[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
22 ธันวาคม 2567 18:31:04 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ภาพ พุทธประวัติสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  (อ่าน 1795 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออนไลน์ ออนไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5800


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows NT 10.0 Windows NT 10.0
เวบเบราเซอร์:
Chrome 109.0.0.0 Chrome 109.0.0.0


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 09 ตุลาคม 2566 15:12:55 »

.



ภาพ พุทธประวัติสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า


          ภาพที่ ๑


ภาพและข้อความเรื่อง พระราชประวัติแห่งพระมหาบุรุษนี้ ได้จัดทำตามต้นฉบับแบบภาษาไทย
ของเจ้าศักดิ์ประเสริฐ นครจำปาศักดิ์ ซึ่งแปลจากเรื่องฉบับภาษาฝรั่งเศส ต้นเดิมของเรื่องนี้เป็นภาษาอังกฤษ
ชื่อ The Light of Asia ซึ่งเซอร์ เอดวิน อาโนลด์ เป็นผู้แต่ง เป็นเรื่องราวของพระมหาบุรุษ
ผู้มาบังเกิดเพื่อประทานแสงสว่างให้แก่โลก ณ ดินแดนทิศใต้ของขุนเขาหิมพานต์ คือ กรุงกบิลพัสดุ์




          ภาพที่ ๒

ในคืนหนึ่ง บังเกิดสิ่งมหัศจรรย์ แสงจันทร์มีรัศมีแจ่มจ้าสว่างไปครึ่งหนึ่งของพิภพ ขุนเขาทั้งหลายเสมือนจะเขยื้อนตัวหวั่นไหว
น้ำทะเลสงบ บันดาลดอกไม้ทั้งหลายเบ่งบานสะพรั่งในเวลาอันไม่ใช่ฤดู    ในราตรีนั้น พระนางสิริมหามายา บรรทมหลับสนิท
อยู่เคียงข้างพระสวามี คือ พระเจ้าสุทโธทนะ




          ภาพที่ ๓


พระนางได้ทรงพระสุบินไปว่า มีดาวดวงหนึ่งสุกปลั่งยิ่งดาวทั้งหลาย  ดาวนั้นเปล่งรัศมีสีต่างๆ เป็นหกแฉก และปรากฏ
ร่างกุญชรในดวงดาวนั้น กุญชรนั้นมีงาหกงา งานั้นสีขาวดุจนมของโควิเศษ กุญชรนั้นเคลื่อนลงจากเวหามายังห้องบรรทม  
ในที่สุดได้ทำกิริยาเข้าสู่พระครรภ์เบื้องขวาแห่งพระนาง




          ภาพที่ ๔


เมื่อพระนางบรรทมตื่น ก็รู้สึกอิ่มเอมพระทัยเป็นล้นพ้น พระนางได้เล่าความฝันให้พระราชสวามีฟังโดยถี่ถ้วน  พระเจ้า
สุทโธทนะทรงอัศจรรย์พระทัยยิ่งนัก จึงโปรดให้ชุมนุมพระโหรา ผู้ทรงคุณวุฒิในศาสตร์ตรวจดูฤกษ์ยาม และลักษณะ
ที่พระนางทรงพระสุบินโดยทุกประการ




          ภาพที่ ๕

โหราจารย์เหล่านั้นทูลทำนายไว้เป็นสองสถาน ว่าพระนางทรงพระสุบินดังนี้ จะได้พระราชกุมารที่ล้ำเลิศมนุษย์ จะเป็น
ผู้ทรงญาณ ทรงธรรมเมตตาแก่มนุษย์ทั่วไป จะเป็นพระศาสดาสอนมนุษย์ให้พ้นกองทุกข์ อีกสถานหนึ่งจะเป็นกษัตริย์
แห่งกษัตริย์ เป็นจักรพรรดิครอบครองโลกทั้งมวล หากพระองค์ทรงพระประสงค์ดังนั้น




          ภาพที่ ๖

ต่อมาพระนางสิริมหามายาก็ตั้งพระครรภ์ ครั้นจวนพระประสูติ ได้ขอประทานอนุญาตต่อพระเจ้าสุทโธทนะ ไปประสูติที่
กรุงเทวทหะ อันเป็นนครที่กำเนิดแห่งพระนาง ดังนี้เป็นจารีตแห่งกษัตริย์ในอินเดีย พระเจ้าสุทโธทนะก็ทรงอนุญาตให้
เป็นไปตามประเพณี




          ภาพที่ ๗

ทางที่จะไปยังเทวทหนครนั้น ผ่านไปทางสวนแกมป่าแห่งหนึ่ง มีชื่อว่า “ลุมพินี” สวนนี้เป็นย่านกลางระหว่างนครกบิลพัสดุ์
กับเทวทหะ ในการเสด็จของพระนางสิริมหามายาคราวนี้ บังเกิดสิ่งอัศจรรย์ กล่าวคือบรรดาพฤกษชาติในป่าลุมพินี ได้ผลิ-
ดอกออกสะพรั่งอันใช่ฤดู เสมือนวิญญาณชื่นชมยินดี ด้วยรู้ว่าพระมหาบุรุษจะมาประสูติ ณ ที่นั้น




          ภาพที่ ๘

เมื่อขบวนแห่แหนของพระนางสิริมหามายาผ่านมาถึง พระนางรู้สึกว่าสวนลุมพินีช่างร่มเย็น งดงามไปด้วยดอกดวงพฤกษชาติ
จึงได้ให้หยุดขบวนพัก  ณ ที่นั้น พระนางเสด็จประทับพักผ่อนที่ใต้ต้นสาละ และบัดนั้น พระนางก็รู้สึกประชวรพระครรภ์ เหล่า
บรรดานางข้าหลวงได้เข้าช่วยประคับประคอง




          ภาพที่ ๙

พระนางก็ได้ประสูติพระมหาบุรุษ ณ ควงต้นสาละนั้น และเวลานั้น ดินฟ้าอากาศดูประหนึ่งว่า ปวงเทพเจ้าได้มาประชุมอยู่  
แต่มนุษย์ก็หาแลเห็นไม่  สิ่งมหัศจรรย์อันนี้ปรากฏในพระพุทธประวัติ เราผู้มีชีวิตภายหลังนับจำนวน ๒,๕๐๐ ปีเศษ ก็ควร
จะนึกว่า สิ่งมหัศจรรย์ในโลกย่อมปรากฏได้ เมื่อเกิดอัจฉริยบุคคลขึ้นในโลก




          ภาพที่ ๑๐

เมื่อข่าวนี้ทราบไปถึงพระเจ้าสุทโธทนะ ก็โปรดให้จัดขบวนมารับพระนางและพระราชกุมารกลับคืนสู่พระมหาราชวัง
ในกาลครั้งนั้นก็บังเกิดสิ่งอัศจรรย์อีก คือดูเสมือนจะมีพลแห่แหนมากมาย พรั่งพร้อมด้วยเทพดาทั่วทิศานุทิศมาแวดล้อม
มาส่งพระกุมารถึงพระนคร




          ภาพที่ ๑๑

บรรดาโหราจารย์ผู้ใหญ่ได้พร้อมกันทำนายอีกว่า พระกุมารองค์นี้มีบุญญาธิการยิ่งนัก จะได้เป็นใหญ่ในโลก จะถึงสมบัติ
จักรพรรดิ   พระเจ้าสุทโธทนะก็ดีพระทัยยิ่งนัก ทรงมุ่งหวังให้พระราชโอรสได้เป็นจักรพรรดิครอบครองโลก ได้โปรดให้
จัดการสมโภชเป็นมหกรรมมโหฬาร




          ภาพที่ ๑๒

นครกบิลพัสดุ์ครึกครื้นด้วยเสียงแตรสังข์ดุริยางค์ ถนนหนทางติดธงทิว ประชาราษฎร์ต่างร้องรำทำเพลงด้วยความชื่นชมยินดี
ทั่วหน้า มีการสาดพรมกันด้วยน้ำอบเชื้อดอกไม้กลิ่นหอม นักร้องนักรำก็ขับร้องร่ายรำ สนุกสนานกันทั่วพระนคร ยิ่งกว่าครั้งใด
ที่เคยมีมา




          ภาพที่ ๑๓

ในการสมโภชพระกุมารครั้งนี้ ดูราวกับว่านักแสดงทั่วทิศานุทิศได้มาประชันกันในกรุงกบิลพัสดุ์  นักหกคะเมนตีลังกาเอย
ไม้สูงเอย ห้อยโหนโยนตัวเอย แล้วก็ไต่ลวดเลี้ยงตัว มีนานาสารพัดอย่าง ใครชอบอะไรก็เลือกดูได้ตามใจชอบ พระนคร
สนุกคึกคัก ประชาราษฎรร่าเริงกันทั่วหน้า



]
          ภาพที่ ๑๔

แล้วก็ยังมีพวกแสดงกับสัตว์  พวกเล่นงู  พวกเล่นสิงโต  ก็พาสัตว์เหล่านั้นมาแสดงให้ดูอย่างน่าหวาดเสียว    ยังมีพวก
นักมวยปล้ำรูปร่างราวกับยักษ์ ต่อสู้กันอย่างไม่คิดชีวิตชีวา นับเป็นที่เพลิดเพลินนัยน์ตา อะไรที่คนยังไม่เคยชม ก็ได้ชม
ในการสมโภชครั้งนี้ นับว่าเป็นบุญญาธิการประการหนึ่งของพระราชกุมาร




          ภาพที่ ๑๕

บรรดาพ่อค้าวาณิชทั้งใกล้และไกล ก็นำเอาพัสดุสินค้าอย่างดีในท้องถิ่นของตนมา มีแพรพรรณ ขนแกะ พรมเจียม
เครื่องทองรูปพรรณ เพชรนิลจินดา ของอันมีค่าเหล่านี้เขานำมาถวายเป็นของขวัญแด่พระราชกุมาร ไม่เคยมีของขวัญ
ครั้งใดจะมากมายเสมอคราวนี้




          ภาพที่ ๑๖

ครั้งนั้น มีดาบสรูปหนึ่ง ชื่อ "อสิตะ" ท่านบำเพ็ญพรตอยู่ในป่าอันสงัดห่างไกลผู้คน เพื่อทำใจให้แน่วแน่จนมีญานแก่กล้า
ท่านได้ทราบโดยญานว่า บัดนี้มีพระราชกุมารอุบัติ ณ กรุงกบิลพัสดุ์ ท่านเล็งเห็นว่า พระกุมารนี้จะเป็นอัจฉริยะบุคคลวิเศษ
สุดของโลก จึงได้ละอาศรมเข้ามายังพระราชฐานแห่งพระเจ้าสุทโธทนะ



ขอขอบคุณ มูลนิธิ เหม เวชกร (ที่มาเรื่อง/ภาพ)
700

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09 ตุลาคม 2566 15:55:25 โดย Kimleng » บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออนไลน์ ออนไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5800


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows NT 10.0 Windows NT 10.0
เวบเบราเซอร์:
Chrome 109.0.0.0 Chrome 109.0.0.0


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 13 ตุลาคม 2566 12:42:20 »


          ภาพที่ ๑๗


พระเจ้าสุทโธทนะทรงรู้จักพระดาบสรูปนี้ดี  จึงทรงน้อมพระองค์แสดงคารวะ พระดาบสรับพระราชปฏิสันถารแล้ว
ก็ตรงไปที่พระกุมาร ซึ่งนอนอยู่ในพระอู่ เธอได้น้อมเศียรลงถวายบังคมพระกุมารถึง ๘ ครั้ง ด้วยอาการอันนอบน้อม
สูงสุด ยังให้ผู้ที่อยู่ ณ ที่นั้นมีความอัศจรรย์ใจยิ่งนัก



          ภาพที่ ๑๘

พระดาบสอสิตะได้กล่าวขึ้นด้วยเสียงอันดังว่า "โอ พระกุมาร ข้าพเจ้าขอบูชาและเคารพพระองค์ เพราะประจักษ์แล้ว
โดยรัศมีและพระลักษณะ ๓๒ ประการ อีกทั้งองค์ประกอบอีก ๘o ประการว่า พระองค์จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า
ข้าพเจ้าเสียดายนักที่ต้องตายเสียก่อน ไม่อาจมีชีวิตยืนอยู่ได้สดับรสพระธรรม

ขอขอบคุณ มูลนิธิ เหม เวชกร (ที่มาเรื่อง/ภาพ)
700
33.50 - 14.85
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13 ตุลาคม 2566 12:44:45 โดย Kimleng » บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออนไลน์ ออนไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5800


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows NT 10.0 Windows NT 10.0
เวบเบราเซอร์:
Chrome 109.0.0.0 Chrome 109.0.0.0


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #2 เมื่อ: 28 ตุลาคม 2566 17:59:46 »


          ภาพที่ ๑๙

ครั้นแล้วพระดาบสได้หันมาทูลพระเจ้าสุทโธทนะว่า "พระองค์ช่างมีบุญนักหนา จึงได้ให้กำเนิดแก่พระกุมารพระองค์นี้ พระกุมารจะเป็นพระมหาบุรุษ อันหาผู้ใดเปรียบมิได้ในโลกนี้ แต่น่าเสียดาย ที่ความปิติของพระองค์จะต้องทำลายลง ด้วยภายใน ๗ วันนี้ พระมารดาของพระกุมารจะสูญสิ้นพระชนม์"



          ภาพที่ ๒๐

จริงตามคำทำนายของอสิตดาบส พอครบกำหนด ๗ วัน พระนางสิริมหามายาก็สิ้นพระชนม์ ทั้ง ๆ ที่แพทย์หลวงได้ช่วยกันเยียวยาจนสุดความสามารถ ดังด้วยเป็นกำหนดแห่งเทพเจ้าว่า พระนางจะไม่ต้องทรงครรภ์และถวายน้ำนมแก่ราชกุมาร ราชกุมารี ร่วมกับพระพุทธองค์



          ภาพที่ ๒๑

เวลาผ่านไป จนพระราชกุมารมีอายุได้ ๘ ปี มีพระนามว่า เจ้าชายสิทธัตถะ พระเจ้าสุทโธทนะระแวงอยู่ตลอดเวลาว่า พระราชโอรสจะมีนิสัยโน้มน้อมไปในทางจะแสวงหาโพธิญาณ จึงหารือกับอำมาตย์ที่จะให้ราชโอรสได้ศึกษาวิชาที่จะให้พระราชโอรสได้ห่างพ้นไปจากการจะเป็นพระพุทธเจ้า ดังที่โหรทำนายไว้



          ภาพที่ ๒๒

ที่ประชุมตกลงว่า ครูของพระราชกุมารต้องเป็นพระวิศวามิตร เพราะเป็นผู้ยอดเยี่ยมในอักษรศาสตร์และวิทยาศาสตร์ทั้งปวง มีทางจูงให้พระราชกุมารละแนวชีวิตที่จะบำเพ็ญตนเป็นพระพุทธเจ้าได้ และทั้งให้การเรียนหนักไปทางด้านยุทธการหรือการปกครองเยี่ยงกษัตริย์จะพึงเรียนพึงรู้



ขอขอบคุณ มูลนิธิ เหม เวชกร (ที่มาเรื่อง/ภาพ)
700
บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออนไลน์ ออนไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5800


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows NT 10.0 Windows NT 10.0
เวบเบราเซอร์:
Chrome 109.0.0.0 Chrome 109.0.0.0


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #3 เมื่อ: 16 พฤศจิกายน 2566 18:31:44 »


          ภาพที่ ๒๓
เจ้าชายสิทธัตถะได้เข้าศึกษาวิชาอักษรศาสตร์กับพระวิศวามิตร เมื่อพระชนมายุ ๘ ปี และพอเรียนได้มินานอาจารย์ก็เห็นว่า เจ้าชายสิทธัตถะนี้เฉลียวฉลาดเกินมนุษย์ สามารถเขียนอักขระได้ทุกภาษาทุกแคว้นโดยพระองค์เอง แม้แต่อักขระของชนชาวที่บูชานาคใต้บาดาล ซึ่งอาจารย์เองก็หาสันทัดไม่



