[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
23 พฤศจิกายน 2567 23:30:44 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: วัดบางพลีใหญ่ใน อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ กราบขอพรหลวงพ่อโต (๑ ใน ๓ พระพี่น้อง)  (อ่าน 892 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5767


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ Mozilla รองรับ


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 21 เมษายน 2564 12:44:25 »



วัดบางพลีใหญ่ใน
กราบขอพรหลวงพ่อโต หนึ่งในพระสามพี่น้อง  
ที่ตั้ง : ตำบลบางพลีใหญ่ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ

วัดบางพลีใหญ่ใน ตั้งอยู่ริมคลองสำโรง ตำบลบางพลีใหญ่ ห่างจากบึงตะโก้ประมาณ ๕๐๐ เมตร เป็นวัดที่ประดิษฐานหลวงพ่อโตซึ่งเป็นพระพุทธรูปสมัยสุโขทัยปางมารวิชัย และเป็นหนึ่งในพระสามพี่น้อง (หลวงพ่อบ้านแหลม หลวงพ่อโต หลวงพ่อโสธร)

เดิมชื่อ วัดพลับพลาชัยชนะสงคราม ชาวบ้านบริเวณใกล้เคียงเรียกวัดนี้ว่าวัดใหญ่ หรือวัดหลวงพ่อโต

ประวัติศาสตร์จากโบราณคดีจารึกสืบต่อกันมาว่า วัดนี้สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช หลังจากพระอค์ได้ทรงกอบกู้อิสรภาพสู่ความเป็นไทยอีกครั้ง ได้ทรงกระทำพิธีพลีกรรมบวงสรวง หรือเซ่นสรวงบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เทพยาดา เทพารักษ์ ต่อมาเรียกชื่อตำบลที่ทำพิธีพลีกรรมบวงสรวงว่า ตำบลบางพลี  จึงเรียกวัดพลับพลาชัยชนะสงครามว่า วัดบางพลี  ต่อมามีพระองค์ใหญ่คือหลวงพ่อโต มาประดิษฐานในอุโบสถ และมีวัดบางพลีใหญ่กลางอยู่ด้านนอก จึงเรียกวัดพลับพลาชัยชนะสงครามว่า "วัดบางพลีใหญ่ใน" หรือ "วัดหลวงพ่อโต" มาจนตราบเท่าทุกวันนี้ และยังถูกเรียกขานว่า วัดหลวงพ่อโต ตามพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่ประดิษฐานอยู่ในภายในพระอุโบสถโบราณ ซึ่งงดงามด้วยเป็นพระพุทธรูปสมัยสุโขทัยปางมารวิชัยลืมเนตร เนื้อทองสัมฤทธิ์สุกสกาว และเป็นศูนย์รวมความเลื่อมใสของชาวบางพลีและประชาชนทั่วไปที่เดินทางมานมัสการหลวงพ่อโต

วัดบางพลีใหญ่ใน
ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของจังหวัดสมุทรปราการ ริมคลองสำโรง ตำบลบางพลีใหญ่ ห่างจากบึงตะโก้ประมาณ ๕๐๐ เมตร เดิมชื่อวัดพลับพลาไชยชนะสงคราม ชาวบ้านเรียกว่า “วัดหลวงพ่อโต” หรือ “วัดใหญ่” เป็นที่ประดิษฐาน“หลวงพ่อโต” พระพุทธรูปสำริดประทับนั่ง  สมัยสุโขทัย แสดงปางมารวิชัย(สะดุ้งมาร) ลืมเนตร หน้าตักกว้าง ๑๘๓ เซนติเมตร สูง ๒๓๔ เซนติเมตร พระอุระกว้าง ๑๒๐ เซนติเมตร เนื้อเป็นทองสัมฤทธิ์  “หลวงพ่อโต” เป็นหนึ่งในตำนานพระสามพี่น้อง ที่เล่าขานสืบกันมาว่า มีพระพุทธรูป ๓ องค์พี่น้อง แสดงปาฏิหาริย์ลอยน้ำมาจากทางเหนือไปตามลำน้ำเจ้าพระยา ครั้งหนึ่งปรากฏว่าได้ลอยไปถึงจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้แสดงอภินิหารลอยทวนน้ำให้ผู้คนเห็น ชาวบ้านจึงได้ช่วยกันฉุดขึ้นจากน้ำ แต่ไม่สำเร็จ ในที่สุดพระพุทธรูปทั้ง ๓ องค์ก็ลอยทวนน้ำหายไป สถานที่แห่งนั้นจึงได้ชื่อว่า “สามพระทวน” ในปัจจุบันคือ แม่น้ำสัมปทวน อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา   ต่อมาพระพุทธรูปทั้ง ๓ องค์ ได้ลอยทวนน้ำในแม่น้ำบางปะกง มีชาวบ้านพยายามฉุดขึ้นก็ไม่สำเร็จ  สถานที่แห่งนั้นจึงได้ชื่อว่า “คลองบางพระ”  ครั้นต่อมาตำบลหนึ่งในกรุงเทพฯ ได้เห็นปาฏิหาริย์ของพระพุทธรูปทั้ง ๓ องค์ ประชาชนประมาณ ๓ แสนคน อาราธนาขึ้นก็ไม่สำเร็จ ตำบลนี้จึงได้ชื่อว่า “สามแสน” แต่ต่อมาได้เปลี่ยนเป็นตำบลสามเสน   

