21 ธันวาคม 2567 19:55:36
ยินดีต้อนรับคุณ,
บุคคลทั่วไป
กรุณา
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
1 ชั่วโมง
1 วัน
1 สัปดาห์
1 เดือน
ตลอดกาล
เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
หน้าแรก
เวบบอร์ด
ช่วยเหลือ
ห้องเกม
ปฏิทิน
Tags
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
ห้องสนทนา
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!
[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
สุขใจในธรรม
กฏแห่งกรรม - ท่องไตรภูมิ
.:::
ครูบุญชู ศรีผ่อง ท่องนรก ตายแล้วฟื้น และ คาถาคุ้มกันภัย ของ พระยายมราช
:::.
หน้า: [
1
]
ลงล่าง
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
พิมพ์
ผู้เขียน
หัวข้อ: ครูบุญชู ศรีผ่อง ท่องนรก ตายแล้วฟื้น และ คาถาคุ้มกันภัย ของ พระยายมราช (อ่าน 1823 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
มดเอ๊ก
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 14
คะแนนความดี: +8/-1
ออฟไลน์
Thailand
กระทู้: 5162
ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Chrome 50.0.2661.271
ครูบุญชู ศรีผ่อง ท่องนรก ตายแล้วฟื้น และ คาถาคุ้มกันภัย ของ พระยายมราช
«
เมื่อ:
22 สิงหาคม 2559 07:31:31 »
Tweet
https://www.youtube.com/v/Q-7maSX69SA
ครูบุญชู ศรีผ่อง
อยู่ จ. อ่างทอง แกตายผิดระเบียบ เพราะคนที่จะตายชื่อ
นางสาวบุญชู จิตทอง
แต่ผู้ที่จะมารับแกแวะเล่นเอานางบุญชูเข้าให้ พวกรับผิดตัวเขาให้มารับนางสาวบุญชู บ้านอยู่ จ.สิงห์บุรี แล้วบุญชีเขาก็ชัดบอกบ้าน บอกตำบล บอกต้นไม้ บอกบ้านเลขที่เสร็จ แล้วก็บอกอาการโรคและเวลาทมี่จะตายด้วย คือว่าจะเป็นไข้ทับระดูตายเวลาตี 1 ครึ่ง แต่พ่อพวกนั้นมาตั้งแต่ตอนเย็น พ่อล่อเอานางบุญชูไปเลย
(เรื่องนี้บังเอิญได้ไปพบ "หนังสือเที่ยวเมืองนรก" ซึ่งบันทึกโดย นางบุญชู ศรีผ่อง อดีตครูโรงเรียนวัดจุฬามณี จึงขออนุญาตินำมาเล่าให้ท่านฟังโดยละเอียดดังนี้)
ตายครั้งแรกพบชาย 4 คนมารับ
วันนั้นเป็นวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2495 ข้าพเจ้าทำกิจวัตรประจำวันของข้าพเจ้า คือเป็นครูน้อยประจำโรงเรียนประชาบาล ต.สามโก้
(วัดมงคลธรรมนิมิตร) อ.วิเศษไชยชาญ จ.อ่างทอง แต่วันนั้นเป็นวันที่ข้าพเจ้ารู้สึกเกียจคร้านไม่มีกำลังใจที่จะสอนเด็ก และประกอบกับความง่วงผิดปรกติซึ่งข้าพเจ้าก็ไม่ได้อดนอนที่ไหนมา แต่เป็นเพราะเหตุใดไม่ทราบ
