลกสันนิวาสตามที่เป็นแล้วในการได้อัตภาพตามที่ เป็นแล้วโลกธรรม ๘ คือ ลาภ ๑ ความเสื่อมลาภ ๑ ยศ ความเสื่อมยศ ๑ นินทา ๑ สรรเสริญ ๑ สุข ๑ ทุกข์ ๑ ย่อมหมุนเวียน ไปตามโลกและโลกย่อมหมุนไปตามโลกธรรม ๘ ดังนี้บุคคลนั้น กระทบความเสื่อมญาติกระทมความเสื่อมโภคทรัพย์หรือกระทบ ความเสื่อมเพราะโรคย่อมเศร้าโศกลำบากใจร่ำไรทุนบอกคร่ำ ครวญ ถึงความหลงใหล ส่วนบุคคลบางคนในโลกนี้กระทบความ เสื่อมญาติ กระทบความเสื่อมโภคทรัพย์ หรือกระทบความเสื่อมเพราะ โรคย่อมพิจารณาอย่างนี้ว่าโลกสันนิวาสนี้เป็นอย่างนั้นเองการได้ อัตภาพเป็นอย่างนั้น ในโลกสันนิวาสตามที่เป็นแล้วในการได้อัตภาพ ตามที่เป็นแล้ว โลกธรรม ๘ คือ....................................... ลาภ ๑ ความเสื่อมลาภ ๑ ยศ ๑ ความเสื่อมยศ ๑ นินทา ๑ สรรเสริญ ๑ สุข ๑ ทุกข์ ๑ หมุน เวียนไปตามโลกและโลกย่อมหมุนเวียนตามโลกธรรม ๘ ดังนี้....................................... บุคคลนั้นกระทบความเสื่อมญาติกระทบความเสื่อมโภคทรัพย์หรือ กระทบความเสื่อมเพราะโรคย่อมไม่เศร้าโศกไม่ลำบากใจไม่ร่ำไร ไม่ทุบบอกคร่ำครวญ ไม่ถึงความหลงใหล ดูก่อนภิกษุทั้งหลายคำที่ เรากล่าวว่ากำลังใจพึงรู้ได้ในอันตรายคนมีปัญญาทรามหารู้ไม่ ดังนี้นี้เรากล่าวแล้วเพราะอาศัยข้อนี้ หัวข้อ: Re: ศีล - วาจา และกำลังใจ เริ่มหัวข้อโดย: 時々๛कभी कभी๛ ที่ 28 กันยายน 2553 20:18:35 (http://lh6.ggpht.com/_3F1lshAWYBc/TBcBYhAAiOI/AAAAAAAAAXk/MFy4aQdVrKM/23510200707241554111.jpg) ดูก่อนภิกษุทั้งหลายก็คำทำเรากล่าวว่าปัญญาพึงรู้ได้ด้วย การสนทนา..........คนมีปัญญาทรามหารู้ไม่ดังนี้นี้เรากล่าวแล้วเพราะ อาศัยอะไรบุคคลบางคนในโลกนี้สนทนากับบุคคลย่อมรู้อย่างนี้ ว่า ความลึกซึ้งของท่านผู้นี้เพียงไรอภินิหารของท่านผู้นี้เพียงไร และการถามปัญหาของท่านผู้นี้เพียงไร ท่านผู้นี้ปัญญาทราม ท่านผู้นี้ ไม่มีปัญญา ข้อนั้นเพราะเหตุไรเพราะท่านผู้นี้ไม่อ้างบทความอันลึก ซึ้ง อันสงบ ประณีตที่สามัญชนคาดไม่ถึงละเอียดอันบัณฑิตพึง รู้ได้อนึ่ง ท่านผู้นี้กล่าวธรรมอันใด ท่านผู้นี้ไม่สามารถจะบอกแสดง บัญญัติ แต่งตั้งเปิดเผยจำแนกกระทำให้ตื้นซึ่งเนื้อความแห่ง ธรรมเป็นได้โดยย่อหรือโดยพิสดารท่านผู้นี้มีปัญญาทรามท่าน ผู้นี้ไม่มีปัญญาดูก่อนภิกษุทั้งหลายบุรุษผู้มีจักษุยืนอยู่ที่ฝั่งห้วงน้ำ พึงเห็นปลาเล็ก ๆ ผุดอยู่ เขาพึงทราบได้ว่ากิริยาผุดของปลาตัวนี้ เป็นอย่างไรทำให้เกิดคลื่นเพียงไหนและมีความเร็วเพียงไรปลา ตัวนี้เล็กไม่ใช่ปลาตัวใหญ่ ดังนี้ ฉันใด บุคคลเมื่อสนทนากับบุคคล ก็ฉันนั้นเหมือนกันย่อมรู้อย่างนี้ว่าความลึกซึ้งของท่านผู้นี้เพียงไร ฯลฯ ท่านผู้นี้มีปัญญาทรามท่านผู้นี้ไม่มีปัญญาดังนี้ส่วนบุคคล ในโลกนี้สนทนาอยู่กับบุคคลย่อมรู้อย่างนี้ว่าความลึกซึ้งของท่าน ผู้นี้เพียงไรอภินิหารของท่านผู้นี้เพียงไรการถามปัญหาของท่าน ผู้นี้เพียงไรท่านผู้นี้มีปัญญาท่านผู้นี้ไม่ใช่ทรามปัญญาข้อนั้น เพราะเหตุอะไรเพราะท่านผู้นี้ย่อมอ้างบทความลึกซึ้ง