พระสูตรที่นำมาเป็นหลักในการอธิบายขยายความ คือ "สาราณียธรรมสูตร" อันเป็นพระสูตรที่เน้นธรรมปฏิบัติ ที่อาจจะเริ่มต้นจากเมตตา ช่วยให้มีท่าทีต่อคน สัตว์ ด้วยความรักและหวังดี หรือมีความเห็นชอบช่วยให้มองโลกอย่างน้อยที่สุดระดับของการยอมรับนับถือ สิทธิ หน้าที่ ของกันและกัน ไม่ล่วงละเมิดกัน จนถึงมีเมตตาพร้อมที่จะแสดงออกมาทาง กาย วาจา ใจ ในทางที่เป็นประโยชน์ต่อกัน ในพระสูตรยังทรงสะท้อนอาการของ "เมตตา และปัญญาอันเห็นชอบ ออกมาในรูปของ ความรัก ความเคารพ การสงเคราะห์กัน การไม่ทะเลาะวิวาทกัน ความสามัคคีและเอกภาพ" เป็นต้น ไว้ด้วย
เพื่อให้คนมองเห็นการทำดีหรือทำชั่วก็ตาม เมื่อลงมือทำไปแล้วจะกลายเป็นขบวนการทยอยกันไปจากจุดย่อยๆ จนถึงจุดใหญ่ ทำนองเดียวกันกับ ไฟใหม้ น้ำไหล ไฟสว่าง ลมพัด เป็นต้น หรือการปลูกพืชเราปลูกพืชนิดเดียว แต่ผลของพืช ทยอยให้ผลผ่านเวลาไปอีกนาน และมากจนไม่อาจเทียบกับพืชที่ตนปลูกได้ หากใครก็ตามตระหนักความจริงข้อนี้ มองเห็นโทษของความทุกข์ ความดีของความสุข จนพร้อมที่จะสร้างความสุข จะด้วย เมตตา กรุณา สัมมาทิฏฐิ ความรักความเคารพกัน การสงเคราะห์กัน เป็นต้นก็ตาม ความเป็นพี่น้องกันของชาวโลกก็จะน่าอยู่ขึ้นอีกมากทีเดียว
ตัวอย่างเช่นปัญหายาเสพติดให้โทษประเภทต่างๆนั้น หากคนผลิต คนเสพ รู้บาปบุญคุณโทษพอต่อการที่จะหยุดหากินด้วยบาปอย่างนั้น หรือมีเมตตาต่อตนเองและคนอื่น ปัญหายาเสพติดก็ยุติได้แล้ว แม้ปัญหาอาชญากรรมอย่างอื่น รวมถึงการศึก สงคราม ล้วนสืบเนื่องมาจากอวิชา ความโลภ ความโกรธ ความหลง แต่ถ้าคนมีเมตตาต่อกัน หรือมีปัญญามากพอต่อการจะหยุดการทำชั่วได้ ศึก สงครามทุกลักษณะก็จะยุติลง
ชาวพุทธจะพบว่าหลักธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงระดับโลก หมายความว่า แม้มีเพียงข้อเดียว ก็สามารถกระจายธรรม กระจายผล ออกไปสู่ระดับโลกได้จริงๆ
"เมตตาธรรมเป็นเครื่องค้ำจุนโลก
ความไม่เบียดเบียนกันเป็นความสุขในโลก
สติเป็นธรรมเครื่องปลุกให้ตื่นในโลก
ปัญญาเป็นแสงสว่างในโลก"
กระบวนการแห่งกุศล อกุศล จึงสำคัญที่จุดเริ่มต้น ทำนองปลูกพืชดังกล่าว เช่น เมตตา ปัญญา เกิดขึ้นในกายในจิต กุศลธรรมในนามอื่นก็จะเกิดขึ้นติดตามมา ที่เกิดแล้วก็จะเจริญมากขึ้น ในขณะเดียวกันนั้นเองอกุศลในรูปแบบต่างๆก็จะลดลง ตามสัดส่วนการเพิ่มขึ้นของกุศลธรรมเหล่านั้น เหมือนการเพิ่มปริมาณของแสงสว่างมากขึ้นเท่าใด การลดลงของความมืดก็จะกระจายออกไปมากเท่านั้นนั่นเอง
หนังสือเรื่อง โลกทั้งผองเป็นพี่น้องกัน? เล่มนี้ ทางราชการกองทัพบกได้เคยนำไปพิมพ์เผยแผ่มาไม่น้อยกว่า ๒ ครั้ง ในนามของ "สามัคคีคือพลังสร้างสันติ" แต่เป็นหนังสือที่แพร่หลายในวงการทหารบก เมื่อนำมาอ่านอีกครั้งหนึ่ง ปรากฏอาการของธรรมะที่ทรงแสดงว่า "อกาลิโก ไม่ประกอบด้วยกาลเวลา" คือความจริง ทรงแสดงไว้อย่างไรก็คงเป็นอย่างนั้น การนำมาเผยแผ่อีกคงเป็นประโยชน์สำหรับผู้สนใจเช่นเดิม จึงได้ตัดสินใจนำมาพิมพ์เผยแผ่อีกครั้งหนึ่ง
การพิมพ์คราวนี้ ทำในนามขององค์กรกุศลสององค์กรที่รับผิดชอบอยู่คือ ศูนย์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย และ กองทุนไตรรัตนานุภาพ เพื่อการศึกษา การเผยแผ่ และการพิทักษ์ความมั่นคงของพระพุทธศาสนา
ส่วนที่พิมพ์ในรูปของ "ศูนย์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย" เน้นไปที่การจำหน่ายด้วยราคาเผยแผ่ เพื่อนำรายได้มาดำเนินงานของศูนย์ฯ ต่อไป
ในขณะที่พิมพ์ในนามของ กองทุนไตรรัตนานุภาพ เพื่อการศึกษา การเผยแผ่ และการพิทักษ์ความมั่นคงของพระพุทธศาสนา เน้นไปที่ธรรมทาน ธรรมบรรณาการ โดยพร้อมที่จะรับการส่งเสริมสนับสนุนการทำงานของ กองทุนไตรรัตนานุภาพ
เจตน์จำนงในการเผยแผ่ธรรมนั้น เป็นภารกิจของชาวพุทธทุกคน เพียงแต่ว่าใครจะสามารถทำได้มากน้อยแค่ไหนเพียงไร ในลักษณะใด โดยคาดหวังว่าการเผยแผ่คงเอื้อประโยชน์แก่ท่านที่ได้รับรู้ในรูปแบบใดก็ตาม เจตน์จำนง ความคาดหวังในการพิมพ์หนังสือเล่มนี้ขององค์กรทั้งสองก็ต้องการเช่นนั้น
ในขั้นของกุศลเจตนาที่แผ่ไปคือ ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย ได้โปรดดลบันดาลอภิบาลรักษาให้ท่านผู้ได้รับหนังสือ ให้การสนับสนุนองค์กรทั้งสอง ได้รับความสุขความเจริญ มีความงอกงามไพบูลย์ในธรรมอันพระพุทธเจ้าทรงประกาศแสดงไว้ดีแล้วโดยทั่วกันตลอดกาลนาน เทอญ.:พระราชธรรมนิเทศ (ระแบบ ฐิตญาโณ)
วัดบวรนิเวศวิหาร ราชวรวิหาร รวบรวมและเรียบเรียงเริ่มคัดลอก เมื่อ: พฤษภาคม 07, 2014, 11:42:20 PM
มีต่อค่ะ