พระพุทธเจ้า ทรงอธิบาย นิวรณ์ โดยนัย 10 ประการ และ โพชฌงค์โดย 14 ประการ
.............ดังนี้..............
ก่อนอื่นจะต้องเข้าใจว่า{นิวรณ์}คือ.....เป็นธรรมที่เป็นเครื่องปิดกั้นจิต คือ ปิดกั้น
จิตไม่ให้เป็นกุศล คือ เป็นอกุศล และเป็นธรรมที่บั่นทอนกำลังของปัญญา คือ ขณะที่
นิวรณ์ที่เป็น(อกุศลเกิด)ปัญญาเกิดไม่ได้ในขณะนั้นชื่อว่า(บั่นทอนปัญญา)ซึ่ง
นิวรณ์ เป็นไม่พ้นจากสภาพธรรมที่มีจริง ที่เป็น จิต เจตสิก ที่เป็น จิตที่ไมดี่ และมี{เจตสิก}
ที่ไม่ดีเกิดร่วมด้วย
นิวรณ์ประการแรก คือ กามฉันทะ นั่นก็คือ โลภะ(เจตสิก)ที่ติดข้องในรูป เสียง กลิ่น
รสสิ่งที่กระทบสัมผัสหากเราเข้าใจความจริง ข้อหนึ่งของโลภะ คือ เป็นสภาพธรรม
ที่ติดข้องได้ทุกอย่างดังนั้น.....กามฉันทะ ความติดข้องก็ติดข้องได้เกือบทั้งหมดพูด
ง่าย ๆ ว่าขณะนี้ ติดข้องอะไรบ้าง ติดข้องในรูปร่างกายของตนเองไหม ? ติดข้องใน
ตา หู จมูก ลิ้น กาย ติดข้องแม้ขณะที่เกิดความสุข{โสมนัส}เวลาเกิดความสุขในใจ
ของตนเองก็ติดข้องอีก รวมความว่า สามารถเกิด{โลภะ}ติดข้องใน ตัวเอง และไม่ใช่
เพียงตัวเองเท่านั้นที่ติดข้อง เมื่อเห็นใคร บุคคลใด ก็ติดข้องในบุคคลอื่น เช่น สัตว์
เลี้ยงคนที่หน้าตาดีเป็นต้นก็ ติดข้องพอใจ อันอาศัย ผู้อื่นเกิดขึ้น เพราะฉะนั้น.........
{กามฉันทะ}จึงสามารถแบ่งได้เป็น 2 อย่างคือ เกิดความยินดีติดข้อง เพราะอาศัย ตัวเอง
เพราะถ้าไม่มี จิต{เจตสิก}รูปของตนเองก็ไม่มีการเกิดการติดข้องเกิดขึ้นดังนั้น{โลภะ}
เกิดได้ เพราะอาศัย ตัวเองทีเป็นสภาพธรรมที่เป็น จิต เจตสิก รูป ติดข้องเกิดได้
และ กามฉันทะ ที่เป็นโลภะ เกิดได้เพราะอาศัยคนอื่น ๆ สัตว์อื่น ๆ ภายนอกและแม้
ไม่ใช่สัตว์ บุคคล แม้สิ่งไม่มีชีวิต เช่น โต๊ะ เก้าอี้ เป็นต้น ที่เป็นรูปธรรมภายนอกก็ทำ
ให้ติดข้อง เกิดกามฉันทะ ในสิ่งภายนอกได้
ดังนั้น....กามฉันทะนิวรณ์ จึงแบ่งเป็น 2 คือ โลภะที่่เกิดเพราะอาศัยตนเองที่เป็น
จิต เจตสิก รูป ที่สมมติว่าเป็นเราเป็นตนเอง และ โลภะเกิดขึ้นเพราะอาศัยคนอื่น
สิ่งอื่น ๆ ภายนอก ทีเป็น(จิตเจตสิก - รูป)ที่เป็นที่ตั้งอาศัยของโลภะได้แต่ไมได้
หมายถึง..........สภาพธรรมทีเกิดที่กายและที่เกิดทางใจ