[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
22 ธันวาคม 2567 19:40:07 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สุขาวดีอเวจี: จากความฝันที่จะมีชีวิตนิรันดร์สู่เรื่องราว ‘ยาอายุวัฒนะ’  (อ่าน 353 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
มดเอ๊ก
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +8/-1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 5162


ระบบปฏิบัติการ:
Linux Linux
เวบเบราเซอร์:
Chrome 104.0.0.0 Chrome 104.0.0.0


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 03 มกราคม 2567 21:01:47 »

สุขาวดีอเวจี: จากความฝันที่จะมีชีวิตนิรันดร์สู่เรื่องราว ‘ยาอายุวัฒนะ’



สุขาวดีอเวจี จากยาอายุวัฒนะบนเกาะของจิ๋นซี ถึงศิลานักปราชญ์ของนิวตัน

ช่วงนี้นอกจากดาบพิฆาตอสูรแล้ว ในวงการอนิเมะยังมีเรื่อง ‘สุขาวดีอเวจี’ ที่กำลังทยอยฉายออกรายสัปดาห์ในวันใกล้ๆ กัน โดยตัวเรื่องสุขาวดีอเวจีหรือ Jigokuraku ว่าด้วยการเดินทางตามหา ‘ยาอายุวัฒนะ’ ตามคำสั่งของโชกุน ดินแดนของยาอายุวัฒนะนั้นอยู่บนเกาะที่วาดตามความเชื่อว่าเป็นดินแดนสุขาวดีหรือสรวงสวรรค์ แต่บนเกาะที่เป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์และอาจมียาที่ทำให้ไม่เจ็บไม่ตายนั้นอาจเป็นนรกบนดินก็ว่าได้

สุขาวดีอเวจี มีประเด็นเรื่องที่น่าสนใจหลายแง่ นอกจากการสร้างตัวละครที่น่าสนใจเช่นความสัมพันธ์ระหว่างนักบั่นเศียรกับเหล่าอาชญากรที่เทพเกินมนุษย์แล้ว การกลับไปเล่นกับแนวคิดของมนุษย์ที่ที่อยู่ในเรามาอย่างเนิ่นนานทั้งดินแดนอุดมคติ พื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์และสุขสงบ ซึ่งเป็นสิ่งที่มนุษย์เราใฝ่ฝันไว้จากอดีตมาจนถึงแนวคิดเรื่องอุตมรัฐ (Utopia) ในปัจจุบัน รวมถึงการพูดถึงวัตถุพิเศษคือยาอายุวัฒนะ สิ่งที่กินเข้าไปแล้วจะทำให้มนุษย์ไม่เป็นมนุษย์อีกต่อไป กลายเป็นอมตะเอาชนะความเจ็บ ความชรา และความตายได้

ยาอายุวัฒนะ จึงเป็นหนึ่งในความหมกมุ่นและความใฝ่ฝันของมนุษย์ในแทบจะทุกวัฒนธรรม ทั้งนี้ประเด็นเรื่องของสุขาวดีอเวจีคือการที่โชกุนสั่งให้นำตัวนักโทษไปค้นหายาอายุวัฒนะ ก็ล้อกับเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ที่สัมพันธ์กับตำนานรากเหง้าของประเทศจีน คือจิ๋นซีฮ่องเต้เองก็มีตำนานเล่าว่าเคยให้ออกไปหาเกาะที่มีเซียนและยาอายุวัฒนะอยู่ แนวคิดเรื่องยาอายุวัฒนะนี้แม้แต่ภายหลัง ชื่อสำคัญเช่นศิลานักปราชญ์ ก็มีความเกี่ยวข้องกับการสร้างยาอายุวัฒนะ นักวิทยาศาสตร์เช่น ไอแซก นิวตัน (Isaac Newton) เองก็มีความสนใจ โดยพบบันทึกส่วนผสมของศิลานักปราชญ์ของนิวตันเองด้วย



ภูเขาสามลูกกลางทะเล เซียน และยาอายุวัฒนะ

แนวคิดเรื่องยาอายุวัฒนะเป็นวัตถุหรือความคิดที่พบได้เกือบทุกที่ ในมหากาพย์กิลกาเมชของอารยธรรมเมโสโปเตเมียก็เล่าถึงการเสาะหายาวิเศษที่ทำให้ กิลกาเมช เป็นอมตะ เนื่องจากกิชกาเมชกลัวว่าความชราและความตายจะพรากตนออกจากคนรักไป ในตำนานกรีกก็พูดถึงอาหารทิพย์ที่เทพแห่งโอลิมปัสกิน อาหารที่เมื่อมนุษย์ได้บริโภคเข้าไปก็จะกลายเป็นทวยเทพ และทิ้งสถานะมนุษย์ (Mortal) กลายไปสู่เทพผู้ไม่มีวันตาย

