[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

นั่งเล่นหลังสวน => สุขใจ ใต้เงาไม้ => ข้อความที่เริ่มโดย: Kimleng ที่ 26 ธันวาคม 2556 12:14:47



หัวข้อ: บทละคอนเรื่องพระมะเหลเถไถ
เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 26 ธันวาคม 2556 12:14:47
.

(http://www.unseentourthailand.com/pgallery/datafiles/gallery/large/gallery_20100226_aa63b24.jpg)
ภาพจาก : http://www.unseentourthailand.com (http://www.unseentourthailand.com)

บทละคอนเรื่องพระมะเหลเถไถ

อธิบายเรื่องบทละคอนของคุณสุวรรณ

มีผู้ได้ไต่ถามแลเตือนมาเนืองๆ ว่าเหตุใดหอพระสมุดฯ จึงไม่พิมพ์บทละคอนของคุณสุวรรณ เหตุนั้นก็บอกได้โดยง่ายว่า เพราะหอพระสมุด ฯ หาฉบับยังไม่ได้ จึงมิได้พิมพ์ มาบัดนี้หาฉบับได้ หอพระสมุด ฯ จึงพิมพ์บทละคอนของคุณสุวรรณทั้ง ๒ เรื่องไว้ในสมุดเล่มนี้ ให้ได้อ่านกันตามปรารถนา

แต่ผู้ที่ยังไม่ทราบเค้ามูลเรื่องบทละคอนของคุณสุวรรณเห็นจะมีในชั้นนี้มากด้วยกัน ถ้าไม่อธิบายให้ทราบ น่าจะพากันเห็นเป็นการแปลกประหลาด ที่หอพระสมุด ฯ เอาหนังสือเช่นนี้มาพิมพ์ เพราะที่แท้เป็นบทบ้าแต่งมิใช่บทละคอนอย่างปรกติ เพราะฉะนั้น จำต้องแจงชี้ให้ทราบเรื่องเดิมและข้อขำของบทละคอนคุณสุวรรณเสียก่อน

คุณสุวรรณผู้แต่งบทละคอน ๒ เรื่องนี้ เป็นธิดาพระยาอุไทยธรรม (กลาง) ราชินิกุลบางช้าง มีอุปนิสัยใจรักการแต่งกลอนมาแต่ยังเด็ก ได้ถวายตัวทำราชการฝ่ายในตามเหล่าสกุลเมื่อในรัชกาลที่ ๓ อยู่ที่ตำหนักพระเจ้าลูกเธอ กรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ ในชั้นนั้น คุณสุวรรณได้แต่งกลอนเพลงยาวเป็นนิราศ เรื่องกรมหมื่นอัปสร ฯ ประชวร ยังปรากฏอยู่เรื่อง ๑ นอกจากเพลงยาวนิราศแลบทละคอนที่พิมพ์ในสมุดเล่มนี้ กลอนของคุณสุวรรณคงมีเรื่องอื่นอีก แต่ยังหาพบไม่ เมื่อกรมหมื่นอัปสร ฯ  สิ้นพระชนม์แล้ว คุณสุวรรณก็อยู่ในพระราชวังต่อมา แต่ไม่ปรากฏว่าทำราชการในตำแหน่งพนักงานใด

คุณสุวรรณมามีชื่อเสียงโด่งดังเมื่อรัชกาลที่ ๔ เหตุด้วยเสียจริต แต่ไม่คลั่งไคล้อันใด เป็นแต่ฟุ้งไปในกระบวนแต่งกลอน จึงแต่งบทละคอน ๒ เรื่อง ที่พิมพ์ในสมุดเล่มนี้ เรียกกันว่า เรื่องพระมะเหลเถไถเรื่อง ๑ กับอุณรุทร้อยเรื่องอีกเรื่อง ๑ เล่ากันมาว่า คุณสุวรรณอยู่เรือนที่แถวนอก ใครไปหาถ้าบอกว่าอยากจะฟังบทละคอนที่แต่งใหม่ คุณสุวรรณก็ว่าบทละคอน ๒ เรื่องนี้ให้ฟังโดยจำไว้ได้แม่นยำ ผู้ที่ได้ฟังเห็นขบขันก็พากันชอบ ที่จำได้บ้างก็มาว่าให้ผู้อื่นฟังต่อๆ มา เพราะฉะนั้น บทละคอนของคุณสุวรรณจึงแพร่หลาย พวกผู้ดีชาววังจำกันได้ มากบ้างน้อยบ้างแทบจะไม่เว้นตัว แต่ที่ได้จดไว้เป็นตัวอักษรนั้นน้อยแห่ง ครั้นนานมาจึงหาฉบับยาก

