หัวข้อ: กฐิน ในพระพุทธศาสนา ตอนที่ ๑ เริ่มหัวข้อโดย: 時々๛कभी कभी๛ ที่ 17 ตุลาคม 2553 22:03:09 (http://www.taklong.com/lomo/p/110066IMG0002.jpg) http://www.fungdham.com/download/song/allhits/21.wma (:LOVE:)สวัสดีเพื่อน ๆ ชาว สมาชิก สุขใจ{Sometime}หายไป 2 วัน ซึ่งเป็น 2 วันสุดท้ายของ เทศกาล ทานอาหาร เจ และถืออุโบสถศีล{Sometime}ไปร่วมทำกิจกรรมที่วัดนั่งสมาธิสวดมนต์แผ่เมตตาและกรวดน้ำ มีพิธีเวียนเทียนรอบบริเวณวัดเมื่อวานนี้ เสาร์ที่ 16 ตุลาคม 2553 และไปถ่ายภาพมาให้ สมาชิกชาว สุขใจได้ดูด้วยแต่ตอนนี้ยังเหนื่อย อยู่และเพลีย ๆ นิดหน่อยไว้จะค่อย ๆ เล่ารายละเอียดให้ฟังนี่เป็นกระทู้แรกหลังจากหายไป 2 วัน เมื่อวานกลับมาดึกเพราะมี เวียนเทียนที่วัด กว่าจะกลับถึงบ้านก็ดึกมากแล้วไม่ได้อาบน้ำก็นอนเลยพอรุ่งเช้าก็ต้องตื่นแต่เช้าแล้วไปที่มลฑลพิธีเพื่อ ส่งพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้าทั้ง ๙ พระองค์กลับสู่สวรรค์และปิดมลฑลพิธีในวันนี้ 17 ตุลาคม 2553 รวม 10 วันเต็ม ๆ ใน การบำเพ็ญอุโบสถศีล ถ้าจะถามว่าได้อะไรมั๊ย ? ขอตอบว่าได้มากมายมหาศาลชนิดที่เรียกว่าหาซื้อด้วยเงินไม่ได้เป็นการลงมือ ปฏิบัติด้วยใจจริง ๆ เพราะว่าไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ สำหรับคนจน ๆ อย่าง{Sometime}มีแต่หัวใจที่หาญกล้าต่อสู้กับ อุปสรรคต่าง ๆ เช่น........................................... 1.ฝนตกพายุเข้าประเทศไทยต้องกรำฝนไป 2.กำลังทรัพย์ไม่มีมีแต่กำลังใจและกำลังกายต้องเดินทางระยะไกล ๆ หลายสิบกิโลและใช้ 2 เท้าเดิน 3.อาหารกินง่าย ๆ คือ ผัก และเต้าหู้ยี้ - เม็ดหนำเลี๊ยบอะไรที่เค็มกับข้าวสวยร้อน ๆ เอาสะเต็กมาแลกก็ไม่ยอม(จริง ๆ) 4.กลับบ้านดึกไม่มีรถเข้าถึงบ้านและอุปสรรคอื่น ๆ ซึ่งจะเล่าให้ฟังในโอกาสต่อไปแต่ตอนต้องขอพักเอาแรงก่อน หมายเหตุ..........อุปสรรคเหล่านี้ไม่เคยทำให้หัวใจของ{Sometime}ท้อถอยต่อการบำเพ็ญเพียรแม้แต่ น้อยทั้ง ๆ ที่สังขารก็ไม่อำนวยกลับตรงกันข้ามยิ่งมุมานะสู่ต่อไปถ้าเกิดว่า(ตาย)ก็นับว่าคุ้มค่าไม่เสียชาติเกิดแล้ว ราตรีสวัสดิ์ (:SLE:) (:SLE:) (:SLE:) พระศาสดาทรงแสดงธรรม ผู้มีปัญญา{ทำกุศลอยู่} คราวละน้อย ๆ ทุก ๆ ขณะ โดยลำดับพึงกำจัดมลทินของตนได้ เหมือนช่างทองปัดเป่าสนิมทองฉะนั้น ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น เนื่องจากว่าช่วงนี้ใกล้ออกพรรษาแล้วและหลังจากออกพรรษาก็จะเป็นฤดูกาล แห่ง{กฐิน} ซึ่งมีระยะเวลา ๑ เดือนสำหรับเรื่องกฐินนั้นชาวพุทธเข้าใจหรือยัง ? หรือใครว่ากฐินก็กฐินตามเขาไปทอดกฐินก็ไปทอดตามเขาพร้อมกับนำมาเล่าสู่กัน ฟังว่ากฐินกองนี้ได้เงินเท่านั้น เท่านี้แต่ความเข้าใจไม่มีเลยแม้แต่น้อยจึงเป็นที่มา ของกระทู้ธรรมหัวข้อนี้ คือ{กฐิน}ในพระพุทธศาสนาซึ่งในบางส่วน อาจารย์ ประเชิญ แสงสุข ได้แสดงความเห็นไว้แล้วในเว็บไซต์นี้ เนื่องจากข้าพเจ้า