>>>> ในวันนั้นเลยเป็นเหตุให้จิตใจของข้าพเจ้าไม่เป็นปรกติแต่ข้าพเจ้าก็จำทนสอนต่อไปจนหมดเวลา 15.15 น. พอปล่อยเด็กกลับบ้านแล้ว ข้าพเจ้าก็เดินกลับบ้านซึ่งห่างจากโรงเรียนประมาณ 3 เส้นเศษ
>>>> เมื่อเสร็จงานบ้านแล้ว ข้าพเจ้านำเสือมานอนเล่นกับบุตร 2 คน ในขณะนั้นเวลา 16.30 น. ต่อมาข้าพเจ้าหลับไปเมื่อไรไม่ทราบ มารู้สึกตัวต่อเมื่อข้าพเจ้ามายืนอยู่ใต้ร่มไม้ มองดูสวยงามแต่ข้าพเจ้าไม่ทราบว่าที่นี่คือที่ใด
>>>> ข้าพเจ้ามองดูไปรอบ ๆ ตัวข้าพเจ้า บังเอิญข้าพเจ้ามองไปเห็นถนนสายหนึ่งยาวเหยียดไปข้างหน้า ด้วยความอยากรู้ ข้าพเจ้าก็ยกท้าวเดินไปเที่ยวถนนสายนั้น แต่ยังไม่ทันที่ท้าวของข้าพเจ้าจะถูกกับถนน ข้าพเจ้าก็ต้องสะดุ้งเพราะได้ยินเสียงพูด แต่เสียงดังเหลือเกินคล้ายตวาด เสียงนั้นดังมาจากข้างหน้าข้าพเจ้าว่า
" อ้อ...บุญชู เหมาะเลย มาเถิด นายให้มารับ ถึงเวลาแล้ว"
>>>> ข้าพเจ้าได้ยินเสียงนั้นก็บอกเขาว่า
"ไม่ไปหรอก"
พร้อมกับผละออกวิ่งหนีทันที แต่ชายทั้ง 4 คนมารับก็เดินตามและพูดว่า
"ถึงเวลาแล้ว ไม่ไปไม่ได้"
>>>> ข้าพเจ้าก็หันไปบอกเขาว่า
"ลุงไปบอกกับนายเถิดว่าฉันผลัดไปก่อน ฉันยังไม่ไปหรอก"
แต่เขาก็ตอบมาอีกว่า
"ผลัดกับข้าไม่ได้ เอ็งต้องไปผลัดเอง"
>>>> เมื่อหมดทางเลี่ยงข้าพเจ้าจึงบอกไปว่า
"ถ้าเช่นนั้นต้องคอยก่อน ฉันต้องไปบอกคนทางบ้านเสียก่อน เพราะมาเที่ยวนี้ไม่มีใครรู้"
แล้วข้าพเจ้าก็เดินมาหน้าบ้าน และเดินเข้ารั้วบ้านขึ้นบันไดไป ก็พบว่าบ้านสว่างไปด้วยตะเกียงเจ้าพายุ และมีชาวบ้านมานั่งกันอยู่เต็มบ้านพร้อมทั้งร้องไห้ ข้าพเจ้าขึ้นบันไดได้ก็ผละวิ่งตรงจากบันไดไปหาสามีของข้าพเจ้าซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ หมอ ข้าพเจ้าเสียหลักสะดุดชายเสื้อล้มลง
>>>> เมื่อข้าพเจ้าลุกขึ้นมา ชาวบ้านใกล้เคียงที่มานั่งอยู่บนบ้านข้าง ๆ ข้าพเจ้านั้น ต่างพากันถอยหลังหนีไปรวมกัยอยู่หน้าครัวหมดและต่างชิงถามกันว่า
"ครูฟื้นแล้วหรือ ครูไม่ตายหรือ ครูไม่ได้หรอกพวกฉันไม่ใช่หรือ"
>>>> ข้าพเจ้าก็บอกพวกนั้นว่า
"อย่ากลัวฉันเลย แต่ฉันอยากจะพูดอะไรด้วยสักหน่อยแล้วจะต้อง เพราะเขามารับฉันแล้ว ฉันอยู่ไม่ได้ ฉันยังไม่อยากตาย ขอผลัดเขาเขาไม่ยอม เขาบอกให้ไปผลัดกับยมบาลเอง ฉันจึงจะต้องไป และฉันขอร้องด้วยทุก ๆ คนว่า ขอให้เก็ยศพฉันไว้ 3 วันก่อน ถ้าไม่กลับมาแสดงว่าเขาไม่ยอมจึงค่อยจัดการเผา"
