วัชรเฉทิกปรัชญาปรามิตาสูตร ตอนที่ 10 {ตอนจบ}

.....................นอกเหนือ....................

สุภูติ.....หากมีผู้กล่าวว่าตถาคตมาหรือไปหรือนั่งหรือนอน บุคคลนั้นย่อมมิได้เข้าใจคำสอนของเราดีเลย ทำไมเล่า ? เพราะตถาคตมิได้มีการมาจากที่ใดหรือการจะไปที่ใด ดังนั้นจึงเรียกว่า ตถาคต

...................หลักการอันสมบูรณ์...............

สุภูติ.....ถ้าบุคคลช่วยกันบดดวงดาวนับล้าน ๆ ดวงอันหาประมาณมิได้ในอนันตจักรวาลให้กลายเป็นฝุ่นผงนั้นจะมากมายเพียงใดหนอ ?
ท่านสุภูติทูลตอบ มากมายมหาศาลพระเจ้าข้าเพราะว่าถ้ามันเป็นฝุ่นผงจริง ๆ ตถาคตก็มิกล่าวเรียกมันว่าฝุ่นผง ตถาคตแสดงไว้ว่ามันมิใช่ฝุ่นผงที่แท้จริง มันเป็นเพียงแต่ชื่อสมมุติบัญญัติเท่านั้นเช่นเดียวกับเมื่อตถาคตกล่าวถึงดวงดาวในอนันตจักรวารมันก็มิใช่ดวงดาวในจักรวาล แม้เราจะยืนยันได้ว่ามันเป็นดวงดาวในจักรวาลที่มีอยู่จริง ตถาคตก็จะแสดงว่ามันมิใช่เช่นนั้นอย่างแท้จริง จักวาลเป็นเพียงคำพูดเท่านั้น พระพุทธองค์ทรงตรัสสุภูติ.....ภาษามิอาจจะสามารถอธิบายความจริงของธรรมชาติของจักรวาลได้มีเพียงบุคคลผู้ยังยึดติดอยู่ใต้พันธนาการของตัณหาเท่านั้นที่ยังใช่วิธีการอันตามอำเภอใจเช่นนี้

..........................ไร้สมมุติ........................

สุภูติ......หากมีคนกล่าวว่าพระพุทธเจ้าเห็นด้วยกับความคิดเรื่องอัตตาตัวตนเธอคิดว่าเขาผู้นั้นจักเข้าใจคำสอนของเราไหม ? ไม่พระเจ้าข้าบุคคลนั้นย่อมไม่เข้าใจคำสอนของพระพุทธเจ้าเลยแม้แต่น้อย เพราะพระพุทธองค์ได้กล่าวเสมอว่า ความเห็นที่ว่า อัตตา ตัวตน บุคคล สัตว์ ภพภูมิ มีอยู่จริงนั้นล้วนเป็นมิจฉาทิฐิสิ่งเหล่านี้เป็นเพียงคำพุดเท่านั้นสุภุติ.......บุคคลที่ปรารถณาสู่ความบรรลุหลุดพ้นอันยิ่งนั้นควรเข้าใจแจ่มแจ้งในความหลากหลายของสรรพสิ่งในทำนองเดียวกันและปราศจากความยึดติดในรูปลักษณ์ของปรากฏการณ์ใด ๆ นั้นแท้จริงก็มิใช่รูปลักษณะ ปรากฏการณ์ใด ๆ มันเป็นเพียงแต่ชื่อสมมุติบัญญัติเท่านั้น....................

.......................มายาแห่งปรากฏการณ์......................

บุคคลอาจบริจาคทรัพย์สมบัติทั้งเจ็ดเป็นจำนวนมากมายมหาศาลอย่างหาประมาณมิได้แต่ถ้าบุคคลใดตื่นต่อวิมุตติภาวะอันแท้จริงและใช้คำสอนนี้แม้เพียงคาถาเดียวท่องจำใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติเผยแพร่กระจายออกไปและช่วยสอนแนะนำผู้อื่นให้เกิดความเข้าใจ มันจะเป็นสิ่งที่น่าสรรเสริญกว่ากันมากมายนักแล้วเขาจะอธิบายคำสอนนี้ได้อย่างไร ? ก็โดยการไม่ยึดติดกับสภาวะและปรากฏการณ์ทั้งหลายและอยู่บนหลักแห่งความเป็นจริง ดังนั้นเราจึงกล่าวว่า เธอทั้งหลายควรจะมองโลกที่กำลังลังเปลี่ยนแปลงอย่ารวดเร็วนี้ดุจดวงดาวยามใกล้รุ่ง ดุจฟองในกระแสน้ำไหล ดุจแสงแห่งสายฟ้าแลปในหมู่เมฆยามฤดูร้อน ดุจแสงตะเกียงที่กำลังริบหรี่ ดุจปีศาจที่หลอกหลอน ดุจความผันที่มิเคยยั่งยืน เมื่อพระพุทธองค์กล่าวจบลง ท่าน สุภูติเถระพร้อมด้วยเหล่าภิกษุ ภิกษุณี ทั้งหลาย อุบาสก - อุบาสิกาและหมู่ปวงเทพ เทวดา อินทร์ พรหม อมนุษย์ทั้งหลายต่างรู้สึกปลื้มปิติยินดีอย่างยิ่งในคำสอนนั้น ต่างพากันอนุโมทนาแล้วทูลลาจากไป.................

