[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน => ข้อความที่เริ่มโดย: phonsak ที่ 17 ตุลาคม 2553 15:37:15



หัวข้อ: สัมโภคกายพระโพธิสัตว์เป็นตัวแม่ มนุษย์โพธิสัตว์เป็นตัวลูก
เริ่มหัวข้อโดย: phonsak ที่ 17 ตุลาคม 2553 15:37:15
เข้าใจเรื่องพระโพธิสัตว์ตัวแม่ และพระโพธิสัตว์ตัวลูก จึงเข้าใจพุทธศาสนาได้อย่างถูกต้อง


"พระโพธิสัตว์" มี 2 ประเภท

1. "พระโพธิสัตว์" ในความหมายที่ 1 เป็นความหมายของเถรวาท   คือ ผู้ซึ่งจะได้มาตรัสรู้เป็นพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคต ท่านอธิษฐานจิตถึงพระพุทธภูมิ ทุ่มเทปฏิบัติธรรม ช่วยผู้อื่นทั้งทางโลกและทางธรรม สะสมบารมี ๑๐ ทัศ   

พระโพธิสัตว์ในความหมายของเถรวาทนี้หมายถึง...ทุกๆคนเป็นพระโพธิสัตว์ได้ทั้งนั้น ไม่จำเป็นต้องบรรลุธรรมให้ถึงขั้นอรหันต์ก่อน ถ้าหากว่าเขาผู้นั้นเป็นผู้มีจิตเมตตาประจำใจ ทำแต่คุณประโยชน์ช่วยเหลือคนทุกข์ยาก ไม่ประพฤติเบียดเบียนสนับสนุนผู้อื่นในทางผิดศีลธรรม เขาก็อธิษฐานเป็นพระโพธิสัตว์(เถรวาท)ได้

2.  "พระโพธิสัตว์" ในความหมายที่ 2 เป็นความหมายของมหายาน (ภาษาญวนเรียกว่า “โบ่ต๊าก” ภาษาจีนเรียกว่า “ ผ่อสัก,ผู่สัก,ผู่ซ่า”)  หมายถึง   ผู้ข้องอยู่ในโพธิคือความรู้ เป็นผู้รู้ คือ เป็นผู้รู้แจ้งซึ่งอาจจะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตเมื่อใดก็ได้   แต่ท่านยังไม่ปรารถนาพุทธภูมิ  ก็เนื่องจาก :   

พระโพธิสัตว์ในความหมายของมหายาน ได้ตั้งปณิธานไว้ว่า  จะช่วยบำบัดทุกข์ให้แก่สรรพสัตว์  ถ้าท่านเข้าสู่พุทธภูมิเสียแล้ว สรรพสัตว์จะตกอยู่ในความยากลำบากในการเข้าถึงพระนิพพาน    ด้วยเหตุนี้ พวกท่านจึงไม่เข้าสู่พุทธภูมิ

หลักสำคัญของพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน คือ หลักแห่งพระโพธิสัตวภูมิ   ซึ่งเป็นหลักที่พระพุทธศาสนามหายาน  จะเห็นได้ว่า  พระโพธิสัตว์ในความหมายของมหายานนี้ พวกท่านมีความรู้ ขนาดเป็นผู้รู้แจ้งซึ่งอาจจะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตเมื่อใดก็ได้   แสดงว่า ท่านเป็นพระอรหันต์ที่เหนือกว่าอรหันต์ไปแล้ว แต่เพราะไม่ยอมละทิ้งความเมตตากรุณาออกจากใจ  ท่านจึงยอมตกภูมิลงมาอยู่ในอนาคามีภูมิ 

หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ เรียก พระอรหันต์ที่ยอมตกภูมิลงมาอยู่ในอนาคามีภูมิว่า "หน่อพุทธภูมิ" หรือ "ภูตพระเจ้า" ท่านจัดเป็น  "อนาคามีชั้นพิเศษ"