ในเรื่องเล่าของยาอายุวัฒนะ จีนเป็นดินแดนที่จริงจังกับการค้นหายาอายุวัฒนะอย่างจริงจังมากที่สุดวัฒนธรรมหนึ่ง แน่นอนว่าฮ่องเต้จีนในฐานะโอรสสวรรค์และผู้ปกครองดินแดนอันไพศาล สิ่งเดียวที่ฉุดรั้งฮ่องเต้ไว้คือความเป็นมนุษย์ ซึ่งหมายถึงความแก่และความตาย

ตามตำนานจีน ยาอายุวัฒนะเป็นสิ่งที่เรามองเห็นทุกครั้งที่มนุษย์เงยหน้ามองฟ้า มองดวงจันทร์ ความเชื่อจีนเชื่อว่าบนดวงจันทร์เป็นที่อยู่ของกระต่าย กระต่ายที่กำลังตำข้าวนี้เชื่อว่าเป็นผู้รับใช้เซียนและเป็นผู้ช่วยของเทวีฉางเอ๋อ เทวีแห่งดวงจันทร์ พวกมันมีหน้าที่ปรุงยาอายุวัฒนะ ในระดับความหมาย ยาอายุวัฒนะจึงเป็นสิ่งที่เราใฝ่ฝันเมื่อเงยหน้ามองฟ้า

สำหรับฮ่องเต้จีน การแสวงหารวมถึงการปรุงและเสวยสิ่งที่เชื่อว่าเป็นยาอายุวัฒนะ เป็นสิ่งที่ค้นหาและปรุงถวายกันอย่างจริงจัง และแน่นอนว่ายุคสมัยที่รุ่งเรืองและมั่นคงที่สุดคือยุคของจิ๋นซีฮ่องเต้ ในสมัยนั้นเองที่มีตำนานและมีบันทึกพูดถึงว่าฮ่องเต้ได้รับสั่งให้ออกเรือเพื่อค้นหาเกาะวิเศษสามเกาะที่เชื่อว่ามีเซียนอาศัยอยู่บนเกาะนั้น เซียนนั้นครอบครองและปรุงยาวิเศษที่เสวยแล้วจะเข้าสู่ลักษณะความเป็นเซียนคือเอาชนะความเจ็บและความตายได้

ตรงนี้เองที่ดูเหมือนว่าสุขาวดีอเวจีจะนำตำนานเรื่องเล่าของจีนมาเล่นซ้ำเพื่อเริ่มภารกิจค้นหายาอายุวัฒนะ เรื่องเล่าเรื่องจิ๋นซีฮ่องเต้รับสั่งให้ออกหายาอายุวัฒนะ เป็นทั้งตำนานและมีหลักฐานที่ค่อนข้างกระจัดกระจาย แต่ภายหลังมีรายงานพบบันทึกว่าทรงเชื่อและค้นหายาอายุวัฒนะจริง

โดยทั่วไป การหายาอายุวัฒนะของจิ๋นซีฮ่องเต้จะว่าด้วยการเข้ามาของนักบวชลัทธิเต๋า ความเชื่อเรื่องเซียนคือทรงเชื่อว่ามีเซียนอยู่และพยายามตามหาเซียนนั้น ในบันทึกประวัติศาสตร์ของ ซือหม่าเชียน (司馬遷) บันทึกเรื่องราวของจิ๋นซีและเรื่องราวสำคัญในรัชสมัยนั้น ก็มีการเล่าถึงเหตุการณ์ตามหายาอายุวัฒนะด้วยโดยบันทึกไว้ในปีที่ 28 หลังการสถาปนา

ในปีนั้น บันทึกระบุการถวายฎีกาเกี่ยวกับภูเขาศักดิ์สิทธิ์สามลูกชื่อว่า เผิงไหล ฟางจ้าง และอิ๋งโจว เป็นที่ประทับของเซียน ขอให้ฮ่องเต้ถือศีลและนำเด็กชายเด็กหญิงไปขอพบ ในการนั้นจิ๋นซีฮ่องเต้จึงคัดเลือกเด็กชายเด็กหญิงหลายพันคนเพื่อเดินทางออกทะเลไปเสาะหาเซียน ตรงนี้มีประเด็นทั้งที่ว่าจิ๋นซีฮ่องเต้มีการเสด็จประพาสเมืองชายทะเลบ่อยครั้ง ส่วนหนึ่งคือการเชื่อคำของนักพรตเต๋าว่ายานั้นอยู่ในทะเล ระหว่างทางก็มีอุปสรรคไม่ว่าจะเป็นปลายักษ์หรือภูติผีก็สุดแท้แต่นักพรตจะสมอ้าง