>>>> พอดีได้ยินเสียงสุนัขหอนขึ้น และข้าพเจ้าได้ยินเสียงเรียกข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึกบอกว่า
"โน่นเขาเร่งมาแล้ว ฉันไปล่ะ ลาก่อนทุก ๆ คน"
นายเจ๊กที่เป็นหมอ จึงเอาธูปเทียนมาให้ข้าพเจ้า และบอก
"พระอรหัง พระอรหัง"
ตอนนี้ข้าพเจ้าจะเกือบหมดสติแล้ว รับคำ พระอรหังได้ 2 ครั้งก็หมดสติวูบไป มารู้สึกตัวว่าตัวของข้าพเจ้าเองได้มาเดินอยู่บนถนนสายนั้นเสียแล้ว
ตายครั้งที่ 2 พบยมบาล
ในระยะที่ข้าพเจ้าฟื้นและตายใหม่นี้ คือฟื้นตอนประมาณ 22.00 น. และตายไปใหม่ไปประมาณ 22.06 น. ตลอดทางที่เดินไปนั้นข้าพเจ้าอยู่ตรงกลาง มีคนขนาบข้าง 2 คน มีคนอยู่หน้า 1 คน หลัง 1 คน เดินไปพักใหญ่จึงมาพบโต๊ะตั้งอยู่ข้างทางเดิน มีอาหารหลายชนิดตั้งอยู่บนโต๊ะ มีเหล้า ข้าว หมู ไก่ ขนมจีนน้ำยาและขนมอีกหลายชนิด คนทั้ง 4 ตรงเข้าไปที่โต๊ะและเรียกข้าพเจ้าว่า
"บุญชูยังไม่ได้กินข้าวมากินเสียซี"
>>>> ข้าพเจ้าก็ตรงเข้าไปกินกับเขา เมื่ออิ่มแล้วก็ถามเขาว่า
"ของ ๆ ใครนี่เรามากินของ ๆ เขา เขาไม่ว่าหรือ"
คนที่มีท่าทีว่าจะเป็นหัวหน้าบอกข้าพเจ้าว่า
"ไม่มีใครว่าหรอก เพราะเขาเซ่นผีไว้อีก 2 วัน ข้าจะกลับมาเอา"
>>>> ข้าพเจ้าถามว่า
"บ้านใครเล่า"
เข้าตอบว่า
"โน่นยังไงเล่า บ้านนางหล่ำ หัวตะพาน เขาทำบุญต่ออายุไว้อีก 2 วันเถิดข้าจะมาเอาตัวไป"
ข้าพเจ้ามองตามมือก็เห็นบ้านหลังนี้อยู่ข้าง ๆ บ้านหนึ่ง มีลูกกรงสีเขียวต่อจากบ้านนางหล่ำมาอีกพักใหญ่ จึงพบขบวนคนยืนอยู่ 2 ข้างถนนต่างไชโยโห่ร้องรับข้าพเจ้า และร้องบอกกันว่า
"พวกเรามาอีกคนแล้วโว้ย"
>>>> ข้าพเจ้าบอกกับเขาว่า
"ฉันไม่มาเป็นพวกแกหรอก"
พวกนี้ส่วนมากไม่นุ่งผ้ากันเลย จากพวกนี้ไปก็ถึงสวนดอกไม่ใหญ่ ดอกนั้นสวยมากเป็นทองคำทั้งดอก ใบเป็นสีเขียวเหมือมรกต ข้าพเจ้าตรงไปเก็บก็ถูกห้ามไม่ให้เก็บเขาบอกว่า ถ้ายังอยากจะกลับละก็อย่าไปเก็บ ถ้าเก็บแล้วเอ็งจะกลับไม่ได้ ข้าพเจ้าเดินผ่านด้วยความเสียดาย
>>>> ต่อจากนี้มีบ้านเล็ก ๆ เป็นแถว ข้าพเจ้ารู้สึกสงสัยเพราะน้อยบ้านนักที่จะมีคน 2-3 คน โดยมากบ้านละ 1 คน บางบ้านมีคนอยู่ใต้ถุนเต็มไปหมด ข้าพเจ้าถามจึงได้ความว่า ที่บางบ้านมีคนอยู่มากบ้าง น้อยบ้าง เกี่ยวกับทำบุญของแต่ลพบุคคล บางคนทำบุญไว้ดีก็ได้อยู่บ้านสวยงาม บางคนร่วมกันทำบุญสร้างด้วยกัน ทำพร้อมกัน ก็ไปอยู่บ้านเดียวกัน บางคนทำบุญแต่ก่อนจะทำว่าเขาเสียก่อน ทำโดยไม่ตั้งใจจะไปอาศัยใต้ถุนบ้านเขาอยู่
