21 ธันวาคม 2567 11:53:38
ยินดีต้อนรับคุณ,
บุคคลทั่วไป
กรุณา
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
1 ชั่วโมง
1 วัน
1 สัปดาห์
1 เดือน
ตลอดกาล
เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
หน้าแรก
เวบบอร์ด
ช่วยเหลือ
ห้องเกม
ปฏิทิน
Tags
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
ห้องสนทนา
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!
[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
สุขใจในธรรม
ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน
.:::
สิ่งที่ไม่ควรพูดจงอย่าพูด{ภาษาชาวบ้าน}
:::.
หน้า: [
1
]
ลงล่าง
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
พิมพ์
ผู้เขียน
หัวข้อ: สิ่งที่ไม่ควรพูดจงอย่าพูด{ภาษาชาวบ้าน} (อ่าน 1328 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
時々๛कभी कभी๛
สมาชิกถูกดำเนินคดี
นักโพสท์ระดับ 12
คะแนนความดี: +9/-0
ออฟไลน์
Nepal
กระทู้: 1921
ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Firefox 4.0.1
สิ่งที่ไม่ควรพูดจงอย่าพูด{ภาษาชาวบ้าน}
«
เมื่อ:
29 พฤษภาคม 2554 08:39:18 »
Tweet
ถาม......
มีคนเคยบอกว่าการที่เราพูดอย่างไม่คิด - คำพูดนั้นแม้จะเป็นเพียงคำสั้น ๆ
แต่ก็สามารถทำให้เสียมิตรภาพที่ยิ่งใหญ่ไปได้ และได้ศัตรูมาเพิ่มจริงหรือเปล่า ?
ตอบ.......
พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง
เป็นเครื่องเตือนที่ดีทุกแง่มุมของชีวิต
รวมไปถึงการพูดด้วยการใคร่ครวญไตร่ตรองให้ละเอียดถี่ถ้วนก่อนจะพูดอะไรจะทำ
อะไร(ด้วยกุศล)ย่อมเป็นสิ่งที่ดีควรอย่างยิ่งที่จะเป็นอย่างนั้นการพูดเป็นสิ่งที่
สำคัญในชีวิตประจำวัน จำเป็นจะต้องพูดคุยสนทนากับผู้อื่นอยู่เสมอและเป็นที่น่า
พิจารณาว่าในวันหนึ่ง ๆ โดยปกติของผู้ที่ยังมีกิเลสอยู่นั้นย่อมเป็นไปหวั่นไหวด้วย
อำนาจของอกุศลเสียเป็นส่วนใหญ่ตามการสะสมไม่ใช่ว่าจะพูดด้วยกุศลจิตตลอด
บางครั้งก็พูดด้วยอกุศลจิตจึงมีวจีทุจริตเกิดขึ้นค่อนข้างมากในชีวิตประจำวัน
แต่เวลาที่หิริ(ความละอายต่ออกุศลธรรม)โอตตัปปะ(ความเกรงกลัวต่ออกุศลธรรม)
มีกำลังมากขึ้นก็จะทำให้พูดสิ่งที่ดีเพิ่มขึ้น ซึ่งแต่ก่อนอาจจะพูดไปโดยที่ไม่รู้ว่าสิ่งนั้น
จะเป็นโทษเป็นภัยอย่างไรแต่เวลาที่หิริโอตตัปปะเกิดขึ้นจะทำให้พิจารณาเห็นได้