ยังเป็นผู้ใหม่ในการศึกษาพระธรรมเป็นคนที่เข้าใจอะไรค่อน ข้างยากอาจจะมีข้อผิดตกบกพร่องอยู่บ้างดังนั้นข้าพเจ้าจะขอรวบรวมเรียบ เรียงประมวลให้สั้นที่สุดตามกำลังแห่งความเข้าใจของตนเองพอเป็นแนวทาง เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องยิ่งขึ้นสำหรับผู้ศึกษาพระธรรมร่วมกัน(สหายธรรม)ทุกท่าน แต่ถ้าท่านใดประสงค์ในรายละเอียด สามารถศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมได้ที่ พระวินัยปิฎก มหาวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ หน้าที่ ๑๙๓ - ๒๔๐ ในส่วนของ{กฐินขันธกะ}และประการ ที่สำคัญ ถ้าหากความสงสัยจะพึงเกิดขึ้นแก่ผู้ศึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้ข้าพเจ้าจะขอ ความอนุเคราะห์จากอาจารย์ ประเชิญ แสงสุข ช่วยตอบคำถามในประเด็นดังกล่าวด้วย หัวข้อ: Re: กฐิน ในพระพุทธศาสนา ตอนที่ ๑ เริ่มหัวข้อโดย: 時々๛कभी कभी๛ ที่ 17 ตุลาคม 2553 22:17:45 (http://www.taklong.com/lomo/p/110066IMG0002.jpg) {กฐิน} เป็นเรื่องของผ้าเท่านั้น พระพุทธศาสนา เป็นคำสอนของท่านผู้รู้ ผู้รู้ในที่นี้หมายถึง พระผู้มีพระภาคอรหันต สัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งเป็นบุคคลผู้เลิศที่สุด ประเสริฐที่สุด เจริญที่สุดในโลกทั้งพระ บริสุทธิคุณ พระปัญญาคุณ พระมหากรุณาคุณเมื่อเป็นคำสอนของท่านผู้รู้ต้องฟัง ต้องศึกษาด้วยความละเอียดรอบคอบความรู้ความเข้าใจจึงจะค่อย ๆ เจริญขึ้นไป ตามลำดับความรู้ความเข้าใจเกิดเองไม่ได้คิดเองไม่ได้ต้องอาศัยเหตุ คือ.................. {การฟังการศึกษานั่นเอง} ในสังคมไทยเมื่อกล่าวถึง{กฐิน}แล้วส่วนใหญ่ก็จะกล่าวตามความคิดเห็น ตามความเข้าใจเดิม ๆ ของตนเองซึ่งอาจจะมีหลากหลายความคิดเห็นเช่นอาจจะ กล่าวว่าเป็นเรื่องของซองเงินบ้างเป็นเรื่องของกองวัตถุทานขนาดใหญ่บ้างหรือ แม้กระทั่งเป็นบุญกุศลที่ใครได้กระทำแล้วจะไม่ไปเกิดในอบายภูมิอีกเลยเป็นต้น นี่คือ ความคิดเห็นที่ไม่ตรงตามพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงไว้ซึ่งจะเห็น ได้ว่า{พระธรรม}ต้องศึกษาเท่านั้นถึงจะเข้าใจถูกต้อง ตรงตามความเป็นจริงแม้แต่ ในเรื่องของ{กฐิน}ก็เช่นเดียวกัน คำว่า{กฐิน} มี ๒ ความหมาย คือ กฐินเป็นชื่อไม้สะดึงสำหรับขึงผ้าให้ตึงเป็น อุปกรณ์ที่ช่วยในการเย็บผ้า และ กฐินตามพระวินัยหมายถึงผ้า ซึ่งเป็นผ้าสำหรับครอง ของพระภิกษุ เป็นผ้าผืนใดผืนหนึ่ง(ในบรรดา ๓ ผืน คือ ผ้าสบง ผ้าจีวรและผ้าสังฆาฏิ) ซึ่งก็เกี่ยวโยงว่าผ้าที่จะมาทำเป็นผ้าครองนั้นต้องมีการขึงให้ตึงสำหรับเย็บผ้าผืนดัง กล่าวนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงอนุญาต แก่พระภิกษุที่อยู่จำพรรษาครบ ๓ เดือนซึ่ง ในอาวาสนั้นมีภิกษุอยู่จำพรรษา อย่างน้อย ๕ รูปขึ้นไปถ้าจำนวนน้อยกว่านั้นไม่เป็น {กฐิน}จะนิมนต์มาจากอาวาสอื่นให้เต็มจำนวนอย่างนี้ก็ไม่ได้ ครั้งแรกพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงปรารภภิกษุชาวเมืองปาฐา ๓๐ รูป ซึ่งมีความ ประสงค์จะมาเข้าเผ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าที่วิหารพระเชตวันตอนนั้นจวนเข้าสู่ช่วง เข้าพรรษา ไม่สามารถเดินทางให้ทันวันเข้าพรรษาในพระนครสาวัตถีก็เลยอยู่จำ พรรษาตามพระวินัย ณ.