          ภาพที่ ๒๔
ในที่สุด อาจารย์วิศวามิตรก็หมดหนทางจะหาวิชาใดมาสอนได้ พระองค์รอบรู้จนวิชาคำนวณเลขและดวงดาวทั้งหลายในจักรภพ ทั้งนับย้อนหลังและก้าวหน้าเจนจบ อาจารย์จึงกล่าวว่า "พระองค์นี้เป็นครูของพระองค์เอง และทั้งเป็นครูของข้าพเจ้าอีกซ้ำไป พระองค์ทราบสิ้นทุกอย่าง โดยข้าพเจ้ามิได้สอนพระองค์เลย ทั้งไม่สามารถจะสอนได้ด้วย"



          ภาพที่ ๒๕
เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะมีพระชนมายุได้ ๑๔,๑๕ ปื พระองค์ชอบกีฬาแข่งรถม้า และก็เชี่ยวชาญหาสารถีใดคู่เคียงมิได้ แต่พระองค์มีจิตใจสุภาพเหมือนมนุษย์อื่นๆ เช่นการแข่งรถครั้งใดพระองค์ได้ชัยชนะ พระองค์เห็นหน้าตาของพระญาติพระวงศ์ที่แพ้นั้นซีดเซียวเสียพระทัย พระองค์จึงยอมแพ้เสียเองในคราวต่อไป ในเมื่อเห็นทีพระองค์จะชนะแล้วก็ลดฝีเท้าม้าลงเสีย



          ภาพที่ ๒๖
การกีฬาล่าเนื้อทรายก็เช่นกัน ตอนแรกๆ ก็รู้สึกเพลินในกีฬานี้ดีอยู่ แต่ครั้นถึงตอนล้อมจับเนื้อทรายได้ พระองค์เห็นเนื้อทรายนั้นมีความกลัวจนขาสั่น และดวงตาเหลือกโปน พระองค์จึงพบความปรานีขึ้น คราวหลังๆ เมื่อควบม้าทันเนื้อทราย แล้วก็ปล่อยตัวไป ซึ่งความจริงกีฬาประเกทนี้ จะหาใครเทียบเทียมพระองค์ก็มิได้


ขอขอบคุณ มูลนิธิ เหม เวชกร (ที่มาเรื่อง/ภาพ)
700
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16 พฤศจิกายน 2566 18:33:30 โดย Kimleng » บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออนไลน์ ออนไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5800


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows NT 10.0 Windows NT 10.0
เวบเบราเซอร์:
Chrome 109.0.0.0 Chrome 109.0.0.0


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #4 เมื่อ: 24 พฤศจิกายน 2566 12:48:23 »


          ภาพที่ ๒๗
ยิ่งพระชนม์นานปีทวีขึ้น ความเมตตาปราณี และความสุภาพแห่งพระทัยก็เจริญขึ้น ประดุจพฤกษาที่งอกงาม พระองค์ทรงกีฬาฟันดาบ ครั้นชนะคู่ต่อสู้แล้วก็พบความน้อยอกน้อยใจจากผู้แพ้ พระองค์จึงสละเสียด้วยการชนะ กลับออมมือออมกำลังให้เป็นเพียงเสมอกัน



         ภาพที่ ๒๘
กีฬาประเภทมวยปล้ำและยิงธนูก็เช่นกัน พระองค์มิได้หย่อนกว่าใคร มีระดับสูงและเหนือกว่าทั้งสองประเภท แต่พระองค์ไม่ทรงประสงค์จะชนะใครในเวลาแข่งขัน นึกสลดพระทัยที่สร้างความผิดหวังให้แก่ผู้อื่น จึงเป็นฝ่ายออมมือออมกำลังอยู่เป็นนิจ เอาเพียงรู้แก่พระทัยเท่านั้นว่า พระองค์ชนะแล้ว



         ภาพที่ ๒๙
เย็นวันหนึ่ง ได้มีเหตุการณ์หนึ่งขึ้น คือมีหงส์ฝูงหนึ่งบินผ่านพระราชอุทยานจะไปสู่รัง ณ แดนหิมพานต์ และส่งเสียงร้องเรียกพวกมัน พระเทวทัต พระญาติของพระสิทธัตถะ ยกธนูยิงไฟถูกหงส์ตัวหนึ่งที่ปีก และได้ถลาร่อนตกลงในเขตอุทยานของพระสิทธัตถะ เมื่อพระองค์เห็นดังนั้น จึงวิ่งเข้าไปประคองหงส์ตัวนั้นด้วยความสงสาร



         ภาพที่ ๓๐
เจ้าชายสิทธัตถะได้ประคองหงส์นั้นด้วยความเบาและนิ่มนวล เป็นการปลุกปลอบมิให้หวาดกลัว เมื่อลูบขนและดัดปีกให้เข้าดีแล้ว จึงค่อยถอนธนูที่ยังฝังปีกหงส์ออก แต่บังเอิญขณะถอนลูกธนูนั้น ปลายธนูได้ถูกพระหัตถ์พระองค์เข้านิดหน่อย รู้สึกเจ็บปวด นึกถึงความเจ็บปวดรวดร้าวของหงส์ที่ถูกยิงเข้าเต็มที่เช่นนั้นจะมีสักปานไหน



         ภาพที่ ๓๑
เจ้าชายสิทธัตถะได้ประคองหงส์นั้นด้วยความเบาและนิ่มนวล เป็นการปลุกปลอบมิให้หวาดกลัว เมื่อลูบขนและดัดปีกให้เข้าดีแล้ว จึงค่อยถอนธนูที่ยังฝังปีกหงส์ออก แต่บังเอิญขณะถอนลูกธนูนั้น ปลายธนูได้ถูกพระหัตถ์พระองค์เข้านิดหน่อย รู้สึกเจ็บปวด นึกถึงความเจ็บปวดรวดร้าวของหงส์ที่ถูกยิงเข้าเต็มที่เช่นนั้นจะมีสักปานไหน



         ภาพที่ ๓๒
ในขณะนั้นเอง มหาดเล็กของพระเทวทัตได้เข้ามาหาพระองค์ และแจ้งว่า พระเทวทัตประสงค์จะได้หงส์ตัวนั้น ด้วยว่าเป็นฝีมือของพระเทวทัตยิง แม้ว่าหงส์นั้นจะได้ตกลงในเขตอุทยานของพระสิทธัตถะก็ตาม แต่การยิงนั้นได้ยิงในอากาศ ซึ่งมิได้เป็นเขตของผู้ใด จึงต้องขอหงส์นี้ไป พระสิทธัตถะจึงว่า หงสันี้ยังไม่ตาย และเราช่วยหงส์นี้ไว้ หงส์จึงยังไม่เป็นสิทธิของพระเทวทัตญาติแห่งเรา



         ภาพที่ ๓๓
เรื่องการแย่งหงส์ระหว่างเจ้าชายสิทธัตถะกับเทวทัตไม่ตกลงกันได้ จึงต้องนำคดีขึ้นสู้สภาอัครมหามนตรี ให้ผู้รู้หลักความยุติธรรมเป็นผู้ตัดสิน ในวันรุ่งขึ้นเจ้าชายสิทธัตถะและเทวทัตก็มาพร้อมกัน ณ สภาสูง ผู้ที่ใคร่จะรู้กฎแห่งความยุติธรรมอันแท้จริง ต่างก็มาฟังกันทั้งฤๅษีชีพราหมณ์คับคั่ง



         ภาพที่ ๓๔
ในข้อคิดต่าง ๆ ของขุนนางผู้ใหญ่ ต่างแยกกันไปคนละทาง ไม่ลงเอยกันได้ หาเหตุผลที่เที่ยงแท้และยุติธรรมจริง ๆ นั้นยังมิได้ จึงมีฤๅษีตนหนึ่ง ซึ่งไม่มีใครรู้จัก ได้ขึ้นแถลงว่า "หากชีวิตทั่ว ๆ ไปเป็นของมีค่า ผู้ช่วยชีวิตย่อมมีสิทธิในชีวิตที่ช่วยไว้เป็นแน่แท้ ส่วนผู้พิฆาตนั้นคือผู้ล้างผลาญ จะมีสิทธิที่ตัวสัตว์ที่ยังไม่ตายนั้นไม่ได้"


ขอขอบคุณ มูลนิธิ เหม เวชกร (ที่มาเรื่อง/ภาพ)
700
28.002 / 12.502
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01 ธันวาคม 2566 14:10:29 โดย Kimleng » บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออนไลน์ ออนไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5800


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows NT 10.0 Windows NT 10.0
เวบเบราเซอร์:
Chrome 109.0.0.0 Chrome 109.0.0.0


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #5 เมื่อ: 01 ธันวาคม 2566 14:29:18 »


         ภาพที่ ๓๕
เมื่อสภาอัครมหามนตรีได้ยึดถือเอาข้อยุติธรรมจากฤๅษีตนนั้นแล้วเจ้าชายสิทธัตถะจึงชนะในสิทธิครอบครองหส์นั้น ครั้นเมื่อหงส์นั้นได้รับการรักษาพยาบาลแผลหายเป็นปรกติดีแล้ว เจ้าชายสิทธัตถะจึงคิดว่า พวกพ้องหงส์คงจะคอยหา เศร้าโศกกันไม่น้อย พระองค์จึงปล่อยหงส์ไปเป็นอิสระ



         ภาพที่ ๓๖
ต่อมาอีกหลายวัน จะมีการมงคลแรกนาขวัญ พระราชบิดาจึงบอกแก่พระราชกุมารว่า "จงไปร่วมพิธีด้วยกันเถิดลูกรัก ไปชมความสมบูรณ์แห่งชาวนา ไปชมอาณาจักรของพระบิดา ซึ่งวันหนึ่งจะเป็นของลูก ชมสิ่งมั่งคั่งในพืชผลทั้งหลาย ชมประชาราษฎรของเรา และชมสมบัติอันมหาศาลที่จะเป็นของลูก"



         ภาพที่ ๓๗
ในวันแรกนาขวัญนั้น พระเจ้าสุทโธทนะได้ชวนเจ้าชายสิทธัตถะนั่งราชรถไปด้วยกัน โดยให้สารถีขับอ้อมพระนคร ชมทิวทัศน์อันงดงามตระการตา ชมธารน้ำอันใสสะอาด ชมไร่พืชผลต่าง ๆ ซึ่งล้วนแต่สดสวยน่าตรึงตาตรึงใจ อีกทั้งหมู่ต้นเทียนดอกกำลังบานส่งกลิ่นหอมขจรขจาย



         ภาพที่ ๓๘
ราชรถได้วกเข้าเขตท้องนา ก็เห็นชาวนากำลังบังคับโคให้ลากคันไถไปตามทุ่ง ชาวนาผู้คุมโคส่งเสียงร้องเพลงเคล้าลุกปลุกใจดูร่าเริง ไกลออกไปที่หมู่หนึ่งนั้นกำลังหว่านข้าวลงในพื้นนาที่ดินชุ่ม และไกลไปอีก ก็มีทิวต้นตาลเป็นหลั่น ซึ่งทุกอย่างที่เห็นนั้น แสดงถึงความสมบูรณ์พูนสุขอันน่าจะปิติ



         ภาพที่ ๓๙
ครั้นชมท้องนาแล้ว ก็ชมทิวทัศน์อื่น ๆ ต่อไปอีก ด้วยเป็นพระประสงค์ของพระเจ้าสุทโธทนะจะให้ราชบุตรผู้เป็นทายาท ยินดีปรีดาในสมบัติทั้งหลายที่จะตกทอดไปถึง และก็ราชสมบัติอันมหาศาลเท่านั้นจะเหมาะแก่กษัตริย์ผู้เป็นเจ้าเหนือหัวกษัตริย์อื่นในโลก ตำแหน่งนี้ต้องเป็นของเจ้าชายสิทธัตถะตามที่โหรทำนายไว้



         ภาพที่ ๔๐
แต่ใครเล่าจะรู้ลึกไปถึงดวงหทัยของเจ้าชายสิทธัตถะ ถ้าดูแต่ภายนอกก็เห็นว่า พระราชกุมารหนุ่มน้อยนี้เพลินในสิ่งที่พบเห็น และปรีดาในราชสมบัติตามที่มนุษย์ทั่วไปจะพึงอยากพึงโลภ แท้จริงแล้วพระรัชทายาทองค์นี้ได้เก็บสิ่งต่าง ๆ ที่พบเห็นเข้าไตร่ตรองในดวงหทัยอย่างลึกและละเอียดแจ่มแจ้งดี


ขอขอบคุณ มูลนิธิ เหม เวชกร (ที่มาเรื่อง/ภาพ)
700
28.002 / 12.502
บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออนไลน์ ออนไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5800


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows NT 10.0 Windows NT 10.0
เวบเบราเซอร์:
Chrome 109.0.0.0 Chrome 109.0.0.0


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #6 เมื่อ: 15 ธันวาคม 2566 17:47:47 »


         ภาพที่ ๔๑
พระราชกุมารได้เก็บเอาภาพของชาวนาที่บังคับให้โคไถนานั้นมาแจง แบ่งแยกถึงแก่นความจริงของเรื่องว่า ชาวนาใดจะประสงค์การตากแดดจนผิวเกรียมกระนั้นหรือ ก็เปล่าทั้งสิ้น หากเกิดความกังวลใจที่รับจ้างเขามาทำงาน หากไม่ทำ นายจ้างก็มิจ่ายค่าแรง แล้วไฉนตนจะได้เงินค่าแรงนั้นไปเลี้ยงตัวและครอบครัวซึ่งเป็นความกังวลที่สุดในชีวิต



         ภาพที่ ๔๒
เมื่อคิดถึงโคที่ลากคันไถนั้นเล่า จะเป็นไปได้อย่างไรที่โคจะสมัครใจทำเอง เท่าที่ทำไปก็โดยถูกบังคับจากชาวนา ถ้าคราใดไม่ทำงาน ก็ครานั้นเองจะถูกตีถูกโบยเจ็บไปทั้งตัว จึงต้องทำไปโดยกังวลใจว่า ถ้าหยุดหรือเกเรจะต้องเจ็บตัว ด้วยประการฉะนี้ พระองค์จึงเห็นชัดว่า ความกังวลเป็นต้นเหตุ ทำให้นายบังคับลูกจ้างและลูกจ้างก็บังคับโคต่อไป



         ภาพที่ ๔๓
ที่ขอบหนองขอบบึง เหล่านกยางเหยาะย่างอยู่ชายน้ำ และเกาะอยู่บนหลังกระบือ เสือปลาจดจ้องบังกอไม้อยู่ชายบึง ที่ในน้ำปลาผุดกระเพื่อมเป็นระลอก น่าชมน่าเพลินอะไรจะเท่า แต่แท้จริงแล้ว ความกังวลใจของแต่ละสัตว์บังคับให้เป็นไปในรูปนั้น เพราะกังวลว่าตนจะไม่มีอาหารเต็มท้องเป็นส่วนใหญ่



         ภาพที่ ๔๔
บนอากาศนั้นเล่า มีผีเสื้อบินสลับสีงดงาม นกเล็กๆ ถือโอกาสเข้าไล่จิกกิน แต่ก็มึนกใหญ่ไล่นกเล็กจับกินเป็นอาหารอีกทอดหนึ่ง สุดแต่ใครจะมีกำลังกว่า ฉลาดกว่า ก็ทำร้ายแก่ผู้มีกำลังน้อย ถ้าดูด้วยตาแล้วไม่คิดภาพเหล่านั้นก็น่าชมน่าเพลินนัก แต่หลังจากนั้นซิ มีแต่หนามแหลมจะทิ่มแทงอยู่ทุกขณะ