>>>> ต่อจากบ้านที่มีเรียงรายไปอีกไกล เดินพักใหญ่ก็พบลานกว้างใหญ่ มีต้นไทนขนาด 20 คนโอบ มีแท่นหินและโต๊ะหินอยู่โคนต้นไทร มีชายคนหนึ่ง ดำ ผมหยิก ตาพอง รูปร่างใหญ่โตนั่งอยู่บนแท่นหินนั้น ชายทั้ง 4 และข้าพเจ้าเดินมาถึงตรงนี้ก็ถูฏเรียกว่า
"เฮ้ย...พามาตรงนี้ซิ มาถามไถ่กันดูก่อน อีนี่ดื้อนักเรียกไม่ค่อยจะมา"
>>>> ข้าพเจ้าและชาย 4 คนจึงเดินไปหยุดตรงหน้า พอข้าพเจ้าเงยหน้าขึ้นก็รู้สึกดีใจว่า ยมบาลคนนี้รูปร่างเหมือนนายเชย สิงหมี ผู้ใหญ่บ้านที่ข้าพเจ้าเคยรู้จัก จึงถามว่า
"อ้าว...ตาเชยมาเมื่อไรเล่า"
แต่กลับถูกตวาดว่า
"เชย ๆ อะไร เอ็งรู้จักข้าตั้งแต่เมื่อไร"
ทำให้ข้าพเจ้าเงียบเสียงทันที แต่ก็นึกสงสันว่า ยมบาลคนนี้ถ้าไม่ชื่อเชย ทำไมรูปร่างจึงเหมือนผู้ใหญ่เชยจริง ๆ คล้ายกับจะเป็นลูกฝาแฝดทีเดียว แต่ยมบาลตัวใหญ่มาก ข้าพเจ้าจะพูดกับยมบาลต้องแหงนหน้าดู
"เอ็งทำไมดื้อนัก ข้าให้คนไปรับยังวิ่งหนี"
>>>> ข้าพเจ้าตอบไปว่า
"ฉันห่วงลูกเพราะลูกยังเล็กอยู่"
คราวนี้ยมบาลสะดุ้งทันที ร้องว่า
"อ้าวพวกมึงทำไมทำระยำอย่างนี้เล่า ผิดตัวเสียแล้ว อีนั่นมันไม่มีลูกนี่หว่า"
o_O
"
>>>> เสร็จแล้วพลิกบัญชีดู และบอกว่า
"อีคนนั้นชื่อ บุญชู จิตทอง บ้านต้นโพธิ์ หมู่ 1 จังหวัดสิงห์บุรี ตายเวลาตี 1ครึ่ง เป็นไข้ทับระดูตาย อีนี่ตายตั้งแต่ 5 โมงเย็น เป็นลมตาย ไม่ใช่ ๆ ผิดตัว เอ็งจัดแจงเตรียมตัวไปเอาอีคนนั้นมา"
เดินชมสภาพเมืองนรก
>>>> พอ 4 คนนั้นเตรียมตัวไป ยมบาลก็หันหน้ามาบอกข้าพเจ้าว่า
"จะดูอะไรก็ดูเสีย ประเดี๋ยวจะให้เขาเอากลับไปส่ง"
ข้าพเจ้าจึงเดินดูเห็นทนายความคนหนึ่งกำลังขึ้นต้นงิ้ว
>>>> ต้นงิ้วน่ากลัวมาก คือ สูง มองเห็นยอดลิบ ๆ หนามไม่ยาว แต่พอขึ้นไปหนามยาวออกเองได้ แทงทะลุท้อง ทะลุอก ออกมาตายอยู่กับหนาม เขาก็เอาคีมเหล็กจับตรงเอวดึงออกมาวางตรงโคนต้น เอาน้ำในโอ่งใหญ่มาราดแล้วก็กลับฟื้นขึ้นมาอีกจะเลี่ยงไม่ได้ เพราะใต้ต้นก็มีทหารถือหอกคอยแทง
>>>> ข้าพเจ้าเห็นหญิงคนหนึ่งขึ้นต้นงิ้ว ซึ่งข้าพเจ้ารู้จัก ชื่อม้วน จึงถามเขาว่า
"เอ๊ะ...ผู้หญิงขึ้นต้นงิ้วด้วยหรือ"
เขาบอกว่า
"ทำไมเล่า มันนอกใจผัวไปเป็นชู้กับตาหอม"
ต่างขึ้น ๆ ลง ๆ อยู่เช่นนั้น
>>>> ข้าพเจ้ายังได้พบกับชายอีกคนซึ่งข้าพเจ้าเคยรู้จัก ชื่อนายเปลื่อง จินดาวัด ถูดตัดนิ้วมือด้วนกุดหมด ถามได้ความว่า ชอบยิงนกในวัดเสมอ บางคนก็เคยทุบหัวควาย ก็ถูกล่ามโซ่และถูกเชือดเนื้อเสียงร้อง อู้ ๆ น่ากลัวมาก ข้าพเจ้ามองดูด้วยความหวาดเสียว พอข้าเจ้าเดินดูต่อไปอีก ก็ได้ยินเสียงยมบาลบอกกับข้าพเจ้าว่า
