การกลับมาขึ้นจอใหญ่เป็นครั้งที่ 3 ของกลุ่มคนหนุ่มบ้าเลือดที่นำทีมโดย "จอห์นนี่ น็อกซ์วิลล์" ในหนัง "Jackass 3D" กลายเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่อีกครั้ง สามารถขึ้นไปถึงอันดับ 1 ของอันดับหนังทำเงินประจำสัปดาห์ ด้วยรายได้มหาศาล 50 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
Jackass ภาคที่ผ่านมา ๆ มาเคยครองแชมป์หนังทำเงินประจำสัปดาห์มาโดยตลอด เช่นเดียวกับ Jackass 3D ภาคที่ 3 ที่มีจุดขายอยู่ที่ระบบภาพสามมิติ จนทำให้สามารถเปิดตัวด้วยรายได้ถึง 50 ล้านเหรียญฯ เป็นก้าวกระโดดที่สำคัญหลังจากหนังภาคแรก Jackass: The Movie ที่เข้าฉายในปี 2002 เปิดตัวด้วยรายได้ 22.8 ล้านเหรียญฯ และภาคที่สอง Jackass Number Two เปิดตัว 29 ล้านเหรียญฯ เมื่อปี 2006
นอกจากสร้างสถิติสำหรับหนังชุด Jackass เองแล้ว Jackass 3D ยังสร้างสถิติเป็นหนังเปิดตัวแรงที่สุดในเดือน ต.ค. ทำลายตัวเลข 48.1 ล้านเหรียญฯ ที่ Scary Movie 3 สร้างไว้เมื่อ 7 ปีก่อน อย่างไรก็ตามถ้านับเฉพาะจำนวนตั๋วที่ขายได้ Jackass 3D ยังเป็นรอง Scary Movie 3 แต่หนังทำรายได้มากกว่า เพราะอานิสงส์ของราคาตั๋วหนังที่สูงขึ้น รวมถึงราคาตั๋วหนัง 3-D ที่มีราคาแพงเป็นพิเศษนั่นเอง
Jackass เริ่มต้นจากการเป็นรายการโทรทัศน์แนวเรียลลิตี้ของ MTV ที่แพร่ภาพตั้งแต่ปี 2000 มีจุดขายที่สมาชิกของกลุ่ม Jackass กับภารกิจท้าอันตรายในหลายรูปแบบ ที่เต็มไปด้วยความโหดมันฮา ที่บางครั้งรุนแรงจนถึงขั้นเลือดตกยางออก ซึ่งไม่ว่าสุดท้ายแล้ว Jackass 3D จะลาโรงด้วยรายได้เท่าไหร่ ผู้สร้างก็คงยิ้มแบบไม่มีหุบแน่เพราะ หนังใช้ทุนสร้างเพียง 20 ล้านเหรียญฯ เท่านั้น
หนังแอ็กชั่นรวมดาวรุ่นเก๋า Red ตามมาเป็นอันดับ 2 ด้วยรายได้ 22.5 ล้านเหรียญฯ ซึ่งหมายความว่าถูกอันดับ 1 ทิ้งห่างกว่าเท่าตัว หนังแอ็กชั่นที่มี บรูซ วิลลิส, มอร์แกน ฟรีแมน, เฮเลน มิร์เรน, จอห์น มัลโควิช และแมรี หลุยส์ ปาร์เกอร์ นำแสดง เล่าเรื่องของอดีตสายลับปลดเกษียณ ที่กลายเป็นเป้าหมายของ CIA
จากข้อมูลทางสถิติชี้ว่าผู้ชมกว่า 2 ใน 3 ของ Jackass 3D เป็นคนหนุ่มที่มีอายุ 25 ปีลงมา แตกต่างกับ Red โดยสิ้นเชิงที่ผู้ชมกว่า 58% มีอายุ 35 ปีขึ้นไป