         ภาพที่ ๔๕
ครั้นรถมาถึงแห่งหนึ่ง เจ้าชายสิทธัตถะจึงขออนุญาตต่อพระราชบิดาว่า พระองค์จะขอดูสิ่งต่างๆ ที่น่าดู น่าชม โดยพระองค์เองแต่เฉพาะ พระเจ้าสุทโธทนะก็ทรงอนุญาต เจ้าชายจึงเลือกเอาร่มไม้แห่งหนึ่งนั่งทำสมาธิ ใช้จิตวิเคราะห์ในสิ่งต่างๆ ชีวิตต่างๆ พระองค์ก็ได้เกิดพระเมตตาแก่สัตว์ทั่วๆ ไปด้วยดวงหทัยหมดมลทิน



         ภาพที่ ๔๖
กิริยาและอาการเคลื่อนไหวของเจ้าชายสิทธัตถะทั้งหมด พระเจ้าสุทโธทนะได้นำมาหารือกับอำมาตย์ใกล้ชิดด้วยความหนักพระทัย เพราะกิริยาเหล่านั้น เป็นกิริยาของผู้จะบำเพ็ญฌาน มีที่ท่าจะทิ้งทางโลกไปสู่ทางธรรม ในที่ประชุมต่างก็มีใจตรงกันว่า จะต้องหาทางตัดไฟเสียต้นลม พยายามให้หมุนมาทางกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ครองโลก



         ภาพที่ ๔๗
ขั้นต้นเริ่มด้วยสร้างปราสาทใหม่สามปราสาท เป็นที่ประทับเป็นฤดูๆ ไป ปราสาทหนึ่งนั้นบุและมุงด้วยไม้หอมทั้งหลัง ปราสาทสองสร้างด้วยหินอ่อนล้วน ปราสาทสามสร้างด้วยดินเผาทั้งหลัง ทุกๆ ปราสาทเขียนแบบก่อสร้างไว้อย่างงดงามมโหฬารสมพระเกียรติ



         ภาพที่ ๔๘
ด้วยเวลาไม่นานนัก ปราสาทนั้นๆ ก็สำเร็จขึ้น แต่ละปราสาทมีความงามต่างกัน มีอุทยานประจำทุกปราสาท และก็มีลักษณะศิลปะไปคนละอย่าง บ้างมีเนินสูง มีไม้พันธุ์ดอกดารดาษ มีธารน้ำลดเลี้ยว มีกระโจมงามๆ อยู่กลางเกาะหลายต่อหลาย คราใดเสด็จประทับอุทยาน ห้อมล้อมด้วยสนมกำนัล ช่างงดงามตาอย่างยิ่ง



         ภาพที่ ๔๙
พิธีการอันแสนฉลาดของอำมาตย์ผู้ใหญ่ได้เริ่มขึ้นอีก คือ โดยเพ่งเล็งว่า ชายที่เพิ่งเริ่มหนุ่มนั้น ถ้าจะคิดแปรทางเดิน ให้แยกจากนิสัยนักพรตแล้ว ก็ต้องอาศัยเรื่องของตัณหาเป็นกำลังใหญ่ ซึ่งจะทำให้เมามัวในลาภยศ จึงจัดให้นางบริวารทั้งหลาย ล้วนแต่งามๆ และมีท่วงทีหนักในทางยียวนกวนให้ระเริง



         ภาพที่ ๕๐
อีกทั้งระบำดนตรีชั้นเยี่ยม จะพึงขับกล่อมให้ถึงพระทัยของพระราชกุมารหนุ่ม นางบริวารหน้าหวานตาคม ที่มีกลิ่นกายหอมระรื่นด้วยเครื่องอบพรม นั่งอยู่ใกล้ๆ ซ้ายขวา บรรจงรินน้ำจัณฑ์อย่างวิเศษ ถวายดื่มเพื่อกระตุ้นเตือนพระทัย ให้นิยมในการร่ายรำของนางที่นุ่งห่มด้วยอาภรณ์บาง เกิดความศักดิ์สิทธิ์ขึ้น



         ภาพที่ ๕๑
เป็นความจริงยิ่งนัก ที่เสียงดนตรีและขับร้อง ประกอบด้วยท่าอันอรชร ซึ่งมีกลิ่นหอมฟุ้งจรุงใจ ได้มีอำนาจแปรพระทัยที่เคยบ่มแต่เศร้า ช่างคิดช่างวิเคราะห์ ให้หันมาละเมอเพ้อฝันไปในทางกามคุณได้ชั่วขณะ เจ้าชายสิทธัตถะมีพระทัยแจ่มใส และระเริงอยู่ในความเร่าร้อนแห่งรูปรสกลิ่นเสียงตลอดเวลา



         ภาพที่ ๕๒
แต่ความระเริงทั้งหลายจะอยู่กับพระมหาบุรุษนานสักเท่าใดเล่า ในครู่ต่อมา พระทัยอันรู้ผิดชอบได้กลับมาอีก เกิดเบื่อหน่ายขึ้นอย่างเงียบๆ รู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นมายาอันประดิษฐ์ขึ้น เพื่อประสงค์ในทางใดทางหนึ่งเท่านั้น ซึ่งมิใช่ความจริงที่เป็นอยู่โดยปรกติ พระองค์จึงก้มพระพักตร์เสีย ให้ภาพและเสียงทั้งหมดผ่านพ้นไป



ขอขอบคุณ มูลนิธิ เหม เวชกร (ที่มาเรื่อง/ภาพ)
700
28.002 / 12.502
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15 ธันวาคม 2566 17:49:40 โดย Kimleng » บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออนไลน์ ออนไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5800


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows NT 10.0 Windows NT 10.0
เวบเบราเซอร์:
Chrome 109.0.0.0 Chrome 109.0.0.0


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #7 เมื่อ: 06 มกราคม 2567 11:37:05 »


         ภาพที่ ๕๓
งานหนักได้เกิดขึ้นกับพระเจ้าสุทโธทนะและเหล่าอำมาตย์อีกอย่างยิ่ง ที่พิธีการชักจูงพระทัยพระราชกุมาร ให้แปรเปลี่ยนจากเดิม มาระเริงในลาภยศและอำนาจไม่เกิดผล จึงคิดการกันใหม่ คือจะมีการฉลองปราสาท ให้มีนางงามทั้งหลายมาประกวดกัน และให้เจ้าชายเป็นผู้แจกรางวัลเอง แล้วขุนนางก็แยกย้ายแจ้งข่าวนี้แก่สตรีทั่วไป



         ภาพที่ ๕๔
ในครั้งนี้ถือเป็นงานใหม่ และแปลกสำหรับกรุงกบิลพัสดุ์ พวกสตรีสาวสวยและไม่สวย ทั้งในวังและนอกวังพากันตื่นเต้นยิ่งนัก เป็นครั้งแรกในชีวิต ที่จะได้อวดโฉมต่อหน้าพระราชกุมารหนุ่มผู้ยิ่งใหญ่แห่งกรุงนี้ ซึ่งรู้กันอยู่ว่า เจ้าชายนี้มีพระสิริร่างงดงามน่าพิศวาสนัก ต่างนางจึงต่างปรับปรุงร่างกายเป็นการใหญ่ สุดแต่จะมีทางใดทำให้เพิ่มความงามขึ้นได้



         ภาพที่ ๕๕
ครั้นถึงวันกำหนดงาน บรรดานางงามทั้งหลายได้เดินผ่านหน้าที่ประทับเจ้าชาย ซึ่งใจของแต่ละนางแต่เดิมนั้น คิดไว้ว่าจะเดินให้สวย ทิ้งตาให้คมและหวานตรงกับพระเนตรเจ้าชายยิ่งนัก แต่ครั้นจริงจังเข้า ทุกนางก็เกิดประหม่า ในพระลักษณะอันงามและสงบนิ่งของเจ้าชาย เลยต่างอายต่างก้มหน้าไปทั้งสิ้น



         ภาพที่ ๕๖
ความคาดหวังของเหล่าอำมาตย์จึงเกือบจะหมดสิ้นอีก เมื่อเห็นเจ้าชายมิได้ตะลึงตะไลในนารีใดเลย ทรงมีพระอิริยาบถเฉย ๆ สงบ กระทำให้ฝ่ายหญิงเสียอีกเป็นฝ่ายอายและเกรงขาม พระองค์ทรงแจกรางวัลให้แก่ทุกนางด้วยดวงพระพักตร์ยิ้มน้อย ๆ และกล่าวขอบใจ ส่วนหญิงนั้นซิ ทุกคนสะทกสะเทิ้นขาสั่น ไม่มีถ้อยคำใดจะถวายพระพรเลย



         ภาพที่ ๕๗
เมื่อหมดตัวนางงามแล้ว พระเจ้าสุทโธทนะและอำมาตย์แทบหมดหวัง จะหานางใดมีอำนาจบังคับจิตเจ้าชายให้ประสงค์ในนารีเพื่อทำการเสกสมรส ณ บัดนั้นก็เกิดความประหลาดตื่นเต้นขึ้น ทุกคนได้เห็นพระกิริยาเจ้าชายผิดแผกไปจากเดิม ในเมื่อมีหญิงอีกคนหนึ่งเป็นคนสุดท้าย ที่ค่อยนวยนาดมา นางนั้นช่างงามราวกับเทพนารี แสนจะตรึงตาตรึงใจเมื่อยามเยื้องกรายแต่ละก้าว



         ภาพที่ ๕๘
นางคนสุดท้ายนี้ คือเจ้าหญิงศรียโสธรานั่นเอง นางย่างกรายมาด้วยความสง่า ความงามนั้นสุดจะพรรณนาได้ เป็นนางเดียวเท่านั้นที่ตั้งคอตรงและทอดดวงเนตรสบกับพระเนตรเจ้าชายได้ตรง ทันทีทุกคนก็เห็นว่า เจ้าชายนั้นมีการหวั่นไหวจนเห็นถนัด ทรงตะลึงพรึงเพริดในความงาม และใคร่จะได้ใกล้ชิดนางเป็นที่สุด



         ภาพที่ ๕๙
เจ้าหญิงศรียโสธราสบพระเนตรแล้วทูลถามว่า "พระองค์ยังมีรางวัลจะประทานแก่หม่อมฉันไหม?" เจ้าชายสิทธัตถะตอบว่า "รางวัลนั้นหมดไปแล้ว แต่สำหรับน้องหญิง โปรดได้รับสิ่งนี้จากเราเป็นพิเศษ" ตรัสแล้วพระองก็จึงปลดสร้อยพระศอประจำวงศ์แห่งพระองค์ สวมให้แก่เจ้าหญิง "ขอน้องหญิงจงรับไว้เป็นไมตรีจากเราด้วยเถิด"



         ภาพที่ ๖๐
พระราชอิริยาบถของเจ้าชายและเจ้าหญิงนั้น จะได้รอดพ้นจากความสังเกตของพระราชบิดาและอำมาตย์ ผู้ช่ำชองในเชิงรักก็หาไม่ พ้นพิธีแล้ว ณ ที่ลับตา เหล่าอำมาตย์ต่างกอดกันด้วยปรีดา และก็กอดขาพระเจ้าสุทโธทนะด้วยความปราโมทย์ ในกิจที่ก่อขึ้นเกิดผลสมบูรณ์อย่างยอดเยี่ยมเกินคาด



         ภาพที่ ๖๑
อลัดตัดความถึงตอนสำคัญ เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะได้เกิดรักเจ้าหญิงศรียโสธราแล้วโดยแน่นอน ย่อมสบพระทัยตามแผนการของพระราชบิดา จึงพร้อมด้วยอำมาตย์รีบดำเนินการสานต่อที่ก่อไว้ คือรีบส่งทูตเจรจาสู่ขอเจ้าหญิงต่อพระบิดาของเธอ แต่ตามประเพณีสืบเนื่องมาแต่โบราณกาลนั้น เจ้าชายใดจะขอหมั้นเจ้าหญิงใด จะต้องมีการแข่งขันประลองยุทธศิลป์กับเจ้าชายอื่น ๆ ใครชนะเลิศก็ทำการหมั้นได้



         ภาพที่ ๖๒
เมื่อทางพระบิดาเจ้าหญิงตอบว่ามิขัดข้อง หากแต่ขอให้ดำเนินพิธีเยี่ยงกษัตริย์เก่าที่ทำมาจงเรียบร้อย จึงเป็นที่อึดอัดพระทัยของพระเจ้าสุทโธทนะยิ่งนัก หากว่าจะยึดพิธีเก่าแล้วไซร้ ไฉนเจ้าชายสิทธัตถะจะมีหวังได้หมั้นเจ้าหญิง เพราะพระราชกุมารนั้นมีทีท่าอ่อนแอจะเป็นนักพรตมากกว่าจะเป็นนักรบ ด้วยชายอื่น ๆ นั้นช่ำชองน่าเกรงขามอยู่



         ภาพที่ ๖๓
เจ้าชายสิทธัตถะเห็นพระราชบิดาเป็นทุกข์ในการแข่งขันยุทธศิลป์ จึงทรงพระสรวลแล้วทูลว่า ขอพระราชบิดาได้ทรงมั่นพระทัยในวิชายุทธศิลป์แห่งลูกเถิด เพราะลูกได้ฝึกฝนไว้เป็นอย่างดีมิได้ยิ่งหย่อนเลย วิชาทั้งหมดในเชิงยุทธิ์ลูกฝึกฝนไว้ลับ ๆ ซึ่งพระบิดามิทรงทราบ เมื่อพระเจ้าสุทโทธนะได้รับการยืนยันแล้ว จึงประกาศแข่งขันทันที



       ภาพที่ ๖๔
ครั้นครบกำหนดเจ็ดวัน เหล่าเจ้านายทั้งหลาย ซึ่งเป็นพระญาติพระวงศ์แต่ละฝ่ายก็มาชุมนุมกันที่สนามหลวงแห่งกรุงกบิลพัสดุ์ พร้อมด้วยประชาชน เจ้าชายสิทธัตถะเป็นตัวยืนให้เจ้าชายทั้งหลายเข้าชิง เจ้าชายทุกพระองค์ก็มุ่งในจุดเดียวกัน คือเจ้าหญิงศรียโสธรายอดดวงใจ ใครชนะก็ทรงทำการหมั้นได้ทันที



        ภาพที่ ๖๕
ณ บัดนั้น ในที่ชุมนุมท้องสนามหลวงได้เกิดความตื่นเต้นขึ้นทั้งไพร่ผู้ดีและเข็ญใจ คือมีเสียงดนตรีแห่แหนกันมาทางด้านหนึ่ง ผู้คนที่ยัดเยียดต่างแยกแหวกทางเป็นช่อง ดนตรีที่นำขบวนนั้นเป็นหญิงทั้งสิ้นบรรเลงนำ เจ้าหญิงศรียโสธรา ซึ่งประทับอยู่บนเสลี่ยง เสด็จผ่านฝูงชนมาด้วยสิริโฉมที่งดงามและมีศักดิ์ศรี



         ภาพที่ ๖๖
ในอีกครู่หนึ่งก็มีการแตกตื่นกันอีก ด้วยเจ้าชายสิทธัตถะผู้เป็นตัวยืนในการชิงชัยครั้งนี้ เสด็จมาโดยทรงม้าขาวแหวกฝูงชนมาช้า ๆ ท่ามกลางการโห่ร้อง ด้วยสีพระพักตร์เป็นปรกติ ไม่ตื่นเต้นลิงโลดแม้แต่น้อย ด้วยว่าพระองค์กำลังครุ่นคิดถึงชีวิตของคนยากจนและคนมั่งมีที่แตกต่างกัน เท่าที่เห็นในชุมนุมนี้ จึงมีพระทัยสลด



         ภาพที่ ๖๗
ครั้นพระองค์หันพระพักตร์ไปพบเจ้าหญิงศรียโสธราเข้า สีพระพักตร์จึงกลับสดใสขึ้น และพระทัยคึกคะนองในเรื่องรัก อันความมุ่งหมายทางชิงชัยได้ระอุขึ้นเยี่ยงคนวัยหนุ่มทั้งหลาย ชิงชัยเพื่อความรักชิงชัยเพื่อเจ้าหญิงศรียโสธราอันเป็นยอดปรารถนา พระองค์จะต้องชิงชัยโดยเหี้ยมหาญ ไม่อ่อนข้อลดข้อให้ใครอีก ณ บัดนี้



