ในรัชกาลที่ ๕ ถวายตัวเปนศิษย์ศึกษาในสำนักสมเด็จพระมหาสมณะแต่ยังดำรงพระยศเปนกรมหมื่นวชิรญาณวโรรส แล้วอุปสมบทที่วัดมงกุฎกษัตริย์ เมื่อปีจอ พ.ศ. ๒๔๒๙ พระพรหมมุนี ( กิตติสาโร แฟง) เมื่อครั้งยังเป็นพระกิตติสารมุนี เป็นพระอุปัชฌาย์ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ครั้งเปนกรมหมื่น เป็นพระกรรมวาจาจารย์ แล้วเรียนพระปริยัติธรรมในสำนักสมเด็จพระมหาสมณะแลพระพรหมมุนี (แฟง) ต่อมาได้เปนตำแหน่งพระครูสมุห์ แล้วเปนพระครูพิศาลสรภัญถานานุกรมในสมเด็จพระมหาสมณะ เมื่อเสด็จดำรงพระยศเปนเจ้าคณะรองคณะธรรมยุติกา แล้วเข้าแปลพระปริยัติธรรมที่ในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เมื่อปีขาล พ.ศ. ๒๔๓๓ แปลได้ ๗ ประโยคในคราวเดียวนั้น
ถึงปีมะเสง พ.ศ. ๒๔๓๖ ทรงตั้งเปนพระราชาคณะที่พระราชกระวีมาอยู่วัดบวรนิเวศ ต่อมาเมื่อโปรดให้เพิ่มตำแหน่งราช เข้าในชั้นพระราชาคณะผู้ใหญ่ เมื่อปีมะแม พ.ศ. ๒๔๓๘ จึงทรงเลื่อนเปนพระราชาคณะผู้ใหญ่ในราชทินนามเดิม เมือวันที่ ๒๘ มีนาคม แลโปรดให้อาราธนากลับไปอยู่วัดมงกุฎกษัตริยาราม มีสำเนาที่ทรงตั้งดังนี้
ให้เลื่อนพระราชกระวี เปนพระราชกระวี นรสีห์พจนปิลันทน์ สถิตย์ ณ วัดมงกุฎกษัตริยารามราชวรวิหาร พระอารามหลวง มีนิตยภัตรราคาเดือนละ ๔ ตำลึงบาท มีถานานุศักดิควรตั้งถานานุกรมได้ ๓ รูป คือ พระครูปลัด ๑ พระครูสมุห์ ๑ พระครูใบฎีกา ๑ รวม ๓ รูป
ต่อมาเมื่อวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ร.ศ. ๑๑๘ ตรงกับปีกุญ พ.ศ. ๒๔๔๒ ทรงเลื่อนเปนพระเทพกระวี มีสำเนาที่ทรงตั้งดังนี้
ให้เลื่อนพระราชกระวี เปนพระเทพกระวี ศรีวิสุทธินายก ตรีปิฎกปรีชา มหาคณฤศร บวรสังฆารามคามวาสี สถิตย์ณวัดบวรนิเวศวิหาร พระอารามหลวง มีนิตยภัตรราคาเดือนละ ๔ ตำลึงกึ่ง มีถานานุศักดิควรตั้งถานานุกรมได้ ๔ รูป คือ พระครูปลัด ๑ พระครูสังฆวิไชย ๑ พระครูสมุห์ ๑ พระครูใบฎีกา ๑ รวม ๔ รูป
ถึง ร.ศ. ๑๒๕ ตรงกับปีมะเมีย พ.ศ. ๒๔๔๙ ทรงเลื่อนเปนพระธรรมปาโมกข์ มีสำเนาที่ทรงตั้งดังนี้
ให้เลื่อนพระเทพกระวี เปนพระธรรมปาโมกข์ ยุตโยคยตินายก ไตรปิฎกธารี ธรรรมวาทีคณฤศร บวรสังฆารามคามวาสี สถิตย์ณวัดมงกุฏกษัติยารามราชวรวิหาร พระอารามหลวง มีนิตยภัตรราคาเดือนละ๗ ตำลึง มีถานานุศักดิควรตั้งถานานุกรมได้ ๖ รูป คือ พระครูปลัด มีนิตยภัตรราคาเดือนละหนึ่งตำลึง ๑ พระครูวินัยธร ๑ พระครูวินัยธรรม ๑ พระครูสังฆพิไชย ๑ พระครูสมุห์ ๑ พระครูใบฎีกา ๑ รวม ๖ รูป
แต่ภายหลัง พระธรรมปาโมกข์ ถม เกิดขัดกับสมเด็จพระมหาสมณเจ้าฯ จึงถวายพระพรลาสิกขาบท โปรดให้ออกจากตำแหน่งพระราชาคณะ เมื่อปีมะแม พ.ศ. ๒๔๖๒ แล้วย้ายไปอยู่วัดมัชฌันติการาม บางเขนในเดือนนั้น ครองตนเป็นอุบาสก ไม่มีครอบครัว สมาทานนิตยศีล บำเพ็ญทานการกุศล เช่นอุทิศเงินสร้างกุฏิวราสัย ที่คณะนอก ๑ หลัง ถวายที่ดินแก่วัดมกุฏกษัตริยารามและแก่วัดบวรนิเวศวิหาร บริจาคเงินแก่มหามกุฏราชวิทยาลัย และถวายพระแก้วมรกตองค์น้อยเป็นสมบัติของวัดมกุฏกษัตริยาราม เป็นต้น
รวบรวมเรียบเรียง โดยกิมเล้ง :
http://www.sookjai.comข้อมูล-อังกุรปัญญานุสรณ์ : บริษัท อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน), ๒๕๔๕- http://www.mua54.org.