คุณสุวรรณถึงแก่กรรมเมื่อต้นรัชกาลที่ ๕ แต่บทละคอนของคุณสุวรรณยังมีผู้จำได้เป็นตอนๆ แลว่าให้กันฟังสืบต่อมา พึ่งพบฉบับที่เขียนไว้ ที่ได้มาพิมพ์ในสมุดเล่มนี้

บทละคอนของคุณสุวรรณที่เป็นของแปลกนั้น คือ :- บทละคอนเรื่องพระมะเหลเถไถ  คุณสุวรรณแต่งเป็นภาษาบ้าง ไม่เป็นภาษาบ้างปะปนกันไปแต่ต้นจนปลาย แต่ใครอ่านก็ได้ใจความได้ตลอดเรื่อง ความขบขันอยู่ที่ตรงข้อนี้ ส่วนบทละคอนอุณรุทร้อยเรื่องนั้น คุณสุวรรณเกณฑ์ให้ตัวบทในละคอนเรื่องต่างๆ มารวมกันอยู่ในเรื่องเดียว ถ้าดูโดยกระบวนความอยู่ข้างจะเลอะ แต่ไปดีทางสำนวนกลอนกับแสดงความรู้เรื่องละคอนต่างๆ กว้างขวาง เพราะในสมัยนั้นบทละคอนยังมิได้พิมพ์ คุณสุวรรณคงต้องพยายามมากทีเดียวจึงได้รู้เรื่องละคอนต่างๆ มากถึงเพียงนั้น แต่มีอยู่บท ๑ ในอุณรุทร้อยเรื่องของคุณสุวรรณ ซึ่งควรสรรเสริญในกระบวนความว่าเป็นความคิดแปลกดี คือบทจำแลงตัว ซึ่งพิมพ์อยู่หน้า ๒๔ ในสมุดเล่มนี้

กรรมการหอพระสมุด ฯ หวังใจว่าเมื่อท่านทั้งหลายได้ทราบบทเค้ามูลของบทละคอนคุณสุวรรณดังแสดงมา คงจะพอใจอ่านบทละคอนของคุณสุวรรณทั่วกัน