"หิวข้าวก็ไปกินซี ของเราอยู่โน่น"
>>>> ข้าพเจ้าจึงเดินไปดู เห็นโต๊ะใหญ่ตัวหนึ่งมีของเกือบเต็ม มีขันใส่ข้าว วึ่งข้าพเจ้าจำได้ว่า ขันลูกนี้ข้าพเจ้าเคยใส่ข้าวไปใส่บาตร ข่าวยังเต็มขัน และควันร้อนขึ้นฉุยอยู่ ทั้ง ๆ ที่ขันลูกนี้ข้าพเจ้าจำได้ว่าอยู่ที่บ้านของข้าพเจ้า หม้อแกง ถ้วย ชาม ถาด ที่ข้าพเจ้าพบที่นี่ ยังอยู่ที่บ้านข้าพเจ้าทั้งสิ้น
นอกจากนี้ยังมีน้ำขวดตั้งโต๊ะ ข้าพเจ้าจึงถามเขาว่า
"เอ๊ะ...ของฉันทำไมมีน้ำครึ่งขวดเท่านั้นเล่า และบางโต๊ะทำไมไม่มี"
เขาบอกว่า
"พวกเมืองมนุษย์นั้นเต็มที มันไปทำบุญมันเอาข้าวกับขนมไปทำเท่านั้น มันไม่เอาน้ำมาทำบุญจึงต้องอดน้ำ"
>>>> ข้าพเจ้าจึงถามวิธีการทำบุญด้วยน้ำ ก็ได้ความว่า ให้เอาน้ำไปใส่ขวดหรือขันตั้งอยู่หน้าพระสงฆ์ เมื่อใส่บาตรเสร็จแล้วจึงกรวดน้ำแผ่กุศลไป น้ำที่นำไปใส่ขวดหรือขันนี่แหล่ะจึงจะได้กินน้ำ ถ้ามิฉะนั้นแล้วจะไม่ได้กินน้ำ
ข้าพเจ้าจึงบอกกับเขาว่า ฉันได้กลับมาจะมาบอกกับชาวบ้าน
พบบัญชีคนตาย
>>>> เมื่อข้าพเจ้าเดินออกมาตรงโต๊ะอาหาร ยมบาลก็โยนบัญชีมาให้ข้าพเจ้าดู ในบัญชีนั้นมีตัวหนังสือใหญ่ ๆ แผ่นกระดาษใหญ่เท่ากับแผ่นกระดานดำที่สอนเด็ก ข้าพเจ้ามองดูมีชื่อคนมาก แต่ข้าพเจ้าพยายามจำแต่คนที่
>>>> ข้าพเจ้ารู้จัก จำมาได้ดังนี้ คือ
1. บุญชู จิตทอง ตี 1 ครึ่ง ไข้ทับระดู 4 กุมถาพันธ์ 2495
2. นางหล่ำ 7 กุมภาพันธ์ 2495
3. นางฉาย บุญวงศ์ 4 มีนาคม 2495
4. นายแม่น ทองสติ 4 กรกฎาคม 2495
5.นายปลอด สีสิงห์ อีก 2 ปี ( 4 กุมภาพันธ์ 2497)
>>>> ข้าพเจ้าจะขอเปิดดูอีกแต่เขาไม่ยอม เขาบอกว่า
"เอ็งหมดสิทธิ์ที่จะเปิดแล้ว เอ็งเป็นคนใจบุญเปิดไม่ได้หรอก เดี่ยวไปเที่ยวบอกเขาหมด เมื่อก่อนนี้ เอ็งเป็นคนทำบุญชีให้ข้า ข้าคิดถึงเอ็ง อีก 5 ปี ข้าจะให้ไปรับ เพราะเอ็งจะลำบากอีกมาก"
>>>> ข้าพเจ้าบอกว่า
"อีก 5 ปี ฉันไม่มาหรอก"
>>>> ยมบาลหัวเราะแล้วพูดว่า
"เอ็งอยากลำบากก็ตามใจเอ็ง แต่ถ้าเอ็งไม่มา เอ็งต้องบวชลูกให้ข้า ข้าก็ไม่ไปรับเอ็ง"
"แต่ว่าจะให้คาถาเอ็งไว้ป้องกันตัวบทหนึ่ง เอ็งพยายามท่องอยู่เสมอ อันตรายและความลำบากจะลดน้อยลงไป คาถานี้เอ็งบอกให้ทั่ว ๆ ไปเถิดเอาบุญ เพราะต่อ ๆ ไปในเมืองมนุษย์จะยุ่งกันใหญ่ เอ็งคอยจำนะข้าจะบอกให้ ก่อนท่องนะ ตั้งนะโม เสียก่อน แล้วท่องจะลงจากบ้านหรือจะนอน ท่องอยู่เสมอจะคุ้มภัยเอ็งได้"