เพราะฉะนั้น... พระโพธิสัตว์ในความหมายของมหายาน จึงต้องบรรลุเป็นอรหันต์มาก่อน  ผมเรียก พระโพธิสัตว์มหายานว่า พระอรหันต์โพธิสัตว์ หลวงปู่ดู่เรียกว่า "หน่อพุทธภูมิ" หรือ "ภูตพระเจ้า" = ท่านสามารถละกิเลสทั้งหยาบและละเอียดออกจากใจแล้ว ไม่มีความโลภ โกรธ หลง และความยึดมั่นถือมั่นเหลืออยู่ เพียงแต่ท่านไม่ยอมเข้านิพพาน  เอาความเมตตากรุณามาหล่อเลี้ยงจิตของท่านให้อยู่ใน 3 ภพต่อไป

ย้ำ! พระอรหันต์โพธิสัตว์มหายาน ต้องการอยู่ช่วยสรรพสัตว์ต่อไป ท่านจึงต้องนำความเมตตากรุณามาใส่ลงในใจใหม่


ตัวอย่างของพระอรหันต์โพธิสัตว์ หรือ"หน่อพุทธภูมิ" หรือ "ภูตพระเจ้า"  


1. พระอชิตะเถระ ท่านบรรลุอรหันต์ไปแล้วเมื่อครั้งพุทธกาล แต่เพราะท่านตั้งใจอยู่ช่วยสรรพสัตว์ต่อไป ท่านจึงต้องนำความเมตตากรุณามาใส่ลงในใจใหม่ และท่านก็ยังตั้งปณิธานจะมาตรัสรู้เป็นพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคต และขนสรรพสัตว์ไปนิพพานให้มากที่สุดด้วย  ท่านจึงต้องบำเพ็ญบารมีนานถึง  16 อสงไขยแสนกัป เพื่อจะได้เป็นพระพุทธเจ้ายิ่งด้วยวิริยะ   

(พระศรีอริยเมตไตรยิ่งด้วยวิริยะ   บำเพ็ญบารมีนานถึง   16  อสงไขย์แสนกัป  นานกว่าโคตมะพระพุทธเจ้า 4 เท่า เพราะพระพุทธเจ้ของเราเป็นพระพุทธเจ้ายิ่งด้วยปัญญา  ท่านบำเพ็ญบารมี  4 อสงไขยแสนกัปเท่านั้น )

อนึ่ง พระศรีอริยะเมตตรัยโพธิสัตว์ที่เป็นมนุษย์คือ พระอชิตะ  อยู่บนสวรรค์ขั้นดุสิต  ส่วนเป็นตัวที่เป็นแม่คือ พระศรีอริยะเมตตรัยโพธิสัตว์ที่เป็นสัมโภคกาย อยู่ที่พุทธเกษตรดุสิต  ตัวแม่นี้เป็นพระกุณาของพระพุทธเจ้า ออกมาจากฌานของพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่ง  พระศรีอริยะเมตตรัยโพธิสัตว์ที่เป็นสัมโภคกาย(ตัวแม่)ออกมาจากฌานของพระรัตนสมภพพุทธเจ้า(หนึ่งในพระฌานิพุทธเจ้า)

2. เจ้าแม่กวนอิม... จิตอรหันต์ของท่าน ตั้งความปราถนาหรือปณิธานเอาไว้ว่า "หากยังมีสัตว์ที่ตกทุกข์ได้ยากอยู่ จักไม่ขอบรรลุพุทธภูมิ"

การตั้งความปราถนาหรือปณิธานของพระอรหันต์เหล่านี้ ทำให้กายทิพย์ที่เป็นกายธรรม(ธรรมกาย) ยังคงวนเวียนอยู่ในสังสารวัฏฏ์ต่อไป แม้ว่าละกิเลสตัณหาหมดแล้ว

พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ตัวจริง ที่เป็นตัวแม่ ท่านเป็นสัมโภคกาย อยู่ในแดนสุขาวดี  ส่วนตัวลูกที่เป็นเจ้าแม่กวนอิมนั้นอยู่บนโลกชื่อเมี่ยวซ่าน

จะเห็นได้ว่า  พระโพธิสัตว์ไม่ว่าของฝ่ายมหายานหรือฝ่ายเถรวาทที่เป็นตัวลูก ล้วนเป็นมนุษย์ทั้งนั้น = พระมานุษิโพธิสัตว์ คือเป็นพระโพธิสัตว์ที่อยู่ในสภาพมนุษย์ทั่วไป ยังต้องฝึกอบรมตนเอง และทำหน้าที่ช่วยเหลือผู้อื่นไปพร้อมๆกัน

แต่ที่บางท่านยกตัวอย่างพระฌานิโพธิสัตว์มานั้น  พึงตระหนักว่า พระฌานิโพธิสัตว์ เป็นพระโพธิสัตว์ที่กำหนดไม่ได้ว่าเกิดเมื่อใด  ท่านเป็นพระเมตตาของพระพุทธเจ้าแต่ละองค์  ออกมาจากฌานของพระฌานิพุทธเจ้าทั้ง 5 ท่าน  พระฌานิโพธิสัตว์จัดเป็น พระโพธิสัตว์คัวแม่  ของพระมนุษีโพธิสัตว์


สรุป

1."พระโพธิสัตว์" มี 2 ประเภท คือ พระโพธิสัตว์เถรวาท และพระโพธิสัตว์มหายาน
2. พระโพธิสัตว์เถรวาท และพระโพธิสัตว์มหายาน ล้วนอยู่ในสภาพที่เป็นมนุษย์ เรียกว่า พระมานุษีโพธิสัตว์
3. พระโพธิสัตว์มหายาน อีกประเภทหนึ่งไม่ใช่มนุษย์  คือ พระฌานิโพธิสัตว์  พวกท่านเป็นกายทิพย์วิเศษ ที่เรียกว่า สัมโภคกาย อยู่ในพุทธเกษตร หรือเมืองพระนิพพาน  พระฌานิโพธิสัตว์  พวกท่านเป็นสัมโภคกาย  หรือกายที่เป็นตัวแมของพระโพธิสัตว์เป็นมนุษย์   พระฌานิโพธิสัตว์  ที่เป็นตัวแม่ของพระโพธิสัตว์ที่เป็นมนุษย์ ในสมาธิของท่าน  ท่านได้ยับยั้งจิตปภัสสรของท่านเอาไว้ ยังไม่เสด็จเข้าสู่พุทธภูมิ 

ผมขอยกตัวอย่างพระโพธิสัตว์ตัวแม่(สัมโภคกาย) และพระโพธิสัตว์ตัวลูก(พระมานุษีโพธิสัตว์)  2 องค์ให้เห็นนะครับ

เช่น พระศรีอริยะเมตตรัยโพธิสัตว์ ตัวแม่ เป็นสัมโภคกายอยู่ในพุทธเกษตรดุสิต   พระศรีอริยะเมตตรัยโพธิสัตว์ ตัวลูก เป็นพระมานุษีโพธิสัตว์อยู่ในโลก  พอตายไปก็ไปอยู่ในสวรรค์ชั้นดุสิต   

4. พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ พระมัญชุศรีโพธิสัตว์ พระมหาสถามปราปต์โพธิสัตว์ พระสมันตภัทรโพธิสัตว์ พระวัชรปาณีโพธิสัตว์  พวกท่านเหล่านี้ล้วนเป็นพระโพธิสัตว์ ตัวแม่(สัมโภคกาย)หรือพระฌานิโพธิสัตว์  พวกท่านไม่ได้เป็นพระมานุษีโพธิสัตว์ หรือ พระโพธิสัตว์ตัวลูก