ว่าสิ่งใดที่ไม่เป็นไปเพื่อประโยชน์ก็สามารถที่จะเว้นไม่พูดในขณะนั้นได้
ไม่ได้ห้ามการพูดไม่ใช่ไม่ให้พูดพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงว่า สิ่งใดที่พูดไป
แล้วแม้จะเป็นเรื่องจริงเป็นการเพิ่มอกุศลให้กับทั้งคนพูดและคนฟังก็ไม่ควรพูด
แต่ถ้าสิ่งใดเมื่อพูดไปแล้วเป็นไปเพื่อความเจริญขึ้นแห่งกุศลธรรมควรพูดแต่จะ
เป็นไปได้มากแค่ไหน ขึ้นอยู่กับความเข้าใจและเห็นประโยชน์
แต่ละบุคคลมีความประพฤติเป็นไปตามการสะสมถึงแม้ว่าเราจะพูดดีให้คำแนะ
นำที่ดีพูดความจริงให้เห็นโทษของอกุศลให้เห็นคุณของกุศล เป็นต้นแต่บุคคลนั้น
ไม่รับฟังไม่เห็นด้วยไม่ชอบก็มีแสดงว่าเขาเป็นศัตรูกับเราเพราะขณะนั้นเขา
เป็นอกุศลแต่เราจะไม่เป็นศัตรูของเขาคือไม่เป็นอกุศลไม่โกรธแ่ต่พร้อมเสมอ
ที่จะมีเมตตาเกื้อกูลเท่าที่จะเป็นไปได้หรือถ้าจะมองในทางกลับกันถ้าเป็นบุคคล
ที่สะสมมาดีเป็นบัณฑิตมีจิตน้อมไปในทางที่เป็นกุศลอยู่เสมอ เมื่อเราพูดผิดพูด
ไม่ดีก็จะไม่ถือโทษโกรธในความผิดดังกล่าวพร้อมที่จะให้อภัยและแนะนำให้เห็น
โทษดังกล่าวด้วยแต่ละบุคคลจึงเป็นแต่ละหนึ่งจริง ๆ
พระธรรม เป็นเรื่องของการขัดเกลากิเลสไม่ใช่การเพิ่มกิเลสเพราะฉะนั้น
ถ้าพิจารณาเห็นว่าสิ่งใดเป็นโทษไม่เป็นประโยชน์ก็ควรจะงดเว้นในสิ่งนั้นแล้ว
เจริญกุศลธรรมในชีวิตประจำวันมีการฟังพระธรรมศึกษาพระธรรม เป็นต้นความ
เข้าใจพระธรรมจะเป็นเครื่องปรุงแต่งให้มีความประพฤติที่ดีงามทั้งทางกาย - ทางวาจา
และทางใจ...........................................
พระสุตตันตปิฎก อังคุตรนิกาย จตุกนิบาต เล่ม 2 หน้าที่ 442
๓.สุตสูตร
ว่าด้วยสิ่งที่ควรกล่าวและไม่ควรกล่าว
{๑๘๓}สมัยหนึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหาร -
เวฬุวันกลันทกนิวาปสถานใกล้พระนครราชคฤห์ครั้งนั้นแลวัสสการ -
พราหมณ์ผู้เป็นมหาอำมาตย์ในแคว้นมคธเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่
ประทับได้ปราศรัยกับพระผู้มีพระภาคเจ้าครั้นผ่านการปราศรัยพอให้ระลึก
ถึงกันแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งครั้นแล้วได้กราบทูลพระผู้มีพระ -
ภาคเจ้าว่าพระโคดมผู้เจริญข้าพเจ้ามีวาทะอย่างนี้มีทิฏฐิอย่างนี้ว่าผู้ใด
ผู้หนึ่งย่อมกล่าวสิ่งที่ตนเห็นว่าเราเห็นอย่างนี้โทษแต่การพูดนั้นไม่มีผู้ใด