         ภาพที่ ๖๘
าเริง เยี่ยงหนุ่มคะนองทั้งหลายที่ระเริงในรูปในยศในความเก่งกล้าของตน ทุกลมหายใจเต็มเปี่ยมไปด้วยความเห็นเข้าข้างตัว ยิ่งกว่าจะเห็นใจผู้ใด ต้องการมีสิทธิแต่ผู้เดียวในเรื่องรัก มิใยใครจะมีใจตรงกับพระองค์ แล้วพระองค์ประกาศจะชิงชัยทุกประเภท     





ขอขอบคุณ มูลนิธิ เหม เวชกร (ที่มาเรื่อง/ภาพ)
700
28.002 / 12.502
บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออนไลน์ ออนไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5800


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows NT 10.0 Windows NT 10.0
เวบเบราเซอร์:
Chrome 109.0.0.0 Chrome 109.0.0.0


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #8 เมื่อ: 09 มีนาคม 2567 14:24:32 »


        ภาพที่ ๖๙
ครั้นแล้ว ยุทธศิลป์ชิงนางก็ได้เริ่มขึ้น โดยเจ้าชายนันทะท้าประลองยิงธนูสู่เป้าหมายในระยะทาง ๖ โคว (๑๓๐๐ ฟุต) โดยประมาณกำลังของผู้ยิง จะต้องยิงได้ไกลและแม่นยำต่อเป้าหมายด้วย เจ้าชายอรชุนก็ประกาศระยะทาง ๖ โคว เช่นกัน แต่เจ้าชายเทวทัตนั้นเชื่อพระองค์ว่าเหนือผู้ใด จึงประกาศระยะทางถึง ๘ โคว



         ภาพที่ ๗๐
ครั้นถึงเจ้าชายสิทธัตถะเล่า บัดนั้น พระองค์มิใช่หนุ่มที่เงื่องหงอย ที่คอยคิดจะสละสุขอย่างเคย พระองค์ต้องการเด่น ต้องการความชนะ พระองค์เชื่อในตัวเอง จึงประกาศระยะทางถึง ๑๐ โคว ไกลจนเห็นเป้าหมายเท่าเบี้ยเล็กๆ ประชาชนถึงกับอื้ออึงสนเท่ห์ใจ ว่าผู้ใดในโลกจะมีกำลังยิงถึงและแม่นยำตรงเป้าได้



         ภาพที่ ๗๑
การยิงธนูได้เริ่มขึ้นโดยนันทะเป็นผู้ยิงก่อน และท้าวเธอก็น้าวสายยิงไปตามระยะกำหนด ถูกเป้าหมายมิได้พลาด มาถึงอรชุนก็ถูกเป้าหมายตามระยะกำหนดเช่นกัน เทวทัตมีระยะทางไกลกว่า จึงน้าวสายด้วยกำลังข้อที่แข็งแกร่งของพระองค์ แล้วปล่อยลูกธนูทะลุเป้าดังสนั่น ประชาชนได้โห่ร้องขึ้นอึงคะนึง



         ภาพที่ ๗๒
ถึงคราวองค์สิทธัตถะ ได้รับคันธนูจากคู่แข่งขันมาพิจารณา สงสัยว่าจะไม่มีกำลังแรงพอที่จะส่งถูกไปถึงระยะ ๑๐ โคว ได้ พระองค์จึงทรงโก่งคันธนูอย่างเต็มเหนี่ยว คันธนูนั้นได้หักสะบั้น ทั้งนี้เป็นลางนิมิตของผู้ยิ่งใหญ่ทั่วๆ ไปในโลก จะพึงสำแดงเป็นอภินิหารให้เห็น จึงทำให้ประชาชนตะลึงงัน



         ภาพที่ ๗๓
ได้มีผู้เสนอคันธนูอีกอันหนึ่ง ซึ่งเป็นของสิงหนุเก็บรักษาไว้ในวิหาร เพราะไม่มีผู้ใดในกบิลพัสดุ์จะสามารถโก่งคันธนูนั้นได้ ตลอดจนเจ้าชายทั้งหลายก็ได้ทดลองมาแล้วทั้งนั้น เจ้าชายสิทธัตถะรับคันธนูนั้นมาลองโก่งดู และก็โก่งได้สบาย ซึ่งเป็นเพราะบุญญาบารมีของพระองค์นั่นเอง จึงทำอะไรได้เหนือมนุษย์อื่น



         ภาพที่ ๗๔
เมื่อการโก่งธนูได้สำเร็จแล้ว พระองค์ก็หยิบลูกธนูขึ้นพาดสาย แล้วยิงไปยังเป้าที่ไกลแสนไกล ด้วยอภินิหารของมหาบุรุษ พอธนูออกจากแหล่งวิ่งแหวกอากาศไป ก็เกิดเสียงกัมปนาทขึ้น ซึ่งเกิดจากเสียงสายธนูหนึ่ง และการแหวกอากาศของลูกธนหนึ่ง จึงสะท้านสะเทือนเป็นที่อัศจรรย์ใจแก่คนทั่วไปยิ่งนัก



         ภาพที่ ๗๕
ครั้นปรากฏว่าลูกธนูของเจ้าชายถูกต้องและทะลุเลยไป ประชาชนได้โห่ร้องกึกก้องหวั่นไหว และได้ถือเป็นมหัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่สำหรับกรุงกบิลพัสดุ์ ถ้าจะสังเกตกริยาของผู้ดูการแข่งขันในคราวนี้ ก็จะเห็นพระอิริยาบถของเจ้าหญิงศรียโสธรานั่นเอง ที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา เมื่อขณะสิทธัตถะยิงธนู เจ้าหญิงพระพักตร์จืดเพราะกลัวผิดเป้า พอยิ่งถูกแล้ว ท้าวเธอก็แจ่มใสยิ่งนัก



         ภาพที่ ๗๖
ครั้นปรากฏว่าลูกธนูของเจ้าชายถูกต้องและทะลุเลยไป ประชาชนได้โห่ร้องกึกก้องหวั่นไหว และได้ถือเป็นมหัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่สำหรับกรุงกบิลพัสดุ์ ถ้าจะสังเกตกริยาของผู้ดูการแข่งขันในคราวนี้ ก็จะเห็นพระอิริยาบถของเจ้าหญิงศรียโสธรานั่นเอง ที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา เมื่อขณะสิทธัตถะยิงธนู เจ้าหญิงพระพักตร์จืดเพราะกลัวผิดเป้า พอยิ่งถูกแล้ว ท้าวเธอก็แจ่มใสยิ่งนัก



         ภาพที่ ๗๗
การแข่งขันตัดไม้ได้ผ่านไปแล้วโดยเจ้าชายสิทธัตถะชนะอย่างขาวสะอาด จึงมีการแข่งขันขี่ม้าพยศขึ้นอีก และต้องเลือกให้สมเกียรติแก่ผู้แข่งขัน คือต้องเป็นม้าร้ายที่สุด มีอยู่ตัวหนึ่งดำดังสีหมึก แม้แต่ยังอยู่ในเครื่องพันธนาการ ยังพยศเอาการ เจ้าชายหลายพระองค์ได้ถูกสะบัดตกหมด เป็นที่อับอายขายหน้า ยังคงเหลือแต่อรชุนกับพระสิทธัตถะเท่านั้น



         ภาพที่ ๗๘
อรชุนเก่งกาจเอาการอยู่ในเรื่องม้าพยศ พระองค์ทรงขึ้นหลังได้โดยไม่ถูกสะบัดตก แต่ครั้นแก้โซ่ออกแล้วก็พยศหนัก แว้งกัดขาอรชุนตกจากหลังลงนอนกับพื้น ซ้ำร้ายกว่านั้นยังจะตรงเข้าพิฆาตฆ่าเสียอีก ด้วยฤทธิ์บ้าประดุจผีร้ายสิง พนักงานกองไม้ได้เฮกันเข้าช่วยยึดมาไว้ แล้วรีบพยุงเอาอรชุนขึ้นจากพื้นพาพ้นที่นั้นไป



         ภาพที่ ๗๙
ถึงคราวพระสิทธัตถะ คนทั้งหมดในที่นั้นต่างขอร้องอื้ออึง มิให้ปล่อยพระราชกุมารไปเกลือกกลั้วกับม้าผีร้ายนั้นให้ทำร้ายพระองค์ แต่เจ้าชายยืนสงบนิ่งด้วยพระทัยอันแน่วแน่ ซึ่งเป็นอิริยาบถของผู้แรงกล้าด้วยเมตตาจิต พระองค์ร้องให้ปล่อยม้า แล้วย่างเข้าหาม้าอย่างช้า ๆ อย่างผู้มีบารมีคุ้มกัน ม้ายืนตะลึง พระองค์ลูบหน้าตามันอย่างปราณี



         ภาพที่ ๘๐
ม้าร้ายได้หมดพยศเสียแล้ว มันได้พบแล้วกับผู้เปี่ยมล้นด้วยเมตตาจิตที่ส่งกระแสออกมาทางพระเนตรของพระองค์ มันยืนตัวสั่นด้วยปีติใจ แล้วพระองค์จึงโดดขึ้นขี่หลัง บังคับด้วยพระชานุและพระหัตถ์ของพระองค์ ให้มันเดินไปรอบๆ ให้ประชาชนชมให้ทั่วถึงกัน



ขอขอบคุณ มูลนิธิ เหม เวชกร (ที่มาเรื่อง/ภาพ)
700
28.002 / 12.502
บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออนไลน์ ออนไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5800


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows NT 10.0 Windows NT 10.0
เวบเบราเซอร์:
Chrome 125.0.0.0 Chrome 125.0.0.0


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #9 เมื่อ: 29 พฤษภาคม 2567 17:18:12 »


        ภาพที่ ๘๑
การแข่งขันในเชิงยุทธศิลป์ได้จบลงแล้ว โดยยอมรับนับถืออันแน่นอนจากเจ้าชายทั้งหลายและประชาชน พระบิดาของเจ้าหญิงได้เข้ากอดพระสิทธัตถะ พร้อมกับกล่าวว่า ความจริงนั้นท้าวเธอพอพระทัยในเจ้าชายอยู่แล้ว เมื่อมาได้ชัยชนะอันยิ่งใหญ่สุดที่ใครจะเสมอเหมือนดังนี้ จึงปลื้มพระทัยนัก จึงจะขอมอบของขวัญอันสูงค่าให้ในครานี้ แล้วท้าวเธอก็ผายพระหัตถ์ไปทางเจ้าหญิงศรียโสธรา



         ภาพที่ ๘๒
ขณะนั้น เจ้าหญิงได้เตรียมประคองพวงมาลัยดอกมะลิที่หอมฟุ้ง พลางสยายผ้าสไบให้พ้นพระเศียร เปิดเผยโฉมพระพักตร์อย่างเต็มที่ต่อหน้าประชาชน แล้วทรงดำเนินผ่านเจ้าชายทั้งหลายไปด้วยพระสิริร่างอันงามเฉิดฉาย ตรงไปสู่พระสิทธัตถะ เพื่อประกาศการมอบพระองค์แด่เจ้าชายผู้ชนะเลิศในการแข่งขันยุทธศิลป์ในครั้งนี้ ต่อหน้าคนทั่วไปไว้เป็นพยาน



         ภาพที่ ๘๓
ท้าวเธอได้ย่อพระกายคารวะแด่พระสิทธัตถะอย่างน้อม แล้วประคองพวงมาลัยขึ้น พลางมองสบพระเนตรพระเจ้าชายอย่างตรง ประหนึ่งจะฉายกระแสพระเนตรแห่งนางให้เป็นคำพูดว่า "โปรดรับมาลัยนี้กับรับมอบตัวข้าพระองค์ทั้งกายและใจซึ่งเป็นสิทธิของพระองค์แล้ว" พระสิทธัตถะได้ก้มพระเศียรลงต่ำให้ท้าวนางเธอได้สวมมาลัยด้วยพระหัตถ์อย่างถนัด



         ภาพที่ ๘๔
พระสิทธัตถะสุดจะปลื้มพระทัย เป็นครั้งแรกในชีวิตซึ่งมีแต่หนักไปทางนักพรต บัดนี้ พระองค์มีดวงหทัยเช่นเดียวกับหนุ่มทั่วไปที่สมปองในรัก พระองค์ดำรัสอะไรไม่ออก นอกจากใช้พระเนตรเป็นสื่อสารแทนคำพูด และโอษฐ์ที่ยิ้มแฉ่งนั้นเป็นคำรับคำตอบอย่างลึก แล้วพระองค์จึงอ้าพระกรออกกอดประทับ เมื่อเจ้าหญิงได้ซบพระพักตร์ลงที่พระอุระของพระองค์ ประชาชนก็โห่ร้องกึกก้อง



         ภาพที่ ๘๕
ขอผ่านการกล่าวพิธีวิวาห์อันมโหฬารเสีย ลัดเข้าถึงสองพระองค์เสร็จพิธีแล้ว ได้เสวยสุขยังปราสาทที่ใหม่ที่สุด เยี่ยมที่สุด มีอยู่หลายชั้นสูงต่ำลดหลั่นกันมาตามเชิงเขา มีอุทยานที่สวยสดด้วยนานาพฤกษาดอกหอมและดอกสี มีพื้นที่ติดกับภูเขาหิมาลัย มีสายธารไหลผ่าน ซึ่งเชื่อมมาแต่สายธารแห่งเทพเจ้าเบื้องบน และสัตว์เลี้ยงอีกนานาชนิดเป็นอาภรณ์ของอุทยาน ดังหนึ่งสองพระองค์เสวยสุขอยู่แดนสวรรค์



         ภาพที่ ๘๖
ระเบียงด้านหนึ่งนั้น เสาที่เรียงรายเป็นภาพแกะสลัก ตั้งแต่ต้นจนถึงขื่อเพดาน ด้วยเรื่องพระกฤษณะเจ้าแห่งความรัก ตอนพื้นล่างไปมีสระบัวที่บานสะพรั่งมีกำแพงเตี้ย ๆ กั้นไว้เป็นชั้น ๆ ชั้นกลางนั้นมีซุ้มประตู สร้างรูปพระคเณศวรผู้เป็นเจ้าแห่งฤกษ์ ข้างเฉลียงมีตู้ปลาสร้างด้วยแก้วเจียระไน มีปลาพันธุ์งาม ๆ ว่ายวนเวียน ดูแล้วสุดจะเพลิดเพลินลืมทุกข์ทั้งมวล



         ภาพที่ ๘๗
ภายในปราสาททุกมุม จะมีนางล้วนแต่ร่างสะคราญ เป็นเจ้าหน้าที่คอยรับใช้ทั่วไป พร้อมดนตรีขับกล่อมอยู่ทุกโมงยามตลอดสรงเสวย สุดแต่ตื่นบรรทมเมื่อใด ดนตรีจะบรรเลงเยือกเย็นและเพราะพริ้งด้วยเสียงนางขับร้องล้วนแต่เนื้อเพลงที่เจริญหู มิยอมจะให้เกิดทุกข์ขึ้นได้ในโมงใดนาทีใด ประกาศห้ามคนทั้งหมดกล่าวคำ เรื่องแก่ เรื่องเจ็บ เรื่องตาย ในที่นั้น



         ภาพที่ ๘๘
ปราสาทอันสวยงามและอุทยานอันน่ารื่นรมย์นี้ เพียงมองด้วยตาเท่านั้นจะรู้สึกว่าสูงไม่แพ้เมืองแมนแห่งเทพเจ้า แต่ถ้ารู้ความจริงหลังฉากแล้วไซร้ สถานนี้คือที่คุมขังอันวิจิตรนั้นเอง กว่าจะเข้าออกได้ต้องผ่านกำแพงถึงสามชั้น และแต่ละชั้นมียามรักษาอย่างเอาชีวิตเป็นประกัน แม้แต่พระสิทธัตถะกว่าจะเข้าออก จะออกก็มิได้ เรื่องนี้เจ้าชายสิทธัตถะหาได้ทรงทราบไม่ นั่นคือคำสั่งของพระราชบิดานั่นเอง