สงบ ประณีต สามัญชนคาดไม่ถึง ละเอียด อันบัณฑิตพึงรู้ได้และท่านผู้นี้ย่อม กล่าวธรรมใด ท่านผู้นี้เป็นผู้สามารถเพื่อจะบอกเพื่อแสดงบัญญัติ แต่งตั้ง เปิดเผย จำแนกกระทำให้ตื้น ซึ่งเนื้อความแห่งธรรมนั้นทั้ง โดยย่อหรือพิสดารได้ท่านผู้นี้เป็นผู้มีปัญญาท่านผู้นี้หาใช่เป็นผู้มี ปัญญาทรามไม่ดังนี้ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุรุษผู้มีจักษุยืนอยู่ที่ฝั่ง ห้วงน้ำ พึงเห็นปลาตัวใหญ่กำลังผุด เขาพึงรู้อย่างนี้ว่ากิริยาผุดของ ปลาตัวนี้เป็นอย่างไรทำให้เกิดคลื่นได้เพียงไหนมีความเร็วเพียงไร ปลาตัวนี้ใหญ่ หาใช่ปลาตัวเล็กไม่ดังนี้ ฉันใดบุคคลสนทนาอยู่ กับบุคคลก็ฉันนั้นเหมือนกันย่อมรู้อย่างนี้ว่า ความลึกซึ่งของท่านผู้นี้ เพียงไร ฯลฯ ท่านผู้นี้มีปัญญา หาใช่เป็นผู้มีปัญญาทรามไม่ดังนี้ดู ก่อนภิกษุทั้งหลายคำที่เรากล่าวว่า ปัญญาพึงรู้ได้ด้วยการสนทนา... คนมีปัญญาทรามหารู้ไม่ ดังนี้ - นี้เรากล่าวแล้วเพราะอาศัยข้อนี้. ดูก่อนภิกษุทั้งหลายฐานะ ๔ ประการนี้แลอันบุคคลพึง รู้ได้ด้วยฐานะ ๔ นี้ ..........................จบฐานสูตรที่ ๒........................... หัวข้อ: Re: ศีล - วาจา และกำลังใจ เริ่มหัวข้อโดย: 時々๛कभी कभी๛ ที่ 28 กันยายน 2553 20:30:58 (http://lh6.ggpht.com/_3F1lshAWYBc/TBcBYhAAiOI/AAAAAAAAAXk/MFy4aQdVrKM/23510200707241554111.jpg) .........................อรรถกถาฐานสูตร.................... พึงทราบวินิจฉัยในฐานสูตรที่ ๒ ดังต่อไปนี้............................................ บทว่า ฐานานิ คือเหตุทั้งหลาย บทว่า ฐาเนหิ คือ ด้วย เหตุทั้งหลาย ความสะอาดชื่อ โสเจยฺยํ บทว่า สํวสมาโน แปล ว่า เมื่ออยู่ร่วมกัน บทว่า น สตตการี น สตตวุตฺตี สีเลสุ ความ ว่า ท่านผู้นี้จะมีชีวิตเป็นอยู่ด้วยศีลอยู่เนืองนิตย์ทุกเวลาก็หามิได้ บทว่า สํโวหรมาโน คือ เมื่อพูด บทว่า เอเกน เอโก โวหรติ ความ ว่า ท่านผู้นี้พูดกันตัวต่อตัว บทว่า โวกฺกมติ คือพูด บทว่า{ปุริม} โวหารา ปจฺฉิมโวหารํ คือ ท่านผู้นี้พูดคำหลังผิดแผกไปจากคำก่อน อธิบายว่า คำหลังกับคำก่อนและคำก่อนกับคำหลังไม่สมกันในบท เป็นต้นว่า{ญาติพฺยสเนน} คือเ สื่อมญาติ อธิบายว่า.....เสียญาติแม้ ในบทที่สองก็นัยนี้แล ส่วนในการเกิดโรค โรคนั้นแล ชื่อว่าเสียเพราะ ทำความไม่มีโรคให้เสียไป บทว่า{อนุปริวตฺตนฺติ} คือ ติดตาม ในบทว่า{ลาโภ จ}เป็น อาทิพึงนำนัยไปอย่างนี้ว่า ลาภย่อมหมุนไปตามอัตภาพหนึ่งความ เสื่อมลาภย่อมหมุนไปตามอัตภาพหนึ่งบทว่า{สากจฺฉายมาโน} ความว่า......เมื่อทำการสนทนาด้วยอำนาจการถามและการตอปัญหา บทว่า{ยถา}แปลว่า โดยอาการใด อุโมงค์แห่งปัญญา ชื่อ อุมมังคะ อภินิหารแห่งจิตด้วยอำนาจการแต่งปัญหา ชื่อ อภินิหาร การถามปัญหา ชื่อ สมุทาหารบทว่า สนฺตํ ความว่าไม่กล่าวให้ สงบ เพราะข้าศึกสงบ บทว่า{ปณีตํ}ได้แก่ ถึงความล้ำเลิศ บทว่า {อตกฺกาวจรํ} ความว่า ท่านผู้นี้ไม่กล่าวโดยประการที่อาจถือเอาได้ด้วย การเดาด้วยการคาดคะเน. บทว่า นิปุณํ แปลว่า ละเอียด บทว่า{ปณฺฑิตเวทนียํ} แปลว่าอันพวกบัณฑิตพึงรู้ได้บทที่เหลือในที่ทุกแห่งพึงทราบ ดยทำนองที่กล่าวแล้วนั้นแล............................... ....................