[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
22 ธันวาคม 2567 14:52:11 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ที่มาของการตักบาตรเทโวในวันออกพรรษา  (อ่าน 733 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Maintenence
ผู้ดูแลระบบ
นักโพสท์ระดับ 10
*

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 1117


[• บำรุงรักษา •]

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Chrome 77.0.3865.90 Chrome 77.0.3865.90


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 07 ตุลาคม 2562 14:18:09 »


\



ที่มาของการตักบาตรเทโวในวันออกพรรษา

วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ ๖ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒ เป็นวันที่ท่านทั้งหลายมีเวลาว่างจากภารกิจการงานต่างๆ จึงได้ตั้งใจมาวัด เพื่อมาศึกษาเรื่องราวของพระพุทธศาสนา ซึ่งวันนี้จะขอพูดเรื่องการตักบาตรเทโวซึ่งจะเกิดขึ้นในอาทิตย์ข้างหน้านี้ ตามปกติวันตักบาตรเทโวจะตักวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ ซึ่งปีนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๑๔ ตุลาคม แต่ทางวัดญาณสังวรารามฯ จะทำพิธีตักบาตรก่อน ๑ วัน คือ วันขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๑๑ เป็นวันพระ ตรงกับวันอาทิตย์ ที่ ๑๓ ตุลาคม คืออาทิตย์หน้า สาเหตุที่วัดญาณฯทำพิธีตักบาตรก่อนวัดอื่น เนื่องจากมีศรัทธาญาติโยมที่มีวัดประจำหมู่บ้านท่านที่จะต้องไปทำบุญตักบาตรในวันตักบาตรเทโว ถ้าจัดตรงกันก็จะไม่สามารถมาใส่บาตรที่วัดญาณฯ ได้ จึงได้มีการขอร้องให้ทางวัดจัดวันตักบาตรเทโวก่อน ๑ วัน เพื่อศรัทธาญาติโยมที่มีหน้าที่ที่ต้องไปทำบุญที่วัดประจำหมู่บ้าน จะได้มาตักบาตรที่วัดญาณฯ ได้ด้วย คือมาตักบาตรที่วัดญาณฯ วันขึ้น ๑๕ ค่ำ แล้วก็ตักบาตรที่บ้านที่วัดที่บ้านในวันแรม ๑ ค่ำ

ดังนั้น ถ้าใครทราบหรือไม่ทราบถาม ก็ช่วยแจ้งให้ทราบด้วยว่าการตักบาตรเทโวของวัดญาณฯ นี้จะตักก่อน ๑ วัน คือตรงกับวันพระ ๑๕ ค่ำ ทั่วไปจะตักวันแรม ๑ ค่ำ พระเณรที่เคยออกบิณฑบาตไปตามสายต่างๆ ก็จะไม่ได้ออกไป ๑ วัน เช่นวัดญาณฯ นี้ก็มีสายบิณฑบาตอยู่ถึง ๔ – ๕ สายด้วยกัน สายบ้านอำเภอ สายซากแง้ว สายบางเสร่ สายสัตหีบ แล้วก็สายกิโล ๑๐ ในวันตักบาตรเทโวคือ วันที่ ๑๓ ตุลานี้ ก็จะงดไปบิณฑบาตตามสายต่างๆ ๑ วัน ก็ขอแจ้งให้ทราบไว้เพราะว่าเดี๋ยวญาติโยมที่เคยไปตักบาตรตามสายต่างๆ จะไปรอเก้อ เพราะจะไม่มีพระไปบิณฑบาตในวันนั้น คือวันที่ ๑๓ ตุลาคม วันอาทิตย์เป็นวันพระวันขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๑๑