         ภาพที่ ๘๙
พระสิทธัตถะเสวยสุขอยู่ในพระราชฐานอย่างลืมทุกข์ ลืมแก่ ลืมเจ็บ ลืมตาย ทุกโมงยามจะระเริงอยู่กับความรักในองค์ศรียโสธรา ไม่เคยได้สติเลยว่า พระองค์จะเป็นอย่างไรต่อไปภายหน้า ไม่เคยรู้เลยว่ามนุษย์ทุกคนเกิดแล้วต้องตาย พระองค์หมดทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นตัวของพระองค์เอง ลืมตาจากบรรทมก็พบแต่สุขแสนสุข เสียงดนตรีเล่า เจ้าหญิงเล่า สนมงาม ๆ เล่า จะคอยบำรุงบำเรอตลอดเวลามิเคลื่อนคลาย



         ภาพที่ ๙๐
ก่อนจะหลับ พระองค์เอาเศียรหนุนพระอุระของเจ้าหญิงผู้เป็นนางแก้วของพระองค์ และทั้งได้รับการลูบไล้จากพระหัตถ์น้อย ๆ ที่นุ่มนิ่มของเธอจนหลับไป ต่อบางเวลาพระองค์จะมีสติคืนตัว เมื่อเวลาทรงสุบินเห็นโลกมนุษย์นี้อลเวงนัก พระองค์จะผวาเพ้อออกมาในสิ่งที่ฝันเห็น และในทันที ดนตรีจะรีบขับกล่อมด้วยเพลงที่แสนระเริงกลมกล่อมขึ้นเสียทันกัน



         ภาพที่ ๙๑
พระองค์ทรงโปรดพิณอยู่คันหนึ่ง ซึ่งมีสายเป็นเงินเนื้อดี พิณนั้นถ้าวางที่ช่องทางลม จะเกิดกังวานประสานเสียงด้วยสายลมที่เสียดสี เกิดเป็นเพลงขึ้นได้ โดยหัวใจผู้ฟังประพันธ์ไปเอง กลับมีรสนิยมผิดไปกว่าคนบรรเลงด้วยมือ พระองค์มักโปรดให้วางพิณนั้นที่ทางลมเสมอ และน่าประหลาดที่คล้ายเทพเจ้าสิงมากับกระแสลม แล้วเสียดสีสายพิณให้เป็นเพลงที่เจ้าชายจะฟังได้เข้าใจเรื่องทั้งหมด



         ภาพที่ ๙๒
เพลงจากสายพิณที่เกิดโดยลมนั้น ดูจงใจจะให้ฟังประกอบรูปเรื่องได้ก็แต่เฉพาะหัวใจของพระมหาบุรุษเท่านั้น รู้เรื่องด้วยหัวใจสัมผัส เป็นเรื่องอลเวงของโลก ความทุกข์ยากแห่งปวงสัตว์ ชาวโลกละเมออยู่กับกามารมณ์ ละเมออยู่กับลาภและสิ่งเย้ายวน บางตอนคล้าย ๆ กับชาวโลกทั้งผองจะเรียกร้องให้พระองค์เป็นผู้เห็นใจเห็นทุกข์ เป็นศาสดาสอนชาวโลกให้สงบและพันทางวิบัติ



         ภาพที่ ๙๓
พระสิทธัตถะทรงคำนึงเนื้อเพลงในสายลมอยู่เงียบ ๆ วันหนึ่ง นักร้องประจำราชสำนักได้จดจำเนื้อเพลงหนึ่งมาร้องถวาย เนื้อเพลงนั้นกล่าวถึงโลกอันไพศาล กล่าวถึงแคว้นต่าง ๆ ไกลๆ ซึ่งมีอะไรต่ออะไรที่น่าดู พระองค์จึงครุ่นคิดอยากเห็นสิ่งนั้น ๆ ด้วยพระเนตร และยังสงสัยว่าสิ่งต่าง ๆ ที่นางขับร้องมานั้นยังจะเหมือนกับที่พระองค์ทรงรอบรู้ในเพลงตามสายพิณนั้นหรือไม่ และโลกที่พ้นจากพระราชฐานนี้จะกว้างใหญ่สักปานใด



         ภาพที่ ๙๔
พระสิทธัตถะได้สั่งให้คนไปทูลกับพระราชบิดา อยากจะออกเที่ยวชมพระนคร ซึ่งครั้งหนึ่งเมื่อยังเด็กเคยไปเที่ยวในวันแรกนาขวัญ พระเจ้าสุทโธทนะรับสั่งอนุญาต แต่รีบสั่งอำมาตย์ให้เร่งป่าวร้องชาวเมืองจงทำความสะอาดบ้านเมืองบ้านช่อง ตกแต่งให้งดงามจงทุกแห่ง ขอทานไม่มี คนแก่ไม่มี คนเจ็บไม่มี คนตายไม่มี นครกบิลพัสดุ์จะต้องผาสุกมิรู้จักดับมิรู้จักโทรม มีแต่เจริญรุ่งโรจน์ค้ำโลกอยู่กระนั้นนั่นเทียว



         ภาพที่ ๙๕
ครั้นถึงกำหนดชมพระนคร นายฉันนะได้จัดรถทรงงามหรู เทียมโคคู่ขาวผ่อง ซึ่งแต่งทั้งรถทั้งโคเพราเพริศตามแบบกษัตริย์ และทุกถนนก็เต็มไปด้วยความสดชื่นรื่นรมย์ โดยมารยาแต่งทำที่ราษฎรถูกผู้ควบคุมท้องถิ่นบังคับให้ทำ เจ้าชายสิทธัตถะจึงพบแต่ความหรรษาของปวงชน ถึงกับทรงรำพึงออกมาว่า ราษฎรเราช่างสุขสบายถึงปานนี้เชียวหนอ น่าปลื้มพระทัยนัก



         ภาพที่ ๙๖
อีกแดนหนึ่งห่างออกมา ก็คงมีแต่ความหรรษาเช่นแดนอื่น ๆ ที่ผ่านมาแล้ว ไม่มีความทุกข์อยู่ในมนุษย์เลยจนคนเดียว แต่บัดใจนั้นเองก็เกิดโกลาหลขึ้น คือ มีคนชราผอมแห้งกะโผลกกะเผลกออกจากที่ซึ่งถูกบังคับให้ซ่อนตัว ตะแกหลุดออกมาได้ก็ร้องตะโกนด้วยเสียงแหบแห้งว่า หิวโหยเป็นกำลัง สุดจะทนซ่อนมิให้ออกภิกขาจารนั้นมิได้แล้ว ฝูงชนก็เข้ากีดขวางกันแกไว้ พระสิทธัตถะสงสัยพระทัยจึงสั่งหยุดราชรถ



         ภาพที่ ๙๗
พระสิทธัตถะได้สั่งให้คนทั้งหมด ปลดปล่อยชายชรานั้นไป แล้วสั่งนายฉันนะให้นำรถกลับพระราชวังที่แสนบรมสุข พระองค์เคร่งขรึมผิดไปจากเดิม ทั้งมีพระประสงค์จะอยู่โดยลำพังในราชอุทยาน ทรงครุ่นคิดแต่ในความรู้ใหม่ที่ได้พบมา ซึ่งนายฉันนะช่วยบรรยายถวายมาในระหว่างทางว่า คนเราทุกคน เมื่อพ้นจากเด็กก็โตเป็นหนุ่มสาว และนานปีเข้าก็แก่ชรา สังขารเหี่ยวย่นร่วงโรยดังที่เห็นนั้นทุกเพศ



         ภาพที่ ๙๘
พระองค์เริ่มเกิดทุกข์ในพระทัยเป็นครั้งแรก เป็นความทุกข์ซึ่งมาจากการห่วงใยและเสียดายร่างกายของพระองค์ว่าจะต้องเป็นไปดังชายชรานั้น จึงมิไยดีจะระเริงสุขดั่งเคย ไม่เสวยผลไม้นมเนย และเบื่อหน่ายดนตรี เฝ้าแต่ครุ่นคิดเสียดายร่างกายที่งดงามจะกลับกลาย ปราสาทที่งดงาม ทั้งอุทยานที่สวยสดทั้งหลาย ในอีกไม่กี่สิบปีข้างหน้า เจ้าของผู้ครองก็จะมีร่างกายที่น่าเกลียดเดินปะปนอยู่กับของสวยงามเหล่านี้



         ภาพที่ ๙๙
เหล่าชาวที่นักดนตรีคงบรรเลงอยู่ตามหน้าที่ นักระบำร่างสะคราญยังนวยนาดวาดวงก้านไปตามจังหวะทั้งช้าและเร็วเร่าร้อนด้วยชั้นเชิงยั่วราคะ พระองค์ทุกข์ระทมพระทัย จึงมิโปรดปรานอย่างเคย ทั้งยังทอดพระเนตรนางนั้นด้วยการเปรียบเทียบว่า ร่างอันสะคราญนั้นอีกหลายปีข้างหน้าก็จะแปรผันไป เมื่อนางนั้นยังคงยึดวิชาร่ายรำอยู่ จะน่าเกลียดสักปานใดเมื่อร่างกายนางนั้นได้แปรรูปไปเสียแล้ว



         ภาพที่ ๑๐๐
สงสารอยู่แต่ยอดดวงหทัยของพระองค์ ที่เฝ้าทูลถามพระองค์ด้วยพระสุรเสียงละห้อยละเหี่ย ว่าพระองค์ไม่มีความสุขในข้าพระองค์นี้เสียแล้วหรือ คำนี้ก็เป็นครั้งแรกอีกที่พระองค์ได้ยิน และพระองค์ก็ไม่ทรงประสงค์จะได้ยินดังนี้ เพราะเป็นเสียงที่ทุกข์ระทมน้อยพระทัยของเจ้าหญิงด้วยเกรงจะหมดรักเธอ เหตุใดเล่าพระองค์จึงเป็นผู้ก่อให้แก่พระนางได้รับดังนี้ เกิดทุกข์เพิ่มขึ้นอีก เมื่อรู้ว่าเทพีผู้ยอดสวาทมีทุกข์



ขอขอบคุณ มูลนิธิ เหม เวชกร (ที่มาเรื่อง/ภาพ)
700
28.002 / 12.502
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29 พฤษภาคม 2567 17:22:50 โดย Kimleng » บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออนไลน์ ออนไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5800


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows NT 10.0 Windows NT 10.0
เวบเบราเซอร์:
Chrome 109.0.0.0 Chrome 109.0.0.0


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #10 เมื่อ: 04 กรกฎาคม 2567 19:50:58 »


        ภาพที่ ๑๐๑
พระสิทธัตถะกอดประทับเจ้าหญิงศรียโสธราด้วยสุดสงสาร โอ ! เทพียอดสุดสวาท บัดนี้ดวงใจฉันได้เกิดทุกข์ทรมานห่วงใยและเสียดายในความสุขสำราญที่เคยรับ ด้วยนึกเห็นอยู่ว่าในภายหน้า เราทั้งสองจะต้องพบกับความชราภาพ โสธราเอ๋ย ในที่สุดก็หมดความสดสวย กลับกลายเป็นน่าเกลียด อ่อนแอและหลังโกงคู้ค่อม ดวงหน้างามที่สดใสจะเหี่ยวย่นจนน่าเกลียดน่ากลัว



         ภาพที่ ๑๐๒
ทรงรับสั่งต่อไปว่า จริงอยู่แม้เราทั้งสองจะแนบแอบชิดกันอยู่มิคลาย แต่ความชรานั้นจะทำให้เราทั้งสองหมดร่าเริง มีแต่อ่อนแอ ความรักอย่างคะนองจะไม่มี ความปรานีที่เธอให้ฉันอย่างอ่อนช้อยก็หมดไป เราจะพบกับความมืดมัวดังราตรีกาล ความรู้ใหม่นี้ฉันเพิ่งได้พบและคิดเห็น จะเกิดเป็นทุกข์ขึ้นทั้งกลางวันและกลางคืน จะบรรทมก็มิหลับ จะเสวยก็มิได้ ดั่งที่เธอเห็นอยู่ขณะนี้



         ภาพที่ ๑๐๓
จะกล่าวฝ่ายพระเจ้าสุทโธทนะ ในคืนหนึ่งนั้นบรรทมหลับ ทรงสุบินหลายอย่างหลายประการ เช่นว่าเห็นรัศมีของพระอินทร์ เห็นธงศักดิ์สิทธิ์ถูกลมพัดขาด เห็นเทพยดามาเก็บธงนั้นไป เห็นช้างสิบเชือกเดินแผ่นดินสะเทือน และอะไรต่ออะไรอีกมากมาย จนเห็นพระสิทธัตถะตีกลองดังสนั่นดังฟ้าผ่า พระองค์บรรทมตื่นกลางดึก ชักวุ่นวายพระทัย คิดไปแต่ข้างจะเกิดโชคร้ายอยู่ถ่ายเดียว



         ภาพที่ ๑๐๔
รุ่งเช้าพระเจ้าสุทโธทนะได้ประชุมโหราจารย์ทำนายข้อสุบิน แต่ก็หามีผู้ใดจะทำนายได้ จนต่อมาอีกหลายวัน จึงมีพระฤๅษีตนหนึ่งมาขอเข้าเฝ้า และจะขอทำนายพระสุบินให้ได้ทุกข้อ ฤๅษีตนนี้แม้จะไม่มีใครรู้จักเลยก็ตาม แต่เมื่อฤๅษีเข้าวังก็ถือเป็นมงคลอยู่ อีกทั้งอาสาจะช่วยทำนายพระสุบินที่ข้องพระทัย พระเจ้าสุทโธทนะจึงทรงต้อนรับด้วยความนอบน้อม



         ภาพที่ ๑๐๕
พระฤๅษีได้ฟังคำบอกเล่าของพระเจ้าสุทโธทนะในความฝันทุก ๆ ข้อ แล้วพระฤาษีได้ทำนายอย่างแจ่มแจ้งเต่ละข้อ ซึ่งในพระสุบินนั้นมิได้มีข้อร้ายเลย กลับมีแต่ความรุ่งโรจน์ทุกข้อไปอย่างมหาศาล ที่กษัตริย์วงศ์นี้จะได้รับ และทั้งเป็นศรีแก่นครกบิลพัสดุ์ยิ่งนัก แต่ในเนื้อหานั้นกระเดียดไปทางว่า พระสิทธัตถะจะเสียสละราชสมบัติออกบวช



         ภาพที่ ๑๐๖
เมื่อพระฤๅษีลากลับไปแล้วพระเจ้าสุทโธทนะเกิดความกังวลและทุกข์พระทัยขึ้นอีก ด้วยเกรงว่าพระราชบุตรจะหนีออกนอกพระราชฐานไปบวช จึงเรียกอำมาตย์มาสั่งสำทับให้เพิ่มการรักษาประตูพระราชฐานให้หนาแน่นขึ้นอีกเท่าตัว และกวดขันการเข้าออกของบุคคลทั่วไป ตลอดจนพระสิทธัตถะก็ต้องกวดขันเช่นกัน โดยคำสั่งที่เด็ดขาด ถ้าผู้ใดละเมิด ผู้นั้นตาย



         ภาพที่ ๑๐๗
เป็นเรื่องประหลาดนักที่พระสิทธัตถะอยากออกชมพระนครอีกก็ออกไปได้ โดยพระราชบิดานั่นเอง ทรงอนุญาตให้ คงเนื่องจากความรักในพระราชบุตรหนึ่ง เหตุผลต่าง ๆ ที่พระสิทธัตถะอ้างถึงหนึ่ง พระราชบิดาก็จนด้วยวาจาจะคัดค้าน การออกจากพระราชฐานของพระสิทธัตถะในครานี้ มิได้เสด็จโดยราชรถ เปลี่ยนเป็นการไปอย่างสามัญชน และสองคนกับนายฉันนะ แต่งกายเป็นนายพานิชออกสู่พระนคร