ภายหลังปรากฎว่าพระพุทธรูปองค์หนึ่ง ชาวบ้านแหลม จังหวัดสมุทรสงคราม ได้อาราธนาขึ้นประดิษฐานไว้ที่วัดบ้านแหลม  พระพุทธรูปองค์ที่สองประดิษฐานอยู่ที่วัดโสธรวรวิหาร จังหวัดฉะเชิงเทรา  ส่วนอีกองค์หนึ่ง ได้ลอยเข้ามาในคลองสำโรง ประชาชนคลองสำโรงได้อาราธนาขึ้นที่ปากคลอง แต่ไม่สำเร็จ จึงอาราธนาท่านผูกแพลอยมาตามลำคลอง อธิษฐานว่าหากท่านประสงค์จะขึ้นที่ใด ขอให้แสดงอภินิหารให้แพหยุด ครั้นแพลอยมาถึงบริเวณหน้าวัดพลับพลาชัยชนะสงคราม หรือวัดบางพลีใหญ่ แพก็หยุดนิ่ง  ประชาชนชาวบางพลีจึงได้ตั้งจิตอธิษฐานว่า ถ้าหลวงพ่อโปรดที่จะคุ้มครองชาวบางพลีให้ได้ความร่มเย็น ขออัญเชิญขึ้นจากน้ำได้โดยง่าย และอัญเชิญพระพุทธรูปขึ้นประดิษฐาน ณ วัดพลับพลาชัยชนะสงคราม ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

ทุกปี ในวันขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๑๑ ชาวบางพลีได้อัญเชิญหลวงพ่อโตจำลองลงเรือในพิธีโยนบัวหรือรับบัว  รวมทั้งรูปหล่อจำลองของพระพุทธรูปสำคัญจากทั่วประเทศ อาทิ หลวงพ่อโสธร หลวงพ่อวัดบ้านแหลม หลวงพ่อโตวัดป่าเลไลย์  นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมที่ทางวัดจัดขึ้น อาทิ สักการะหลวงพ่อโตองค์จำลองที่ชาวบางพลีอัญเชิญลงเรือในพิธีโยนบัวทุกวันขึ้น ๑๔ ค่ำเดือน ๑๑ หรือถวายสังฆทานในศาลาที่จัดเป็นรอบๆ ตั้งแต่เช้า และติดกับวัดยังมีตลาดริมน้ำโบราณที่มีอายุยาวนานกว่า ๑๔๐ ปี ที่ยังคงสภาพเดิมให้นักท่องเที่ยวได้เดินชมและเลือกซื้อซึ่งมีทั้งอาหารและของใช้ต่างๆ





