[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
21 ธันวาคม 2567 23:16:15 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: “ภัยอันน่ากลัวของการเวียนว่ายตายเกิด” เรื่องเล่าการระลึกชาติของหลวงปู่ชอบ ฐานสโม  (อ่าน 1563 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
มดเอ๊ก
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +8/-1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 5162


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Chrome 50.0.2661.271 Chrome 50.0.2661.271


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 23 สิงหาคม 2559 04:24:46 »



“ภัยอันน่ากลัวของการเวียนว่ายตายเกิด” เรื่องเล่าการระลึกชาติของหลวงปู่ชอบ ฐานสโม

ภัยอันน่ากลัวของ การเวียนว่ายตายเกิด

เรื่อง พระอาจารย์ชาญชัย อธิปญโญ


บทความที่แล้วได้พูดถึงการพิสูจน์เรื่องเวียนว่ายตายเกิดจากการระลึกชาติ โดยได้ยกเอาตัวอย่างของเด็กอเมริกันชื่อกัส ออร์เทก้า ที่สามารถระลึกชาติได้ตั้งแต่อายุขวบครึ่งว่าเขาคือปู่ออร์กี้ หรือพ่อของพ่อในชาติปัจจุบัน

หากผู้อ่านต้องการจะระลึกชาติได้ก็ลองฝึกสมาธิดู ผู้ที่ฝึกสมาธิจนได้ญาณระลึกชาติคือ บุพเพนิวาสานุสติญาณก็จะรู้ได้ว่าอดีตชาติของตนเคยเกิดเป็นอะไรบ้าง จะระลึกชาติได้ยาวนานแค่ไหน ย่อมขึ้นอยู่กับกำลังของสมาธิและบุญบารมีที่สั่งสมมา

มีผู้ฝึกสมาธิสามารถระลึกชาติได้อยู่หลายท่าน โดยเฉพาะพระกรรมฐาน ทั้งที่ล่วงลับไปแล้วและยังมีชีวิตอยู่ในที่นี้จะขอยกตัวอย่างของ หลวงปู่ชอบ ฐานสโม ท่านเป็นพระอรหันต์ที่คนเคารพนับถือกันทั่วบ้านทั่วเมือง

หลวงปู่ชอบมีชีวิตอยู่ในช่วง พ.ศ. 2444 – 2535 คุณหญิงสุรีพันธุ์ มณีวัต ได้เขียนชีวประวัติของท่านไว้อย่างน่าศึกษา

หลวงปู่ชอบระลึกชาติได้หลายชาติ ตามที่ลูกศิษย์ลูกหาได้กราบเรียนถามถึงอดีตชาติของท่านต่างกรรมต่างวาระซึ่งท่านก็มีเมตตาตอบให้ศิษย์ได้รับทราบ พอจะสรุปได้ว่าท่านเคยเกิดเป็นท้าวมหาพรหม (พรหมผู้เป็นใหญ่ในเขตการปกครองหนึ่งๆ)

ในสมัยพุทธกาลนั้นได้บวชเป็นสามเณรน้อยลูกศิษย์พระมหากัสสปะ (พระอรหันต์ชั้นผู้ใหญ่ที่พระอรหันต์ด้วยกันให้ความเคารพนับถือ) ต่อมาเป็นพระอยู่ในสังกัดพระอนุรุทธะ (พระอรหันต์ผู้มีตาทิพย์)

แม้จะได้บวชเรียนเป็นศิษย์ของพระอรหันต์ในสมัยพุทธกาล แต่วาสนาบารมียังไม่ถึงพร้อม ท่านก็ยังไม่บรรลุธรรมเป็นพระอริยบุคคล (นับตั้งแต่พระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี และพระอรหันต์) จำต้องเวียนว่ายตายเกิดมาอีกยาวนาน หลายชาติที่ท่านเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน เป็นต้นว่า

เกิดเป็นปลา เกิดเป็นผีเสื้อถูกค้างคาวไล่จับกิน เกิดเป็นหมีไปกินแตงของชาวบ้าน ถูกเจ้าของไร่เอามีดฟันถูกหัวและหูจนเลือดอาบ เคราะห์ดีที่ไม่ตาย