         ภาพที่ ๑๐๘
นายกับบ่าวสองคนเดินปะปนไปกับราษฎรทั้งหลาย จึงพบแต่ความจริงอันควรจะพบ ซึ่งเป็นความจริงประจำของชาวเมือง พ่อค้าแบกับดินกล่นเกลื่อน ถนนที่สกปรก ฝุ่นฟุ้งกลั้วกลบสินค้าต่างๆ ผู้คนเอะอะซื้อขาย ทุ่มเถียงกัน พวกวัวนอนเล่นเดินเล่นปะปนกับคน การสัญจรกล่นเกลื่อนไม่มีระเบียบ รวมแล้วไม่มีอะไรจะน่ายกย่อง หรือเกิดความหรรษา พวกขอทานน่าทุเรศมากมาย



         ภาพที่ ๑๐๙
ตลอดทางที่เดินมาอย่างชาวเมือง พระองค์กับนายสารถีได้ผ่านเหตุการณ์ต่าง ๆ มีเกวียนที่ล้อทำด้วยหิน วัวต้องลากอย่างหนัก พวกแบกหามเอะอะสกปรก ที่ใครบางคนมีทีท่าจะมั่งมี มีคนใช้นำหน้าตามหลัง และคนนำหน้าจะตะโกนให้คนอื่น ๆ หลีกทางให้นายตัวเดินอย่างสบาย ส่วนพวกที่ยากจนจะเกรงบุญบารมี ต่างหลีกทางให้ เป็นการเหลื่อมล้ำต่ำสูงหมดความเสรีอันจะพึงมีสำหรับตน



         ภาพที่ ๑๑๐
ร้านอาหารต่าง ๆ ที่ข้างทางวางแบรับฝุ่น คนขายแต่งตัวไม่สะอาด คนซื้อก็ยืนกินกันตามใจตัว คนขอทานเนื้อตัวน่าเกลียดยืนขออาหารปะปน ที่ขอได้ก็ได้บริโภคแก้หิว ที่ขอเขาไม่ให้ก็ยืนหน้าเหี่ยว พวกสุนัขเที่ยววุ่นซอกแซกเข้าโน่นออกนี่หาอาหารเลี้ยงท้องที่หิว พระสิทธัตถะทอดพระเนตรแล้วถอนพระทัย เป็นสิ่งแปลก ๆ ใหม่ ๆ ที่เคยเห็นซึ่งผิดกับความเป็นอยู่ของพระองค์ราวฟ้ากับดิน



         ภาพที่ ๑๑๑
ขอลัดตัดกล่าวถึง เมื่อพระสิทธัตถะได้ช่วยคนเจ็บคนหนึ่งที่ครวญครางอยู่ข้างทางให้พ้นการทรมาน โดยจ่ายเงินให้คนนำไปหาแพทย์แล้ว ทั้งสองได้มายืนอยู่บนสะพานข้ามสายน้ำแคบ ๆ พระองค์สนพระทัยในเรื่องคนเจ็บว่า อาการอย่างนั้นจะมีในทุกคนหรือเปล่า นายฉันนะทูลว่า การเจ็บป่วยย่อมมีประจำทุกตัวคน ซึ่งมันเป็นพิษที่มาโดยจร และทุกคนหารู้ไม่ว่าจะประสบเมื่อใด



         ภาพที่ ๑๑๒
นปัญหาเรื่องการเจ็บไข้ยังมิทันจะหมดไป อีกซีกสะพานหนึ่งมีคนหลายคนหามศพเดินมา มีผู้ติดตามหญิงชาย ร้องไห้เศร้าโศก พระสิทธัตถะตะลึงมอง นายฉันนะทูลว่า นั่นคือการตายของมนุษย์ พระองค์ได้ถามถึงอาการตายอย่างละเอียด และย้อนว่า ทุกคนต้องตายทั้งนั้นหรือ นายฉันนะจึงทูลว่า การตายนั้นคนทุกคนต้องตาย บางคนแก่ชราหมดแรงตาย บางคนเจ็บตาย ทั้ง ๆ หนุ่มสาวหรือยังเด็กอยู่ก็ตายได้



         ภาพที่ ๑๑๓
เรื่องของความตายที่เห็นอยู่ ณ บัดนั้น พระสิทธัตถะสนพระทัยอย่างหนัก ถึงทรงตะลึง นับเป็นความรู้ใหม่เพิ่มขึ้นจาก การแก่ การเจ็บ และความตายที่เห็นอยู่นั้น เป็นสุดทางของมนุษย์ พระองค์เร่งให้นายฉันนะเคลื่อนไปดูพิธีการตายนั้นอีก ซึ่งญาติของผู้ตายได้นำร่างกายที่ไม่มีความรู้สึกในสิ่งทั้งปวง วางลงบนกองฟืนที่ชายน้ำ พระองค์ได้เห็นลักษณะของคนตายเป็นครั้งแรก ซึ่งน่าเกลียดน่ากลัวนัก



         ภาพที่ ๑๑๔
เจ้าชายกระซิบถามนายฉันนะว่า นอกจากคนแล้วสัตว์อื่นก็เป็นดังนี้หรือ นายสารถีตอบว่า ข้าพระองค์ไม่เคยเห็นสิ่งใดคงทนได้เลย จะต้องเป็นดังนี้ทั้งสิ้น ในขณะนั้นพวกญาติของผู้ตายได้พากันแหงนหน้าขึ้นสู่เบื้องบน แล้วร้องขานชื่อ พระรามา ! เทพเจ้าผู้เป็นที่ยืดเหนี่ยว ถึงสามครั้ง ให้ช่วยนำวิญญาณผู้ตายอันเป็นที่รักไปสู่สวรรค์ ด้วยเสียงอันเครือไม่แจ่มใส



         ภาพที่ ๑๑๕
ขณะนั้นเจ้าหน้าที่เผาศพได้จุดไฟขึ้นสี่ด้าน เปลวไฟลุกแลบเลียร่างอันมิรู้สึกต่อร้อนหนาว พระสิทธัตถะทรงนิ่งมองภาพนั้นอย่างพินิจ พลางเอ่ยพระโอษฐ์เชิงปรารภว่า ไฉนพระรามาจึงไม่ช่วยการตายของมนุษย์ นายฉันนะก้มหน้าตอบว่า ไม่เคยช่วยใครได้ ถ้าผู้นั้นถึงเวลาตาย และใคร ๆ ก็ช่วยไม่ได้ นอกจากจะร้องไห้อาลัยรัก และเสียดายที่เคยเห็นกันเคยอยู่ด้วยกันเท่านั้นเอง



         ภาพที่ ๑๑๖
นายฉันนะ ผู้มีอายุผ่านโลกมานาน ได้ทูลต่อไป การตายนี้ทุกคนประสบได้ง่าย ๆ ไม่ผิดอะไรกับการเจ็บไข้ ดังที่ข้าพระองค์ได้ทูลไว้แล้ว ความตายนั้นอยู่รอบด้านของคน เริ่มด้วย เจ็บตาย แก่ตาย งูกัดตาย สัตว์ร้ายทำร้ายถึงตาย ตกจากที่สูงตาย ตกน้ำตาย และอีกนานาประการที่จะเป็นทางตาย แม้แต่จะระวังรักษาให้หลุดพ้นการตายชนิดถูกทารุณกรรม ก็ต้องตายโดยความชรา



         ภาพที่ ๑๑๗
เมื่อกลับถึงพระราชฐานแล้ว พระสิทธัตถะได้หาโอกาสอยู่ที่เงียบโดยลำพัง เพื่อค้นคิดความจริงซึ่งทุกคนไม่ค่อยจะนึกถึง พระองค์ประทับใต้ร่มไม้ทอดพระเนตรดูพื้นดินและสายธาร และท้องฟ้า ด้วยพระทัยอันลึก ยากแก่ใครจะรู้ถึง หมู่เมฆที่ลอยผ่านไป สายน้ำที่ไหลสู่ที่ต่ำ ทั้งใบไม้ร่วงพรูซึ่งเกิดจากแก่งอม เป็นอันว่ารอบ ๆ พระองค์นั้นล้วนแต่สิ่งไม่แน่นอนยั่งยืนคงทน



         ภาพที่ ๑๑๘
นราตรีกาลนั้น พระองค์ได้ตื่นบรรทมเมื่อยามดึก ออกจากแท่นบรรทมสู่ม่านชั้นนอก คงพบนางกำนัลทั้งหลายนอนหลับประดับพระเกียรติ แต่ละนางงดงามดั่งเทพธิดา นอนหลับด้วยความเผลอ มีท่าต่าง ๆ ยิ่งดูยิ่งเพลินตา น่าโอบกอด บางนางเปิดเผยส่วนสำคัญที่สงวนออกมาบ้าง ดูเร้าอารมณ์นัก ช่างเป็นภาพประดับให้เพลินตาเพลินใจอย่างเยี่ยมยอด



         ภาพที่ ๑๑๙
จะอย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำอางตานั้นก็หาได้ลบล้างภาพของการตายที่เห็นมานั้นมิได้ พระองค์ได้แปรร่างอันเฉิดฉินนั้นให้กลายเป็นคนชรา และแปรไปเป็นภาพเจ็บไข้ ลงท้ายเป็นภาพของการตาย สวมร่างสะคราญอันน่าจุมพิตน่ากกกอดนั้นให้เกิดน่ากลัว พระทัยของพระองค์ก็เต็มไปด้วยความสงสารและเมตตา และทางใดเล่าพระองค์จะช่วยคนเหล่านี้ได้



         ภาพที่ ๑๒๐
พระองค์ได้ตรงมายังพระแท่นบรรทมของพระนางศรียโสธรา ประทับเพ่งพินิจร่างอันงามสุดจะพรรณนา เมื่อแปรความตายให้แล้ว พระองค์ก็ระโหยโรยแรง ทรงเสียดายในสุดที่รักของพระองค์ สงสารยอดดวงหทัยของพระองค์ ทำอย่างไรเล่า ยโสธราเอ๋ย ฉันจะพบทางที่จะช่วยเธอผู้เป็นยอดความหวานของฉันได้ ฉันสงสารเธอเป็นที่สุดแล้ว



650
28.002 / 12.502
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04 กรกฎาคม 2567 19:56:22 โดย Kimleng » บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออนไลน์ ออนไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5800


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows NT 10.0 Windows NT 10.0
เวบเบราเซอร์:
Chrome 109.0.0.0 Chrome 109.0.0.0


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #11 เมื่อ: 17 สิงหาคม 2567 15:30:27 »


          ภาพที่ ๑๒๑
พระสิทธัตถะตกอยู่ในกองทุกข์ และครุ่นคิดแต่จะหาทางช่วยคนทั้งโลก ทั้งช่วยพระองค์เองด้วย ช่วยมิให้แก่ มิให้เจ็บ มิให้ตาย แต่ความคิดนั้นก็ยังมิถึงจุดกระจ่างแจ้ง ยังคงเป็นความฝันเลือนราง ทั้งลึกลับสับสน ทรงคิดแล้วคิดเล่าจนเหนื่อยพระทัย แล้วพระองค์ก็ได้บรรทมหลับอยู่ข้าง ๆ พระนางยโสธรา ผู้เป็นยอดสงสารของพระองค์



         ภาพที่ ๑๒๒
จำเนียรกาลต่อมา พระสิทธัตถะได้ทรงพบการเกิดของมนุษย์โดยใกล้ชิด ผู้เกิดนั้นคือพระราชโอรสของพระองค์นั่นเอง ทรงตั้งพระนามว่า พระราหุล พระองค์ได้ทอดพระเนตรเห็นการเจริญวัยของพระราชโอรส นับแต่พ้นครรภ์พระมารดา จนคืบคลานอ้อแอ้ ยิ่งวันก็ยิ่งรักในพระราชโอรสนัก แต่ยิ่งรักก็ยิ่งเกิดห่วงถึงความแก่เจ็บตาย สำหรับพระราชโอรสเกินกว่า



         ภาพที่ ๑๒๓
ในราตรีหนึ่ง อันเป็นราตรีที่ใกล้กาลเวลาของพระสิทธัตถะจะออกแสวงหาความรู้เพื่อช่วยชาวโลก ในกลางดึกนั้น พระนางศรียโสธราได้ทรงพระสุบินอย่างแปลกประหลาดขึ้น และในสุบินนั้นเป็นที่ครั่นคร้ามแก่พระนางนัก สงสัยหนักไปในทางพระองค์เองจะสิ้นพระชนม์หรือไม่ก็พระราชสวามีสุดที่รักจะจากพระนางไปไกลแสนไกล ท้าวเธอสะดุ้งตื่นจากบรรทมและตกพระทัย



         ภาพที่ ๑๒๔
พระนางลุกจากแท่นบรรทมของพระนางตรงมายังพระแท่นที่บรรทมของพระสิทธัตถะ แม้แต่จะเกรงพระทัยพระราชสวามีปานใด ก็สุดจะระงับได้ พระนางได้โผพระกายลงซบที่พระอุระพระสวามี ร้องทูลด้วยเสียงสะอื้น ทรงตื่นเถิดเพคะ พระทูลกระหม่อม พระสิทธัตถะสะดุ้งตื่น ท้าวเธอฉงนพระทัยนัก ไฉนยอดดวงหทัยของพระองค์จึงมากอดพระองค์ด้วยอาการสะอึกสะอื้นดังนี้



         ภาพที่ ๑๒๕
เมื่อพระสิทธัตถะตื่นบรรทมแล้ว พระนางได้ละล่ำละลักเล่าพระสุบินให้ฟัง พระสิทธัตถะฟังจนจบ ก็รู้อยู่แก่พระทัยว่า นั่นเป็นพระสุบินที่บอกเหตุว่า พระองค์ถึงเวลาที่จะจากพระนางไปหาความรู้เพื่อบำบัดชาวโลกแล้ว พระองค์จึงระงับการดำรัสความจริง ทรงเสแสร้งดำรัสไปในทางที่ดี เพื่อปลอบใจ ล้วนแต่เป็นมงคลทั้งสิ้น จนพระนางคลายทุกข์ลง



         ภาพที่ ๑๒๖
พระนางได้หลับลงอีกครั้ง ด้วยการพะเน้าพะนอปลอบโยน ล้วนคำละม่อมสูงส่งมีน้ำหนัก แต่ส่วนพระสิทธัตถะซิ เห็นจะหลับอีกมิได้แล้ว เพราะมีเสียงแว่วมาตามสายลม เชิญชวนให้พระองค์เร่งไปหาความรู้ เพื่อช่วยคนทั่วโลก พระองค์ไปยืนที่พระแกล มองดูดวงเดือนที่จรัสแสง และเหมือนจะมีเทพเจ้าอยู่ในที่มองไม่เห็น กำลังถามว่า จะช่วยมนุษย์หรือจะครองมงกุฎเพชร



         ภาพที่ ๑๒๗
พระสิทธัตถะกำลังต่อสู้พระทัยตนเอง ในยามนั้นจะว่าเทพเจ้าทรงช่วยในกิจนี้ก็จะว่าได้ ช่างทรงเป็นใจสะกดคนทั้งปราสาทหลับไหลประดุจตาย มิได้จะมีใครมาขัดขวางหรือถ่วงพระทัยของพระสิทธัตถะได้ พระองค์จึงตกลงประกาศในพระทัยว่า เราจะไป ณ บัดนี้แล้ว ไปเพื่อประกอบกิจอันยิ่งใหญ่สำหรับปวงชาวโลก สำหรับตัวเอง สำหรับบุตรและภรรยาสุดรัก พระองค์จะทำเพื่อทุกคน