ปะโตเมตัง ปะระชิวินัง สุขะโต จุติ
จิตะเมตะ นิพพานัง สุขะโต จุติ
>>>> ข้าพเจ้าจำไว้เพื่อนำมายังโลกมนุษย์ต่อไป และก็เป็นที่น่าแปลกว่าข้าพเจ้าได้ฟังเพียงครั้งเดียวก็จำได้
พบ "บุญชู" ตัวจริง
>>>> และก็พอดีเขานำ
บุญชู จิตทอง
มา บุญชูคนนี้กับข้าพเจ้ารูปร่างเหมือนกันมาก ข้าพเจ้าได้ยินเสียงยมบาลดุบุญชูว่า
"เอ็งนี้จะตายแล้วยังก่อเวร ไปลักพุทราเขามากินและผิดสำแดงพุทราจึงตาย"
แล้วก็สั่งให้ตีบุญชู ข้าพเจ้ารู้สึกกลัวจริง ๆ เพราะการทรมานต่าง ๆ ของนรกนี่น่ากลัวมาก เมื่อบุญชูคนโน้นถูกตีด้วยหวายแล้ว ยมบาลก็สั่งให้ชายทั้ง 4 นำข้าพเจ้ามาส่ง
>>>> มาระหว่างทาง ชายคนหนึ่งซึ่งมีท่าทางคล้ายกับหัวหน้าได้เตือนข้าพเจ้า
"เอ็งอย่าลืมนะ อีก 5 ปี เอ็งต้องบวชลูกให้พวกข้า"
ข้าพเจ้ารับคำ แต่แล้วข้าพเจ้าก็ต้องผละออกเดินห่างจากแก เพราะเวลาแกพูดมีหนอนร่วงออกมาจากปากมาก จึงถามแกว่า
"ลุงจ๋า ลุงชื่ออะไร ทำไมลุงจึงเป็นดังนี้"
>>>> แกบอกว่า
"ข้าชื่อเอื้อม คนดอนรัก (คนในตำบลดอนรัก) ไปถามดูเถอดมีคนรู้จัก ลูกข้าชื่อไอ้เจือ เมื่อก่อนข้าเลี้ยงช้างได้เงินค่าจ้างเดือนละตำลึง เงินเหลือข้าก็ซื้อเหล้ากิน ผลแห่งการกินเหล้านี้แหล่ะ หนอนจึงกินปากข้า"
พอมาถึงบ้าน ข้าพเจ้าเข้าบ้างไม่ได้ เพราะล้อมสายสิญจน์และซัดข้าวสารไว้ จนกระทั่งลุงเอื้อมแกจับข้าพเจ้าเหวี่ยงโครมขึ้นมาบนบ้าน ทำให้บ้านไหวยวบ คนหนีหมด เหลือแต่ลูกสาวของข้าพเจ้าอายุได้ 4 ปีนั่งอยู่และถามข้าพเจ้า
"แม่ไม่ตายหรือ"
พอบอกว่าไม่ตายหรอก จึงได้เรียกคนขึ้นมาบนบ้าน ข้าพเจ้ารู้สึกใจหายเพราะตอนที่ฟื้นขึ้นมานี้เป็นเวลา 08.05 น.เศษ และต่อโลงเสร็จเรียบร้อยแล้ว
>>>> พวกชาวบ้านและพระขอร้องให้ข้าพเจ้าเล่าให้ฟัง และข้าพเจ้าได้ถามถึงลุงเอื้อม ก็ได้ความว่าเป็นพี่ชายนายทัน ผู้ใหญ่บ้านและตายไปประมาณ 30 ปีแล้ว ผู้มีชื่ออยู่ในบัญชีข้าพเจ้าก็นำมาเล่าให้ชาวบ้านและพระฟังจนหมด
และต่อมาเมื่อวันที่ 7 นางหล่ำตาย วันที่ 4 มีนาคม นางฉายตาย วันที่ 4 กรกฎาคม นายแม่นตาย ต่อมาคนสุดท้ายนายปลอด สีสิงห์ กำหนด 2 ปี พอครบพอดีก็ตาย แต่ก่อนตายแกเที่ยวไปขุดละลายหัวคันนาที่แกเคยรุกเขา มาคืนให้เจ้าของหมด
>>>> และต่อมาชายคนหนึ่งทางห้วยคันแหลม ได้สั่งลูกหลายไว้ หลังจากข้าพเจ้าฟื้นมาแล้ว
"กูตายไปละก้อ มึงเอาขวานใส่โลงไปให้กูด้วย กูจะเอาขวานไปโค่นต้นงิ้ว"