ในเกาะเผิงไหล รวมถึงการตามหายาอายุวัฒนะมีความสัมพันธ์ต่อเนื่องกับตำนานและการเกิดขึ้นของอาณาจักรญี่ปุ่น ในเรื่องเล่ามีการเล่าถึงการเดินเรือ 2 ครั้งเพื่อตามหาภูเขาในตำนาน ในตำนานเล่าว่าเดินทางไปครั้งแรกไม่เจอ พอไปครั้งที่ 2 พร้อมชายหนุ่มและหญิงพรมจรรย์ 2 พันคน เป็นคำสั่งของจิ๋นซีและกลายเป็นว่าเรือได้ค้นพบเกาะญี่ปุ่น และเชื่อว่าภูเขาไฟฟูจิก็คือเขาแห่งเซียน กลุ่มนักค้นหาแดนสวรรค์แรกจึงตั้งรกรากและสืบเชื้อสายเป็นชาวอาทิตย์อุทัยในเวลาต่อมา

ตรงนี้เองที่มีความเชื่อมโยงต่อกันทั้งตำนานจีนและญี่ปุ่น โดยตำนานของญี่ปุ่นเป็นเรื่องเดียวกันกับที่สุขาวดีอเวจีนำมาใช้ คือเชื่อว่าเกาะและเขาสุขาวดีเป็นดินแดนเฉพาะ ทว่าตำนานของญี่ปุ่นก็ปฏิเสธบางความเชื่อของจีน เช่นยังเชื่อว่าเป็นที่ๆ เจ็บได้ ตายได้ เศร้าหมองได้ แต่ในที่นั้นมีผลไม้วิเศษที่รักษาโรคและมอบชีวิตนิรันตร์ให้ผู้ที่กินเข้าไปได้

ย้อนกลับไปที่จีนภายหลังในปี 2002 มีการค้นพบม้วนบันทึกโบราณที่เมืองหูหนาน ในบันทึกพูดถึงการออกราชโองการค้นหายาอายุวัฒนะ มีบันทึกกราบทูลจากเมืองน้อยใหญ่ที่ล้มเหลวในการค้นหายาหรือพืชวิเศษต่างๆ สำหรับฮ่องเต้จีนมีบันทึกเสวยยาอายุวัฒนะในช่วงที่การแพทย์ยังไม่เจริญ สสารที่เชื่อว่าทำให้อายุยืนขึ้นแท้จริงอาจบั่นทอนสุขภาพ เช่น มีการปรุงยาที่มีส่วนประกอบของตะกั่ว โลหะ หยก ไปจนถึงวัตถุดิบแปลกประหลาดต่างๆ ที่อาจส่งผลตรงกันข้ามต่อสุขภาพ



ยาอายุวัฒนะ และศิลานักปราชญ์ของไอแซก นิวตัน

ความคิดเรื่องยาอายุวัฒนะที่หมายถึงสสารในตำนาน แง่หนึ่งก็ค่อยๆ เสื่อมความสนใจ กลายสถานะเป็นตำนานและเรื่องเล่า นอกจากการตามหายาอายุวัฒนะ สสาร และสรรพสัตว์ในตำนานในพื้นที่ต่างๆ แล้ว ในโลกนี้ยังมีความเชื่อเรื่องการเล่นแร่แปรธาตุซึ่งก็ค่อนข้างสัมพันธ์กับรากฐานวัฒนธรรมในหลายพื้นที่ แต่ในระยะหลังคือยุคกลาง การเล่นแร่แปรธาตุที่เฟื่องฟูขึ้นในยุคกลางของยุโรป และนับเป็นรากเหง้าหนึ่งของวิทยาศาสตร์และปรัชญาที่สัมพันธ์กับธรรมชาติ และการเป็นรากฐานของวิทยาศาสตร์เช่นการทดลองและแขนงวิชาเคมี