พิธีตักบาตรเทโวนี้มีการกระทำมาเพื่อเป็นการย้อนอดีต ในวันนั้นคือในสมัยพุทธกาล วันที่ออกพรรษา วันที่พระพุทธเจ้าได้เสด็จลงจากสวรรค์ หลังจากที่ไปโปรดพุทธมารดาอยู่ ๑ พรรษา ด้วยการแสดงธรรมโปรดพุทธมารดา จนพุทธมารดาได้บรรลุเป็นพระโสดาบัน เป็นผู้ที่ไม่ต้องไปเกิดในอบายอีกต่อไป และจะพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดภายใน ๗ ชาติเป็นอย่างมาก นี่คือเหตุการณ์ที่ทำให้มีวันตักบาตรเทโวขึ้นมา ความจริงการเสด็จไปสวรรค์ของพระพุทธเจ้านั้น ไม่ได้เสด็จไปด้วยพระวรกาย แต่ทรงเสด็จไปด้วยพระกระแสจิต คือพระจิตของพระพุทธเจ้านี้มีพลังที่สามารถติดต่อสื่อสารกับผู้ที่ล่วงลับไปแล้วได้ ผู้ที่ล่วงลับไปแล้วนี้ ดวงวิญญาณจะไปอยู่ตามภพต่างๆ ขึ้นอยู่กับบุญหรือบาปที่ได้ทำไว้ในขณะที่มีชีวิตอยู่ ถ้าเวลาตายไปบาปที่ทำไว้มีมากกว่าบุญ บาปก็จะดึงให้ดวงวิญญาณไปอยู่ในอบาย ไปเกิดเป็นเดรัจฉาน ไปเป็นดวงวิญญาณที่หิวโหยเรียกว่าเปรต เป็นดวงวิญญาณที่หวาดกลัวเรียกว่าอสูรกาย เป็นดวงวิญญาณที่มีความอาฆาตพยาบาทเรียกว่านรก ถ้าบุญมีมากกว่าบาป บุญก็จะทำให้ดวงวิญญาณเป็นดวงวิญญาณที่มีความสุข ดวงวิญญาณที่มีความสุขก็เรียกว่าเทวดา มีอยู่ชั้นต่างๆ ๖ ชั้นด้วยกันขึ้นอยู่กับกำลังบุญที่ได้ทำเอาไว้ ทำบุญมากก็จะได้ความสุขมาก ทำบุญน้อยก็จะได้ความสุขน้อย เวลาตายไปดวงวิญญาณก็จะไปเป็นเทพชั้นต่างๆ มีตั้งแต่ชั้นจาตุมขึ้นไปจนถึงชั้นปรนิม มี ๖ ชั้น พระพุทธมารดาของพระพุทธเจ้านี้ที่ว่าไปอยู่ชั้นดุสิต

พอหลังจากที่พระพุทธเจ้าได้ทรงตรัสรู้ก็ทรงมีความปรารถนาอยากจะทดแทนบุญคุณให้แก่บุพการี ก็ทรงนึกถึงพุทธมารดาที่ได้ทรงจากโลกนี้ไปหลังจากที่ได้คลอดเจ้าชายสิทธัตถะได้ ๗ วัน ก็เสด็จสวรรคตไปอยู่ที่สวรรค์ชั้นดุสิต หลังจากที่พระพุทธเจ้าได้ทรงตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้ามีพลังจิตที่สามารถค้นหาดวงวิญญาณต่างๆ ที่ไปจุติตามภพต่างๆ ได้ จึงทรงค้นหาจนได้พบพุทธมารดาที่ประทับอยู่ในสวรรค์ จึงได้ทรงโปรดพุทธมารดาด้วยการแสดงธรรมให้กับพุทธมารดาและเทวดารูปอื่นที่สนใจธรรมได้ฟังทุกคืน พระพุทธเจ้าจะทรงแสดงธรรมให้กับพวกเทวดาทุกคืนในยามดึก วันหนึ่งพระพุทธเจ้าจะมีภารกิจสั่งสอนสัตว์โลกอยู่ ๔ ครั้งด้วยกัน ครั้งที่ ๑ คือตอนบ่าย อย่างตอนนี้จะทรงแสดงธรรมโปรดศรัทธาญาติโยม ในยามค่ำจะทรงแสดงธรรมโปรดพระภิกษุภิกษุณี ในยามดึกจะทรงแสดงธรรมให้กับพวกเทวดา และในยามเช้าตอนก่อนจะทรงออกบิณฑบาตจะทรงเล็งญาณดูว่าจะไปโปรดใครเป็นกรณีพิเศษในวันนั้น นี่คือภารกิจของพระพุทธเจ้า มีอยู่ ๕ ข้อ ๔ ข้อนี้เกี่ยวกับการสั่งสอนสัตว์โลก ส่วนข้อที่ ๕ ก็คือการออกบิณฑบาตโปรดสัตว์ ทรงปฏิบัติภารกิจนี้มาตลอด ๔๕ ปีด้วยกัน ดังนั้น วันที่เป็นวันออกพรรษาก็มีความเชื่อว่าพระพุทธเจ้าได้เสด็จออกจากสวรรค์ลงมาตามบันไดทิพย์ ศรัทธาญาติโยมที่มีความปรารถนาที่จะมาใส่บาตรถวายกับพระพุทธเจ้าก็จะไปรออยู่ที่เชิงบันได

