"หุบป่าตาด" เปิดมุมมอง ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ จ.อุทัยธานี

เปิดมุมมอง ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ
“หุบป่าตาด” สถานที่ไม่ควรพลาดไปเยือน
อำเภอลานสัก จังหวัดอุทัยธานี

อุทัยธานี เป็นจังหวัดในภาคกลางตอนบน มีพื้นที่อันอุดมสมบูรณ์ ผู้คนเข้ามาอยู่อาศัยตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ดังหลักฐานภาพเขียนผนังผาเขาปลาร้าในเขตอำลานสัก

ในสมัยกรุงสุโขทัย มีตำนานว่า ท้าวมหาพรหมได้รวบรวมผู้คนเข้ามาสร้างเมืองที่บ้านอุทัยเก่า หรือเรียกว่า "เมืองอู่ไทย” ซึ่งตั้งอยู่ที่อำเภอหนองฉางในปัจจุบัน ผู้คนที่อาศัยมีทั้งชาวทวารวดีเชื้อสายมอญและคนไทยในสมัยอยุธยา เมืองอุทัยธานีมีฐานะเป็นหัวเมืองหน้าด่านชั้นนอก เพื่อสกัดกั้นกองทัพพม่าที่จะเข้ามาตีกรุงศรีอยุธยาทางด่านเจดีย์สามองค์และด่านเมาะตะมะ

ต่อมาในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น มีผู้คนอพยพมาตั้งถิ่นฐานบ้านเรือนบริเวณที่ลุ่มแม่น้ำสะแกกรังมากขึ้น โดยเฉพาะชาวลาวที่ถูกกวาดต้อนมาจากเวียงจันทน์และหลวงพระบาง และชาวจีนโพ้นทะเล ทำให้อุทัยธานีกลายเป็นศูนย์กลางการค้าของผู้คนในละแวกนั้น มาในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๗) ได้มีการยกเลิกการปกครองแบบมณฑล และยกฐานะกลายเป็นจังหวัดอุทัยธานีตราบจนถึงปัจจุบัน

อุทัยธานีวันนี้สงบเงียบ วิถีชีวิตผู้คน เรือนไม้ห้องแถวในตลาดริมฝั่งแม่น้ำสะแกกรัง ยังคงเป็นภาพประทับใจที่ผู้มาเยือนสามารถพบเห็นได้อยู่เสมอ ผู้คนส่วนใหญ่ในจังหวัดประกอบอาชีพกสิกรรม ทำนา ทำสวน ทำประมงพื้นบ้าน เลี้ยงปลากระชังริมฝั่งแม่น้ำ นอกจากมนต์เสน่ห์ของวัฒนธรรม ประเพณีท้องถิ่นแล้ว อุทัยธานียังมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ได้รับการกล่าวขานอยู่อีกจำนวนมาก เช่น ผืนป่ามรดกโลกห้วยขาแข้งอันเป็นส่วนหนึ่งของป่าตะวันตก ป่าผืนใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่อุดมสมบูรณ์มีความหลากหลายทางธรรมชาติทั้งพันธุ์พืชและสัตว์ป่า

นอกจากผืนป่าห้วยขาแข้งแล้ว หุบป่าตาด ยังเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดโอกาสไปเยือน โดยเฉพาะผู้ที่ชื่นชอบการท่องป่า สนใจพืชพันธุ์ไม้ต่างๆ

หุบป่าตาด ตั้งอยู่ที่ในเขตอำเภอลานสัก ในพื้นที่อนุรักษ์ของเขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาปลาร้า ซึ่งมีระยะทางไม่ไกลจากตัวเมืองอุทัยธานี เส้นทางไปทางเดียวกับเขาปลาร้า โดยอยู่ก่อนถึงเขาปลาร้าประมาณ ๑ กิโลเมตร

ถ้ำหุบป่าตาด ถูกค้นพบโดยพระครูสันติธรรมโกศล (หลวงพ่อทองหยด) เจ้าอาวาสวัดถ้ำทอง เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๒ หลวงพ่อทองหยดได้ปีนลงไปในหุบเขาแห่งนี้ พบว่ามีต้นตาดขึ้นอยู่เต็มไปหมด จึงเจาะถ้ำเพื่อเป็นทางเข้าในปี พ.ศ. ๒๕๒๗ ต่อมากรมป่าไม้ได้ประกาศเป็นพื้นที่อนุรักษ์ อยู่ในความดูแลของเขตห้ามล่าสัตว์ป่าถ้ำประทุน เพราะมีสภาพทางภูมิศาสตร์แปลกๆ ที่เกิดเองโดยธรรมชาติ และมีพันธุ์ไม้หายาก เช่น เต่าร้าง เปล้า คัดค้าวเล็ก ขนุนดิน เป็นต้น

ผืนป่าหุบป่าตาด ดูลึกลับ ทางเดินเข้าหุบเขาป่าตาดมืดสนิท ต้องฝ่าความมืดมิดในถ้ำไปช่วงหนึ่ง แต่ทว่าสามารถเข้าไปเดินชมศึกษาธรรมชาติด้านในได้ตามเส้นทางปูอิฐที่ทางราชการก่อสร้างไว้อำนวยความสะดวกแก่การเดินชมธรรมชาติ โดยมีระยะทางเดินไป-กลับ ประมาณ ๗๐๐ เมตร

เดินไปไม่นานจะถึงปล่องขนาดใหญ่ที่แสงส่องลงมาและจะพบป่าตาด ที่ให้ความรู้สึกเสมือนว่าได้มายืนอยู่ในโลกยุคดึกดำบรรพ์ สภาพแวดล้อมรอบตัวเต็มไปด้วยพืชพันธุ์ไม้คล้ายป่าดงดิบ มีความชุ่มชื้นสูง แสงส่องถึงพื้นได้เฉพาะตอนเที่ยงวันเท่านั้น เพราะมีภูเขาหินปูนสูงชันล้อมรอบอาณาบริเวณ

ค่าเข้าชมหุบป่าตาด ชาวไทย ผู้ใหญ่ ๒๐ บาท เด็ก ๑๐ บาท ชาวต่างชาติ ๒๐๐ บาท - การเตรียมตัวไปหุบป่าตาด ควรพกไฟฉายและยาทากันยุงไปด้วย

* ต้นตาด เป็นไม้ดึกดำบรรพ์ตระกูลเดียวกับปาล์ม