ดำรงราชานุภาพ สภานายก
หอพระสมุดวชิรญาณ
วันที่ ๑๔ มกราคม พ.ศ. ๒๔๖๓

       ๏ ช้าปี่ เมื่อนั้น   พระมะเหลเถไถมะไหลถา
สถิตย์ยังแท่นทองกะโปลา   ศุขาปาลากะเปเล
วันหนึ่งพระจึงมะหลึกตึก  มะเหลไถไพรพรึกมะรึกเข  
แล้วจะไปเที่ยวชมมะลมเต มะโลโตโปเปมะลูตู
ตริแล้วพระมะเหลจึงเป๋ปะ  มะเลไตไคลคละมะหรูจู๋
จรจรัลตันตัดพลัดพลู ไปสู่ปราสาทท้าวโปลา ฯ๖คำฯ เพลงช้า
       ๏ ร่าย ครั้นถึงจึงเข้าตะหลุดตุด  ก้มเกล้าเค้าคุดกะหลาต๋า  
มะเหลไถกราบไหว้ทั้งสองรา  จึงแจ้งกิจจามะเลาเตา
ด้วยบัดนี้ตัวข้ามะเหลเถ  ไม่สบายถ่ายเทกะเหงาเก๋า  
จะขอลาสองราหน้าเง้าเค้า  เที่ยวมะไลไปเป่าพนาวัน ฯ๔คำฯ
       ๏ เมื่อนั้น  ท่านท้าวโปลากะปาหงัน  
กับนางตาลากะปาลัน  ได้สดุบตรุบหันมะเลเท
มะลอกทอกบอกว่าจะลาไป พนาปำทำไมจะไพล่เผล
มะเลอเตอเป๋อเปื้อนเที่ยวเชือนแช  จึงตรัสห้ามมะเหลเถมะเลทา
เจ้าอย่าไปไชเชกะเปลู  จงเอ็นดูพ่อเถิดมะไหลถา  
พระมะเหลไถเฝ้ามะเลาชา  ก็จำให้ลูกยามะลาปอง ฯ๖คำฯ
       ๏ เมื่อนั้น เสนารับสั่งกะงังกึ่ง
ไม่นั่งนิ่งวิ่งไปมะลึงตึง มะลันตันครั้นถึงจึงบอกกัน
ว่าบัดนี้มีรับสั่งมะเหลเถ ให้ผูกม้าปาเปกะหงันกั๋น  
จะเสด็จเตร็จเตร่มะเลตัน  ว่าแล้วชวนกันมะแลงแตง ฯ๔คำฯ
       ๏ ยานี ผูกเบาะอานพานหน้ามะเหลาะเตาะ      เข็มสลักปักเปาะกะแง๋งแก๋ง  
เตรียมทั้งพหลพลแปงแมง  แล้วไปทูลแถลงมะแรงตา ฯ๒คำฯ
๏ ร่าย เมื่อนั้น   พระมเหลเถไถมะไหลถา
ได้ฟังเสนาทะเลาปา  เสด็จมาที่สรงมะลงโช ฯ๒คำฯ เสมอ
       ๏ โทน สระสรงทรงสุคนธ์ปนตลึก  ลูบไล้ไป่ปีกกะโง๋โก๋
สนับเพลาเชิงไชกะไรโจ  ภูษาสีสะโรกะโปลัน
เจียรบาดปักทองกะลองเต็ด  ปั้นเหน่งเพชรสายสอดจรอดฉัน  
ฉลององค์อย่างน้อยกะปอยลัน  มะลวงชวงปวงปันคั่นทองกร
มงกุฎแก้วแวววาบมาราบรับ  กรรเจียกจันปันกับมะหลอนฉอน  
ธำมรงค์จินดากะราชอน  ตลุดฉุดอรชรมะลอนชัน
ดูเลือบเชือบเหลือบแลกะโปงโลง งามดังปังโปงกำงั๋นกั๋น  
กะงวยกวยฉวยพระแสงมะแรงตัน  มอระตอก็รันขึ้นอาชา ฯ๘คำฯ เชิดฉิ่ง
       ๏ ร่าย พร้อมหมู่โยธาพะลาแหน  พลาหับนับแสนแน่นหนา  
ได้ฤกษ์เลิกพหลมะลนทา  ออกจากภารากะปาโล ฯ๒คำฯ กราว
       ๏ ชมดง พระชมเขาเนาเนินกะหรกกก  รุกขชาติดาษดกมะโหลโต๋  
มะลาตันสาระพันกะลันโป กะลาปียี่โถมะโยตัน
มะโยติงปริงปรางลางสาบ  ลางสาดหาดหาบมะหลันปั๋น  
มะลันปีสีเสียดประเหยียดกัน  ประยงคุ์แก้วแถวพันมะลันดา
มาลีดวงพวงช่อมะลอชร  มาลีชาดมาดซ้อมมะรอนฉา  
มะรินชิงจิงจ้อมะยอตา มะยมเต็มเข็มลามะกาโล