พอตายลูกหลานก็เอาขวานใส่ไปให้จริง ๆ ต่อมาแกกลับมาเข้าทรงเด็ก ๆ ให้ไปขุดขวานขึ้นและแกบอกว่า
"ไม่ไหวละ มันเอาขวานทุบหัวเสียอีกด้วยซิ แทนที่จะเอาขวานไปโค่นต้นงิ้ว"
ในที่สุดพวกลูกต้องไปขุดเอาขวานขึ้น
(จบบันทึกของครูบุญชูไว้เพียงแค่นี้ เรื่องตายแล้วฟื้นนี้มีผู้ประสบเหตุการณ์หลายราย การที่ไปพบเห็นในสภาพต่าง ๆ คล้ายๆ กันนั้นก็เป็นไปตามอำนาจของบุญกุศลของผู้นั้น หรือแล้วแต่เจ้าหน้าที่เขาจะอนุญาติให้พอเห็นได้ แต่ก็พอเป็นข้อพิสูจน์ได้ว่า คนเราตายแล้วไม่สูญ นรก สวรรค์มีจริง ทำกรรมดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่วแน่นอน)
จากหนังสือ หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม ๔ หน้า ๙๐-๑๐๑ (หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง) ที่ระลึกในงานฌาปนกิจศพ อาจารย์สมบูรณ์ กองสุข 5 ธันวาคม 2535
จาก
http://buddhasattha.com/tag/%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%8D%E0%B8%8A%E0%B8%B9/
http://www.palungdham.com/t1448.html
https://www.youtube.com/v/1Ii7wZM7Fq0
https://www.youtube.com/v/1PsJhXcYyxE
https://www.youtube.com/v/2gp8y0yvWZc
บันทึกการเข้า
ทิ นัง มิไฮ นัง มิจะนัง ทิกุนัง แปลว่า
ที่นั่ง มีให้นั่ง มึงจะนั่ง ที่กูนั่ง ทิ้งไว้เป็น
ปริศนาธรรม นะตะเอง
คำค้น:
หน้า: [
1
]
ขึ้นบน
พิมพ์
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
กระโดดไป:
เลือกหัวข้อ:
-----------------------------
จากใจถึงใจ
-----------------------------
=> หน้าบ้าน สุขใจ
===> สุขใจ ป่าวประกาศ (ข้อความจากทีมงาน)
===> สุขใจ เสนอแนะ (ข้อความจากสมาชิก)
===> สุขใจ ให้ละเลง (มุมทดสอบบอร์ด)
-----------------------------
สุขใจในธรรม
-----------------------------
=> พุทธประวัติ - ประวัติพระสาวก
===> พุทธประวัติ แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
===> ประวิติพระอรหันต์ พระสาวก ในสมัยพุทธกาล
===> ประวัติพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ในยุคปัจจุบัน
===> นิทาน - ชาดก
=====> ชาดก พระเจ้า 500 ชาติ
=> ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน
===> ธรรมะจากพระอาจารย์
===> เกร็ดครูบาอาจารย์
=> ห้องวิปัสสนา - มหาสติปัฏฐาน 4
=> สมถภาวนา - อภิญญาจิต
=> จิตอาสา - พุทธศาสนาเพื่อสังคม