ผู้หนึ่งย่อมกล่าวสิ่งที่ตนได้ฟังมาว่าเราได้ฟังมาอย่างนี้โทษแต่การพูดนั้น
ไม่มีผู้ใดผู้หนึ่งย่อมกล่าวสิ่งที่ตนทราบ(ทางจมูก ลิ้น กาย)ว่าเราทราบ
อย่างนี้โทษแต่การพูดนั้นไม่มีผู้ใดผู้หนึ่งย่อมกล่าวสิ่งที่ตนรู้แจ้ง(ทางใจ)
ว่าเรารู้แจ้งอย่างนี้โทษแต่การพูดนั้นไม่มี
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่าดูก่อนพราหมณ์เราไม่กล่าวสิ่งที่เห็น
ทั้งหมดว่าควรกล่าวและไม่กล่าวสิ่งที่เห็นทั้งหมดว่าไม่ควรกล่าวเราไม่
กล่าวสิ่งที่ได้ฟังทั้งหมดว่าควรกล่าวและไม่กล่าวสิ่งที่ได้ฟังทั้งหมดว่าไม่
ควรกล่าวเราไม่กล่าวสิ่งที่ทราบทั้งหมดว่าควรกล่าวและไม่กล่าวสิ่งที่
ทราบทั้งหมดว่าไม่ควรกล่าวเราไม่กล่าวสิ่งที่รู้แจ้งทั้งหมดว่าควรกล่าว
และไม่กล่าวสิ่งที่รู้แจ้งทั้งหมดว่าไม่ควรกล่าวดูก่อนพราหมณ์แท้จริง
เมื่อบุคคลกล่าวสิ่งที่ได้เห็นอันใดทำให้อกุศลธรรมเจริญขึ้นกุศลธรรม
เสื่อมไปเรากล่าวสิ่งที่ได้เห็นเห็นปานนั้นว่าไม่ควรกล่าวแต่เมื่อบุคคล
กล่าวสิ่งที่ได้เห็นอันใดทำให้อกุศลธรรมเสื่อมไปกุศลธรรมเจริญขึ้นเรา
กล่าวสิ่งที่ได้เห็นเห็นปานนั้นว่าควรกล่าวดูก่อนพราหมณ์เมื่อบุคคลกล่าว
สิ่งที่ได้ฟังมาอันใดสิ่งที่ได้ทราบอันใดสิ่งที่รู้แจ้งมาอันใดทำให้อกุศล
ธรรมเจริญขึ้นกุศลธรรมเสื่อมไปเรากล่าวสิ่งที่ได้ฟังมาเห็นปานนั้น
สิ่งที่ได้ทราบมาเห็นปานนั้นสิ่งที่รู้แจ้งเห็นปานนั้นว่าไม่ควรกล่าวแต่
เมื่อบุคคลกล่าวสิ่งที่ได้ฟังมาอันใดสิ่งที่ได้ทราบมาอันใดสิ่งที่รู้แจ้ง
อันใดทำให้อกุศลธรรมเสื่อมไปกุศลธรรมเจริญขึ้นเรากล่าวสิ่งที่ได้ฟังมา
เห็นปานนั้นสิ่งที่ได้ทราบมาเห็นปานนั้นสิ่งที่รู้แจ้งเห็นปานนั้นว่า
ควรกล่าวครั้งนั้นแลวัสสการพราหมณ์มหาอำมาตย์ในแคว้นมคธชื่นชม
อนุโมทนาภาษิตของพระผู้มีพระภาคเจ้าลุกจากอาสนะแล้วหลีกไป
(:LOVE:)จบสุตสูตรที่ ๓
พึงพิจารณาวาจาที่จะพูด{จูฬราุหุโลวาทสูตร}
พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ เล่ม 2 ภาค 1 หน้าที่ 267
{๑๓๐}ดูก่อนราหุลเธอปรารถนาจะทำกรรมใดด้วยวาจาเธอพึง
พิจารณาวจีกรรมนั้นเสียก่อนว่าเราปรารถนาจะทำกรรมใดด้วยวาจาวจีกรรม
ขอเรานี้พึงเป็นไปเพื่อเบียดเบียนตนบ้างเพื่อเบียดเบียนผู้อื่นบ้างและเพื่อ
เบียดเบียนทั้งตนและผู้อื่นบ้างวจีกรรมนี้เป็นอกุศลมีทุกข์เป็นกำไรมีทุกข์