มะกาลิงปิงปุ่มกะทุ่มท้อน  กะทิงถินกลิ่นขจรมะลอนโหว
มลิวันมันโมกกะโหลกโก  กุหลาบแกมแนมโยทกาลี
กาหลงชงโคมะโยแป๋ว  มะโยปมนมแมวมะแลวฉี  
มะไลยฉาวสาวหยุดมะลุดลี  มลิลาสารภีมะลีโช
พระชมปักษากาลาชอน  กะลาฉินบินว่อนกะล่อนโฉ  
กะลิงเฉียบเหยียบแต้วเค้าแมวโม เค้าเมงหมิ่นผินโผพะโวตา
พะวาติบจิบจาบคาบไข่  ขาบเคียงเขาไฟไถลถา  
ถลาโถมโจมจับมารับกา  รับกันจำพันจากะสาลม
กะสาเล่นเบญจวันมะลันปี  มะลันโปโนรีมะลีสม  
มะลาโสนโกญจากะทาทม  กะทาเทืองเงื่องงมมะลมปา
มะลาปิงคลิ้งโคลงอีโลงแล่น  อีลุ้มลี้อีแอ่นกะแรนฉา  
กะเรียนฉาบคาบคั้นมะรันบา  มาร่อนบินกินหว้ามะลาแชง
มะลาชัดสัตวากระสาสูง  กระแสเสียงเถียงยูงกะรูงแฉ่ง  
กะรอกฉวยกล้วยไม้ดูไวแวง  ดุเหว่าหวานขานแข่งระแวงวัง
ระเวงแว่วแจ้วเจื้อยระเรื่อยร้อง  ระเรื่อยรี่มี่ก้องมะลองกั๋ง
มะเลียบกิ่งทิ้งถ่อนมะลอนกัง  มะเล่นกิ่งชิงรังมะลังโต
มาโลดเต้นเม่นหมีชะนีบ่าง  ชะนีแบดแรดช้างกะงางโก๋  
กะแหงนเกยเสยแทงทะโยงโย  ทยานโยกโศกโสทะโลเป
ทลายป่นกล่นเกลื่อนทะเลือนเท่า  ถลาโถมถล่มเท้าทะเลาเส
ถลันสำถลำสวบระยวบเย  ระยำทับเทมะเลทอน
มะไลโทโคถึกมรึกคี  มรึกคาพาชีมะหลอนฉอน  
มาลบเชือเสือสิงห์มะหิงษ์จร  มหาใจไกรสรมะลอนชา ฯ๒๘คำฯ เชิด
       ๏ สมิงทอง เมื่อนั้น  พระมะเหลเถไถมะไหลถา  
เพลิดเพลินฤทัยมะไลทา  ลืมทุกข์ศุขามะลาจี
ละเลิงจนสนธยาหัศดง  หัสดับลับลงคิรีศรี  
พระจึงมีสิงหนาทประภาษพี  สั่งพวกเสนีมะลีทา
ให้ยับยั้งพหลกะรนจง  กะร้อมชอมล้อมวงมะรงฉา  
แล้วให้ช่วยกันมะรันทา  มะเรทับพลับพลาพนาลี ฯ๖คำฯ
       ๏ ร่าย บัดนั้น  เสนารับสั่งมาลังปี๋  
มะลุกปุกคุกเข่ามะเลาตี  มะรันทังดังมีมะลีทา
เกณฑ์กันฟันแฝกมะแลกแจง  คัดขุดลุดแชงมาแลงฉา
กะรับชับสรรพเสร็จมะเร็จตา  สำเร็จตามบัญชามะลาเท ฯ๔คำฯ เจรจา
       ๏ เมื่อนั้น  พระมเหลเถไถมะไหลเถ  
เสด็จขึ้นพลับพลามะลาเท  มะไหลถอนนอนเอ้ทะเวกา ฯ๒คำฯ  
       ๏ ช้า ทะเวศกายคายคันรัญจวน  ร้อนใจใคร่ครวญหวนหา  
หวนโหยโดยดิ้นในวิญญา  วิญญากจากปรามะราโท  
มาแรมทางกลางป่าพนาดอน  พนาแดนศิงขรมะยอนโฉ  
มาเย็นเฉื่อยเรื่อยร้างน้ำค้างโพร  น้ำค้างพรมลมโวมะโรตอน
มารื่นต่างนางในรำไพพัด  รำเพยเพียงเคียงรัตน์ปัจฐรณ์  
ปธมที่ศรีใสจะไลชอน  จนหลับชิดสนิทนอนมะลอนชา ฯ๘คำฯ ตระ
       ๏ ยานี มาจะกล่าวบทไป  ถึงท้าวหัสไนยมะไหลถา
สถิตย์ที่วิมานมะลานชา  กายารุ่มร้อนมะลอนจี
จึงเล็งทิพเนตรมะเลดป่า  ในชมพูแผ่นหล้ามะลาถี  