เบื้องต้นที่สุด การเล่นแร่แปรธาตุว่าด้วยความสัมพันธ์ของสรรพสิ่งและการทำให้ธาตุหนึ่งๆ บริสุทธิ์ มีเป้าหมายสำคัญเป็นวัตถุในตำนานที่เรียกว่า ‘ศิลานักปราชญ์’ ศิลานี้อาจจะเป็นอะไรก็ได้ เป็นแร่ธาตุหรือเป็นกระบวนการในตำนานที่มีอำนาจในการแปรธาตุ หลักๆ แล้วคือเปลี่ยนโลหะกลายเป็นทองคำ ชื่อของศิลานักปราชญ์ค่อนข้างสะท้อนการอธิบายตำนานต่างๆ ด้วยสารบบเดียวกัน เช่น ศิลาแห่งปัญญา ผลไม้ต้องห้าม (The Forbidden Fruit) หรือยาครอบจักรวาล (Universal Medicine) ในสิ่งที่นักเล่นแร่ธาตุค้นหา นอกจากจะเป็นการเปลี่ยนโลหะใดใดเป็นทองคำแล้ว อำนาจของศิลานักปราชญ์คือการให้ชีวิตนิรันดร์ โดยสามารถสร้างยาอายุวัฒนะได้เช่นกัน

ต้องเข้าใจก่อนว่าในช่วงปลายยุคกลางเชื่อมต่อกับยุคสมัยใหม่ การเล่นแร่แปรธาตุนับเป็นศาสตร์อย่างหนึ่ง นักวิทยาศาสตร์และความรู้สมัยใหม่ในยุครอยต่อ หลายครั้งสัมพันธ์คาบเกี่ยวกับศาสตร์และปรัชญาโบราณ นักคิดเช่น นิวตันเองก็มีความสนใจคาบเกี่ยวระหว่างวิทยาศาสตร์สมัยใหม่กับการเล่นแร่แปรธาตุ

ศิลานักปราชญ์ของนิวตัน เป็นหนึ่งในหลักฐานความสนใจของยุคสมัยในแร่ธาตุและความคิดแบบวิทยาศาสตร์ ต่อการสกัดและหาความเชื่อมโยงของสสาร ไปจนถึงการสร้างสสารในตำนาน ตัวหลักฐานคือการค้นพบบันทึกวัตถุดิบและการสร้างศิลานักปราชญ์ที่เขียนด้วยลายมือของนิวตันเอง ตัวบันทึกมีประเด็นหรือชื่อที่ยาวเหยียด โดยพูดถึงการเตรียม ‘Sophick Mercury’ ในที่นี้หมายถึงแร่นักปราชญ์ แร่สำคัญที่จะเป็นหัวใจในการทำศิลานักปราชญ์ต่อไป ตัวเอกสารที่ค้นพบนิวตันเขียนชื่อเรื่องว่า Preparation of the [Sophick] Mercury for the [Philosophers’] Stone

เจ้าแร่ปราชญ์นั้นเป็นแร่พิเศษที่เชื่อว่าเป็นแร่สำคัญที่จะทำหน้าที่แยกองค์ประกอบของโลหะหรือสสาร และเชื่อว่าเมื่อแยกองค์ประกอบย่อยออกจากกันได้แล้ว นักเล่นแร่แปรธาตุก็จะประกอบองค์ประกอบเหล่านั้นขึ้นใหม่เป็นแร่ประเภทอื่นได้ (ซึ่งก็น่าจะหมายถึงทองคำ แร่มีค่าที่อาจจะแตกจากตะกั่วและเปลี่ยนเป็นทองได้) บันทึกหรือสูตรการสร้างแร่นักปราชญ์เป็นสูตรที่นิวตันไปคัดลอกจาก Eirenaeus Philalethes นักเล่นแร่แปรธาตุที่ตอนหลังพบว่าเป็นนามแฝงของ จอร์จ สตาร์กีย์ (George Starkey) นักวิทยาศาสตร์ที่มีผลงานเผยแพร่อย่างเป็นทางการกลุ่มแรกของอเมริกาในศตวรรษที่ 17