เป็นวิบากกระมังหนอถ้าเธอพิจารณาอยู่พึงรู้อย่างนี้ว่าเราปรารถนาจะทำ
กรรมใดด้วยวาจาวจีกรรมของเรานี้พึงเป็นไปเพื่อเบียดเบียนตนบ้างเพื่อ
เบียดเบียนผู้อื่นบ้างและเพื่อเบียดเบียนทั้งตนและผู้อื่นบ้างวจีกรรมนี้เป็น
อกุศลมีทุกข์เป็นกำไรมีทุกข์เป็นวิบากดังนี้ไซร้วจีกรรมเห็นปานนั้น
เธอไม่ควรทำโดยส่วนเดียวแต่ถ้าเธอพิจารณาอยู่พึงรู้อย่างนี้ว่าเราปรารถนา
จะทำกรรมใดด้วยวาจาวจีกรรมของเรานี้ไม่พึงเป็นไปเพื่อเบียดเบียนคนบ้าง
เพื่อเบียดเบียนผู้อื่นบ้างและเพื่อเบียดเบียนทั้งคนและผู้อื่นบ้างวจีกรรมนี้
เป็นกุศลมีสุขเป็นกำไรมีสุขเป็นผลดังนี้ไซร้วจีกรรมเห็นปานนั้นเธอ
ควรทำดูก่อนราหุลแม้เมื่อเธอกำลังทำกรรมด้วยวาจาเธอก็พึงพิจารณา
วจีกรรมนั้นแหละว่าเราทำอยู่ซึ่งกรรมใดด้วยวาจาวจีกรรมของเรานี้ย่อม
เป็นไปเพื่อเบียดเบียนตนบ้างเพื่อเบียดเบียนผู้อื่นบ้างและเพื่อเบียดเบียน
ทั้งตนและผู้อื่นบ้างวจีกรรมนี้เป็นอกุศลมีทุกข์เป็นกำไรมีทุกข์เป็นวิบาก
กระมังหนอถ้าเธอพิจารณาอยู่พึงรู้อย่างนี้ว่าเราทำอยู่ซึ่งกรรมใดด้วยวาจา
วจีกรรมของเรานี้ย่อมเป็นไปเพื่อเบียดเบียนตนเพื่อเบียดเบียนผู้อื่นและ
เพื่อเบียดเบียนทั้งตนและผู้อื่นวจีกรรมนี้เป็นอกุศลมีทุกข์เป็นกำไรมีทุกข์
เป็นวิบากดังนี้ไซร้ธอพึงเลิกวจีกรรมเห็นปานนั้นเสียแต่ถ้าเธอพิจารณาอยู่
พึงรู้อย่างนี้ว่าเราทำอยู่ซึ่งกรรมใดด้วยวาจาวจีกรรมของเรานี้ย่อมไม่เป็น
ไปเพื่อเบียดเบียนตนบ้างเพื่อเบียดเบียนผู้อื่นบ้างและเพื่อเบียดเบียนทั้งตน
และผู้อื่นบ้างวจีกรรมนี้เป็นกุศลมีสุขเป็นกำไรมีสุขเป็นวิบากดังนี้ไซร้
เธอพึงเพิ่มวจีกรรมเห็นปานนั้นดูก่อนราหุลแม้เธอทำกรรมด้วยวาจาแล้ว
เธอก็พึงพิจารณาวจีกรรมนั้นแหละว่าเราได้ทำแล้วซึ่งกรรมใดด้วยวาจาวจี -
กรรมของเรานี้ย่อมเป็นไปเพื่อเบียดเบียนตนบ้างเพื่อเบียดเบียนผู้อื่นบ้าง
เพื่อเบียดเบียนทั้งตนและผู้อื่นบ้างวจีกรรมนี้เป็นอกุศลมีทุกข์เป็นกำไรมี
ทุกข์เป็นวิบากกระมังหนอถ้าเธอพิจารณาอยู่พึงรู้อย่างนี้ว่าเราได้ทำแล้ว
ซึ่งกรรมใดด้วยวาจาวจีกรรมของเรานี้ย่อมเป็นไปเพื่อเบียดเบียนตนบ้างเพื่อ
เบียดเบียนผู้อื่นบ้างเพื่อเบียดเบียนทั้งตนและผู้อื่นบ้างวจีกรรมนี้เป็นอกุศล
มีทุกข์เป็นกำไรมีทุกข์เป็นวิบากดังนี้ไซร้วจีกรรมเห็นปานนั้นเธอพึงแสดง
เปิดเผยทำให้ตื้นในพระศาสนาหรือในเพื่อนพรหมจรรย์ทั้งหลายผู้วิญญู