เห็นพระมะเหลเถทะเวที  มาแรมร้างค้างที่มะลีไช
เพราะไม่มีคู่จรูสม  เสวยรมย์ราชามะลาไส  
ผู้เดียวเปลี่ยวองค์มะลงไต  จำเราจะให้มะไลทา
อันลูกท้าวไทมะไลที  เลิศล้ำนารีมะลีถา  
ชื่อนางตะแลงแกงมะแลงกา  วาสนาควรคู่มะลูตอง
อัมรินทร์จินตนาแล้วลาเชด  เหาะระเห็จจากวิมานมะลานถอง  
มายังกรุงไกรมะไลทอง  โดยจิตคิดปองมะรองแทง ฯ๑๐คำฯ เหาะ
       ๏ ร่าย ครั้นถึงซึ่งภารามะลาตั๋ง โกสีย์ลงยังมะลังแต๋ง
เข้าไปในปรางค์มะรางแชง  อุ้มองค์ตะแลงแกงตะแลงมา ฯ๒คำฯ  
       ๏ เหาะลิ่วปลิวฟ้ามาฉับพลัน   ถึงพลับพลาสุวรรณมะลันถา
วางองค์ลงใกล้มะไลชา  อัมราพินิจมะลิดจู ฯ๒คำฯ
       ๏ ชมโฉม งามดังสุริยันมะลันตอน  เคียงดวงศศิธรมะลอนฉู  
จะดูไหนวิไลกะไรตู  สมสองครองคู่จะลูเจ
ดูโฉมตะแลงแกงแมลงกัด  งามดังเพชรรัตน์มะลัดเถ  
งามพระมเหลไถมะไลเท ดังสุวรรณอันเอละเลทา
สมวงศ์ทรงศักดิ์จักรพรรดิ์  สมเชื้อเนื้อกษัตริย์มะลัดถา  
สมทรงคงครองกะรองปา เป็นมหาจรรโลงมะโรงกี
แล้วท้าวหัสไนยมะไลถา  ก็ออกจากพลับพลาพนาศรี  
สำแดงแผลงอิทธิ์ฤทธี  ไปสู่ที่วิมานมะลานทา ฯ๘คำฯ เชิด
       ๏ ร่าย เมื่อนั้น  พระมะเหลเถไถมะไหลถา  
ผวาตื่นฟื้นจากมะรากปา เห็นนางกัลยามะลาที ฯ๒คำฯ
       ๏ ชมโฉม พระเพ่งพินิจมะลิดตัก  ประไพพักตร์เพียงจันทร์มะลันถี  
อรชรอ้อนแอ้นมะแรนจี  เลิศล้ำนารีมะลีทา
ฤาหนึ่งนางในมะไลจึก  พระไพรพฤกษ์พระไทรมะไลต๋า  
แกล้งจำแลงแปลงกายมะไลทา มาหลอกเล่นเห็นมามะลาตม
ฤาหนึ่งยักษ์ขินีผีไพร มาคิดปองลองใจมะไลถม  
จึงทรงโฉมโสภามะลางม  จำจะปลุกชวนชมขึ้นลมปู ฯ๖คำฯ
       ๏ ร่าย คิดพลางทางอิงมะลิงออง  ค่อยประคองปลุกนางมะลางฉู  
เจ้างามชื่นตื่นเถิดมะเลิศตู แล้วเล้าโลมโฉมตรูมะลูเตา ฯ๒คำฯ
       ๏ เมื่อนั้น  โฉมนางตะแลงแกงมะแลงเก๋า
ลืมเนตรเห็นองค์มะลงเทา  นงเยาว์เคืองขัดปัดกร
เออไฉนไยทำกะลำกัก  มาหาญหักไม่เกรงมะเลงฉอน  
ข้าอยู่ถึงภารากะลาตอน  ไปลักพามาชอนมะลอนไชย ฯ๔คำฯ
       ๏ เมื่อนั้น  พระมะไหลไถเถมะเหลไถ  
ได้ฟังพจนามะลาไท  ภูวไนยจึงมีมะลีทา ฯ๒คำฯ
       ๏ โอ้โลม โฉมเฉลา  พี่จะเล่าให้แจ้งมะแลงก๋า  
เดิมทีพี่จากมะรากกา  มาเที่ยวเล่นป่ามะลาไช
พอค่ำย่ำแสงมะแลงชอน  พี่ดะหลุดหยุดนอนมะลอนไฉ  
เป็นกุศลดลจิตมะลิดไท  เคียงได้เคียงคู่มะลูทอง
ชรอยว่าเทวัญมะลันที  อุ้มองค์มารศรีมาสมสอง  
จึงได้ประสบมะลบออง  นวลน้องเจ้าอย่าเขินมะเลินใจ ฯ๖คำฯ
       ๏ ร่าย เมื่อนั้น  โฉมนางตะแลงแกงมะแลงไก๋  