         ภาพที่ ๑๒๘
พระองค์ได้ย้อนไปแต่งพระกายตามวิสัยกษัตริย์ แล้ววกมายืนพินิจดูยอดหทัยอีก ร่างนั้นนอนหลับนึ่งทั้งคราบน้ำตา อนิจจา ฉันจะต้องจากเธอ จากทั้งสุดแสนรัก ฉันจะไม่ได้เห็นเธอ กอดประทับเธอเช่นเคยอีก สุดจะนานแสนนาน กว่าจะได้ชัยชนะแล้วจึงจะกลับ ที่ต้องไปครั้งนี้ก็เพราะรักเธอ และรักมนุษย์ จะต้องตกอยู่ในข่ายการวนเวียนแห่งกองทุกข์



         ภาพที่ ๑๒๙
พระสิทธัตถะได้เกิดพระทัยหวั่นไหวขึ้นอีกครั้ง พระองค์ได้ดำเนินไปยังพระอู่ของพระราหุลราชกุมาร ซึ่งกำลังหลับพริ้มอยู่อย่างผาสุก พี่เลี้ยงนางนมหลับสนิทอยู่ใกล้ ๆ แม้พระทัยจะมั่นในอันจะประกอบกิจหาความรู้ แต่ก็สุดจะหักความทอดถอนอาลัยในพระกุมารน้อยที่กำลังจะขาดพระบิดาแต่ยังมิรู้ความ น้ำพระเนตรท้าวเธอค่อย ๆ ซึม เยี่ยงปุถุชนทั้งหลาย



         ภาพที่ ๑๓๐
ตัดพระทัย พระราชดำเนินจากพระกุมารอย่างยากเย็น แต่ก็ได้มาหยุดยังพระแท่นของพระนางยโสธราอีก พระทัยเรรวน สุดหัวใจของบุรุษแล้วในการตัดจากบุตรและกรรยาทั้ง ๆ แสนรักปานจะกลืน มีลมพัดมาปะทะวูบหนึ่งเสมือนสัญญาเตือน พระองค์หักพระทัยเป็นครั้งสุดท้าย หลับพระเนตรให้ภาพทั้งหลายหายไป แม้แต่จะไม่หายก็ก้มพระพักตร์ออกเดิน



         ภาพที่ ๑๓๑
พระองค์ผ่านเหล่าสนมกำนัลโดยมิได้เหลียวดู ซึ่งขณะนั้นแต่ละนางนอนหลับอยู่เดียรดาษ ประดุจดอกปทุมชาติที่ลอยนิ่งอยู่เหนือน้ำ และมีปทุมอยู่สองดอกที่งามเลิศอยู่กลาง เหล่าดอกที่งามรองลงไปนั้นประดุจใบบัวแผ่ประดับอยู่โดยรอบ พระองค์ต้องจำจากสิ่งเหล่านี้ไป โดยมุ่งหวังจะหาความรู้ จะแก้ไขความร่วงโรยให้แก่เธอทั้งหลาย



         ภาพที่ ๑๓๒
เจ้าชายก้มพระพักตร์มองดูเพียงทางเดิน วิงวอนต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย จงช่วยบันดาลให้ทุกคนในที่นี้ จงมีหนังตาหนัก อย่าได้ลืมตาขึ้นเห็นพระองค์ อย่ามีการร้องไห้อาลัย ขออย่ามีเสียงทักท้วงอ้อนวอนขอร้องต่อพระองค์เลย พระองค์ไม่ต้องการจะจมอยู่กับมนุษย์ทั้งหลายที่ยังคร่ำครวญอยู่กับความมืด ลาก่อนนะมิ่งมิตรทั้งหลาย



         ภาพที่ ๑๓๓
พระสิทธัตถะได้ทรงผ่านทุกสิ่งที่พระองค์รัก เพียงแต่ชำเลืองบอกลาทุกอย่างที่เคยโปรดปราน จนเข้าสู่ที่มืดถึงโรงม้าต้น พระองค์ปลุกนายฉันนะให้ตื่นขึ้น แล้วแจ้งความประสงค์ที่จะจากไปในยามนั้น ทรงใช้คำว่า ท่านจงพาเราไปให้พ้นกรงทองที่กักขังเถิด อีกทั้งได้ทรงอธิบายเหตุผลต่าง ๆ อีกมากมาย สุดที่นายฉันนะจะทูลทัดทานได้



         ภาพที่ ๑๓๔
ไม่น่าประหลาดเลยที่นายฉันนะต้องหยุดการคัดค้าน ก็ด้วยเหตุผลของพระองค์นั้นหนักแน่น อีกทั้งกำลังพระทัยแห่งพระองค์นั้นแข็งแกร่ง สามารถบังคับนายฉันนะให้กระทำตามได้ นายสารถีก้มหน้าด้วยความเศร้าสร้อย ผูกเครื่องอานทรงแก่ม้ากัณฐกะ ใจนั้นคร่ำครวญระบายแก่ม้าตันว่า พระองค์สุดที่รักของเรากำลังจะจากเราไปแล้ว กัณฐกะเอ๋ย เรานี้สุดทางแล้วที่จะทัดทาน



         ภาพที่ ๑๓๕
น่าพิศวงนัก ที่ม้ากัณฐกะกลับมีอารมณ์ผ่องแผ้วคึกคะนอง ดังมีความรู้สึกว่าพระสิทธัตถะกำลังจะเดินทางไปสู่ที่สว่าง หรือหลุดพ้นจากห่วงพันธนาการแห่งความไม่รู้ กัณฐกะอ้าปากร้องอย่างคะนอง ทั้งตะกุยเท้าหน้า และเท้าหลัง ยังถีบพุ้ยกระทำให้เกิดเสียงกึกก้องในยามดึกสงัด แต่ด้วยเหตุใดใครจะรู้ เสียงนั้นมิได้แว่วเข้าหูผู้ใดเลยแม้แต่น้อย



         ภาพที่ ๑๓๖
พระสิทธัตถะค่อยลูบศีรษะกัณฐกะเบา ๆ และดำรัสว่า นิ่งเสียเถิดม้าที่รักเอ๋ย เจ้าจงพาเราไปส่งยังที่ที่ไม่มีใครจะรู้จะเห็น เราจะไปเพื่อเจ้าและใคร ๆ ในโลก เจ้าจงพาเราไปด้วยกำลังแรงและเร็วดังสายฟ้า ขอให้เจ้ามีกำลังล้นม้าใดที่จะเทียบเทียม ครั้งนี้เราจะไปได้ปลอดโปร่งโดยเจ้าผู้เดียวเท่านั้นที่จะดลความสำเร็จแก่เรา



         ภาพที่ ๑๓๗
จะด้วยอภินิหารใดก็ยากจะกล่าว และเกินกว่าจะกล่าวได้ ประตูที่มั่นคงทั้งหลายในพระราชฐานทุกชั้นได้เปิดให้เสด็จอย่างสะดวก และนายฉันนะนั้น จะตามเสด็จด้วยประการใด จะด้วยเกาะหางม้าไป เช่นบางพระคัมภีร์ว่า หรือจะเกาะสายทิ้งเครื่องประดับม้าไป ก็ยากจะยืนยัน แต่รวมความว่า ทั้งสามชีวิตได้ไปถึงชายแม่น้ำอโนมาเมื่อรุ่งอรุณ



         ภาพที่ ๑๓๘
พระสิทธัตถะมองดูสถานที่นั้นด้วยใจวังเวง นอกจากจะเป็นแดนที่ไม่เคยจะพบเห็นในชีวิตแล้ว ยังเงียบสงัดปราศจากบ้านช่องผู้คน พระองค์รำพึงว่า ต่อไปนี้พระองค์จะต้องเดียวดายกับสิ่งวิเวกเหล่านี้ เป็นการผละจากชีวิตที่เคยมโหฬาร อันสะพรั่งด้วยข้าทาสชายหญิง พระองค์จะต้องพึ่งตนเองทุกประการ



         ภาพที่ ๑๓๙
พระองค์ค่อยหันพระพักตร์มาดูนายฉันนะที่กำลังเศร้าหมอง รับสั่งว่า จงงดความเสียใจและอาลัยในตัวฉันเสียเถิด เท่าที่มาส่งฉันครั้งนี้ นับว่ามีคุณแก่ฉันอยู่อเนก ซึ่งฉันจะไม่ลืมท่านเลย อันความรู้ที่ฉันจะได้พบนั้น ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ท่านมีส่วนช่วย ขอให้ท่านจงนำคำกล่าวลาของฉัน ไปกราบทูลพระราชบิดาด้วยว่า ฉันขอลาจนกว่าจะกลับมาด้วยเกียรติคุณความรู้



         ภาพที่ ๑๔๐
พระองค์ได้รับสั่งต่อไปอีกว่า จงนำเครื่องแต่งกายของฉันทั้งหมดนี้ กลับไปถวายแด่พระราชบิดา ตัวฉันไม่ต้องการสิ่งเหล่านี้อีกแล้ว ฉันเสียสละอย่างแท้จริง ไม่ต้องการสิ่งประกอบแต่อย่างใด ฉันพร้อมแล้วที่จะทำประโยชน์เพื่อผู้อื่น ชีวิตฉันอุทิศให้แก่ผู้อื่นแล้ว เพื่อพยายามค้นคว้าหาทางระงับทุกข์ให้แก่ชาวโลกให้จงได้



         ภาพที่ ๑๔๑
ครั้นพระสิทธัตถะสั่งเสียนายฉันนะแล้ว จึงไปที่ม้ากัณฐกะ ค่อยลูบหน้าแล้วกล่าวว่า เจ้าได้เป็นผู้ช่วยจุดมุ่งหมายของเราเป็นอย่างเลิศ ซึ่งเราจะจดจำเจ้าไว้มิลืมได้เลย และเราจะพยายามช่วยเจ้าให้พ้นจากการเป็นอยู่ของเจ้า เราอยากให้เจ้าได้เป็นคนอย่างเรา นับแต่วาระนี้เจ้าจงคอยเราอยู่จนถึงวันนั้น ซึ่งเป็นวันที่เราจะช่วยให้เจ้าได้พ้นทุกข์ได้



         ภาพที่ ๑๔๒
พระองค์รับสั่งกับม้าแล้ว จึงจัดการถอดเครื่องฉลองพระองค์ออกจนเหลือแต่ผ้านุ่งผืนเดียว แล้วจึงหยิบพระขรรค์ขึ้นตัดเฉือนพระเมาลีออกจากพระเศียร เพื่อมิให้คงอยู่ในรูปของคนธรรมดาสามัญ อธิษฐานเพศเป็นบรรพชิต พันจากการเป็นกษัตริย์ พ้นจากผู้มีอำนาจ นับเป็นวาระต้นที่พระองค์ได้สละแล้วในโลกีย์ เพื่อมุ่งทำประโยชน์แก่ชาวโลก



         ภาพที่ ๑๔๓
เสร็จกิจแล้วพระองค์ได้รับสั่งแก่นายฉันนะว่า ถึงเวลาแล้วที่ฉันจะต้องเดินทางไปเรียนรู้ และท่านก็ต้องกลับไปทำกิจตามที่ฉันสั่งไว้ ขอจงนำกัณฐกะกลับไปจงดีเถิด นายฉันนะบังคมลาก้มหน้าซ่อนน้ำตา ค่อยจูงม้าจากไปด้วยจำใจ กัณฐกะเล่าก็ต้องจำใจกลับ เมื่อเดินห่างออกไปแล้ว จึงเหลียวดูพระสิทธัตถะครั้งหนึ่งด้วยสุดจะอาลัย



         ภาพที่ ๑๔๔
บัดนี้ พระสิทธัตถะได้ถึงแล้วซึ่งความเป็นอิสระโดยแท้ ทั้งได้พบความวิเวกเดียวดายเป็นครั้งแรกในชีวิต ซึ่งไม่มีการห้อมล้อมด้วยพระเกียรติดังแต่ก่อน ต่อไปนี้จะไปยังที่ใดและทำอะไรก็ต้องเป็นโดยพระองค์เอง ไม่มีผู้ใดช่วยเหลือแม้แต่คนเดียว พ้นจากการเป็นกษัตริย์ ก็พบกับการสิ้นเนื้อประดาตัวเลยทีเดียว นับว่าพระองค์ได้เสียสละอย่างใหญ่หลวง



         ภาพที่ ๑๔๕
เหตุประหลาดอีกเหตุหนึ่งซึ่งเกิดขึ้น และก็สุดจะเดาได้ว่า เหตุนั้นมีรากฐานมาจากใด แต่ก็น่าจะสันนิษฐานอยู่สองประการ เหตุนั้นคือ เมื่อนายฉันนะได้พากัณฐกะม้าต้น ห่างพระสิทธัตถะมาแล้วเพียงสุดสายดา กันฐกะได้ล้มลงสิ้นใจตาย จึงประมาณเอาว่า อาจเกิดจากการเหนื่อยอ่อน ซึ่งวิ่งมาไกลแสนไกล ตอนเมื่อคืนนี้ เป็นประการแรก ประการหลังนั้น เกิดจากความอาลัยในพระองค์ จนใจแตกตาย



         ภาพที่ ๑๔๖
ความเศร้าสลดได้เกิดแก่นายสารถีเป็นทวีคูณ เมื่อครู่นี้ เจ้านายอันเป็นสุดที่รักและบูชาได้จากไปทั้งเป็น ในบัดนี้ม้าต้นผู้เคยอยู่เคยนอนมาด้วยกัน ทั้งเคยรับใช้เจ้านายคู่กันมา แต่มามีอันเป็นเกิดกาลกิริยาตายไปต่อหน้า ซึ่งสุดที่นายฉันนะจะช่วยเหลือหรือยับยั้งไว้ได้ เช่นเดียวกันกับเสียเจ้านายไปโดยเสด็จหนึออกบวช นายฉันนะได้รวบรวมกำลังทำการฝังกัณฐกะด้วยความระโหยโรยแรง



         ภาพที่ ๑๔๗
ทางเบื้องหลังไกลโพ้น พระสิทธัตถะกำลังโดดเดี่ยวอยู่ในถิ่นที่พระองค์ไม่รู้จัก ไม่เคยผ่านเคยเห็นมาเลยนับแต่น้อยคุ้มใหญ่ พระองค์ทรงดำเนินไปอย่างไม่มีจุดหมาย จวบจนตะวันบ่าย และความหิวได้บังเกิดขึ้น พระองค์ได้หมุนเข้าหาน้ำเข้าประทัง เพราะทางที่ผ่านไปนั้นเป็นชายลำธาร ต่อมาจึงได้เสวยผลมะม่วงสุกที่ร่วงหล่นอยู่ตามแถวทาง



         ภาพที่ ๑๔๘
นับแต่พระองค์ได้บรรพชาล่วงมาได้ ๗ วัน ยังมิได้พบกับภัตตาหารเลย นอกจากผลไม้เล็ก ๆ น้อยๆ พอประทังมา ครั้นล่วงเข้าวันที่ ๘ พระองค์ได้ย่างเข้าสู่แคว้นราชคฤห์ ทรงดำเนินผ่านหมู่บ้าน และได้พบกับการต้อนรับของชาวบ้านในฐานะฤๅษี เขาเหล่านั้นพากันถวายอาหาร โดยจัดภาชนะให้แทนบาตรของนักพรต พร้อมกับอาหารเต็มตามศรัทธา



         ภาพที่ ๑๔๙
เมื่อพระสิทธัตถะได้รับการถวายอาหารแล้ว พระองค์ได้ย้อนกลับทางเดิม จนถึงมัณฑวะบรรพต เลือกเอาตรงหน้าผาที่ร่มเย็นและเงียบสงัด อันเหมาะสมกับสมณวิสัยจะบำเพ็ญพรต ครั้นนั่งลงแล้วที่กอหญ้า จึงได้พิจารณาอาหารที่ได้มานั้นด้วยความขยะแขยง ทั้งกลิ่นและความไม่สะอาดนั้นมีอยู่อเนก ความที่ไม่เคยจะบริโภคอาหารอย่างนี้ ทำให้พระศอของพระองค์ตีบตัน



         ภาพที่ ๑๕๐
นานเท่านาน พระองค์ได้ใช้ดวงจิตวิจารณ์อาหารนั้นกับความเป็นอยู่ของพระองค์ในเวลาปัจจุบันโดยละเอียดถี่ถ้วน ดังจะสอนจิตพระองค์เองว่า จงพบในสิ่งที่ไม่เคยพบ ทั้งย้อนไปถึงผู้ที่ถวายมา ด้วยจิตเต็มเปี่ยมในความยินดี และอาหารเหล่านี้ก็เป็นอาหารที่เขาเหล่านั้นบริโภค ซึ่งเขาทั้งหมดกับพระองค์ ก็คือมนุษย์ด้วยกัน ถ้าพระองค์ไม่เริ่มรู้จักสิ่งแรก ๆ เสียบัดนี้ ก็เท่ากับไม่รู้จักอะไรต่อไป


ที่มา : มูลนิธิ เหม เวชกร (เหม เวชกร -#เผยแพร่ผลงานครูเหม)
650
28.002 / 12.502
บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออนไลน์ ออนไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5800


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows NT 10.0 Windows NT 10.0
เวบเบราเซอร์:
Chrome 109.0.0.0 Chrome 109.0.0.0


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #12 เมื่อ: 14 ธันวาคม 2567 13:51:52 »

.