ประวัติหลวงพ่อโต
ตามตำนานประวัติของหลวงพ่อโต ที่เล่าสืบต่อกันมาว่า มีพระพุทธรูป ๓ องค์ซึ่งชาวกรุงศรีอยุธยาได้อาราธนาลงสู่แม่น้ำเพื่อหลบลี้หนีภัยสงคราม  พระพุทธรูปทั้ง ๓ องค์ได้ล่องลอยมาตามลำน้ำและได้แสดงอภินิหารระหว่างทางจนเป็นที่โจษขานกันทั่วไป ประชาชนในท้องที่ตำบลต่างๆ ได้พยายามอาราธนาท่านขึ้นสู่ฝั่ง แต่ก็ไม่สำเร็จ จนในที่สุด พระพุทธรูปองค์หนึ่งได้ไปขึ้นประดิษฐานอยู่ที่ วัดบ้านแหลม จังหวัดสมุทรสงคราม ส่วนองค์ที่สองไปขึ้นประดิษฐานอยู่ที่วัดโสธร จังหวัดฉะเชิงเทรา และอีกองค์หนึ่งได้ล่องลอยเรื่อยมาตามลำแม่น้ำเจ้าพระยา และปาฏิหาริย์ลอยวกเข้ามาในลำคลองสำโรง ประชาชนจึงพร้อมกันอาราธนาท่านขึ้นที่ปากคลองสำโรง แต่ท่านก็ไม่ยอมขึ้น จึงได้ทำพิธีเสี่ยงทาย ต่อแพผูกชะลอกับองค์ท่าน แล้วใช้เรือพายฉุดท่านให้ลอยตามลำน้ำสำโรงและอธิษฐานว่า “หากท่านประสงค์จะขึ้นโปรดที่ใดก็ขอจงได้แสดงอภินิหารให้แพที่ลอยมาจงหยุด ณ ที่นั้นเถิด” จนแพลอยมาถึงบริเวณหน้าวัดพลับพลาชัยชนะสงคราม หรือวัดบางพลีใหญ่ใน ท่านจึงหยุดนิ่ง ชาวบ้านจึงได้พร้อมใจกันอาราธนาตั้งจิตอธิษฐานนำท่านขึ้นจากน้ำได้ในที่สุดและต่อมาได้สร้างพระอุโบสถสำหรับเป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อโตมาจนถึงปัจจุบัน


“พระสังกัจจายน์” แกะด้วยต้นพิกุล มีชื่อเสียงมากในทางโชคลาภ
ประดิษฐานไว้ที่ด้านหน้าวิหารหลังเล็กข้างพระอุโบสถ

นางไม้ต้นพิกุลกราบลาหลวงพ่อโต
ในขณะที่ก่อสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ ก็ได้รื้อวิหารหลังเก่าออกมาแล้วอาราธนาชะลอองค์หลวงพ่อมาพักอยู่ที่ศาลาชั่วคราว และได้ตัดต้นพิกุลหน้าวิหาร ซึ่งมีขนาดใหญ่ประมาณ ๓ คนโอบออกเสีย เพราะเห็นว่าใหญ่โตและเกะกะบริเวณที่จะสร้างพระอุโบสถใหม่ และในคืนวันหนึ่งตรงพื้นเบื้องหน้าห่างหลวงพ่อราว ๒ ศอกเศษ ได้ปรากฏว่ามีรอยมือ รอยเท้า แสดงท่าคุกเข่ากราบหลวงพ่อ รอยเท้าไม่ปรากฏตอนเข้ามา ปรากฏแต่รอยเท้าตอนเดินกลับเท่านั้น

รุ่งขึ้นเข้าจึงได้มีผู้คนแตกตื่นมาดูใหญ่ ท่านผู้ใหญ่บอกว่าเป็นรอยมือรอยเท้าของนางพิกุลที่มากราบลาหลวงพ่อ ซึ่งผู้ที่เฝ้าองค์หลวงพ่อที่ศาลานั้น ได้กล่าวว่าตนเองได้กลิ่นหอมของดอกพิกุลมาก จึงผงกศีรษะขึ้นดูอย่างงัวเงีย จึงได้เห็นผู้หญิงสาวสวยผมยาวจรดบั้นเอว นุ่งผ้าห่มสไบคล้ายกลีบดอกจำปามาร่ำไห้กราบลาหลวงพ่อ เมื่อกราบลาหลวงพ่อแล้วจึงเดินร่ำไห้ลงบันไดไป และแสดงอภินิหารฝากรอยมือรอยเท้าให้ปรากฏไว้ให้เห็น

ต้นพิกุลนี้หลังจากที่ได้ตัดแล้ว ต่อมาภายหลังจึงได้แกะสลักเป็นรูป “พระสังกัจจายน์” ประดิษฐานไว้ที่ด้านหน้าวิหารหลังเล็กข้างพระอุโบสถ  พระสังกัจจายน์ที่แกะด้วยต้นพิกุลมีชื่อเสียงมากในทางโชคลาภ มีผู้มาขอโชคกันบ่อยๆ จนเป็นที่เคารพนับถือของประชนทั่วไปอีกองค์หนึ่ง




วัดบางพลีใหญ่ใน อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ มีประเพณีรับบัว ที่จัดกันสืบทอดกันมาแต่โบราณ และมีเพียงแห่งเดียวในโลก

ประวัติความเป็นมาของประเพณีรับบัว
ที่มาข้อมูล : สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดสมุทรปราการ

ประเพณีรับบัวเป็นประเพณีเก่าแก่สิบทอดกันมาแต่โบราณ ของชาวอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ โดยจัดงานทุกวันขึ้น ๑๔ค่ำ เดือน ๑๑ ของทุกปี โดยในสมัยก่อน อำเภอบางพลี มีประชาชนอาศัยอยู่แบ่งเป็น ๓ กลุ่ม คือ คนไทย คนลาว และคนรามัญ (ชาวมอญพระประแดง) ทุกกลุ่มชนต่างทำมาหากินและอยู่ร่วมกันอย่างอบอุ่นเสมือนญาติมิตร          

ประเพณีรับบัว เกิดขึ้นเพราะความมีน้ำใจที่ดีต่อกันระหว่างคนในท้องถื่นกับคนมอญพระประแดงซึ่งทำนาอยู่ที่ตำบลบางแก้ว ในช่วงออกพรรรษาจะกลับไปทำบุญที่อำเภอพระประแดง ได้เก็บดอกบัวเพื่อบูชาพระหรือถวายแด่พระสงฆ์และฝากเพื่อนบ้าน ในปีต่อมา ชาวอำเภอเมือง และชาวอำเภอพระประแดง ต่างพร้อมใจกันพายเรือมาเก็บดอกบัวที่อำเภอบางพลีและถือเป็นโอกาสอันดีในการนมัสการองค์หลวงพ่อโต อีกทั้งระยะทางระหว่างที่อำเภอพระประแดงกับอำเภอบางพลีไกลกันมาก เพื่อให้เกิดความสนุกสนานเพลิดเพลินเรือแต่ละลำจะร้องรำทำเพลงมาตลอดเส้นทาง

สำหรับการแห่หลวงพ่อโตทางน้ำในประเพณีรับบัวที่เห็นกันอยู่ทุกวันนี้ สืบเนื่องจาก พ.ศ.๒๔๗๖ นางจั่นกับพวกชาวบางพลี ได้ร่วมสร้างองค์ปฐมเจดีย์ ณ วัดบางพลีใหญ่ในและจัดงานเฉลิมฉลองโดยแห่ผ้าห่มองค์พระปฐมเจดีย์ และวิวัฒนการมาเป็นแห่องค์หลวงพ่อโตจำลองอัญเชิญไปตามลำคลองสำโรง เพื่อให้ประชาชนได้นมัสการ ดอกไม้ที่ใช้นมัสการคือ ดอกบัว
























Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19 ธันวาคม 2564 16:06:09 โดย Kimleng » บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
หัวข้อ เริ่มโดย ตอบ อ่าน กระทู้ล่าสุด
ดูนกนางนวลอพยพ ที่บางปู สมุทรปราการ
สุขใจ ไปเที่ยว
Kimleng 0 7041 กระทู้ล่าสุด 02 ธันวาคม 2556 10:21:39
โดย Kimleng
ประวัติท่านพ่อลี ธมมฺธโร วัดอโศการาม จ.สมุทรปราการ
พุทธประวัติ - ประวัติพระสาวก
Kimleng 0 2757 กระทู้ล่าสุด 24 มีนาคม 2559 13:40:25
โดย Kimleng
พระราชเสนาบดี (จรัล สิริธัมโม) วัดบางพลีใหญ่ใน อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ
ประวัติพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ในยุคปัจจุบัน
ใบบุญ 0 880 กระทู้ล่าสุด 15 กันยายน 2562 16:52:51
โดย ใบบุญ
[ข่าวด่วน] - กทพ.ปิดและเบี่ยงจราจรหลังด่านฯ บางครุ 2 ทิศทางสุขสวัสดิ์-บางพลี 16 ก.ย.- 3 ต.ค.
สุขใจ ร้านน้ำชา
สุขใจ ข่าวสด 0 337 กระทู้ล่าสุด 15 กันยายน 2565 01:24:55
โดย สุขใจ ข่าวสด
[ข่าวด่วน] - ครม.ยกเว้นค่าทางด่วนทางพิเศษบูรพาวิถีและกาญจนาภิเษก (บางพลี-สุขสวัสดิ์) ช่วงสงก
สุขใจ ร้านน้ำชา
สุขใจ ข่าวสด 0 246 กระทู้ล่าสุด 05 เมษายน 2566 03:29:59
โดย สุขใจ ข่าวสด
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.367 วินาที กับ 33 คำสั่ง

Google visited last this page 16 พฤศจิกายน 2567 09:31:39