ได้ฟังถ้อยคำมะลำไท  ทรามวัยจึงตอบมะลอบที
ไปว่าเอาเทวัญมะลันตู  เหมือนหนึ่งใครไม่รู้มะลูถี  
เมื่อครั้งไรใครพามะลาชี  เมื่อครั้งไรใครพามะลาชี
แล้วนางแค้นขัดมะลัดตอน   เคืองค้อนภูวไนยมะไหลถา
น้อยฤานั่นน่าเชื่อมะเรือปา มาเศกแสร้งแกล้งว่ากะลาเกา ฯ๖คำฯ
       ๏ เมื่อนั้น  พระมะไหลไถเถมะเหลเถา  
เห็นนางกัลยามะลาเตา  จึงตรัสโลมเล้ามะเลาปอน ฯ๒คำฯ
       ๏ ชาตรี ดูก่อนโฉมตรูมะลูถี เวทีมิเชื่อมะเหลือถอน  
อันพระอุณรุทมะลูดชอน  เทวาก็พาจรมะลอนเกา
ไปสมสร้อยอุษามะลาตึก โฉมยงจงนึกมะลึกเก๋า
นี่บุญของพี่ยามะลาเตา  จึงพาเจ้ามาสมมะลมเต
ว่าพลางทางถดมะหลดติด  อย่าอายเอียงเบี่ยงบิดมะลิดเป๋  
นางป้องปัดหัตถามะลาเท  มะโลโตโปเปมะเลตุง
สองภิรมย์ชมเชยมะเลยปม  สำราญรมย์รื่นเริงมะเลิงตุ๋ง  
สัพยอกหยอกเย้ามะเลาชุง  สมสวาดิ์มาดมุ่งมะลุงแชง ฯ๘คำฯ โลม
       ๏ ร่าย ครั้นรุ่งรางส่างแสงมแลงทอง  สกุณาร่าร้องมะรองแฉ่ง  
พระตื่นจากไสยาศน์นลาตแทง  ชวนองค์ตะแลงแกงมะแลงกง
สระสรงภักตรามะลาเต็ด  สรรพเสร็จออกจากมะลากก๋ง
พร้อมหมู่ทหารมะลานปง  ก้มเกล้าเค้าคงมะลงแตง
พระจึงมีสิงหนาทมะลาดจู เหวยหมู่ทหารมะลานแฉง  
จงตรวจเตรียมโยธามะลาแกง ตามตำแหน่งของใครมะไลที ฯ๖คำฯ
       ๏ บัดนั้น  เสนารับสั่งมะลังปี๋  
ต่างชะแง้แลดูมะลูจี  พาทีเบี้ยวบุ้ยมะลุยตุง
แล้วมาเร่งรัดจัดเจา  พร้อมพรั่งดังเก่ามะเลาปุ๋ง  
คอยพระมะเหลไถมะไลทุง  ต่างนายหมายมุ่งจะลูงทา ฯ๔คำฯ
       ๏ เมื่อนั้น  พระมเหลไถมะไหลถา  
ชวนนางตะแลงแกงมะแลงกา  ขึ้นทรงคชามะลากุย
ออกจากพลับพลามะลาโท  ทวยหาญขานโห่ตะลุ๋ยปุ๋ย  
ดัดดั้นบั่นบุกปุกปุย  อีหลุกขลุกขลุยมะลุยปอย ฯ๔คำฯ เชิด
       ๏ มาจะกล่าวบทไป  ถึงท้าวไทอสุรามะลาก๋อย  
มรายกาดชาดเชื้อสะเรือดอย  สุราต้องกองกอยพะลอยไช
เพราะลอบชมนางฟ้าสลาโสด   ศุลีซ้ำทำโทษมะโดดไข
มาตัวขาดอาจองทะลงใจ  เที่ยวไล่จับสัตว์ไพรสะไรกุง
สุรากินสิ้นซากมายากทุกข์  กำลังอยากบากบุกมะลุกปุ๋ง  
มาแลปะมะเหลไถสะไรชุง  สุราชาติมาดมุ่งมะรุงแชง
มราชักยักษ์ย่องมาลองดู  มาลอบด้อมค้อมอยู่พะดูแถง  
พอได้ทีลีลามมะหามแทง  มะฮึกทำสำแดงแทลงกี
ถลากายหมายมั่นมะลันจ้อง  มะเหลจับรับรองสะรองกี้  
สุราก๋อยถอยท่ามะลารี  มะเหลรุกคลุกคลีประชีไช
ประชิดชิงอาวุธยุทธนา  ยักษ์ทนงทรงคทาตะลาไป๋  
ตลบป้องคล่องแคล่วมะแลวไท  มะลวงทีหนีไล่มะไลทอง ฯ๑๒คำฯ เชิด
 

หมายเหตุ : คัดโดยคงตัวสะกดตามต้นฉบับ...
ผู้โพสท์