จบอรรถกถาฐานสูตรที่ ๒....................... หมายเหตุ......................บทว่า ปุริมโวหารา ปจฺฉิมโวหารํ คือ.............................. ท่านผู้นี้พูดคำหลับ หลัง ผิดแผกไปจากคำก่อน หัวข้อ: Re: ศีล - วาจา และกำลังใจ เริ่มหัวข้อโดย: 時々๛कभी कभी๛ ที่ 28 กันยายน 2553 20:40:59 (http://lh6.ggpht.com/_3F1lshAWYBc/TBcBYhAAiOI/AAAAAAAAAXk/MFy4aQdVrKM/23510200707241554111.jpg) .................................ข้อความโดยสรุป......................... ฐานสูตรว่าด้วยฐานะ ๔ ที่พึงรู้ด้วยฐานะ ๔ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงฐานะ ๔ ประการที่พึงรู้ได้ด้วยฐานะ ๔ ประการ ดังนี้คือ........................................... ๑.ศีล พึงรู้ได้ ด้วยการอยู่ร่วมกัน{เมื่ออยู่ร่วมกันนาน ๆ ย่อมจะรู้ได้ว่าใครเป็นผู้มีศีล หรือ ไม่มีศีล} ๒.ความสะอาด พึงรู้ได้ ด้วยถ้อยคำ{บุคคลผู้ที่พูดไม่ว่าจะกับคนกี่คนก็ตามไม่เป็น อย่างเดียวกัน เป็นอย่างอื่น ถ้อยคำของผู้นี้ย่อมไม่สะอาดไม่บริสุทธิ์ส่วนผู้ที่มีถ้อยคำ สะอาดบริสุทธิ์ถึงแม้ว่าจะพูดกับคนกี่คนก็ตามย่อมเป็นอย่างเดียวกัน ไม่เป็นอย่างอื่น} ๓.กำลังใจ พึงรู้ได้ใน{คราวมีอันตราย}บุคคลผู้ที่ไม่มีกำลังใจที่เข้มแข็งเมื่อประสบ กับโลกธรรมฝ่ายเสื่อมไม่ว่าจะเป็นเสื่อมลาภ เสื่อมยศเสื่อมเพราะโรคเป็นต้นย่อม เศร้าโศกเสียใจส่วนผู้มีกำลังใจที่เข้มแข็งเมื่อประสบกับโลกธรรมฝ่ายเสื่อมเป็นผู้ พิจารณาเข้าใจความจริงของโลกธรรม ย่อมไม่เศร้าโศก ไม่เสียใจ ๔.ปัญญา พึงรู้ได้ ด้วยการสนทนา บุคคลผู้ที่มีปัญญา ย่อมสามารถรู้ถึงความลึก ซึ้งของปัญญาของผู้ที่ตนสนทนาด้วยได้โดยพิจารณาจากการถามปัญหา การอ้างบท ธรรมที่ละเอียดลึกซึ้งสามารถอธิบายจำแนกเปิดเผย ทั้งโดยย่อและโดยละเอียดได้ ฐานะทั้ง ๔ ประการนี้ต้องอาศัยกาลเวลาอันยาวนานไม่ใช่เวลาอันเล็กน้อย ต้องใส่ใจและผู้มีปัญญาเท่านั้น ถึงจะรู้ได้ มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา สำนักงานเลขที่ 174/1 ซอย เจริญนคร 78 ดาวคะนอง ธนบุรี ขอน้อมอาจาริยบูชาท่าน อาจารย์ สุจินต์ บริหารวนเขตต์และคณะวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิทุก ๆ ท่าน หัวข้อ: Re: ศีล - วาจา และกำลังใจ เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 28 กันยายน 2553 22:56:54 (http://www.oregonstreetcandleco.com/images/candle3lantern.gif) (:88:) (:88:) (:88:) หัวข้อ: Re: ศีล - วาจา และกำลังใจ เริ่มหัวข้อโดย: 時々๛कभी कभी๛ ที่ 29 กันยายน 2553 08:40:07 (:SL:) (:SL:) (:SL:) อรุณสวัสดิ์ พี่ แป๋ม (http://img1.imagehousing.com/1/986766a56ba9e3a9122fa1c35af05bbb.jpg) |