ครั้นแล้วพึงสำรวมต่อไปแต่ถ้าเธอพิจารณาอยู่พึงรู้อย่างนี้ว่าเราได้ทำแล้ว
ซึ่งกรรมใดด้วยวาจาวจีกรรมของเรานี้ย่อมไม่เป็นไปเพื่อเบียดเบียนตนบ้าง
เพื่อเบียดเบียนผู้อื่นบ้างเพื่อเบียดเบียนทั้งตนและผู้อื่นบ้างวจีกรรมนี้เป็น
กุศลมีสุขเป็นกำไรมีสุขเป็นวิบากดังนี้ไซร้เธอพึงมีปีติและปราโมทย์
ศึกษาในกุศลธรรมทั้งกลางวันและกลางคืนอยู่ด้วยวจีกรรมนั้นแหละ
(:LOVE:)เป็นกุศลก็ไม่พ้นจากสังสารวัฎฎ์
ตราบใดที่ยังมีสังสารวัฎฎ์ก็ไม่พ้นกรรมตั้งแต่ขณะเกิด
เพราะเหตุว่าถ้าไม่มีกรรมก็ไม่ต้องเกิด แต่ละคนเกิดมาต่างกัน
เพราะกรรมต่างกันกรรมนั้นมีทั้งกุศลกรรมและอกุศลกรรม
อกุศลกรรมที่ได้กระทำแล้วสามารถให้ผลได้เมื่อยังมีสังสารวัฎฎ์
เมื่อกลัวผลของอกุศลกรรม
ก็ควรเจริญกุศลกรรมให้มากที่สุดเท่าที่จะกระทำได้
โดยเฉพาะกุศลกรรมที่จะทำให้พ้นจากสังสารวัฎฎ์
เพราะเมื่อยังเป็นกุศลกรรมที่ทำแล้วก็ไม่พ้นจาก{สังสารวัฎฎ์}
ข้อมูนี้มาจากมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนาบ้านธัมมะ 136 หมู่ 5 ต.หนองควาย อ.หางดง จ.เชียงใหม่ 50230
ท่านอาจารย์ สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ประธานมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา
จะเดินทางมาร่วมสนทนาธรรมที่บ้านธัมมะเชียงใหม่
วันที่ ๑๔ - ๑๕ - ๑๖ มิถุนายน ๒๕๕๔
ท่านสามารถเข้าร่วมการสนทนาและถามปัญหา
ตามวันเวลาต่อไปนี้
วันอังคารที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๕๔
เวลา ๑๔:๐๐-๑๖:๓๐ น.
วันพุธที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๕๔
เวลา ๐๙:๓๐-๑๒:๐๐ น.ที่บ้านธัมมะ
และเวลา ๑๓:๓๐ - ๑๖:๐๐ น. ที่ห้องประชุมเดชะตุงคะ กองบิน 41
วันพฤหัสบดีที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๕๔
เวลา ๐๙:๓๐ - ๑๒:๐๐ น.
มีอาหารกลางวันจัดไว้สำหรับทุกท่าน
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ ..
มูลนิธิ ฯ 02 - 4680239 และบ้านธัมมะ 053 - 431678
My Blog...........
http://7star2011.wordpress.com
http://www.se-ed.com/ads/pr/sile/song/07.%20Track%207.wma
«
แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29 พฤษภาคม 2554 08:50:25 โดย 時々sometime
»
บันทึกการเข้า
โลกเรานี้หนอช่างเหมือนความฝันเสียนี่กระไร ?