เมืองสาเกตุเมื่อออกพรรษาแล้วท่านเหล่านั้นก็เดินทางต่อ ทันทีในช่วงนั้นฝนยังไม่หมด ทำให้จีวรเปียกชุ่มด้วยน้ำเกิดความลำบากพระผู้มี พระภาคเจ้าทรงปรารภในเรื่องนี้จึงทรงอนุญาตให้ภิกษุที่อยู่จำพรรษาครบ ๓ เดือน แล้วทำการกรานกฐิน เพื่อเปลี่ยนผ้าในช่วงจีวรกาลซึ่งเป็นเรื่องวินัยกรรมของพระ ภิกษุส่วนคฤหัสถ์มีหน้าที่เพียงถวายผ้าเท่านั้นผ้าดังกล่าวนั้นพระภิกษุจะต้องได้ มาด้วยความบริสุทธิ์ ขอเขามาหรือเลียบเคียงมานั้นไม่ได้ถ้าหากพระภิกษุไปบอก คฤหัสถ์ว่าวัดที่ตนจำพรรษานั้นยังไม่มีผู้จองกฐินเลยแล้วคฤหัสถ์นำไปถวายอย่างนี้ ไม่เป็นกฐินเพราะเกิดจากการออกปากขอย่อมเป็นผ้าที่ไม่บริสุทธิ์แต่ถ้าเป็น ความประสงค์ของคฤหัสถ์ที่จะเป็นผู้ถวายโดยตรง อย่างนี้ใช้ได้ซึ่งถ้าหากคฤหัสถ์ไม่ รู้จักธรรมเนียมในการถวายพระภิกษุสามารถแนะนำแก่คฤหัสถ์ได้ในสมัยก่อนผ้าที่ ถวายเป็นผ้าที่ยังไม่สำเร็จรูป เป็นผ้าขาวผืนหนึ่ง ที่เพียงพอสำหรับจะทำเป็นผ้าผืนใด ผืนหนึ่งในบรรดา ๓ ผืน สำหรับระยะเวลาหรือขอบเขตในการถวายกฐินนั้นมีระยะ เวลา ๑ เดือน คือ หลังออกพรรษาแล้ว ตั้งแต่วันแรม ๑ ค่ำเดือน ๑๑ ถึงวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ มาถึงตรงนี้ก็พอจะทราบแล้วว่า{กฐิน}เป็นเรื่องของผ้าเท่านั้นไม่เกี่ยวกับเงินทอง เลยเพราะเหตุว่า เงินทอง เป็นวัตถุที่พระภิกษุรับไม่ได้ถ้ารับก็เป็นอาบัติมีโทษ อยู่เหนือตนเป็นเครื่องกั้นแห่งการบรรลุมรรคผล{นิพพาน}และ คฤหัสถ์ผู้ถวายเงิน ทองแก่พระภิกษุ ก็ชื่อว่า เป็นผู้ไม่ฉลาดในการเจริญกุศลเพราะเหตุว่าเป็นการกระทำ ที่ไม่ถูกต้องตามพระธรรมวินัยเป็นเหตุให้พระภิกษุต้องอาบัติประการสำคัญที่ควร พิจารณาคือ{กฐิน}ไม่ว่าจะเป็นยุคใดสมัยใดถ้าหากกระทำอย่างถูกต้องตรงตามพระ วินัย ย่อมเหมือนกันทั้งหมด คือ ถูกต้องทั้งหมดแต่ถ้าไม่ตรงตามพระธรรมวินัยแล้ว ย่อมไม่ถูกต้อง สำหรับในตอนที่ ๒ จะขอกล่าวถึง ใครสามารถเป็นผู้ถวายกฐินได้บ้าง{กรานกฐิน} คืออะไรคุณสมบัติของผู้{กรานกฐิน}และอานิสงส์ของพระภิกษุผู้รับกฐิน ตอนที่ ๓ จะขอกล่าวถึง เกี่ยวกับผู้ถวายกฐินโดยตรงจำเป็นหรือไม่ที่จะต้องมี การถวายกฐิน(กฐินเดาะ) สำหรับในตอนที่ ๔ และตอน ๕ (ซึ่งเป็นตอนจบ)จะขอนำเสนอคำสนทนา เรื่อง{กฐิน}ระหว่างท่าน อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ คณะวิทยากร และผู้ร่วม สนทนาธรรม ณ.มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา) ................ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุก ๆ ท่าน................ |