เกิดเป็นเก้งไปกินมะกอกที่โคกมน อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย ถูกคนยิงกระสุนเจาะเข้าที่ขา ต้องวิ่งหนีด้วยความเจ็บปวด หมดแรงล้มตายที่บ้านม่วง ชาตินี้หลวงปู่เกิดที่โคกมนและจำพรรษาอยู่ที่วัดโคกมน อำเภอวังสะพุง หลายพรรษา จะเห็นว่าคนหรือสัตว์มักจะกลับไปในถิ่นที่เคยอยู่เคยหากินมาก่อน หากถิ่นนั้นเป็นที่ชอบที่คุ้นเคย

เกิดเป็นไก่ถึง 7 ชาติ มีความผูกพันอยู่กับแม่ไก่ สัญญาว่าจะเป็นคู่ครองกันทุกชาติไป

แม้หลวงปู่จะเกิดเป็นคนแล้ว แต่แม่ไก่ก็ยังเกิดเป็นไก่หลงรอคอยหลวงปู่อยู่ หลวงปู่เล่าว่า การเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานมีความทุกข์ยากลำเค็ญมาก บางเวลาต้องอดอยากหิวโหยไม่มีอาหารกิน หน้าฝนก็ต้องเปียกปอนอยู่กลางสายฝนหน้าหนาวก็ต้องหนาวเหน็บจับใจ นอกจากนี้ยังมีภัยจากสัตว์ที่ใหญ่กว่า ซ้ำยังต้องคอยหลบหลีกมนุษย์ที่ชอบล่าเป็นอาหาร

ขนาดเกิดเป็นสัตว์ยังทุกข์ถึงเพียงนี้ หากตกนรกจะทุกข์เพียงไหน ลูกศิษย์คนหนึ่งถามหลวงปู่ว่า ชาติที่แล้วหลวงปู่เกิดเป็นอะไร

หลวงปู่ตอบว่า ท่านเกิดเป็นคนลาว มีอาชีพขายผ้า วันหนึ่งได้ชวนเพื่อนเดินทางมาสักการะพระธาตุพนม ท่านนำผ้าขาว 1 วา และเงิน 50 สตางค์มาทำบุญ อธิษฐานว่าชาติหน้าขอให้ได้บวช ได้พ้นทุกข์

คำอธิษฐานของหลวงปู่สัมฤทธิผล ชาตินี้ท่านได้บวชและพ้นทุกข์สมดังปรารถนา แม้ท่านยังมีชีวิตอยู่ เส้นผมของท่านที่ศิษย์เก็บมาบูชาก็กลายเป็นพระธาตุ เป็นที่กล่าวขานกัน

วัฏสงสารหรือการเวียนว่ายตายเกิดของแต่ละชีวิตยาวนาน ไม่รู้ว่าเกิดชาติแรกตั้งแต่เมื่อใด และอีกนานสักเท่าใดจึงจะไม่เกิดหรือพ้นไปจากวัฏสงสารการตาย – เกิดในแต่ละชาติล้วนมีภัย เพราะโอกาสจะไปเกิดในอบายภูมิอันมีแดนเกิดในนรก เปรต อสุรกาย และสัตว์เดรัจฉานนั้นมีสูงมาก การได้เกิดเป็นมนุษย์เป็นของยากยิ่ง เกิดบนสวรรค์หรือเกิดเป็นพรหมยิ่งยากขึ้นไปอีก

แม้ได้เกิดเป็นมนุษย์ก็มากด้วยความทุกข์ หากไม่ศึกษาธรรมก็ไม่รู้ทางที่จะออกจากทุกข์ กลับหลงอยู่ในกองทุกข์โดยไม่รู้ว่าเป็นความทุกข์ เหมือนหนอนหากินอยู่ในบ่ออุจจาระด้วยความเพลิดเพลินยินดี โดยมิได้รู้ว่ามันมีชีวิตอยู่ในกองปฏิกูล

จงมาศึกษาและปฏิบัติธรรมกันเถิด เพราะธรรมคือความจริงที่จะช่วยให้ผู้ปฏิบัติมีดวงตาเห็นธรรม พ้นจากกองปฏิกูลได้

จาก http://www.secret-thai.com/

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

ทิ นัง มิไฮ นัง มิจะนัง ทิกุนัง แปลว่า
ที่นั่ง มีให้นั่ง มึงจะนั่ง ที่กูนั่ง ทิ้งไว้เป็น
ปริศนาธรรม นะตะเอง
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.304 วินาที กับ 31 คำสั่ง

Google visited last this page 16 พฤศจิกายน 2567 20:27:52