=> เสียงธรรมเทศนา - เอกสารธรรม - วีดีโอ
===> เอกสารธรรม
===> เสียงธรรมเทศนา
=====> ธรรมะจาก สมเด็จโต
=====> ธรรมะจาก หลวงปู่มั่น
=====> เสียงบทสวดมนต์
=====> เพลงสวดมนต์
=====> เพลงเพื่อจิตสำนึก แด่บุพการี
=====> ธรรมะ มิวสิค (เพลงธรรมทั่วไป)
===> ห้อง วีดีโอ
=> เกร็ดศาสนา
=> กฏแห่งกรรม - ท่องไตรภูมิ
=> ไขปัญหาโลก ธรรม และความรัก
=> บทสวด - คัมภีร์ คาถา - วิชา อาคม
=> พุทธวัจนะ - ภาษิตธรรม
===> พุทธวัจนะ ในธรรมบท
===> พุทธศาสนสุภาษิต
===> คำทำนายภัยพิบัติที่จะเกิด
===> รวมข่าวภัยพิบัติ ทั้งในอดีต และปัจจุบัน
===> รู้ เพื่อ รอด (การเตรียมการ)
=> ห้องประชาสัมพันธ์ ทั้งทางโลก และทางธรรม
===> ฐานข้อมูล มูลนิธิต่าง ๆ ในประเทศไทย (Donation Exchange Center)
-----------------------------
วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ
-----------------------------
=> วิทยาศาสตร์ - จักรวาล - การค้นพบ
===> เรื่องราว จากนอกโลก
=====> ประสบการณ์เกี่ยวกับ UFO
=====> หลักฐาน และ การพิสูจน์ยูเอฟโอ
=====> คลิปวีดีโอ ยูเอฟโอ
=> ไขตำนาน - ประวัติศาสตร์ - การค้นพบ อารยธรรม
=> เรื่องแปลก - ประสบการณ์ทางจิต - เรื่องลึกลับ
===> ร้อยภูติ พันวิญญาณ
=====> ประสบการณ์ ผี ๆ
=======> เรื่องเล่าในรั้วมหาลัย
=====> ประวัติ ต้นกำเนิด ตำนานผี
===> ดูดวง ทำนายทายทัก
===> ไดอะล็อก คือ ดอกอะไร - พลังไดอะล็อก (Dialogue)
===> กระบวนการ NEW AGE
=> เครื่องราง ของขลัง พุทธคุณ
-----------------------------
นั่งเล่นหลังสวน
-----------------------------
=> สุขใจ จิบกาแฟ
=> สุขใจ ร้านน้ำชา
=> สุขใจ ห้องสมุด
===> สุขใจ หนังสือแนะนำ
===> สุขใจ คลังความรู้ลวงโลก
===> สยาม ในอดีต
=> สุขใจ ใต้เงาไม้
=> สุขใจ ตลาดสด
=> สุขใจ อนามัย
=> สุขใจ ไปเที่ยว
=> สุขใจ ในครัว
===> เกร็ดความรู้ งานบ้าน งานครัว
=> สุขใจ ไปรษณีย์
=> สุขใจ สวนสนุก
===> ลานกว้าง (มุมดูคลิป)
===> เวที จำอวด (จำอวดหน้าม่าน)
===> หนังกลางแปลง (ดูหนัง รีวิวหนัง)
===> หน้าเวที (มุมฟังเพลง)
=====> เพลงไทยเดิม
===> แผงลอยริมทาง (รวมคลิปโฆษณาโดน ๆ)
คุณ
ไม่สามารถ
ตั้งกระทู้ได้
คุณ
ไม่สามารถ
ตอบกระทู้ได้
คุณ
ไม่สามารถ
แนบไฟล์ได้
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความได้
BBCode
เปิดใช้งาน
Smilies
เปิดใช้งาน
[img]
เปิดใช้งาน
HTML
เปิดใช้งาน
กำลังโหลด...