คำค้น:
อย่า
หน้า: [
1
]
ขึ้นบน
พิมพ์
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
กระโดดไป:
เลือกหัวข้อ:
-----------------------------
จากใจถึงใจ
-----------------------------
=> หน้าบ้าน สุขใจ
===> สุขใจ ป่าวประกาศ (ข้อความจากทีมงาน)
===> สุขใจ เสนอแนะ (ข้อความจากสมาชิก)
===> สุขใจ ให้ละเลง (มุมทดสอบบอร์ด)
-----------------------------
สุขใจในธรรม
-----------------------------
=> พุทธประวัติ - ประวัติพระสาวก
===> พุทธประวัติ แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
===> ประวิติพระอรหันต์ พระสาวก ในสมัยพุทธกาล
===> ประวัติพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ในยุคปัจจุบัน
===> นิทาน - ชาดก
=====> ชาดก พระเจ้า 500 ชาติ
=> ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน
===> ธรรมะจากพระอาจารย์
===> เกร็ดครูบาอาจารย์
=> ห้องวิปัสสนา - มหาสติปัฏฐาน 4
=> สมถภาวนา - อภิญญาจิต
=> จิตอาสา - พุทธศาสนาเพื่อสังคม
=> เสียงธรรมเทศนา - เอกสารธรรม - วีดีโอ
===> เอกสารธรรม
===> เสียงธรรมเทศนา
=====> ธรรมะจาก สมเด็จโต
=====> ธรรมะจาก หลวงปู่มั่น
=====> เสียงบทสวดมนต์
=====> เพลงสวดมนต์
=====> เพลงเพื่อจิตสำนึก แด่บุพการี
=====> ธรรมะ มิวสิค (เพลงธรรมทั่วไป)
===> ห้อง วีดีโอ
=> เกร็ดศาสนา
=> กฏแห่งกรรม - ท่องไตรภูมิ
=> ไขปัญหาโลก ธรรม และความรัก
=> บทสวด - คัมภีร์ คาถา - วิชา อาคม
=> พุทธวัจนะ - ภาษิตธรรม
===> พุทธวัจนะ ในธรรมบท
===> พุทธศาสนสุภาษิต
===> คำทำนายภัยพิบัติที่จะเกิด
===> รวมข่าวภัยพิบัติ ทั้งในอดีต และปัจจุบัน
===> รู้ เพื่อ รอด (การเตรียมการ)
=> ห้องประชาสัมพันธ์ ทั้งทางโลก และทางธรรม
===> ฐานข้อมูล มูลนิธิต่าง ๆ ในประเทศไทย (Donation Exchange Center)
-----------------------------
วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ
-----------------------------
=> วิทยาศาสตร์ - จักรวาล - การค้นพบ
===> เรื่องราว จากนอกโลก
=====> ประสบการณ์เกี่ยวกับ UFO
=====> หลักฐาน และ การพิสูจน์ยูเอฟโอ
=====> คลิปวีดีโอ ยูเอฟโอ
=> ไขตำนาน - ประวัติศาสตร์ - การค้นพบ อารยธรรม
=> เรื่องแปลก - ประสบการณ์ทางจิต - เรื่องลึกลับ
===> ร้อยภูติ พันวิญญาณ
=====> ประสบการณ์ ผี ๆ
=======> เรื่องเล่าในรั้วมหาลัย
=====> ประวัติ ต้นกำเนิด ตำนานผี
===> ดูดวง ทำนายทายทัก
===> ไดอะล็อก คือ ดอกอะไร - พลังไดอะล็อก (Dialogue)
===> กระบวนการ NEW AGE
=> เครื่องราง ของขลัง พุทธคุณ
-----------------------------
นั่งเล่นหลังสวน
-----------------------------
=> สุขใจ จิบกาแฟ
=> สุขใจ ร้านน้ำชา
=> สุขใจ ห้องสมุด
===> สุขใจ หนังสือแนะนำ
===> สุขใจ คลังความรู้ลวงโลก
===> สยาม ในอดีต
=> สุขใจ ใต้เงาไม้
=> สุขใจ ตลาดสด
=> สุขใจ อนามัย
=> สุขใจ ไปเที่ยว
=> สุขใจ ในครัว
===> เกร็ดความรู้ งานบ้าน งานครัว
=> สุขใจ ไปรษณีย์
=> สุขใจ สวนสนุก
===> ลานกว้าง (มุมดูคลิป)
===> เวที จำอวด (จำอวดหน้าม่าน)
===> หนังกลางแปลง (ดูหนัง รีวิวหนัง)
===> หน้าเวที (มุมฟังเพลง)
=====> เพลงไทยเดิม
===> แผงลอยริมทาง (รวมคลิปโฆษณาโดน ๆ)
คุณ
ไม่สามารถ
ตั้งกระทู้ได้
คุณ
ไม่สามารถ
ตอบกระทู้ได้
คุณ
ไม่สามารถ
แนบไฟล์ได้
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความได้
BBCode
เปิดใช้งาน
Smilies
เปิดใช้งาน
[img]
เปิดใช้งาน
HTML
เปิดใช้งาน
กำลังโหลด...