สำหรับสูตรศิลานักปราชญ์ที่นิวตันคัดลอกไว้ค่อนข้างเหมือนกับสูตรของต้นฉบับ ตัวสูตรจะว่าด้วยการกลั่นและหลอมธาตุปรอท หรือ Mecury หนึ่งในกระบวนการที่น่าสนใจของการสร้างศิลานักปราชญ์หรือการแปรธาตุ คือกระบวนการเกิดพฤกษาแห่งชีวิต (Tree of Life) ซึ่งการที่แร่นั้นๆ แตกกิ่งก้านเหมือนกับต้นไม้ ตรงนี้เป็นความน่าตื่นตาตื่นใจคือโลหะในกระบวนการในห้องทดลองได้สร้างลักษณะที่คล้ายชีวิตขึ้นคือการแตกกิ่งก้านออก อย่างไรก็ตามกระบวนการแปรธาตุนั้นมีศาสตร์เฉพาะ ชื่อของสิ่งต่างๆ สัมพันธ์กับตำนานและความเปรียบ เช่น การทำแร่ให้มีลักษณะเป็นพิราบของไดอาน่า หรือการสกัดกลั่นสารที่ผสมมังกรเพลิงเข้ากับธาตุอื่นๆ




สำหรับนิวตัน ความสนใจเรื่องการสร้างศิลานักปราชญ์และการเล่นแร่แปรธาตุ ไม่มีหลักฐานว่านิวตันได้ลงมือสร้างศิลานักปราชญ์จริงไหม แต่บันทึกของนิวตันทำให้เห็นความสนใจและอิทธิพลของความคิด การสังเกตธรรมชาติ ตรงนี้เองนำไปสู่บางมุมมอง เช่นการแยกแสงสีขาวออกเป็นเฉดสีของนิวตันก็ คล้ายกับการแยกองค์ประกอบที่มองไม่เห็นของแสงนั้นๆ อิทธิพลของการเล่นแร่แปรธาตุอาจสัมพันธ์กับการสังเกตธรรมชาติ การสร้างอุปกรณ์เพื่อสังเกตสิ่งรอบๆ ตัวอย่างถี่ถ้วน

ในแง่ความฝันของมนุษย์ที่มีต่อความเป็นอุดมคติและการก้าวพ้นความเป็นมนุษย์ การไม่แก่ไม่ตายและความเป็นอมตะเป็นสิ่งที่มนุษย์เรานึกถึงอยู่เสมอ ระยะหลัง การเอาชนะความแก่และความตายรวมถึงโรคภัยอาจมาในรูปแบบของนวัตกรรมทางการแพทย์ ในข้อเขียนของแพทย์ในปี 1889 เองก็ยังใช้อุปมาของยาอายุวัฒนะในการค้นหาปลายทางชีวิตที่ดีของมนุษย์ต่อไป

 


ทว่าในแง่ของจินตนาการ ความฝันที่ดูจะเป็นความฝันต้องห้ามที่เป็นไปไม่ได้ อย่างชีวิตอมตะหรือดินแดนสุขาวดี สุดท้าย มักไม่ค่อยนำพาไปสู่ปลายทางที่ดีงามหรือจุดจบที่งดงามเท่าไร การได้ชีวิตอมตะของมนุษย์ในนิยายไซไฟ ดินแดนอุดมสมบูรณ์ที่กลายเป็นพื้นที่แห่งความบ้าคลั่งและการควบคุม โลกยูโทเปียกลายเป็นดิสโทเปีย สุขาวดีกลายเป็นพื้นที่ปีศาจ ความฝันที่จะมีชีวิตนิรันดร์ ความตายอาจกลายเป็นยอดปรารถนาของความปกติสุข

จาก https://thematter.co/entertainment/hells-paradise-elixir/202622#google_vignette



<a href="https://www.youtube.com/v//5CZf73IymgU" target="_blank">https://www.youtube.com/v//5CZf73IymgU</a>  
https://youtu.be/5CZf73IymgU?si=kOiGiYejXfE6CmPl

<a href="https://www.youtube.com/v//zPZjqy0gopI" target="_blank">https://www.youtube.com/v//zPZjqy0gopI</a>  
https://youtu.be/zPZjqy0gopI?si=cc_w7MxdHolQfXGA

<a href="https://www.youtube.com/v//KN8hGm9JiMU" target="_blank">https://www.youtube.com/v//KN8hGm9JiMU</a>  
https://youtu.be/KN8hGm9JiMU?si=CxmIHeNq0uVFEAED

Link สำรอง http://www.tairomdham.net/index.php/topic,16242.0.html

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03 มกราคม 2567 21:05:15 โดย มดเอ๊ก » บันทึกการเข้า

ทิ นัง มิไฮ นัง มิจะนัง ทิกุนัง แปลว่า
ที่นั่ง มีให้นั่ง มึงจะนั่ง ที่กูนั่ง ทิ้งไว้เป็น
ปริศนาธรรม นะตะเอง
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.659 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 06 พฤศจิกายน 2567 05:32:52