       ภาพที่ ๑๕๑
พระองค์มีพระนิสัยชอบจะคิดให้ลึกให้ไกล จึงรำลึกอยู่ว่า พระองค์เสด็จมาครั้งนี้ก็เพื่อจะศึกษาในสิ่งที่พระองค์ไม่รู้ เพราะมนุษย์ทุกคนหาได้มีฐานะเท่าเทียมกันไม่ อาหารจึงไม่เหมือนกัน และบัดนี้พระองค์เป็นคนธรรมดาปราศจากสมบัติ ปราศจากตำแหน่งกษัตริย์ เมื่อคิดทะลุมาถึงนี่ พระองค์ก็เสวยอาหารนั้นโดยมิได้รังเกียจ




       ภาพที่ ๑๕๒
รุ่งขึ้น พระองค์ได้ประพฤติเช่นเคย ถือภาชนะใส่อาหารเดินเข้าสู่นครราชคฤห์ รับการถวายอาหารชนิดต่างๆ ตามศรัทธา ซึ่งอาหารแต่ละรายหาเหมือนกันไม่ พระองค์ก็ได้พบความจริงอีกว่า อาหารนั้นจะดีจะชั่ว ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของผู้บริโภคจะจู้จี้เอาตามฐานะที่จะเฟ้นหา ส่วนคนไม่มีฐานะก็บริโภคเอาเพียงกันตาย ในเช้านี้ มีอำมาตย์ของเจ้านครคอยติดตามดูพระราศีแห่งพระองค์ตลอดเวลา




       ภาพที่ ๑๕๓
พระองค์คงเสด็จกลับยังหน้าผาที่เคยบำเพ็ญพรต ระหว่างทางเดิน พระองค์ได้ส่งจิตย้อนไปถึงผู้ถวายอาหาร หยั่งจิตถึงผู้ให้และผู้รับ ผู้ให้นั้นเต็มด้วยความอารีเอื้อเฟื้อและเมตตา ผู้รับนั้นก็มีจิตขอบคุณและยินดี พร้อมทั้งยกย่องในความเมตตาของผู้ให้อย่างล้นพ้น พระองค์ได้พบเรื่องของผู้ให้และผู้รับแล้ว ถ้าไม่มีผู้รับ ผู้ให้ก็หมดทางจะสำแดงความเมตตาได้




       ภาพที่ ๑๕๔
ฝ่ายอำมาตย์ของพระเจ้าพิมพิสาร ได้นำเรื่องที่เห็นพฤติกรรมของนักพรตผู้มีราศีเจิดจ้าผิดกว่านักพรตใด เข้าทูลต่อพระเจ้าเหนือหัวตน พระราชาแห่งแควันมคธจึงสนพระทัย เสด็จไปกับข้าราชบริพารจนถึงที่พักของพระสิทธัตถะ โดยอาศัยการนำทางของผู้ที่เคยสะกดรอยตามดูนักพรตผู้สง่างามจนรู้ที่อยู่ เป็นผู้พาไปถึง




       ภาพที่ ๑๕๕
เมื่อได้พบกันแล้ว ณ ที่หน้าผานั้น พระเจ้าพิมพิสารก็รู้ว่าเป็นราชโอรสแห่งกรุงกบิลพัสดิ์ จึงเกิดสงสัยว่าอาจจะเกิดแก่งแย่งกันในเรื่องราชสมบัติจึงหนีออกบวชดังนี้ พระราชาแห่งมคธผู้มีพระทัยโอบอ้อมอารีเป็นอย่างสูง จึงขอร้องให้พระสิทธัตถะประทับอยู่ด้วยกันโดยจะแบ่งราชสมบัติและนครใดนครหนึ่งให้ครองโดยสิทธิ์ขาด ด้วยน้ำพระทัยที่เปี่ยมปีติ




       ภาพที่ ๑๕๖
เรื่องผู้ให้กับผู้รับ พระสิทธัตถะรู้จักแล้วก็จริงอยู่ แต่หาตรงจุดหมายกันไม่ จึงขอถวายคืน แล้วพระองค์ได้ทูลถึงความมุ่งหมายของพระองค์ที่ได้สละราชสมบัติออกบรรพชาครั้งนี้ ก็เพื่อจะศึกษาหาข้อเท็จจริงในหลักธรรม เพื่อเผยแพร่กับประชาชาวโลกให้รู้ในสิ่งที่ไม่รู้ ราชาแห่งมคธจึงโมทนาด้วยนัก และขอร้องว่า ถ้าสำเร็จเมื่อใด โปรดได้แวะมาเทศนาแก่พระองค์ด้วยเถิด




       ภาพที่ ๑๕๗
ครั้นแล้ว พระมหาบุรุษได้เสด็จจาริกจากราชคฤห์ไปสู่สำนักอาฬารดาบส ณ ไพรสณฑ์ตำบลหนึ่ง พระองค์ได้ลงมือเล่าเรียนในสำนักนี้เป็นครั้งแรกตามลัทธิของสำนัก ทรงเรียนจนจบหมดความรู้พระดาบส ก็ยังมิพบวิชาที่ต้องการ เพราะพระดาบสเหล่านี้เพียงแต่บำเพ็ญตนเป็นสันโดษ ตัดช่องน้อยแต่พอตัว หาเป็นที่พึ่งแก่ผู้ใดไม่




       ภาพที่ ๑๕๘
พระองค์ได้อำลาจากสำนักนั้นไปสู่อีกสำนักหนึ่ง ซึ่งเป็นแหล่งรวมของพวกโยคีมากหลาย ซึ่งล้วนแต่ทรมานกายเพื่อความสำเร็จ โยคีแต่ละองค์ทรมานกายในท่าทางต่าง ๆ กัน สุดแต่องค์ใดจะคิดว่าท่านั้นท่านี้จะนำไปสู่ความสำเร็จ เช่น อดอาหาร หรือบริโภคแต่เมล็ดผักเพียงวันละเมล็ดเดียว จนร่างกายซูบโทรม และบางองค์ก็หมดแรงถึงแก่ความตายไปก็มี




       ภาพที่ ๑๕๙
แต่พระองค์ยังไม่เห็นด้วยกับการทรมานต่าง ๆ หรืออดอาหาร พระองค์ยังคงเข้าเมือง เพื่อบิณฑบาตอาหารอยู่ตามเคย ด้วยกิริยาสุภาพและเคร่งในจรรยาธรรม ทุกคนในเมืองเพ่งเล็งเอาว่า พระองค์คือเทพเจ้าหาใช่โยคีธรรมดา ต่างสั่งลูกหลานให้จูบพระบาทและจูบชายฉลองพระองค์ บ้างต่างก็วิ่งวุ่นหาอาหารนมเนยถวายจนล้นบาตร




       ภาพที่ ๑๖๐
ขากลับพระองค์ได้พบหญิงหนึ่งค่อนข้างสวย นางมองดูพระองค์ด้วยความหมายในห้วงลึก ซึ่งพระองค์เข้าใจดีในดวงตา บัดนี้พระองค์ได้หนีมาแล้ว หนีมเหสี และหนีแต่ละนางที่สูงส่งด้วยรูปและตระกูล เหตุใดจะให้มาเกิดรกดวงจิตอีก แต่มารยาทแห่งกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ พระองค์ยิ้มให้อย่างสุภาพแช่มช้อย แล้วค่อยทรงดำเนินผ่านไป เพื่อกลับแหล่งนักพรต




       ภาพที่ ๑๖๑
พระสิทธัตถะได้รู้ความจริงของโยคีที่ทรมานตนในท่าทางต่าง ๆ เพื่อความสำเร็จนั้น แท้จริงแล้วก็เพียงทำกิริยาและใจ เพื่อให้เทพเจ้าเบื้องบนทรงเห็นใจ ในความมานะเสียสละซึ่งความสุข ก็โดยหวังเอาเทพเจ้าช่วยนำเอาวิญญาณไปสู่ที่บรมสุขภาคหน้าเท่านั้น หาได้เป็นวิชาที่จะช่วยทุกข์แก่ผู้ใดได้ไม่ พระองค์จึงอำลาจากที่จรไปอีก เพื่อหาความรู้ที่แท้จริงใหม่




       ภาพที่ ๑๖๒
พระองค์ได้เดินลงเนินสูงแห่งหนึ่ง ก็มีหญิงคนหนึ่งอุ้มลูกน้อยที่งูกัดตาย แล้ววิ่งร้องไห้มา มีชาวป่าสองคนชี้บอกกับหญิงนั้นว่า จงไปอ้อนวอนให้ฤาษีรูปงามองค์นั้นช่วยเถิด ท่านจะบอกยาให้ช่วยชุบลูกน้อยให้กลับคืนชีพมาอีกได้แน่ ฤาษีองค์นั้นมิใช่คนธรรมดา ต้องเป็นเทพเจ้าจุติมาเป็นแน่แท้




       ภาพที่ ๑๖๓
ครั้นเมื่อนางไปถึงพระองค์แล้วได้อ้อนวอนขอให้ช่วย พระองค์สลดพระทัยแต่รับสั่งว่า น้องหญิงเอ๋ย น้องจงเที่ยวไปตามบ้านทุกบ้าน ขอเมล็ดน้อยหน่าเขาสักราวหนึ่งกอบ แต่ต้องเลือกเอาบ้านที่ไม่เคยมีคนตาย นั่นแหละเมล็ดน้อยหน่าบ้านนั้น จะช่วยแก้ไขให้คนตายแล้วฟื้นขึ้นได้ น้องหญิงจงรีบไปตามที่เราบอกเถิด




       ภาพที่ ๑๖๔
เมื่อจากกันไปแล้ว พระองค์ได้หยุดพักที่โคนมะเดื่อชายลำธาร ทรงนึกถึงหญิงที่จากไปว่า ความโง่ ทำให้คิดว่า คนด้วยกันจะช่วยคนตายให้กลับมีชีวิตขึ้นใหม่ได้ ครั้นจะเตือนสติเวลานั้น ก็เห็นว่ากำลังตกอยู่ในกองทุกข์ ย่อมจะโง่เขลา หามีสติคิดถึงข้อเท็จจริงได้ไม่ พระองค์จึงแสร้งให้ไปหาที่ที่มนุษย์ไม่ตาย เพื่อพบความจริงเอาเอง




       ภาพที่ ๑๖๕
ในวันต่อมา พระสิทธัตถะได้มาถึงนครหนึ่ง ชาวตลาดร้านอาหาร เห็นพระองค์มีสง่าราศีงดงาม ผิดโยคีทั้งหลาย ก็อยากจะใกล้ชิดด้วยเพื่อจะชมดวงตาที่อ่อนหวาน จึงชวนเชิญเข้าเสวยอาหารในร้าน แล้วเจ้าของร้านจึงเล่าว่า เมื่อวานนี้มีการบูชายัญถวายเทพเจ้าด้วยฆ่าแพะแกะที่ในวัง เป็นพิธีให้เกิดมงคลแก่พระราชาและประชาชน



       ภาพที่ ๑๖๖
พระสิทธัตถะนั่งฟังด้วยความสลดพระทัย เจ้าของร้านเล่าว่า พวกพราหมณ์แต่งชุดขาว ทำพิธีสวดมนต์ประชุมเพลิง เผาไม้หอมให้กลิ่นฟุ้งไปถึงเทพเจ้า และพวกหนึ่งนั้นฆ่าแพะแกะจำนวนสองร้อยตัว เลือดไหลเป็นลำธาร เป็นพลีกรรมบูชาไล่ความอัปมงคลให้พ้นไปจากตัวพระราชาและพลเมืองทั้งหมด




        ภาพที่ ๑๖๗
พระสิทธัตถะหยุดเสวยอาหาร แล้วรับสั่งว่า เหตุใดจึงคิดว่าเลือดสัตว์ทั้งหลายจะมาล้างความชั่วของมนุษย์ได้ จะเป็นมงคลประการใดแก่ผู้ทำลายชีวิตผู้อื่น  ตัวเราเองไม่กล้าอาจหาญพอจะสู้กับกองทุกข์หรือ จึงให้ผู้อื่นมาเสียเลือดเสียชีวิต เพื่อแก้ความชั่วของเรา มงคลนั้นจะเกิดด้วยประการใด การฆ่าเขานั้นเป็นมงคลแก่ตัวเรากระนั้นหรือ



       ภาพที่ ๑๖๘
พระสิทธัตถะให้ศีลให้พรแล้วอำลาร้านอาหารร้านนั้น เดินผ่านฝูงชนไป ทรงนึกถึงเจ้าของร้านอาหารที่อยากให้พระองค์มาทันพิธีนั้น และจะได้เข้าไปล้มพิธีนั้นเสีย ในข้อนี้พระองค์มองไม่เห็น พระองค์ยังไม่ยิ่งใหญ่พอจะชี้แจงให้คนโง่เขลาที่กำลังคลั่งลัทธิ ซึ่งยึดเอาเป็นหลักชีวิตของเขาให้แจ่มแจ้งในทางที่ถูกที่ควร




       ภาพที่ ๑๖๙
จะกล่าวถึง ๕ บุรุษ ผู้มีหลักฐานและตระกูล ได้ข่าวพระสิทธัตถะสละราชสมบัติออกบวช ก็พากันละสมบัติออกบวชตาม พยายามสืบเสาะหาพระสิทธัตถะ เพื่อจะติดตามศึกษาธัมมะด้วย หากว่า พระองค์ค้นพบในธัมมะขั้นสำเร็จ ก็จะได้เป็นที่พึ่งสั่งสอนพวกเขาทั้งหมดให้ได้รับแสงสว่างตามไปด้วย ทั้ง ๕ บรรพชิตได้ติดตามมาจนถูกทาง




       ภาพที่ ๑๗๐
เมื่อบรรพชิตทั้ง ๕ สืบรู้ว่า บัดนี้พระสิทธัตถะกำลังอาศัยอยู่ที่ตำบลอุรุเวลาเสนานิคม จึงตรงไปยังที่นั่น ครั้นพบแล้ว จึงพากันถวายตัวเป็นผู้ปรนนิบัติ เพื่อส่งเสริมให้พระองค์ได้ค้นหาความรู้ด้วยตนเองจนสำเร็จ พระองค์ทรงยินดีที่จะให้ร่วมทางค้นหาความรู้ที่ยังลี้ลับด้วยกัน โดยมีพระองค์เป็นผู้นำ






ที่มา : มูลนิธิ เหม เวชกร (เหม เวชกร -#เผยแพร่ผลงานครูเหม)
650
28.002 / 12.502
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14 ธันวาคม 2567 13:56:09 โดย Kimleng » บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.652 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 20 ธันวาคม 2567 12:24:06