"ระหว่างคนดูหนังของเขา และหนังของเรา ผมคิดว่าเราจะได้ผู้ชมมากขึ้นในสัปดาห์ที่สอง" ผู้บริหารแห่ง Summit Entertainment ผู้จัดจำหน่าย Red แสดงความมั่นใจ ว่าหนังแอ็กชั่นรวมดาววัยดึก ได้รับความนิยมในแฟนหนังกลุ่มผู้ใหญ่ ซึ่งโดยธรรมชาติแล้วไม่ได้รีบร้อนมาดูหนังกันตั้งแต่การเข้าฉายสัปดาห์แรก "เรามีนักแสดงที่ยอดเยี่ยม ทำงานกันได้อย่างเข้าขา ซึ่งทำให้หนังดูสนุก คนมีอายุน่าจะมีอะไรดี ๆ ทำมากกว่านั่งเกาอี้โยกอยู่กับบ้าน และเปลี่ยนช่องทีวีไปมา"
หนังที่เต็มไปด้วยความคาดหวังของโซนี The Social Network ที่คว้าแชมป์ไปสองสัปดาห์ติดต่อต้องหล่นมาอยู่ในอันดับที่ 3 ในสัปดาห์นี้ กับรายได้บวกเพิ่ม 11 ล้านเหรียญฯ หลังจากเข้าฉายมา 3 สัปดาห์ ผลงานใหม่ของ เดวิด ฟินเชอร์ ทำเงินไปแล้วทั้งสิ้น 63.1 ล้าน
ในกลุ่มหนังที่เปิดฉายแบบจำกัดโรง Hereafter ที่ คลินต์ อีสต์วูด กำกับ แม็ตต์ เดมอน แสดงนำ ทำเงินในการฉาย 3 วันแรกไปได้ 231,000 เหรียญฯ ค่าเฉลี่ยต่อโรงสูงถึง 38,500 เหรียญฯ ต่อโรง โดยหนังเล่าเรื่องเหนือธรรมชาติกับการติดต่อสื่อสารกับโลกหลังความตาย และเกียวพันกับเหตุการณ์สึนามิ ซึ่ง Hereafter มีกำหนดจะเข้าฉายทั่วอเมริกาเหนือในวันศุกร์ที่จะถึงนี้
ผลงานใหม่ของนางเอกสองรางวัลออสการ์ ฮิลลารี สแวงค์ ก็เปิดฉายในแบบจำกัดโรงเช่นเดียวกัน โดย Conviction ผลงานล่าสุดที่ สแวงค์ รับบทเป็นหญิงสาวผู้ส่งตัวเองเข้าโรงเรียนกฎหมาย หวังว่าสามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของน้องชาย ที่ถูกกล่าวหาว่าฆาตกรรมนักร้องเพลงแร็ฟชื่อดัง โดยหนังทำเงินไป 110,000 เหรียญฯ ใน 11 โรงฉาย ซึ่งในสุดสัปดาห์ต่อไป Fox Searchlight จะเพิ่มโรงฉายให้กับหนังเรื่องนี้เป็น 70 โรง
10 อันดับหนังทำเงินประจำสุดสัปดาห์ที่ 15 – 17 ต.ค. 2553
(รายได้โดยประมาณหน่วยเป็นล้านเหรียญสหรัฐ, รายรับประจำสัปดาห์และรายรับรวมตามลำดับ)
1. Jackass 3D 50 (50, New)
2. Red 22.5 (22.5, New)
3. The Social Network 11 (63.1, 3)
4. Secretariat 9.5 (27.5, 2)
5. Life as We Know It 9.2 (28.8, 2)
6. Legend of the Guardians: The Owls of Ga'Hoole 4.2 (46.0, 4)
7. The Town 4 (80.5, 5)
8. My Soul to Take 3.2 (11.9, 2)
9. Easy A 2.7 (52.3, 5)
10. Wall Street: Money Never Sleeps 2.4 (47.8, 4)
ข้อมูลจาก: Boxofficemojo
http://www2.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9530000146494