(:LOVE:)จบ วัชรเฉทิกปรัชญยาปรามิตตาสูตร ลงเพียงเท่านี้ รัก

เรียบเรียงโดย ท่านชยธมฺโม ภิกขุ สวนธรรมร่มโพธิญาณ บ้านตาดรินทอง แก้งคร้อ จ. ชัยภูมิ

(:LOVE:)บทสรุปจาก Sometime รัก

หวังว่าทุก ๆ คนที่ได้อ่าน วัชรเฉทิกปรัชญาปรามิตาสูตร ตั้งแต่ต้นจะนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้ตรงที่ว่าดังนี้.....เธอทั้งหลายควรจะมองโลกที่กำลังลังเปลี่ยนแปลงอย่ารวดเร็วนี้ ดุจดวงดาวยามใกล้รุ่ง ดุจฟองในกระแสน้ำไหล ดุจแสงแห่งสายฟ้าแลปในหมู่เมฆยามฤดูร้อน ดุจแสงตะเกียงที่กำลังริบหรี่ ดุจปีศาจที่หลอกหลอน ดุจความผันที่มิเคยยั่งยืน

หมายเหตุ.............ประโยคตรงที่ความผัน(ผันผวน)หรือความฝันไม่แน่ใจว่าเป็น ผ.ผึ้ง หรือ ฝ.ฝา แต่ในหนังสือเป็น ผ.ผึ้ง จึงพิมพ์ตามในหนังสือ และโลกทุกวันนี้เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วตามที่พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ใน วัชรเฉทิกปรัชญาปรามิตตาสูตร หวังว่าทุกท่านจะศึกษาให้เข้าใจและนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในชีวิตประจำวันโดยอย่าให้ Sometime พิมพ์เสียแรงโดยเปล่าประโยชน์ Sometime คิดว่าจะรวมเล่ม เป็นหนังสือ อิเล็คโทรนิคเพื่อให้คงอยู่บนอินเตอร์เนทสถิตย์สถาพรสืบต่อไป เพราะว่าใช้เวลาพิมพ์เป็นปีตั้งแต่เว็ป สุขใจเริ่มก่อตั้งจนกระทั่งถึง ปัจจุบันนี้แต่ถ้าเป็นไปได้ขอให้นำไปเผยแพร่ต่อ ๆ ไปจะขอบพระคุณอย่างสูงยิ่ง Sometime ได้ทำในสิ่งที่ควรจะทำแล้วถึงตายก็นอนตาหลับแล้ว

<a href="http://www.youtube.com/v/4zB2jBVe6jg?version=3" target="_blank">http://www.youtube.com/v/4zB2jBVe6jg?version=3</a>

http://twitter.com/soka45

http://forums.212cafe.com/boxser/

http://www.facebook.com/itsariyathanakorn

......................................มัชฌิมประภาสปุญสถาน.........................

ขอบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้กระทำนี้จงเป็นปัจจัยเกื้อหนุนสรรพชีวิตทั้งหลายให้ได้บำเพ็ญอนุตรวิถี กลับจิตแปรใจ ได้คืนจิตเดิม มีความสงบเย็นใจกาย ปราศจากเสียซึ่งสรรพกำทุกข์ ปลอดพ้นจากภัยเวร สงครามข้าวยาก ด้วยเดชะบุญนี้ จงช่วยค้ำชูบิดา - มารดา ครูบาอาจารย์ - ผู้มีพระคุณ ญาติสนิท - มิตรรัก ศัตรูหมู่มาร สรรพเจ้ากรรมนายเวร เทวาทุกชั้นฟ้า อารักษ์ทั่วชั้นดิน เหล่าภูติ นาคา - นาคี เหล่าวิญญา - หมู่เปรต - อสูรกายเหล่าสัตว์ใด ๆ จงเป็นผู้ได้รับอานิสงค์เดชะแห่งผลบุญนี้ท่วนทั่วทุกคนเทอญ.....................................