นี่เป็นที่มาของการตักบาตรเทโวในวันออกพรรษา วัดไหนถ้าเป็นวัดที่มีเขาก็จะไปสร้างมณฑปไว้บนเขา แล้วก็จะทำบันไดพญานาคให้พระภิกษุเดินลงเหมือนกับการลงจากสวรรค์ลงมา เป็นการย้อนระลึกถึงอดีตเกี่ยวกับภารกิจที่พระพุทธเจ้าได้ทรงปฏิบัติโปรดพุทธมารดา เป็นการทดแทนพระคุณอันใหญ่หลวงของบิดามารดา พระคุณของบิดามารดานี้มีมากต่อลูก ถึงแม้ลูกจะเลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่อย่างดี แบกท่านไว้บนบ่าบนไหล่ ให้ท่านอุจจาระปัสสาวะราดใส่ บุญคุณของบิดามารดาก็ยังชดใช้ไม่หมด การที่จะชดใช้บุญคุณของบิดามารดาได้หมดนี้ ต้องทำให้จิตใจของบิดามารดาหลุดพ้นจากการไปเกิดในอบาย ถ้าได้ทำให้บิดามารดาหลุดพ้นจากการไปเกิดในอบายได้ ก็ถือว่าได้ทดแทนบุญคุณบิดามารดาครบบริบูรณ์ พระพุทธเจ้าก็ทรงโปรดสอนพุทธมารดาจนได้บรรลุเป็นพระอริยบุคคลขั้นที่ ๑ คือขั้นพระโสดาบัน พระโสดาบันนี้เป็นผู้เข้าสู่กระแสที่จะพาไปสู่พระนิพพาน สู่การหลุดพ้นจากกองทุกข์แห่งการเวียนว่ายตายเกิด จะสามารถไปถึงพระนิพพานได้ไม่เกิน ๗ ชาติเป็นอย่างมาก และทุกชาติที่จะกลับมาเกิดนี้จะไม่เกิดในอบายอีกต่อไป

นี่คือการทดแทนพระคุณของพระพุทธเจ้าต่อพุทธมารดาที่ทรงเห็นว่าเป็นความสำคัญอย่างยิ่ง พระพุทธเจ้าเลยทำภารกิจอันนี้เมื่อพร้อมที่จะทดแทนบุญคุณ หลังจากที่ได้ทรงตรัสรู้ได้ทรงบรรลุถึงพระนิพพานแล้ว รู้จักทางที่จะพาผู้ที่ต้องการไปพระนิพพานสามารถไปกันได้อย่างง่ายดาย ถ้าไม่มีพระพุทธเจ้ามาทรงตรัสรู้ทางสู่พระนิพพาน ทางสู่การหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏในไตรภพ ก็จะไม่มีใครสามารถออกจากการเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏได้เลย และจะไม่มีใครมีความฉลาดมีความสามารถที่จะค้นพบทางที่จะพาให้ออกจากการเวียนว่ายตายเกิดได้ มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่นานๆจะปรากฏขึ้นมาสักครั้งหนึ่ง คนคนนั้นก็คือพระพุทธเจ้านี่เอง


ธรรมะบนเขา
วันที่ ๖ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๖๒
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ จังหวัดชลบุรี
ณ จุลศาลา เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาชีโอน

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07 ตุลาคม 2562 14:23:34 โดย Maintenence » บันทึกการเข้า

[• สุขใจ บำรุงรักษาระบบ •]
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.47 วินาที กับ 31 คำสั่ง

Google visited last this page 17 ธันวาคม 2567 12:44:39